เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 154 เป็นไปได้ว่าจะเป็นพี่น้องของแม่คุณ
บทที่ 154 เป็นไปได้ว่าจะเป็นพี่น้องของแม่คุณ
สวี่ชิงประคองตะกร้าไม้ไผ่บนหลังของไป๋หลาง เหลือบชำเลืองมองผู้หญิงชุดแดงคนนั้นแวบหนึ่ง ก่อนส่งเสียงเรียกไป๋หลางให้ไปซื้อของที่ร้านขายของชำ
เธอให้ไป๋หลางรอที่หน้าร้าน จะได้สามารถมองตะกร้าผักได้สะดวก แล้วสวี่ชิงก็เข้าไปซื้อเครื่องแกงหม่าล่ากับเครื่องเทศอื่น ๆ
ร้านขายของชำมีคนเยอะมากในทุก ๆ วัน จะซื้ออะไรก็ต้องเบียดกันเข้าไป คูปองหลายอย่างก็ค่อย ๆ หายไปบ้างแล้ว แต่ถ้าเมื่อก่อนเคยมีอยู่ในบ้านก็ยังคงสามารถเอามาใช้ได้อยู่
ดังนั้นยังมีหลายคนที่ถือคูปองน้ำตาลกับสมุดโน้ตของชำมาซื้อน้ำส้มสายชู น้ำตาล น้ำมันและเครื่องปรุงอื่น ๆ
อีกทั้งต่างก็ซื้อทีละนิดละหน่อย ไม่ได้ดูลำบากเท่าที่ผ่านมา
ทำให้ร้านขายของชำขนาดไม่ใหญ่แห่งนี้มีคนเยอะมากทุกวัน
สวี่ชิงเบียดคนเข้าไป ซื้อเครื่องแกงหม่าล่าหนึ่งเหมากับเต้าหู้ยี้สองเหมา ก่อนออกมาด้วยสภาพเหงื่อแตกเต็มไปหมด
เมื่อหิ้วของออกมาก็พบกับผู้หญิงชุดแดงยืนตรงข้ามไป๋หลางไม่ไกล ราวกับกำลังลังเลว่าจะเข้าไปในร้านดีหรือไม่
พอเห็นสวี่ชิง สายตาก็พลันเป็นประกาย “เอ๋ พวกเราเคยเจอกันมาก่อนนี คุณมาซื้อของที่นี่หรือคะ”
สวี่ชิงกวาดสายตามองหล่อน พยักหน้าอย่างเกรงๆ “ค่ะ”
จากนั้นก็เดินไปเอาของใส่ตะกร้า ไป๋หลางตาดีมากที่เลือกยืนตรงที่ดี ๆ ได้ สวี่ชิงหิ้วตะกร้าขึ้นมากลับไว้บนหลังของมันอีกครั้ง
พอผู้หญิงชุดแดงเห็นสวี่ชิงไม่สนใจตัวเองก็รีบพูดว่า “ขอโทษนะคะ ครอบครัวของฉันไม่รู้จักคนอื่น อยากจะเข้าไปซื้อซีอิ๊วขาวเสียหน่อย แต่ดันลืมเอาถ้วยมา”
สวี่ชิงมุ่นคิ้วนิดหน่อย “ในร้านมีถ้วยขายค่ะ คุณซื้อถ้วยเล็ก ๆ ก็พอแล้ว”
พูดจบก็เรียกไป๋หลางให้เดินมา หล่อนประคองตะกร้าเอาไว้ในมือ เพื่อไม่ให้ตะกร้าตกเป็นอันใช้ได้
ผู้หญิงชุดแดงหรี่ตามองสวี่ชิงกับหมาขี้เหร่ตัวนั้นเดินหายไปในฝูงชน นัยน์ตาทอประกายเย็นชาขึ้นมา หมุนตัวเดินไปทางตรงกันข้าม
เดินไม่กี่ช่วงถนนก็เข้ามาในบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง ภายในบ้านยังมีผู้หญิงสีหน้าย่ำแย่คนหนึ่ง ก่อนผลักประตูเข้าไปในห้องข้างๆ มองฟางหลานซินที่กำลังนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงด้วยสายตาเย็นชา “ทำไมสวี่ชิงถึงดูไม่รู้จักฉันสักนิด”
ฟางหลานซินไม่กล้าสบตากับผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงกับหมอน “เป็นไปได้ยังไง พวกคุณหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ แล้วหล่อนเองอยากรู้พื้นเพของแม่แท้ ๆ ของตัวเองมาโดยตลอด”
หญิงคนนั้นแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ฉันดูแล้วหล่อนไม่สนใจฉันเลยสักนิดเดียว เหมือนกับไม่อยากรู้ว่าญาติของแม่ตัวเองเป็นใคร”
ฟางหลานซินขมวดคิ้ว “ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือว่าหล่อนจะรู้แล้วว่าคุณไม่ใช่เย่หนานแต่เป็นเย่เหม่ย”
ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นถูกเรียกว่าเย่เหม่ย ใบหน้าก็ยิ่งเย็นชา “คุณหมายความว่ายังไง? หน้าตาฉันดูไม่เหมือนนังแพศยาเย่หนานงั้นเหรอ?”
ฟางหลานซินพูดเสียงเบา ๆ “ถ้าคุณแสดงท่าทางแบบนี้ก็ไม่น่าจะเหมือน เพราะแวบแรกที่เห็นเย่หนาน หล่อนก็เหมือนปีศาจจิ้งจอก ดูมีเสน่ห์ยั่วยวน”
เย่เหม่ยหัวเราะหึ “ให้มีเวลาแสดงแบบอื่นให้ได้ก่อนเถอะ คุณบอกว่าของที่เย่หนานทิ้งเอาไว้ล้วนอยู่ในมือสวี่ชิงทั้งหมดถูกไหม คุณแน่ใจหรือเปล่า?”
ฟางหลานซินพยักหน้า “ฉันแน่ใจ คุณถามว่าฉันเคยเห็นแหวนเพชรวงหนึ่งหรือเปล่า ฉันเคยเห็นสวี่ชิงซ่อนมันเอาไว้ครั้งหนึ่ง ยังมีชุดแต่งงานแดงนั่นอีก ฉันก็เคยเห็นเหมือนกัน”
เย่เหม่ยไม่ได้โง่ “ของพวกนั้น หล่อนไปเอามาจากไหน ทำไมก่อนหน้านี้คุณไม่เคยเห็น”
ฟางหลานซินคิดคำแก้ต่างไว้นานแล้ว “คิดว่าเย่หนานน่าจะให้เฟิงซูฮวาไว้ หล่อนเป็นย่าของสวี่ชิง ดังนั้นฉันจึงไม่เคยหาของเหล่านี้เจอ”
เย่เหม่ยขมวดคิ้ว ราวกับกำลังครุ่นคิดว่าคำพูดของฟางหลานซินนั้นเชื่อถือได้มากขนาดไหน
ฟางหลานซินกลัวว่าเย่เหม่ยจะไม่เชื่อ พูดต่อว่า “ฉันไม่มีทางหลอกคุณหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่กล้าหลอกคุณด้วย”
หากเย่เหม่ยไม่ได้ให้ยาเม็ดนั้น เย่หนานที่ป่วยหนักกระเสาะกระแสะอยู่แล้วจะตายไวขนาดนั้นได้อย่างไร
เย่เหม่ยเพียงปรายตามองฟางหลานซินอย่างราบเรียบ “ก็หวังว่าคุณจะไม่หลอกฉัน!”
พูดจบหล่อนก็เดินจากไปราวกับภูตผี จากนั้นก็ยังได้ยินเสียงด่าทอของพี่สะใภ้ใหญ่ดังเข้ามาจากภายในบ้าน
ฟางหลานซินปิดหูตัวเองด้วยความรังเกียจเล็กน้อย รอให้ร่างกายของหล่อนหายเป็นปกติก่อนเถอะ หล่อนต้องหนีไปให้ได้!
เพียงแต่เย่เหม่ยคนนี้ หวังว่าจะไม่ทำให้หล่อนผิดหวังนะ!
………
ระหว่างทางสวี่ชิงก็คิดไปด้วยว่าผู้หญิงที่เหมือนตัวเองคนนี้สรุปแล้วมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
ตัวเธอไม่มีสมบัติอะไร หรือว่าจะเป็นสิ่งของเหล่านั้นที่เย่หนานทิ้งเอาไว้?
แต่สิ่งของเหล่านั้นคำนวณดูแล้วก็ไม่ได้มีมูลค่าอะไรมาก เพราทองที่มีมูลค่ามากที่สุด เธอก็เอาไปขายหมดแล้ว
หรือว่ายังมีจุดประสงค์อะไรอีก?
เธอครุ่นคิดมาตลอดทางกลับบ้าน เดี๋ยวรอให้เจอโจวจินหนานก่อนค่อยไปพูดเรื่องนี้กับเขา
พอเดินมาถึงบ้านก็เห็นว่าหลุมห้องเก็บผักถูกขุดไปลึกกว่าช่วงตัวคนแล้ว และยังเริ่มขุดโพรงทั้งสี่ด้านแล้วด้วย
ความเร็วนี้ทำให้สวี่ชิงตกตะลึงยิ่ง
เกาจ้านยืนชี้นิ้วสั่งราวกับนายพล พอเห็นสวี่ชิงทำหน้าตกใจ ก็หัวเราะอธิบายว่า “นี่ไม่ถือว่าเท่าไรนะ เจ้าสองสามคนนี้ฝีมือการขุดดีอยู่แล้ว ดังนั้นแค่นี้เรื่องเล็กน้อย”
สวี่ชิงยกนิ้วโป้งให้ “สุดยอดเลยค่ะ งั้นฉันจะรีบไปทำกับข้าวนะคะ”
เธอทำผัดเผ็ดหมู กระดูกหมูน้ำแดงใส่มันฝรั่ง ผัดเนื้อใส่ยี่หร่า แล้วยังทำน้ำแกงเปรี้ยวเผ็ดอีกหม้อหนึ่ง
กับข้าวสี่น้ำแกงหนึ่ง ปริมาณเยอะมากจนต้องใส่ถ้วยใบใหญ่
ยังมีผัดหมี่กับข้าวสวยอีกหนึ่งโถใหญ่
ขณะที่เธอกำลังทำกับข้าว พวกโจวจินหนานเองก็ขุดห้องเก็บผักเสร็จแล้ว
มันมีความลึกหนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร ทั้งสี่ด้านขุดเป็นโพรง ทำให้แบ่งใส่มันฝรั่งกับผักกาดขาวได้
สวี่ชิงออกมาตรวจดู ผนังด้านในราบเรียบ และดูดีอย่างมาก
ว่าแล้วก็รีบเรียกให้พวกเขาล้างมือมากินข้าว
ตอนกินข้าวสวี่ชิงถึงได้รู้ว่า อีกสามคนที่เหลือต่างก็กลับเมืองหลวงหมดแล้ว แต่แบ่งกันไปทำคนละหน่วยงาน ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็มีความสัมพันธ์อันดีกับโจวจินหนาน
เพียงแต่ตอนที่พวกเขาแต่งงาน ทั้งสามต้องไปปฏิบัติงานนอกสถานที่พอดีจึงไม่ได้อยู่ด้วย
เกาจ้านคีบพริกหยวก “กับข้าวนี่รสชาติสดใหม่มากเลย เธอเอาเนื้อไปทอดกับน้ำมันก่อนใช่ไหม น้องสะใภ้ เป็นเพราะเธอเปิดร้านอาหารหรือเปล่า ครอบครัวปกติที่ไหนมีคนกล้ากินแบบนี้บ้าง”
สามคนที่เหลือกินอย่างมีความสุขเช่นกัน “หมูผัดเผ็ดนี้เหมือนกับรสชาติที่บ้านเกิดผมเลย แถมน้ำแกงเปรี้ยวเผ็ดนี่ก็อร่อยมาก ๆ”
ในตอนแรกพวกเขายังยับยั้งใจตัวเองได้ แต่พอกินไปกินมาก็เริ่มปลดปล่อย แล้วเริ่มแย่งกันกิน
โจวจินหนานคีบกระดูกหมูให้สวี่ชิงอย่างว่องไวสองสามชิ้น จ้องพวกเขา “พวกนายให้มันน้อย ๆ หน่อย มีมารยาทหน่อยได้ไหม”
แม้ว่าเกาจ้านจะใช้มือซ้าย แต่กลับว่องไวมาก หัวเราะเหอะ ๆ “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น จะเครียดไปทำไม ใช่ไหม น้องสะใภ้!”
สวี่ชิงยิ้มพร้อมพยักหน้า “ใช่ค่ะ พวกคุณไม่ต้องเกรงใจ กินให้เต็มที ถ้าไม่พอฉันจะไปทำให้อีก”
ยิ้มแล้วมองโจวจินหนานที่เข้าไปแย่งอาหารกับคนอื่น ๆ บรรยากาศคึกคักอย่างยิ่ง
เธอเองก็ชอบที่โจวจินหนานเป็นแบบนี้เช่นกัน
สุดท้ายน้ำแกงที่เหลืออีกนิดหน่อยก็กลายเป็นของชายหนุ่มหน้าตาซื่อตรงคนหนึ่ง รวมทั้งแป้งจี่ที่เหลือเมื่อตอนเช้าด้วย
สวี่ชิงรู้สึกเสียใจภายหลังนิดหน่อย ที่ตัวเองทำกับข้าวน้อยเกินไป!
กินข้าวเสร็จก็พักสักพัก เกาจ้านชี้นิ้วให้สามคนออกไปกวาดดินที่ลานหน้าบ้านให้เรียบร้อย สวีหย่วนตงไปตรวจบาดแผลให้กับไป๋หลาง
บาดแผลของมันฟื้นฟูได้ดี นอกจากขี้เหร่เฉย ๆ ก็ไม่มีตรงไหนผิดปกติ
หลังจากวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง เกาจ้านก็พาพวกเขากลับไป
สวี่ชิงเป็นห่วงกลัวว่าบ่ายนี้โจวจินหนานจะลำบากเกินไป “คุณรีบไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ ฉันคิดว่าจะใช้เวลาสองวันเสียอีก พวกคุณกลับใช้เวลาครึ่งวันก็ทำเสร็จแล้ว”
พูดอยู่ก็นึกถึงผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นขึ้นได้ “จริงสิ ผู้หญิงที่หน้าเหมือนฉันคนนั้นฉันเจอหล่อนอีกแล้ว ทั้งยังมีท่าทางอยากตีสนิทฉันด้วย”
โจวจินหนานคิดว่ามีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง “ถ้าหล่อนไม่ใช่แม่ของคุณ แต่กลับหน้าเหมือนขนาดนั้น ทั้งยังใส่ชุดชนกลุ่มน้อยแบบแปลก ๆ งั้นก็เป็นไปได้มากว่าหล่อนจะเป็นพี่น้องของแม่คุณ?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แม่ชิงชิงดันมีพี่น้องหน้าเหมือนอีก หรือว่าพี่น้องคนนี้จะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังพิษกู่กันนะ?
ไหหม่า(海馬)