บทที่ 72 – อนาสตาเซียกับเซเลน่า
ภายในมิติพิเศษที่ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันเฟสเตอร์ขึ้นนั้น ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปอย่างราบรื่นแบบปกติดี..
ตามแผนการของอนาสตาเซีย เธอได้ครอบครองการ์ดทีดีที่สุดจากการแอบไปขโมยมาจากเส้นทางการขนส่งสินค้า
แม้จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ แต่สุดท้ายแล้วการ์ดก็ยังตกอยู่ในมือของอนาสตาเซีย
ภายใต้แผนการบางอย่างของเจ้าตัวการแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป.. และพอเข้าช่วงเดือนที่สอง ที่ทุกคนเริ่มจับทางแนวทางได้
ทุกคนก็เริ่มที่จะสร้างพันธมิตรและขายข้อมูลกันไปมากันมา จนท้ายที่สุดการแข่งขันก็กลายเป็นการแข่งขันชิงไหวพริบไปแล้ว
และอนาสตาเซียเองก็เริ่มโดนเล่นงานบ้าง เพราะว่าคนที่เธอแอบไปทำสัญญาด้วยในตอนแรก ไอ้คนที่เธอให้มันยืมการ์ดของเธอนั่นแหละ
ด้วยความที่เป็นคนจากต่างโรงเรียน และต่างเขต พวกเขาเลยวางแผนจะแย่งชิงการ์ดของอนาสตาเซียจากข้อมูลดังกล่าว
อย่างไรก็ตามอนาสตาเซียก้คาดเดาได้ ไม่สิ แทนที่จะบอกว่าคาดเดาได้ ต้องบอกว่าเธอต้องการให้มันเป็นแบบนั้นนั่นแหละ
เพราะหากพวกมันมาหาเธอ เธอก็แค่ปล่อยให้พวกมันขโมยไปซะ แน่นอนว่าพวกมันมาจากเขตที่หนึ่งก็เลยขโมยกลับไปเขตที่หนึ่ง
แม้ Puzzle ของเธอจะถูกวงตาไว้อีกชั้นด้วยฝีมือใครก็ไม่รู้อีกชั้น แต่ฝ่ายศัตรูก็ไม่ได้โง่ จึงขโมยการ์ดกลับเขตที่หนึ่งไปได้ง่ายๆ
และอนาสตาเซียก็ไม่ได้ร้อนรนอะไร.. อันที่จริงกลับกันเธอยิ่งรู้สึกโล่งอกกว่าเดิม แผนของเธอนั้นเรียบง่ายมาก
อย่างแรกเธอร่วมมือกับลูซิเรียที่อยู่เขตสอง ส่วนเธออยู่เขตหนึ่ง ทั้งสองแก้ Puzzle ของตัวเองไปแล้วก็สลับตำแหน่งกัน
ใช่ อนาสตาเซียย้ายไปอยู่เขตสอง และลูซิเรียย้ายไปอยู่เขตหนึ่ง และที่เหลือก็แค่หาใครสักคนที่จะขายข้อมูลการแก้ puzzle ของอนาสตาเซียหรือลูซิเรีย
และพวกเขาคงจะขายข้อมูลให้เพื่อนร่วมโรงเรียนที่พร้อมจะมาขโมยการ์ดได้ แน่นอนว่า คนที่อนาสตาเซียไปชักจูงคือคนที่อยู่เขตสามกับสี่
ซึ่งมันไกลมากกว่าจะเดินทางมาถึงเขตสอง นั่นหมายความว่ามันต้องขายข้อมูลให้เพื่อร่วมโรงเรียนในเขตที่ใกล้กว่า..
ใช่ก็คือเขตที่หนึ่ง พอเขตที่หนึ่งมาขโมยการ์ดที่ควรจะอยู่เขตที่หนึ่งแต่แรกกลับไป ผลลัพธ์ก็คือไม่เกิดอะไรขึ้นนั่นเอง
เพราะแต่แรกเดิมที การ์ดของอนาสตาเซียก็เป็นการ์ดของเขตหนึ่งแต่แรกแล้ว
ที่เหลือก็ปล่อยให้พวกนั้นไม่โดนขโมยการ์ดต่อสอง.. แต่เพราะการแข่งขันเดินมาจนใกล้จะจบแล้ คนส่วนใหญ่จะเริ่มกักตัว
เพราะรวบรวมการ์ดมากพอแล้ว กล่าวคือเพียงแค่นี้การ์ดของอนาสตาเซียก็ปลอดภัยได้เปลาะหนึ่ง
และเวลาที่เหลือเธอก็แค่ไปจัดการกับนักเรียนทุกคนเท่านั้นเอง แน่นอนว่านักเรียนส่วนใหญ่จะมองว่าการ์ดเป็นแต้มและไม่ค่อยอยากจะใช้กัน
กล่าวคือนับตั้งแต่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นมาเดือนกว่า คนส่วนใหญ่ล้วนมีการ์ดอู้ฟู่พอสมควร เพียงแค่ปล้นคนเดียวมันก็ได้เยอะมากๆ
ดังนั้นหลังจากนั้นจึงเป็นช่วงเวลาแห่งการไล่จัดการคนของอนาสตาเซีย ภายใต้พลังของอัญมณีทั้งสาม อีกทั้งยังมีของที่ได้มาจากเลทิเซีย
ทำให้อนาสตาเซียไล่จัดการทุกคนได้อย่างไม่ยากเย็นขนาดนั้น
ทางฝั่งเซเลน่าเองก็ต่อสู้ในแบบของตัวเธอเองอย่างเหนื่อยยาก เพราะเป้าหมายในการจีบไม่ใช่แค่เจ้าอเล็กซานเล่นรุกเข้ามาไม่หยุดจนเธอแทบเป็นบ้า
ถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่นอาจจะมีความสุขที่มีหนุ่มหน้าหล่อมากมายรายล้อม แต่ไม่ใช่สำหรับเซเลน่าแน่ๆ
ดังนั้นชีวิตในแต่ละวันของเธอจึงเป็นพายุโหมกระหน่ำ โดยเฉพาะเจ้าคนที่ชื่อนีโอนี่ยิ่งน่ากลัวใหญ่เลย ทำให้แต่ละวันของเซเลน่านั้นราวกับมีสัมภเวสีตามติดอยู่ตลอด
“เฮ้อ”
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย”
ตั้งแต่เข้าโรงเรียนนี้มา ชีวิตเธอก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย.. ถ้าหากวุ่นวายไปด้วยเรื่องสนุกที่เธอชอบก็ยังว่าไปอย่าง
แต่นี่มีแต่ปัญหาเต็มหมด แถมเธอก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะมีความสุขเมื่อได้มาเกิดใหม่ในต่างโลกอะไรแบบนั้นซะด้วย
ดังนั้นสำหรับเซเลน่าที่นี่จึงไม่ต่างอะไรไปจากการใช้ชีวิตในนรกเลยด้วยซ้ำ ทุกๆ วันเธอได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย
อย่างไรก็ตามภายใต้ความผิดหวังที่เกิดขึ้นในใจของเซเลน่าอยู่นั้น เสียงแว่วก็ดังมาแต่ไกล เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยตกใจว่า
“ตรงนั้นน่ะ หลีกไป หลีกไป หลีกไป หลีกไป”
เสียงดังกล่าวดูคุ้นหูมากสำหรับเซเลน่า พอเงยหน้าขึ้นดูก็พบกับเงาสีดำที่พุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูง.. ด้านหลังมีคลื่นสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ตามมาด้วย
ไม่สิ มองดีๆ แล้วมันคือฝูงของสัตว์ปีกขนาดเล็กจิ๋วที่มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน จำไม่ผิดเซเลน่าเคยเจออยู่
มันคืออสูรประเภทยุง มันจะอยู่ด้วยกันมากกว่าล้านตัวและแม้จะมีจำนวนมากแต่มันจะมีสมองที่สั่งการทุกอย่างเพียงหนึ่งเดียว
พูดง่ายๆ ก็คือยุงจำนวนกลบท้องฟ้าได้นี่ทุกตัวนับเป็นตัวเดียวกันนั่นแหละ แต่ตอนนี้มันกำลังเคลื่อนที่มาทางนี้พร้อมกับใครสักคน
หน้าเซเลน่าเปลี่ยนสี
“อีหรอบนี้ อีกแล้วเหรอ!!!”
เธอตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดหัวใจพร้อมกับถอยหนีอย่างรวดเร็ว แต่เซเลน่าไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น เพราะเพียงพริบตาเดียวทั้งคนที่พุ่งมาและฝูงยุงจำนวนมากก็มาถึงตัวเธอแล้ว
โดยที่เซเลน่ายังไม่รู้ว่าคนที่พุ่งมาก็คืออนาสตาเซีย นางร้ายของเกมนี้นั่นแหละ พออนาสตาเซียเห็นเซเลน่าที่วิ่งยังกับเต่าเธอก็สีหน้าเปลี่ยนสี
ยัยนี่ถึงจะฉลาดแต่ทักษะทุกอย่างแทบอยู่ในระดับธรรมดาเลย อย่างน้อยก็ในตอนนี้น่ะนะ พอเห็นแบบนั้นอนาสตาเซียก็ถอนหายใจออกมา
ไม่อยากจะยุ่งกับตัวอันตรายแบบนั้นเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีทางเลือก
เธอดีดตัวไปกอดเอวเซเลน่าด้วยความเร็วที่แม้แต่เซเลน่าก็ตามไม่ทัน พร้อมกับพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
“อะไร— กรี๊ดดดด”
ก่อนที่เซเลน่าจะได้ตอบสนองเธอก็ถูกลากไปด้วยความเร็วที่ทะลุกำแพงเสียงจนหูอื้ออึงไปจนหมด
ยังดีที่เพราะเร็วเกินไปจนทำให้เสียงตะโกนของเซเลน่าไม่ได้เข้าหูอนาสตาเซียมากจนพอที่จะรำคาญ มองไปด้านหลังทุกอย่างที่ยุงนั่นบินผ่านก็กลายเป็นแห้งแล้งทันที
ถึงจะบอกว่าเป็นยุงแต่มันไม่ได้กินเลือดเหมือนยุงปกติ มันจะดูดสารอาหารจากสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ซึ่งไม่สนใจว่าจะเป็นสารอาหารแบบไหน
จริงๆ ร่างของมันจริงๆ เป็นแค่ก้อนเนื้อรูปร่างคล้ายไม่สามารถสร้างสารอาหารด้วยตัวเองได้ มันจึงวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อแย่งชิงสารอาหารสิ่งมีชีวิตอื่น
ชดเชยที่มันไม่มีอวัยวะที่จะเอาสารอาหารบางอย่างด้วยตัวเองได้นั่นเอง ทั้งอนาสตาเซียและเซเลน่ามองเห็นภาพด้านหลังก็ขนหัวลุก
“นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย ไปทำให้พวกมันโกรธขนาดนั้นได้ไง แล้วอีกอย่างไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย เอาฉันลงได้แล้ว”
ปกติเซเลน่าจะหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหากับนางร้ายคนอื่น โดยเฉพาะอนาสตาเซีย เนื่องจากเธอมีโอกาสอยู่ในรูทของอเล้กซานมากที่สุด
และตัวร้ายของรูทนี้ก็คืออนาสตาเซียนั่นเอง แน่นอนว่าอนาสตาเซียก็ไม่ได้ชอบเซเลน่า พอได้ยินเธอโวยวายก็ยิ่งหงุดหงิด
“หุบปากเธอไปเลย ฉันปล่อยเธอตอนนี้ก็ตายพอดีสิ คิดว่าใครช่วยเธอไว้ห้ะ”
“เรื่องนั้นมันก็เป็นเพราะเธอลากมันมาทางนี้ไม่ใช่หรือไง”
“แล้วหล่อนจะไปอยู่ตรงนั้นทำพระแสงอะไรล่ะ”
“ฉันจะอยู่ที่ไหนมันก็เรื่องของฉันสิ เธอเองนั่นแหละ เห็นคนอยู่ด้านหน้าไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปทางอื่นล่ะ”
“ไปทางอื่นฉันก็โดนมันตามทันพอดีสิ สมองมีไหมหล่อน”
ทั้งสองตะโกนด่ากันพร้อมกับหนีจนคอแทบแตก บัดนี้เป็นครั้งแรกเลยที่เซเลน่ายืนโต้เถียงกับอนาสตาเซียตรงๆ แบบนี้
ถึงจะไม่ได้ยืนอยู่ก็เถอะ และเพราะว่าแหกปากใส่กันอยู่แบบนั้นความเร็วของอนาสตาเซียเลยตกลงไปด้วย พร้อมกับหอบหายใจเพราะตะโกนมากเกินไป
ก่อนที่เซเลน่าที่เห็นฝูงยุงด้านหลัง เธอจึงตะโกนอีกรอบ
“ยัยบ้า มันจะตามมาทันแล้วนะ รีบไปสิๆ”
“เธอนั่นแหละที่เป็นตัวถ่วง ถ้าฉันทิ้งเธอไว้ฉันรอดไปคนเดียวได้สบายเลย”
พูดแบบนั้นแล้วอนาสตาเซียก็ทำท่าเหมือนจะปล่อยเซเลน่าลงจริงๆ เซเลน่าก็กลัวขึ้นมาบ้าง ถ้าต้องตายเพราะโดนยุงนับล้านตัวชอนไชไปทั่วร่างกาย..
มันสยองเกินไป สาวน้อยแบบเธอไม่อาจทนได้อย่างแน่นอน
“อย่าทิ้งฉันนะ ฉันขอโทษที่พูดแบบนั้น”
ว่าแล้วเซเลน่าก็กอดอนาสตาเซียเต็มแรง ในโลกนี้ผู้คนส่วนใหญ่มักมีศักดิ์ศรีสูงเสมอ ว่าไงดี.. เพราะทุกคนถูกปลูกฝังด้วยค่านิยมแบบนั้นมา
เลยทำให้ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ส่วนมากมักจะไม่ค่อยแสดงท่าทางที่ไร้เกียรติออกมา ยิ่งเป็นการพูดต่อหน้าคนที่พึ่งทะเลาะไปเมื่อกี้… นี่ยิ่งไม่มีทางจะทำกันแน่
จะว่าพูดให้ถูกก็คืออีโก้คนในโลกนี้ค่อนข้างสูงกว่าโลกเดิมอนาสตาเซียนั่นแหละ
แต่ถึงแบบนั้น.. เซเลน่าก็ทำมันได้อย่างไม่ลังเล
เธอไม่อยากตายนี่น่า
อย่างน้อยก็ไม่ตายเพราะเจ้ายุงที่น่าสยองนี่…..
“ยัยนี่.. เธอเป็นเซเลน่าจริงๆ เรอะ”
แน่นอนต่อให้เป็นอนาสตาเซียที่ไม่ฉลาดขนาดนั้นเองก็พอที่จะเอะใจกับท่าทางของเซเลน่าขึ้นมาแล้ว.. เธอที่รู้เพราะเล่นเกมมาหลายรอบว่าเซเลน่าเป็นคนแบบไหน
เธอไม่น่าที่จะพูดแบบนี้นี่น่า..
MANGA DISCUSSION