เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 304 สวี่ชิงผู้ถูกแม่ตัวเองรังเกียจ
บทที่ 304 สวี่ชิงผู้ถูกแม่ตัวเองรังเกียจ
สวี่ชิงคิดว่าต่อให้การตายของสวี่จื้อกั๋วจะไม่มีสาเหตุอะไรจากเธอโดยตรง แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดยุยงเหล่านั้นจะไปกระตุ้นจิตใจของเขาได้?
เพราะหลังจากได้รับการยุยง เขาถึงได้ไปสร้างปัญหากับฟางหลานซิน เธอจึงไม่พ้นต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ในทางอ้อม
“พ่อคะแม่คะ ฉันพูดคำพูดเหล่านั้นจริง ถึงตอนนั้นฉันจะให้ความร่วมมือในการให้การกับตำรวจก็ถูกแล้ว”
เย่หนานมองสวี่ชิงอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง “ฉันคลอดเด็กดื้อขนาดนี้อย่างเธอออกมาได้อย่างไร สวี่จื้อกั๋วพกมีดเข้ามาในพวกเราเอง นั่นก็มีเจตนาไม่บริสุทธิ์แล้ว! ใครจะรู้ได้บ้างว่าเขาไม่ได้วางแผนจะมาทำร้ายเธอก่อนแล้วค่อยไปหาฟางหลานซิน? เพียงแต่พ่ออยู่ที่บ้าน เขาจึงทำไม่สำเร็จ”
สวี่ชิงถึงเพิ่งพบเจอความร้ายกาจของมารดาเป็นครั้งแรก ช่างเป็นการเฉไฉที่เชี่ยวชาญมาก
หากว่าตามความคิดของหล่อน สวี่จื้อกั๋วก็วางแผนฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว!
ที่จริงแล้วมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำ
เหยียนป๋อชวนยื่นเมล็ดแตงที่กะเทาะเปลือกดีแล้วมาตรงหน้าเย่หนาน ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “แม่ของลูกพูดถูกแล้ว สวี่จื้อกั๋วพกมีดมาก็เป็นหลักฐานสำคัญว่าเขามีเจตนาฆ่าคน ดังนั้นเรื่องนี้ให้พ่อไปจัดการเองดีกว่า”
เย่หนานมองค้อนเขาแวบหนึ่ง เลื่อนจานเมล็ดแตงไปตรงหน้าสวี่ชิง “ชิงชิงกินสิลูก ท้องแล้วกินเมล็ดแตงเยอะหน่อย เด็กออกมาจะได้ฉลาด ลูกดูสิว่าที่ลูกหัวรั้นขนาดนี้ คงเพราะตอนท้องแม่ไม่ค่อยได้กินอะไรแน่ๆ”
เหยียนป๋อชวนพลันรู้สึกผิดขึ้นมา “ทั้งหมดต้องโทษผมเอง ชิงชิงอยากกินอะไรไหม”
สวี่ชิงที่ถูกมารดาต่อว่า ยื่นมือไปหยิบเมล็ดแตงหยิบใส่ปากเงียบ ๆ พลางคิดในใจว่าที่จริงเธอก็ฉลาดมากเลยนะ
เย่หนานก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ มองเหยียนป๋อชวนอีกครั้ง “คุณเองก็รีบไปได้แล้ว อย่าคิดว่าการที่คุณทำเป็นพูดดีสองสามประโยคแล้วจะทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดได้นะ คนอย่างฉันก็เหมือนกับที่คุณพูดว่าเป็นยัยแม่มดไม่มีหัวใจนั่นแหละ รีบๆไปซะ”
เหยียนป๋อชวนยังคงยิ้มให้เย่หนานที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ “งั้นคุณอยากกินอะไร? เดี๋ยวผมไปซื้อกลับมาให้”
“ไม่กิน” เย่หนานปั้นสีหน้าเย็นชา หันหน้าไปอีกด้านไม่สนใจเหยียนป๋อชวนอีก
เหยียนป๋อชวนเองก็ไม่รีบร้อน มองสวี่ชิง “ชิงชิง พ่อออกไปข้างนอกหน่อย อยากได้อะไรไหม”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่ต้องค่ะ พ่อไปทำธุระก่อนเถอะ”
เหยียนป๋อชวนยิ้มมองเย่หนานอีกทีหนึ่ง แล้วค่อยออกมาอย่างตัดใจไม่ลง
สวี่ชิงเท้าคางยิ้มมองความรักของพ่อกับแม่ แม้ว่ารูปลักษณ์ของเย่หนานจะไม่เหมือนเดิม ทว่าในสายตาของเหยียนป๋อชวน หล่อนยังคงเป็นเด็กสาวคนนั้น หลังรอให้เหยียนป๋อชวนจากไปแล้ว เธอก็อดยิ้มไม่ได้ “แม่ ฉันคิดว่าพ่อดีมากจริงๆ นะคะ”
เย่หนานทอดถอนใจ ยื่นมือลูบศีรษะสวี่ชิง “ลูกนี่นะ ไม่ต้องกังวลแทนแม่หรอก วันนั้นไม่ใช่บอกว่าจะทำเสื้อผ้าให้ลูกในท้องเหรอ? ทำได้เท่าไหร่แล้ว เอามาให้แม่ดูหน่อยสิ”
สวี่ชิงรู้ว่าเย่หนานจงใจเปลี่ยนเรื่อง ก็เดินไปหยิบห่อผ้าขนาดฝ่ามือหนึ่ง ทั้งหมดถูกตัดเย็บตามรูปที่เย่หนานวาดออกมา “ไว้รอพรุ่งนี้ฉันจะไปซื้อจักรเย็บผ้ากลับมานะคะ ตอนเย็นก็ทำเสร็จแล้ว”
เย่หนานลูบเนื้อผ้าที่เนียนละเอียดมือ ส่วนอกเสื้อที่มีขนาดไม่เกินหนึ่งฝ่ามือ ทำให้อดทอดถอนใจไม่ได้ “ตอนลูกยังเด็กช่างน่าสงสารจริง ๆ แม่เองก็ทำเสื้อผ้าเด็กไม่เป็น ตอนใกล้คลอดต้องไปขอชุดเด็กอ่อนจากเพื่อนบ้านมาสองตัว”
สวี่ชิงยิ้ม คิดว่าถ้าได้โตมากับแม่ตั้งแต่เด็ก จะต้องมีความสุขมากแน่ๆ
แม้ว่าหล่อนจะเย็บเสื้อทำกับข้าวไม่เป็น แต่ก็พาเธอไปปีนต้นไม้ยิงนกตกปลาที่แม่น้ำได้ และยังชวนทำเรื่องซุกซนด้วยกันได้อีกด้วย
……..
สวี่ชิงไม่รู้ว่าเหยียนป๋อชวนใช้เส้นสายอะไร หรือว่าพูดอะไรกับตำรวจ ตำรวจถึงไม่ค่อยมาหาเธอเลยสักครั้ง ได้ยินว่าคดีนี้ถูกปิดจบไปแล้ว เป็นการฆาตกรรมโดยเจตนาง่าย ๆ
เพราะหาเจ้าของมีดปังตอเล่มนั้นเจอแล้ว จึงเป็นการยืนยันว่าสวี่จื้อกั๋วตั้งใจขโมยมีดเล่มนั้นจริง การถืออาวุธสังหารไปหาฟางหลานซินเช่นนี้ ชัดเจนว่าเป็นแผนการที่เขาวางแผนเอาไว้แต่แรก
หลังจากฆ่าคนแล้วก็รู้ว่ายากที่จะหนีรอด จึงเลือกจบชีวิตตัวเองตาม
สิ้นสุดคดีก็ให้ญาติมายืนยันตัวตนศพ สวี่หรูเยว่เพียงทำการยืนยันศพของฟางหลานซินกลับไป ไม่มีใครสนใจสวี่จื้อกั๋วเลย สุดท้ายก็ไม่ทราบว่าศพของเขาถูกจัดการอย่างไร
สวี่ชิงใจอ่อนชั่ววูบหนึ่ง คิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะสวี่จื้อกั๋วเลี้ยงตัวเองมา ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเติบโตมาอย่างราบรื่นเช่นกัน
แต่เย่หนานกลับไม่เห็นด้วย “ไม่ต้องไปสนใจ ลูกคิดว่าเขาอยากจะเลี้ยงลูกอย่างจริงใจงั้นเหรอ? เพื่อเอาชีวิตรอด แม้แต่แม่ที่เลี้ยงเขามาเขายังสามารถขายได้ ตัดขาดความสัมพันธ์ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีเมตตาเผื่อแผ่มาถึงอีกปากหนึ่งได้*”
*หมายถึง มีน้ำใจให้คนอื่น
สวี่ชิงทอดถอนใจ “ตอนเด็กเขาปฏิบัติกับหนูพอใช้ได้ ตอนที่ในบ้านตุ๋นไก่กิน ฉันกับสวี่หรูเยว่ก็ได้กินกันคนละน่อง”
เย่หนานแค่นเสียงเย็นชา “เขาเอาเงินของแม่ไป ให้ลูกสาวของแม่กินน่องไก่แล้วอย่างไร? เขาเลี้ยงลูกก็เพราะอยากครอบครองเงินที่แม่ทิ้งเอาไว้อย่างสบายใจ ตอนลูกถูกคนอื่นรังแก ถ้าเขาคิดถึงลูกจริง แล้วทำไมจึงไม่แจ้งความให้ลูก? กลับรีบใส่ตระกร้าล้างน้ำแต่งเข้าบ้านอื่นทันที”
ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห “ยังมีโจวจินหนานอีกคน เรื่องดีๆ เขากลับได้หน้าไปหมด ลูกสาวแม่ชื่อเสียงเสียหายหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเหมือนกับสุนัข ทำงานก็ถือว่าใช้ได้ ไม่อย่างนั้นแม่คงไม่ปล่อยเขาไปหรอก!”
ที่สำคัญคือเวลาของหล่อนเหลือไม่มากแล้ว โจวจินหนานถือว่าเป็นคนที่พึ่งพาได้ อย่างน้อยที่สุดต่อไปก็ยังสามารถปกป้องสวี่ชิงไปจนบั้นปลายสุดท้ายได้
แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร หล่อนก็ยังคงไม่ชอบโจวจินหนานอยู่ดี!
สวี่ชิงไม่รู้ว่าหัวข้อสนทนาเปลี่ยนจากสวี่จื้อกั๋วเป็นโจวจินหนานได้อย่างไร อีกทั้งหลายวันมานี้เย่หนานก็ไม่เคยพูดถึงโจวจินหนานเลย
เธอถึงกับเกาศีรษะ “ที่จริงโจวจินหนานดีมากเลยนะคะ อีกอย่างฉันก็สะเพร่ากินยาเข้าไปเอง ถ้าคนนั้นไม่ใช่โจวจินหนานแต่เป็นพวกอันธพาลของฟางหลานซิน ฉันคงรู้สึกแย่ยิ่งกว่านี้”
เย่หนานหรี่ตาที่เป็นประกายเย็นเยือก “ฟางหลานซินดันมาตายตอนนี้ ง่ายเกินไปสำหรับหล่อนจริง ๆ!”
สวี่ชิงตัดสินใจว่าต่อไปนี้จะคอยกล่อมความดีของโจวจินหนานให้เย่หนานฟังเป็นระยะ เพื่อที่ตอนโจวจินหนานกลับมา เย่หนานจะได้มองเขาอย่างไม่ขัดหูขัดตานัก
จนถึงปลายเดือน โจวจินหนานก็ยังคงไม่กลับมา
เดิมทีสวี่ชิงคิดจะไปถามเหยียนจี้ชวนสักหน่อย เพียงแต่ช่วงสองสามวันมานี้ที่ร้านงานยุ่งนิดหน่อย หลังจากหลูเว่ยตงออกไปก็มีผู้อำนวยการคนใหม่ชื่อว่าซุนเม่าเฉิง อายุประมาณสี่สิบปี และก็กลับมาเป็นผู้เชี่ยวชาญของทีมด้วย
ทุกเรื่องที่ผ่านตาของเขาต้องพิถีพิถันจริงจังมาก
ที่สำคัญคือเขาสนใจแผนนโยบายร้านในเส้นทางเดินทางของสวี่ชิงอย่างมาก จึงได้มาหารือกับเธอหลายครั้งแล้ว ปัญหาเล็กน้อยทุกจุดก็จดใส่สมุดไว้ทุกข้อ
ทำให้สวี่ชิงที่เตรียมจะไปสอบถามข้อมูลจากโรงงานสักหลากต้องยืดเวลาออกไป
แต่การที่ซุนเม่าเฉิงตั้งใจแบบนี้ทำให้สวี่ชิงดีใจมาก แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนทำงานอย่างจริงใจ มีความอดทนและพิถีพิถันมาก ทุกครั้งที่ตอบเขาก็มักจะมีคำถามใหม่เพิ่มมาทีละข้อ
ซุนเม่าเฉิงตั้งใจจดลงไป จากนั้นก็คั่นปากกาไว้ในสมุดมองสวี่ชิง “สหายเสี่ยวสวี่ พื้นฐานทั้งหมดผมพอจะจับใจความได้แล้ว สองสามวันนี้มาประชุมหารือกัน พอถึงตอนนั้นผมจะเสนอเรื่องนี้ให้กับหัวหน้ารับรองเอง อย่างช้าที่สุดคือไม่เกินวันที่สิบเดือนหน้า”
สวี่ชิงยิ้มแล้วยื่นตัวขึ้น “งั้นต้องรบกวนผู้อำนวยการซุนแล้วค่ะ”
ซุนเม่าเฉิงโบกมือ “นี่เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำ ทั้งหมดก็เพื่อพัฒนาสถานี”
หลังจากรับส่งกันอย่างสุภาพ สวี่ชิงก็เดินออกมาจากห้องสำนักงานของซุนเม่าเฉิง ดีใจอย่างอธิบายไม่ถูก
จากเดิมที่คิดว่าแผนนี้ต้องล่มแน่แล้ว คิดไม่ถึงว่าเมื่อเปลี่ยนเส้นทางจะเห็นทางสำเร็จแล้ว!
และก็คิดได้ว่าคุณย่ากลับไปอยู่ซอยฮวยซู่หลายวัน ควรไปรับนางกลับมาได้แล้ว
ทว่าอารมณ์ลิงโลดกลับสะดุดที่หน้าบ้านเท่านั้นหลังเห็นเหยียนจี้ชวนกับหยวนฮวายืนอยู่ภายในลานบ้าน ซึ่งทั้งสองมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หนานต้องพิสูจน์ตัวเองหนักหน่อยนะคะ เป็นเขยชังที่พ่อตาแม่ยายไม่ปลื้มก็งี้แหละค่ะ
แม่เฒ่านี่มาทำอะไรอีก
ไหหม่า(海馬)