เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 24 เธอไม่ใช่ยาถอนพิษ
บทที่ 24 เธอไม่ใช่ยาถอนพิษ
สวี่ชิงพาโจวจินหนานออกไป ระหว่างทางทั้งสองได้พบกับเพื่อนบ้านที่รู้จักสวี่ชิง และถามด้วยรอยยิ้มว่า “ชิงชิง นี่คือเพื่อนของเธอเหรอ?”
สวี่ชิงพยักหน้าและตอบอย่างไม่เห็นแก่ตัว “ค่ะ เพื่อนของฉันเอง”
โจวจินหนานเดิมทีมีท่าทีลังเล แต่เมื่อเห็นท่าทีเอื้อเฟื้อของสวี่ชิง เขาก็ผ่อนคลายและเดินตามรอยเท้าของเธอไปยังตลาดอย่างช้า ๆ
ในเขตชานเมืองไม่มีตลาดของเกษตรกร ดังนั้นทุก ๆ ห้าวันจะมีตลาดนัดในพื้นที่เปิดโล่งในชานเมือง
ที่ตลาดมีตั้งแต่อาหารและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักรและเครื่องมือทางการเกษตร ไปจนถึงเข็มและด้าย
มีแม้กระทั่งครูฝึกลิงและครูฝึกงูเดินไปรอบ ๆ ถนนเพื่อดึงดูดให้เด็ก ๆ เข้ามาดู
สวี่ชิงพาโจวจินหนานเดินท่ามกลางฝูงชน แต่ก็ยังดูอึดอัดเล็กน้อย
แม้ว่าตอนนี้เรื่องความรักจะมีอิสระมากขึ้น แต่พวกเขาก็เขินอายเกินกว่าจะเดินจูงมือกันบนถนน แต่เมื่อเห็นผ้าก๊อซบนใบหน้าของโจวจินหนานแล้ว คนช่างสงสัยทั้งหลายจึงสามารถเข้าใจได้
ในใจอดไม่ได้ที่จะบ่นเงียบ ๆ ว่าสาวสวยปานนี้ เหตุใดกลับคบกับชายตาบอด!
สวี่ชิงไม่สนใจสายตาของทุกคน เธอซื้อพายผีเสื้อ เค้กไข่ และลูกพลัมแห้ง โดยไม่ลืมบอกโจวจินหนานว่ามีอะไรขายบ้าง
เมื่อเดินกลับมาหลังจากซื้อของแล้ว สวี่ชิงก็พบว่าฝ่ามือของโจวจินหนานเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความรู้สึกแสบร้อน
ตอนแรกเธอสงสัยว่าเธอไม่ได้ออกไปไหนเป็นเวลานานแล้วหรือเปล่า และมันร้อนเกินไปที่จะเดินภายใต้แสงแดด แต่ความรู้สึกที่แห้งและร้อนนั้นผิดปกติมาก
สวี่ชิงมองไปที่โจวจินหนานอย่างสงสัย
เหงื่อไหลอาบแก้ม กราม และกล้ามเนื้อกรามดูเกร็งเล็กน้อยราวกับว่าเขาพยายามจะอดทน
สวี่ชิงตื่นตระหนกระคนกังวล “พี่ใหญ่โจว เกิดอะไรขึ้นกับพี่คะ?”
โจวจินหนานอดทนกับความแห้งกร้านที่อธิบายไม่ได้ในร่างกาย เขาพูดด้วยความพยายาม “ผมรู้สึกไม่สบายนิดหน่อยน่ะ ต้องรีบกลับบ้านแล้ว ที่บ้านมียาอยู่”
หลังจากนั้นไม่กี่คำ เส้นเลือดสีน้ำเงินบนหน้าผากของโจวจินหนานก็เริ่มปูดโปน
สวี่ชิงไม่กล้าถามหรือรอช้า เธอไม่สนใจที่จะกลับบ้านเพื่อลาเฟิงซูฮวาก่อน และไม่สนใจที่จะนำไป๋หลางไปด้วย
เธอหยุดรถสามล้อข้างถนนและช่วยพยุงโจวจินหนานขึ้นไป “เร็วหน่อยค่ะ ไปบ้านพักครอบครัวของมหาวิทยาลัยประจำมณฑล”
คนขับรถเหลือบมองโจวจินหนาน ไม่กล้าพูดอะไรอีกและบิดคันเร่งอย่างแรง
โชคดีที่พวกเขาทั้งหมดอยู่ในเขตเฉิงตง และมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงประจำมณฑลก็อยู่ใกล้กับชานเมืองเช่นกัน จึงใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงในการขี่จักรยานยนต์มาถึงที่หมาย
ภายในครึ่งชั่วโมง สวี่ชิงมองดูผิวของโจวจินหนานที่เปลี่ยนเป็นสีแดง และเหงื่อที่หยดจากหน้าผาก
เธอเคยรู้สึกว่าการบรรยายหยาดเหงื่อที่หยดลงมาเหมือนหยาดฝนนั้นเป็นการพูดเกินจริง
แต่ไม่คิดว่าจะมีลักษณะแบบนั้นอยู่จริง ๆ!
เสื้อผ้าบนร่างของโจวจินหนานชุ่มไปด้วยเหงื่อทันที กรามของเขาเกร็งนูนเป็นสันเหมือนกับคนที่กำลังขาดอากาศหายใจ เส้นเลือดสีน้ำเงินที่หน้าผากและคอเริ่มปูดโปนขึ้น
เธอสามารถจินตนาการได้ว่าตอนนี้เขาทรมานแค่ไหน
สวี่ชิงไม่กล้าพูดกับเขา เพราะกลัวว่าความอดทนที่เขาสร้างขึ้นจะถูกรบกวน
เธอทำได้แค่กระตุ้นให้คนขับรถขับเร็วขึ้นเท่านั้น
เมื่อเขามาถึงบ้านของตระกูลโจว สีหน้าของโจวจินหนานก็อ่อนลงเล็กน้อย และใบหน้าดูไม่แดงมากนัก
สวี่ชิงเพิ่งเอื้อมมือออกไปจับมือของเขา แต่โจวจินหนานก็ปัดมันออกไป “เรียกคนในบ้านมา”
เสียงของเขาแหบแห้งด้วยความเจ็บปวดที่พยายามอดกลั้น
สวี่ชิงไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และวิ่งไปเคาะประตูเพื่อเรียกใครสักคน
โจวเฉิงเหวินและโจวจินเซวี่ยนออกมาจากลานบ้าน เมื่อเห็นสภาพของโจวจินหนาน พวกเขาก็รีบช่วยเขาเข้าไปในลานบ้านทันที
สวี่ชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและเดินตามไป
ลานบ้านเล็ก ๆ เป็นที่ตั้งของเรือนและของประดับตกแต่งแบบโบราณ กลางลานบ้านมีแปลงกุหลาบบานสะพรั่ง
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มดอกกุหลาบเลื้อยข้ามรั้วข้างกำแพง
สวี่ชิงมองไปที่ฉากอันคุ้นเคย และความทรงจำที่จางหายไปก็ชัดเจนอีกครั้ง
เธอจำได้ว่าโจวจินหนานอาศัยอยู่ที่ปีกทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นห้องแถวและเป็นห้องแต่งงานในภายหลัง
บ้านหลังใหญ่ยังมีห้องใต้หลังคาเล็ก ๆ ที่ซึ่งโจวจินหนานอาศัยอยู่ตั้งแต่แต่งงาน แต่ตอนนี้เธอพบว่าห้องใต้หลังคาซ่อนอยู่ท่ามกลางกิ่งไม้หนาทึบของต้นหวายฉู่ และยากที่จะเห็นดวงอาทิตย์ทั้งหมดตลอดทั้งปี ซึ่งค่อนข้างมืดมน
หลังจากที่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โจวจินหนานก็กลับไปที่ห้องของเขาแล้ว ผลักโจวเฉิงเหวินกับโจวจินเซวี่ยนออกไป และปิดประตูอย่างแรง
สวี่ชิงอยากจะพูดอะไรบางอย่างจึงเดินเข้าไป แต่ก็ถูกโจวเฉิงเหวินหยุดไว้ “ชิงชิง เวลาจินหนานไม่สบาย ห้ามใครเข้าใกล้เด็ดขาด”
”เกิดอะไรขึ้นกับเขาคะ? ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลล่ะคะ?”
โจวเฉิงเหวินส่ายหัว “โรงพยาบาลก็ไม่มีทางรักษา เขาทำได้แค่อดทนด้วยตัวเอง น่าจะเป็นอาการปวดหัวที่เกิดจากลิ่มเลือดที่กดทับเส้นประสาทน่ะ”
สวี่ชิงคิดถึงการปฏิเสธอย่างหนักแน่นของคุณย่าของเธอว่า โจวจินหนานไม่ได้ตาบอดเพราะลิ่มเลือดไปกดทับเส้นประสาท และจากการแสดงของโจวจินหนานดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อาการปวดหัว
โจวเฉิงเหวินมองไปที่สวี่ชิง “ไปที่ห้องนั่งเล่นและนั่งก่อนนะ ตอนนี้เขาน่าจะไม่เป็นไรแล้วแหละ”
จากนั้นเขาก็เรียกโจวจินเซวี่ยน “แกไปเรียกพี่ใหญ่เกามาทีสิ”
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของโจวเฉิงเหวินสงบ ดูเหมือนว่าสวี่ชิงจะคุ้นเคยกับการได้เห็นฉากดังกล่าวแล้ว ดังนั้นเธอจึงวางใจลงเล็กน้อย
แต่อย่างไรเสีย เธอไม่ได้ตามโจวเฉิงเหวินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อนั่งรอ แต่ยืนอยู่ข้างแปลงดอกไม้นอกปีกทางทิศเหนือแทน
เธอไม่ต้องการเข้าไปในห้องนั่งเล่น เพราะยังไม่พร้อมที่จะพบกับคุณปู่และคุณย่าของโจวจินหนาน
โจวเฉิงเหวินไม่รีบอีกต่อไป แต่พูดคุยกับสวี่ชิงอย่างใจดี “สถานการณ์ของจินหนานดีขึ้นมากแล้ว เขาเคยเป็นแบบนี้เกือบทุกวัน นาน ๆ ทีก็สัปดาห์ละครั้ง มันหายไปนานเลย ไม่รู้จะดีขึ้นหรือเปล่า ในอนาคตที่เธอแต่งงานกับจินหนาน… คงต้องลำบากเธอแล้ว”
สวี่ชิงพยักหน้าอย่างสุภาพ “ฉันจะดูแลเขาอย่างดีแน่นอนค่ะ”
เธอยังมีความประทับใจอันเบาบางต่อโจวเฉิงเหวิน ซึ่งอาจเพราะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยผู้อ่อนโยนและสูงส่ง
ความคิดที่ว่าทุกอย่างด้อยกว่า และมีเพียงการศึกษาที่สูงเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะถูกจารึกไว้ในกระดูก
เขายังดูถูกคนที่ตั้งแผงขายของและทำธุรกิจ โดยคิดว่าคนพวกนั้นเป็นคนโสโครกและหยาบคาย
ด้วยเหตุนี้ หลังจากการหย่าร้างในชีวิตที่แล้ว เมื่อเธอได้พบกับโจวเฉิงเหวินบนท้องถนน เขาก็จะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและหันศีรษะออกไป
สวี่ชิงรู้ว่าโจวเฉิงเหวินยินดีที่จะคุยกับเธอในตอนนี้ ประการแรกเพราะกำลังจะแต่งงานกับโจวจินหนาน และประการที่สองเพราะงานของเธอในฐานะผู้ควบคุมตั๋ว ซึ่งถือเป็นพนักงาน
ปัจจุบันสถานะของพนักงาน ชาวนา และทหารอยู่ในระดับสูง ดังนั้นโจวเฉิงเหวินจึงยังคงสุภาพกับเธอ
ถ้าเขารู้ว่าเธอลาออกจากงานมาตั้งร้านเพื่อทำธุรกิจ เกรงว่าทัศนคติจะไม่เหมือนเดิม…
โจวเฉิงเหวินพูดคุยไม่กี่คำ เมื่อเห็นสวี่ชิงเอ่ยตอบเบา ๆ โจวเฉิงเหวินซึ่งดูเหมือนจะประหม่าอยู่ตลอดเวลาก็หยุดพูดและยืนเงียบ ๆ กับเธอ
เกาจ้านและโจวจินเซวี่ยนมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสวี่ชิงยืนอยู่ที่ลานบ้าน เกาจ้านก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าเป็นการทักทายแล้วเดินไปเคาะประตู “ฉันเกาจ้านเอง”
ประตูห้องเปิดออกอย่างรวดเร็ว และหลังจากเกาจ้านเข้าไป ประตูก็ถูกปิดทันที
ไม่อาจมองเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจวจินหนานอยู่ข้างใน
หลังจากเกาจ้านเข้ามาในห้อง เขาก็เห็นโจวจินหนานมีใบหน้าซีดเผือดยื่นมือไปพิงกำแพงยืนอย่างไม่เต็มใจ เกาจ้านจึงเอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อพยุงเขา “มาอีกแล้วเหรอ? คราวนี้อะไรล่ะ?”
โจวจินหนานหลับตา “โชคดีที่คราวนี้ไม่เจ็บปวดเท่าไหร่”
เกาจ้านช่วยโจวจินหนานนั่งลงข้างเตียง “ฉันคิดว่าสวี่ชิงอยู่ข้างนอกนะ นายสองคนกลับมาจากชานซอยฮวยซู่ด้วยกันเหรอ?”
โจวจินหนานพยักหน้า “ใช่”
“แล้วทำไมนายไม่ไปหาคุณย่าเฟิงล่ะ ฉันแน่ใจว่าคุณย่าล้างพิษของนายได้แน่”
โจวจินหนานส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้สวี่ชิงเห็นภาพนั้น ฉันจะพูดถึงมันทีหลัง”
เกาจ้านถอนหายใจ “ที่จริง นายแต่งกับสวี่ชิงเร็ว ๆ ก็ดีนะ หลังจากกลายเป็นสามีและภรรยากันแล้ว ก็ต้องอยู่ด้วยกันและทำทุกทางได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทนเจ็บปวด”
โจวจินหนานขมวดคิ้วและพูดช้า ๆ “เธอไม่ใช่ยาถอนพิษ!”
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่เป็นโรคประหลาดอะไรกันนะ ไม่ใช่ว่าทุก ๆ เดือนจะกลายร่างเป็นปีศาจหรืออะไรใช่ไหม?
ไหหม่า(海馬)