เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 141 โจวจินหนานไอ้คนสองมาตรฐาน
บทที่ 141 โจวจินหนานไอ้คนสองมาตรฐาน
สารบัญ
บทที่ 141 โจวจินหนานไอ้คนสองมาตรฐาน
โจวจินหนานขมวดคิ้ว “ฉันพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เกาจ้านถอนหายใจ “นอกจากตาจะบอดแล้ว ความจำยังเสื่อมด้วยหรือเปล่า? ตอนที่นายกับเหอเหลียงผิงพูดวิจารณ์ซูโม่ ไม่ใช่เพราะหล่อนก่อความวุ่นวาย พูดจาเสียงดังเกินไป จนต้องบอกว่าผู้หญิงควรเป็นแบบไหนเหรอ”
โจวจินหนานครุ่นคิดว่ามีเรื่องราวเช่นนี้อยู่หรือไม่ “แต่บางทีซูโม่ก็รุนแรงเกินไป”
เกาจ้านเหลือบมองสวี่ชิงที่กำลังถือจอบอยู่ข้างหน้า และพูดว่า “แล้วนี่สวี่ชิงไม่ได้รุนแรงเกินไปเหรอ?”
โจวจินหนานส่ายหน้า “หล่อนแค่ปกป้องตัวเอง และทำได้ดีมาก”
เกาจ้านถึงกับพูดไม่ออกเมื่อมองดูโจวจินหนาน เขาคงไม่รู้จักคำที่เรียกว่าไอ้คนสองมาตรฐานสินะ!
นี่แหละโจวจินหนานตอนนี้!
หวังไก๋ฮวาสัญญาว่าจะซื้อสีและทำความสะอาดประตูให้สวี่ชิง นอกจากนี้ยังสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาให้สวี่ชิงอีก ดังนั้นสวี่ชิงจึงเขวี้ยงจอบทิ้งและปรบมือ ก่อนจะพูดเตือนหวังไก๋ฮวาด้วย ‘เจตนาที่ดี’ “ฟางหลานซินเป็นแค่แม่เลี้ยงฉัน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาตามหาฉัน แล้วฉันจะบอกอะไรให้นะ สวี่จื้อกั๋วกำลังจะหย่ากับฟางหลานซิน!”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินกลับไปหาโจวจินหนานกับเกาจ้าน
ทันทีเดินเข้าไปใกล้ เธอก็ตระหนักได้ว่าทั้งสองได้เห็นด้านที่ดื้อรั้นของเธอแล้ว จึงรู้สึกอายเล็กน้อย “ทำไมมาอยู่นี่กันล่ะคะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
เมื่อชาวบ้านผู้กระตือรือร้นเห็นว่าสวี่ชิงเดินจากไป และหวังไก๋ฮวาที่ร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้น พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรให้ดูต่อ จึงรวมตัวกันเป็นกระจุกเดินไปที่อื่นและพูดคุยด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
พวกเขาได้ยินประเด็นสำคัญที่เล็ดรอดออกมาจากคำด่าทอของหวังไก๋ฮวา
และนั่นเรื่องสิ่งที่พวกเขาชอบฟัง
สวี่ชิงไม่อาจควบคุมการซุบซิบนินทาของผู้คนได้ และทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้าน เธอพบเข้ากับป้าหม่าที่ยังคงร้องคร่ำครวญ ก่นด่า และใช้ใยบวบขัดถูประตู
ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงก่นด่า
สวี่ชิงเห็นว่านางขัดถูค่อนข้างสะอาด จึงสั่งให้ป้าหม่ามาขุดชั้นดินหน้าประตูเพื่อให้สิ่งปฏิกูลที่น่าขยะแขยงซึมลงไปในดิน
รอจนกระทั่งป้าหม่าทำเสร็จ นางก็ปาดน้ำตาและเดินจากไป
สวี่ชิงสั่งให้พี่สะใภ้จินและคนอื่น ๆ เข้ามาล้างทำความสะอาดผัก เธอเดินเข้าไปในห้องครัวและเห็นว่ามีสิ่งของมากมาย จากนั้นจึงออกไปเรียกให้โจวจินหนานกับเกาจ้านมานั่งลง
หลังจากชงชาให้ทั้งสองคน เธอก็นึกคำถามขึ้นมาได้ “เมื่อกี้ไม่เห็นต้องเดินตามไป๋หลางเลย ฉันว่าคุณเดินทรงตัวดีมาก มองเห็นแล้วใช่ไหมคะ?”
โจวจินหนานรู้ดีว่าเขาไม่สามารถปิดบังความจริงได้อีกต่อไป จึงพูดพึมพำว่า “เห็น แต่ว่าเบลอมาก เห็นเป็นแค่เงารางๆ สีขาวดำ”
สวี่ชิงมองดูโจวจินหนาน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า “นั่นก็ดีนะคะ”
เธอยิ้มและหันไปมองเกาจ้าน “พี่กินข้าวมาหรือยังคะ? พวกเรายุ่งมากยังไม่ได้กินข้าวเลย เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กินนะ”
เกาจ้านรีบพยักหน้า “กินกันเลย เธอทำของพวกเธอเถอะ ฉันไม่หิว”
สวี่ชิงลุกขึ้น “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณนั่งรอก่อนนะ ฉันจะไปทำกับข้าว”
เธอเดินไปถอนขึ้นฉ่ายสองสามต้นจากลานบ้าน และเอาเข้าไปผัดกับข้าวในครัว
โจวจินหนานรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ พฤติกรรมของสวี่ชิงเฉื่อยชาไปหรือเปล่า? ทั้งที่เขามองเห็นบ้างแล้ว แต่ทำไมถึงไม่มีความสุขสักนิด?
ทว่าเกาจ้านกลับมองเห็นสีหน้าการแสดงออกของสวี่ชิงได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “นายจบเห่แล้ว!”
โจวจินหนานไม่อยากฟังเกาจ้าน “ไม่มีอะไรแล้วนายก็กลับไปก่อนสิ ทำไมทุกวันนี้เอาแต่ทำตัวว่างอยู่ได้”
เกาจ้านแอบกระซิบโดยเจตนา “ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อปกป้องนายหรือไง เพราะงั้นให้ฉันกลับไปตอนกลางคืนนั่นแหละ ถ้าสวี่ชิงสั่งให้นายคุกเข่า ฉันจะได้ช่วยพูดให้”
โจวจินหนานไม่พูดตอบ เขาขี้เกียจเกินกว่าจะโต้แย้งกับเกาจ้าน!
ที่บ้านมีซุปเนื้อวัวที่ทำเสร็จเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ สวี่ชิงจึงคลี่เส้นบะหมี่ออกและนำเอามาต้ม สับขึ้นฉ่ายและโรยลงไปในซุป ก่อนจะใส่ผักชีกับต้นหอมสับ ในที่สุดบะหมี่เนื้อตุ๋นง่าย ๆ หนึ่งถ้วยก็เสร็จเรียบร้อย
สวี่ชิงเกรงว่าโจวจินหนานจะแทะกระดูกไม่สะดวก เธอจึงเลือกเอาส่วนเนื้อจากกระดูกหางวัวมาใส่ลงไปในถ้วยบะหมี่ และยื่นให้โจวจินหนาน
เธอยังคงดูแลโจวจินหนานอย่างระมัดระวังด้วยความรอบคอบ ทำให้เกาจ้านสงสัยว่าตนเห็นภาพหลอนหรือไม่ ทำไมสวี่ชิงถึงไม่โกรธเคืองอะไรเลย?
จิตใจของโจวจินหนานกระวนกระวายมากขึ้น หลังจากอยู่ด้วยกันตลอดวันที่ผ่านมา ทำให้เขาเข้าใจได้ว่ายิ่งสวี่ชิงเงียบมากเท่าไร ความขุ่นเคืองก็ยิ่งมีมากเท่านั้น
หลังจากกินบะหมี่ด้วยความไม่สบายใจ สวี่ชิงก็ยิ้มและขอให้เกาจ้านพาโจวจินหนานกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ส่วนเธอจะไปหมักเนื้อแต่เนิ่น ๆ
ฉินเสวี่ยเหมยกลับมาหาเธอในช่วงบ่ายอีกครั้ง ช่วยพี่สะใภ้ทั้งสองเลือกผัก และตะโกนถามสวี่ชิงกำลังขูดขนหมูอยู่ที่ริมอ่างเก็บน้ำ “ฉันกลับบ้านเร็วไปหน่อย เกิดเรื่องสนุก ๆ ขึ้นกับพวกเธอใช่ไหม? ฉันบอกแล้วไงว่าป้าหม่าน่ะแสร้งทำไปงั้น”
สวี่ชิงยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้เสียหายอะไร”
ฉินเสวี่ยเหมยยังคงรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย “ทำไมตอนนั้นฉันไม่อยู่นะ ฉันจะตบหน้าหล่อนสักฉาด! น่าไม่อายจริง ๆ”
สวี่ชิงมีความสุข “ไหนเธอบอกว่าเธอเป็นสาวใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานไง ทำไมถึงได้ก้าวร้าวนัก? ตบตีคนมันไม่ดีนักหรอก”
พี่สะใภ้จินมองดูสวี่ชิงด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ตบตีคนไม่ดีเหรอ?
แต่ตอนนั้นเธอดูโหดเหี้ยมมาก แม้แต่ป้าหม่ากับแม่เฒ่าติงยังกลัว ส่วนหวังไก๋ฮวาแทบจะฉี่ราด
สวี่ชิงมองดูสายตาประหลาดใจของทั้งสองคนและกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา “ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะคะ? หรือพวกคุณจะบอกว่าฉันตีป้าหม่า?”
ทั้งสองครุ่นคิดและพบว่าเธอไม่ได้ตีใครเลย
ทว่ารังสีอำมหิตช่างน่ากลัวนัก!
ฉินเสวี่ยเหมยหัวเราะ “ฉันได้ยินว่าเธอกล้ามาก ถึงกับไปลากตัวป้าหม่ามาจากบ้าน เดาว่าหลังจากนี้ป้าแกคงจะไม่กล้ายั่วโมโหเธออีก แม่เฒ่าติงกับหวังไก๋ฮวาก็คงจะเหมือนกัน คงไม่กล้ายั่วยุเธอแล้วล่ะ”
สวี่ชิงยักไหล่ “ฉันไม่ได้ต้องการให้มันแบบนี้สักหน่อย ฉันก็แค่อยากมีความสัมพันธไมตรีกับทุกคน”
ถึงแม้ว่าญาติที่อยู่ห่างไกลจะเลวร้ายกว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิด แต่นั่นก็ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการยั่วยุสุภาพชนแทนที่จะเป็นวายร้าย
แต่สวี่ชิงรู้สึกว่าเธอถูกทำให้เป็นวายร้ายก่อน แล้วใครจะกล้ามายั่วยุเธออีก?
และที่สำคัญไปกว่านั้น ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนใจกว้าง มีแต่พวกเน่าหนองเท่านั้นที่เลวร้าย เพราะฉะนั้นทำชื่อเสียงของตนเองให้แย่เข้าไว้เสียจะดีกว่า
อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีปัญหาตามมาในอนาคต
หลังจากทุกคนกลับออกไปในตอนกลางคืน สวี่ชิงก็ทำความสะอาดลานบ้าน ขัดล้างห้องครัว และเข้าไปอาบน้ำในห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออก ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องนอนของเธอกับโจวจินหนาน
โจวจินหนานยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง ถือมีดแกะสลักและคลำหารูปแกะสลัก เธอหรี่ตาลงและเอื้อมมือออกไปบิดหูของโจวจินหนาน “เมื่อวานคุณเห็นใช่ไหมคะ?”
โจวจินหนานไม่คิดว่าสวี่ชิงที่เงียบตลอดทั้งบ่ายจะเดินเข้ามาบิดหูเขาในตอนนี้ อีกทั้งยังออกแรงหนักจนเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “เห็นนิดหน่อย”
สวี่ชิงถอนหายใจ “นิดหน่อยคือขนาดไหน? คุณเห็นตอนฉันเดินเข้ามาเสิร์ฟซุปนกพิราบไหม?”
โจวจินหนานพยักหน้าอีกครั้ง “มันคลุมเครือ ตอนนี้ก็ยังเห็นแค่เงาร่างจางๆ…”
สวี่ชิงสงบลงและใช้แรงอีกเล็กน้อย “ดีมากโจวจินหนาน ยังจะกล้าโกหกฉันอีก! มองเห็นแล้วทำไมไม่บอกกัน? เมื่อคืนนี้ที่เลือดกำเดาไหลไม่ใช่เพราะอาหารที่ฉันทำให้! แต่เป็นเพราะมองดูเรือนร่างฉันจนเลือดกำเดาไหลใช่ไหม?”
ใบหน้าของโจวจินหนานร้อนฉ่า ไม่รู้ว่าควรจะพยักหน้าหรือส่ายศีรษะ ทำได้เพียงเม้มปากและไม่พูดอะไร!
สวี่ชิงถอนหายใจและบิดหูเขา “ดูเหมือนว่าคุณจะใช้ข้อปฏิบัติทางครอบครัวแบบผิด ๆ นะคะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โกหกเมียก็โดนลงโทษแรงแบบนี้แหละพี่หนาน เห็นเป็นน้ำจิ้มแล้วต่อไปก็อย่าได้ปิดบังอะไรกับชิงชิงเชียว
ไหหม่า(海馬)