< < 50 > >
ผมเดินเข้าไปในร้านด้วยท่าทางเข้มขรึม
“ยินดีต้อนรับค่ะ!”
“—น่าย๊ากกก!”
“..เอ่อ”
ผมกระแอมเบาๆ
“ขออภัยครับ คือผมมีความประสงค์จะนั่งกินข้าวที่ร้าน”
“ค่า~ เชิญทางนี้เลยนะคะ”
โซเฟียยิ้มให้อย่างร่าเริงพลางนำทางผม—นี่อาจจะเป็นโซเฟียอย่างที่ควรเป็นก็ได้ ไม่ใช่โซเฟียที่ฝืนเป็นนักเลง ..
“จ้า”
ผมเดินตามและนั่งตามที่โซเฟียแนะนำอย่างว่าง่าย
“สักครู่หนูจะมารับออร์เดอร์นะ”
“ได้ครับผม”
หล่อนพยักหน้ารับทราบแล้วเดินไปบริการลูกค้าคนอื่นต่อ
“เก่งสุดๆ เลยแฮะ โซเฟียเนี่ย”
สกิลสูงมาก ผมเลือกเมนูด้วยรอยยิ้มในฐานะลูกค้า
“หนุ่ม หนุ่มเอ๊ย”
ลุงข้างโต๊ะเรียกผมด้วยท่าทางร่าเริง
“คะ ครับ มีอะไรหรือครับ? ”
“มาที่นี่ครั้งแรกเพราะหนูโซเฟียใช่มั้ยเอ่ย? ”
จะว่าอย่างนั้นก็ได้แหละ
“ประมาณนั้นครับ”
“อะฮะๆ ว่าแล้วเชียว ใครๆ ก็ถูกเสน่ห์ของหนูโซเฟียพามาทั้งนั่นแหละ เผลอๆ คนทั้งร้านถูกดูดมาเพราะหนูโซเฟียเลยด้วยซ้ำ”
เห๋~ สุดยอด
“โซเฟีย ..หมายถึงคุณโซเฟียเนี่ยเป็นที่รู้จักในละแวกนี่หรือครับ?”
“ไม่ใช่แค่รู้จักหรอก เธออยู่ในระดับคนยอดนิยมประจำตลาดเลย กล่าวได้ว่าตลาดแห่งนี้มีเธอเป็นหนึ่งในจุดเด่นก็ไม่แปลก”
สุดยอดกว่าที่คิดอีกแฮะ
“เธอเปรียบได้ดั่งนางฟ้า ..ไม่สิ นางฟ้ามาโปรดของจริงเลยละ”
“เรื่องนั้นเห็นด้วยเลยครับลุง”
ผมกับลุงหลับตานึกถึงวีรกรรมดีๆ ของโซเฟียกัน ..ก่อนจะจับมือ
“ยินดีต้อนรับสู่สมาพันธ์แฟนคลับ”
จู่ๆ ก็โดนดึงไปเฉยเลย–แต่ช่างมันเถอะ
“ถ้ามีสมาพันธ์แฟนคลับ ไอ้ผมก็ขอเข้าอย่างจริงใจครับ”
“ฮะๆๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วฟังวีรกรรมหนูโซเฟียหน่อยปะ?”
“ด้วยความยินดีครับ”
ตีสนิทไว้ก่อนดีกว่า
ว่าแล้วลุงแกก็เล่าเรื่องโซเฟียยาวเหยียด ให้สรุปคือ
1.โซเฟียจะเห็นคนแก่ข้ามถนนไม่ได้
2.โซเฟียจะช่วยเด็กหลงทุกครั้งตลอด
3.โซเฟียเป็นมิตรกับเด็กและคนแก่เป็นพิเศษ
4.โซเฟียตอนเผลอใช้คำหยาบจะรู้สึกผิด และนั่นคือตอนที่น่ารักฝุดๆ
5.โซเฟียช่วยคนเฉลี่ยวันละ 3 ครั้ง
6.โซเฟียเป็นเด็กฉลาดมาก
7.โซเฟียรู้กาลเทศะ รู้ว่าอะไรควรถามและไม่ควรถาม
8.โซเฟียเคยรับหน้าพวกนักเลงแทนเด็ก
9.ถึงปากโซเฟียจะบอกว่าไม่ชอบชุดเมด แต่พอขอให้ใส่ก็ใส่ด้วยความยินดี แถมบางครั้งยังแอบคิดว่าชุดเมดน่ารักดีด้วย
10.โซเฟียชอบของที่น่ารัก แต่ชอบทำฝืนชอบอะไรเท่ๆ
…สุดยอด
“เรื่องต่อไป”
“ยังจะมีอีกเรอะครับ”
“มาแล้วค่า”
โซเฟียเดินมาหาผมด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับวางข้ามผัดอเมริกันให้
“ทานให้อร่อยนะคะ” โซเฟียขยิบตาให้
“..ขอบพระคุณครับ”
ผมพนมมือไหว้โซเฟีย
“มะ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฮะๆ ”
หล่อนหัวเราะเบาหวิว ก่อนวิ่งไปรับออร์เดอร์ลูกค้าต่อ ..
“..ข้อเท่าไหร่ไม่รู้ โซเฟียยิ้มโคตรน่ารัก”
“ตาดีนี่หนุ่มเอ๊ย”
ผมตักข้าวผัดอเมริกันเข้าปากรัวๆ —บางทีข้าวผัดราคาไม่แพงนี่อาจจะอร่อยสุดในชีวิตผมแล้วก็ได้ เพราะได้บัฟพิเศษมา
ทำเอานึกถึงสมัยอยู่โลกเก่า ที่ว่างๆ ผมจะไปร้านเมดคาเฟ่ห์เพื่อกินข้าว พลางอาบรอยยิ้มของเหล่าเมดไปด้วย ..น่าคิดถึงจังนะ
คิดแล้วน้ำตาก็ซึม อยากร้องไห้ชะมัด
“นะ หนุ่มเป็นอะไรเปล่า? ”
“รู้สึกคิดถึงบ้านน่ะครับ ..นิดหน่อยเอง ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ข้าวมันอร่อยมากจนชวนคิดถึงบ้านเฉยๆ ครับ”
คนทางนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ โชคดีที่ผมไม่ได้มีครอบครัว ว่าอีกอย่างคือเป็นเด็กกำพร้าเลยไม่มีห่วงอะไรมาก นอกจากคนในค่ายมวยที่สังกัด ..พวกเขาเปรียบได้ดั่งครอบครัวเสมือนของผมเลยละ ตอนนี้อยู่กินกันยังไงบ้างนะ
แล้วคุณเมดที่ผมโอชิตอนนี้ยังสบายดีรึเปล่านะ
ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็น่าคิดถึงไปหมดเลย พอได้กินข้าวผัดอเมริกัน ..ของนางฟ้าเข้าไปเนี่ย
ผมเคี้ยวข้าวผัดอเมริกันด้วยรอยยิ้ม
“อร่อย อร่อยมาก”
ลุงมองอย่างเอ็นดู และนั่งเฝ้าดูผมกินข้าวผัดอเมริกันจนหมด
“ขอตัวกลับละ เมียๆ ลูกๆ น่าจะรอลุงกลับอยู่”
“ลุงแต่งงานแล้วหรือครับ?”
“ก็นะ” ลุงเกาแก้มแบบเขินหน่อยๆ “ก่อนหน้านั้นหย่ากันอยู่น่ะนะ แต่ได้หนูโซเฟียมาช่วยไว้”
“สุดยอด”
ผมกล่าวชื่นชมโซเฟียจากใจ ลุงโบกมือลาผมแล้วเดินกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม ..ลุงคือหนึ่งในคนที่ถูกโซเฟียช่วยไว้นี่เอง
ในนิยายต้นฉบับมีบอกแบบจางๆ อยู่บ้างว่าโซเฟียมักจะช่วยคนอื่นประจำ บางครั้งก็เรื่องใหญ่ระดับปัญหาครอบครัว หรือเรื่องทะเลาะข้ามแก๊งพวกนักเลงโซเฟียไปมีเอี่ยมหมด ถ้าให้เปรียบโซเฟียเหมือนพระเอกนิยายคงราวๆ ไอ้หนุ่ม oามิโจ๋ โทวoะ ละมั้ง แค่ไม่ได้มีอิมเมoิ้นเบรกเกอo์ แบบเขา
ยังไงก็ช่าง ตอนนี้ผมแค่สนุก ..ไม่ดิ ตูไม่ได้มาเพื่อหาความสุขเสียหน่อย มาเพื่อหาปัญหาที่โซเฟียเจออยู่ต่างหากเล่า
เมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดพลาดประการสำคัญ ผมเลยเอาหัวไปทุบกับโต๊ะเพื่อระงับความละอายใจ
จังหวะนั้นโซเฟียได้เข้ามาทัก
“คือ ..เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ”
“มะ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่เครียดกับทางเลือกที่ผิดพลาดของตนเองก็เท่านั้น ..ผมนี่มันไม่เอาไหนเลย”
“ไม่จริงหรอกค่ะ บนโลกนี้ไม่มีคนที่ไม่เอาไหนโดยไร้เหตุผลหรอกนะคะ”
…
“..นางฟ้า”
“ไม่ใช่ค่ะ ฮิๆ ” โซเฟียหัวเราะพึมพำ ..นางฟ้าชัดๆ “เป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้นค่ะ”
“ขอรอยยิ้มสวยๆ อีกรอบครับ”
“แค่ยิ้มไม่ว่ากี่ครั้งก็ให้ได้ค่ะ”
ว่าจบโซเฟียก็ยิ้มให้อีกครั้ง—นางฟ้าชัดๆ
“จะว่าไปคุณลุงมาจากเมืองไหนหรือคะ? ”
เรียกว่าลุงด้วยละ
“มาจากต่างเมืองน่ะ ผมมีงานที่อาณาจักรฟัฟนิร์พอดีน่ะนะ”
“สุดยอด คนต่างเมืองละ!”
“อืม ..มาจากชันไมน่ะครับ”
“ไกลมากเลยนะคะนั่น ฉันอยากไปเมืองชันไมสักครั้งจังเลย”
“เป็นเมืองที่ดีมากนะครับบอกเลย”
“ได้ยินมาบ้างคะ ไว้มีโอกาสจะลองไปดูนะคะ”
โซเฟียมองไปนอกตัวตลาด ที่ใกล้ๆ จะปิดกันหมดแล้ว
“เอ่อ คือ ..ฉัน ‘โซเฟีย’ นะคะ ทางคุณ”
ชื่อไรดีหว่า ยูนาช่วยคิดที
‘อดันแมน’
“ฉันอดันแมน”
ไม่รู้ทำไม แต่ชื่อเท่ชะมัด
“..ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณอลันแมน”
“ยินดีครับ”
“เช่นนั้น ถ้าไม่รังเกียจให้ฉันพาทัวร์ตลาดแห่งนี้ดีมั้ยคะ? ”
…ไม่แคร์คนอื่นเยอะไปเรอะนั่น
“ดูแลเอาใจใส่คนอื่นดีจังนะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ มันคืองานอย่างหนึ่ง”
แบบนี้นี่เอง
“ฝากด้วยครับ”
“ค่ะ”
ว่าแล้วโซเฟียก็นำทางผมไปทั่วตลาด ในทุกๆ ย่างก้าวของเธอจะมีคุณลุงคุณป้าที่ขายของอยู่ทักตลอดทาง บ้างก็ขอบคุณเรื่องที่ช่วยคราวก่อน บ้างก็ทักทายตามประสาคนรู้จักกัน บ้างก็เข้ามาให้ผลไม้หรือขนมที่ตนขายอยู่ หรือก็แซวว่าโซเฟียอาสาช่วยพาคนเที่ยวตลาดอีกแล้ว อนุมานได้ว่าโซเฟียพาทุกคนทัวร์เหมือนๆ กันกับผม
ทั้งหมดช่วยยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่าโซเฟียเป็นที่นิยมสุดๆ ในตลาดได้อย่างแน่นอน
“เป็นที่นิยมน่าดูเลยนะครับ”
“ทุกคนแค่แกล้งฉันเท่านั้นค่ะ โดยการเอาของมาให้จนต้องพกถุงมาหิ้วของตลอดเวลา”
ตอนนี้โซเฟียเก็บของทั้งหมดไว้ในถุงผ้าเย็บมือลายก้อนเมฆ
“แต่ไม่รังเกียจหรอกนะคะ การแกล้งแบบนี้น่ะ”
“นั้นหรือครับ”
“แค่จะลำบากใจในบางครั้ง เพราะฉันอยากเป็นจิ๊กโก๋น่ะ”
จิ๊กโก๋เหรอ อะไรทำให้โซเฟียอยากเป็นจิ๊กโก๋มันขนาดนั้นกันนะ
“ทำไมถึงอยากเป็นคนไม่ดีเหรอ? ”
“..ก็จิ๊กโก๋แข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ? ต่างกับการเป็นคนปกติหรือคนดีที่อ่อนแอ”
“จะว่างั้นก็ได้มั้งครับ”
“เพราะแข็งแกร่งนั่นแหละฉันถึงอยากเป็น—-จิ๊กโก๋ที่ปกป้องทุกคนได้เนี่ย เยี่ยมสุดๆ เลยไม่ใช่หรือคะ?”
โซเฟียโพ่งขึ้นด้วยรอยยิ้ม
..หมายความว่าแบบนี้เองเหรอ การเป็นคนดีมันอ่อนแอปกป้องใครไม่ได้ จึงมีแต่ต้องเป็นจิ๊กโก๋สุดแกร่งเท่านั้น
“..ใจจริงคุณอยากเป็นคนดีสินะครับ”
“พูดอะไรกันค่ะ ฉันอยากเป็นจิ๊กโก๋ตัวแม่ต่างหาก”
โซเฟียว่าเช่นนั้นพลางตบกล้ามแขนตัวเอง ที่ไม่มีกล้ามเลย ..กับโซเฟียในตอนนี้คุยกันได้สนุกสนานมาก—ต่างกับตัวผมในฐานะเรเซอร์ ..
“เฮ้ยๆ มามัวเอ้อระเหยอะไรอยู่กันวะ โซเฟีย!”
จู่ๆ เสียงคนทักก็ดังขึ้นกลางตลาด ชายร่างยักษ์สองเมตรเดินฝ่าฝูงชนมาทางผม พร้อมกับลูกน้องสองถึงสามคน
“ลูกหนี้มามัวเที่ยวอยู่ได้ไงวะ รีบๆ ทำงานมาใช้หนี้ได้แล้วเว้ย”
..หนี้?
ผมหันไปมองโซเฟีย
“..หรือว่า”
‘เรื่องมันเป็นมาอย่างนี้นี่เอง’ ยูนาถอนหายใจ
ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหน้าของโซเฟียก็พลันเปลี่ยนสี เธอดูหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
“พะ พูดอะไรน่ะ กำหนดจ่ายเงินมันอีกสองอาทิตย์ไม่ใช่รึไง”
“เพราะมัวแต่เที่ยวทำให้สัมผัสไม่ได้ถึงความจริงใจไงเล่า กับพวกที่ไร้ความตั้งใจน่ะต้องลงโทษ” ชายหัวหน้าแบมือมา “รีบๆ วางเงินส่วนของเดือนนี้มาได้แล้ว”
“..ยังมีไม่ถึงสักหน่อย”
…
“พวกนายเป็นเจ้าหนี้ของโซเฟียเหรอ? เธอไม่น่าเป็นคนที่ไปเป็นหนี้เป็นสินใครได้หรอกนะ ขอทราบได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผมถามออกไปตรงๆ ฝ่ายนั้นก็ตอบกลับตรงๆ
“ก็ไอ้พ่อบ้าของมันดันแพ้ศาลจนหมดเนื้อหมดตัว ต้องมากู้เงินนอกระบบนี่นะ คนลูกเลยต้องมาทำงานหาเงินมาใช้ด้วย”
ครอบครัวแพ้ศาลจนเป็นหนี้เป็นสินนี่เอง
โซเฟียเขม็งใส่เจ้าหนี้
“พ่อไม่ได้ผิดสักหน่อย ระบบศาลมันแค่ไม่เท่าเทียมเท่านั้นเอง”
“ไม่รู้คร้าบ~ พ่อหล่อน หรือศาลไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย รีบคืนเงินส่วนเดือนนี้ได้แล้ว”
“..จะไปมีให้ได้ไงละ”
โซเฟียหลบตาอีกฝ่าย ..เธอไม่มีให้จริงๆ
“ตกลงกันไว้ว่าอีกสองอาทิตย์ให้หลังไม่ใช่หรือไง”
“เป็นลูกหนี้มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้ด้วยเรอะ”
เจ้าหนี้เดินเข้ามาใกล้โซเฟีย หมอนั่นใช้ความสูงของตัวเองข่มโซเฟียและคนรอบๆ ที่ต้องการช่วยซะอยู่หมัด
“มีวิธีผ่อนปรนอยู่นะ”
“อะ อะไรก็ได้แล้ว ช่วยบอกที!”
“ร่างกายเธอดูมีราคาอยู่ ขายมันให้ทางฉันสิ”
…หา?
โซเฟียหน้าซีดเผือด ตาเธอล่อกแล่กไปมาราวกับเครื่องรวน
“..ที่พูดมันหมายความว่าอะไร”
“อย่างที่พูด ขายหน้าสวยๆ นั่นให้ฉันที แล้วจะยอมให้ผ่อนปรน”
“อย่ามาล้อเล่นนะ” โซเฟียกำหมัดแน่น ผงกหัวหนีชายเบื้องหน้า “แบบนั้นยอมได้ที่ไหน”
“อยากมีหนี้สินเพิ่มหรือไง?”
“…”
“ยังบริสุทธิ์อยู่สินะ? สละทิ้งไปเหอะน่า เก็บไว้ชิงโชครึไง”
ขณะที่เจ้าหนี้จะแตะไหล่โซเฟียนั้นผมก็เข้าไปตบมือนั่นทิ้งก่อน
“..มีอะไร ไอ้ลุง?”
“เงินที่ติดอยู่มีเท่าไหร่”
“สองหมื่น”
ผมยื่นเงินที่อีกฝ่ายต้องการให้ครบจำนวน
“ฉันจะจ่ายให้แทน”
“ขอบใจ—ก็บ้าแล้ว ไอ้เบื๊อกนี่!”
อยากได้ร่างของโซเฟียตั้งแต่แรกแล้วนี่เอง—-สถุลเอ๊ย
หมอนั่นเหวี่ยงหมัดมาข้างๆ หวังอัดเบ้าหน้าของผมให้กระจุย—-แน่นอนหมัดระดับนักเลงปลายแถว ง่ายจะคาดเดา และสวนกลับ
ผมเอียงคอหลบ ก่อนจะใช้หมัดเคาน์เตอร์สวนไป—-ปั้ง! เสียงหมัดราวกับระเบิดลงดังขึ้นสนั่นตลาด พร้อมกับร่างของไอ้เวรตรงหน้าที่ทรุดลงกับพื้น
“พับผ่าสิ เอาไป” ผมโยนเงินจำนวนสองหมื่นบนร่างที่ไร้สติ “พอใจยัง?”
ผมเขม็งใส่พวกลิ่วล้อจนพวกนั้นตัวสั่น แล้วพากันลากลูกพี่ตัวเองหนีไป …
โซเฟียมองไปมาระหว่างผมกับเจ้าหนี้ตัวเอง
“..ขอบคุณนะคะ เรื่องเงินจะหามาใช้ให้ภายในพรุ่งนี้เอง”
“สะดวกตอนไหนค่อยตอนนั้นก็ได้ครับ”
พูดไปตรงๆ ไม่ได้หรอกว่าสำหรับบ้านผมมันแค่เศษเงิน ..ขืนพูดไปเช่นนั้นมันจะเสียมารยาทเอา
“คือว่า”
สภาพของโซเฟียตอนนี้ซึมเอามากๆ เหมือนเธอจะกั้นน้ำตาตัวเองไว้อยู่ .
“..ดะ เดินเล่นต่อหน่อยเป็นไงครับ”
“…ค่ะ”
ผมกับโซเฟียเดินไปต่อ กระทั่งมาหยุดอยู่ที่แถวๆ สวนของตลาด ซึ่งคนไม่ค่อยพามากัน
“ผมขอนั่งพักหน่อยนะครับ”
“..ค่ะ”
ผมกับโซเฟียลงมานั่งกับเก้าอี้ม้าในสวนที่แสนเงียบเหงา มีเพียงน้ำพุเท่านั้นที่ยังคงมีแสงอยู่
“..เล่าให้ฟังได้นะครับ ไอ้ผมอีกไม่นานก็ต้องออกจากอาณาจักรฟัฟนิร์อยู่แล้วด้วย”
“..นั่นสินะคะ คุณอุตส่าห์ออกเงินแทนฉัน ถ้าไม่เล่ามันคงเสียมารยาท ..เข้าใจแล้วค่ะ”
“ไม่ได้บังคับนะ”
“พูดแบบนั้นมันก็เหมือนบังคับนั่นแหละ..ค่ะ”
..เหรอ
โซเฟียถอนหายใจ แล้วเริ่มเล่าให้ผมฟัง ตั้งแต่ต้น
****
เหมือนว่าบ้านของโซเฟียก่อนหน้านี้ไม่นานจะถูกโกงเงินเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้ต้องไปขึ้นชั้นศาลแต่ถูกโกงในชั้นศาลเพราะตระกูลอีกฝ่ายใหญ่กว่าระดับทาบกันไม่ติด ทำให้ตระกูลของโซเฟียเป็นหนี้เป็นสินหลายสิบล้านบาท
ทุกวันนี้มีเจ้าหนี้มาคอยทวงหนี้ตลอด เธอเลยต้องออกมาทำงานช่วยที่บ้านด้วย ..แม้จะเล็กน้อยก็ตาม
“..ลำบากแย่เลยนะครับ”
“ท่านพ่อ กับท่านแม่ลำบากกว่านี้อีกค่ะ ..” โซเฟียฝืนยิ้ม “จริงๆ แล้วฉันศึกษาอยู่โรงเรียนเวทมนตร์เรดฮอต เพราะสอบเข้าได้ทางบ้านเลยสนับสนุนกัน ..แต่จู่ๆ บ้านก็ดันมามีปัญหาการเงินแบบนี้เนี่ย ซวยเอามากๆ เลยเนอะค่ะ”
โซเฟียแหงนหน้ามองฟ้า
“ค่าเทอมของโรงเรียนมันแพงหูฉีกเลยละคะ ..ถ้ารีบลาออกตั้งแต่ตอนนี้ คงลดภาระได้เยอะเลย”
—เธอจะลาออกจากโรงเรียนเวทมนตร์
“ไม่ได้นะ!”
ผมโพ่งขึ้นอย่างสุดชีวิต—
“—จะออกไม่ได้นะโซเฟีย” ผมจับไหล่โซเฟียไว้ ..ก่อนจะปล่อยมือลง “…ไม่สิ”
ถ้าผมอยู่ในสถานะเดียวกับโซเฟีย ทางเลือกเดียวคือการลาออกนั่นแหละ แค่คำพูดมันช่วยอะไรไม่ได้หรอก
“ขอโทษที่พูดเอาแต่ใจนะ ..ช่วยทำเมินที”
“มะ ไม่หรอกค่ะ คุณอลันแมนช่วยฉันตั้งเยอะ จริงๆ แล้วฉันก็ไม่อยากออกเหมือนกัน เลยว่าจะขอสู้ดูสักตั้งน่ะคะ” โซเฟียตบกล้ามแขนอันน้อยนิดของตัวเองด้วยรอยยิ้มสุดจะฝืน “ที่โรงเรียนฉันมีเพื่อนที่สนิทอยู่ด้วย แถมยังมีคนที่ยังไม่ได้คืนดีกันอีก เพราะนั้นจะลาออกไม่ได้หรอก”
..คนที่ยังไม่ได้คืนดีน่าจะผมเอง
“เหรอ ..ผมว่าพวกเพื่อนๆ ก็ไม่อยากให้คุณโซเฟียลาออกเหมือนกัน”
“นั่นสินะค่ะ ถ้าไม่ได้คิดไปเองคนเดียวจะดีมากเลยค่ะ” โซเฟียยิ้มให้ “จะพยายามนะคะ”
…
โซเฟียลุกจากม้านั่ง พลันบิดขี้เกียจ
“ถ้านั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ คุณอลันแมน เป็นไปได้พรุ่งนี้ช่วยเจอกันที่ร้านด้วยนะคะ ฉันจะได้คืนเงินให้”
“…อ่า”
โซเฟียกล่าวทั้งรอยยิ้มแล้วเดินจากไป …หลังจากผ่านไปสักพัก—
‘—คิดจะทำอะไรต่อละคะ มาสเตอร์’
ยูนาเอ่ยขึ้น ..ของมันแน่อยู่แล้ว
ผมลุกขึ้นยืน และตรงไปหาคนคนหนึ่งที่เวลานี้อยากพบที่สุด–พูดให้
“ไปกันเถอะ ยูนา”
‘รับทราบค่ะ’
ผมตรงไปหา—ไอริส
ปล.ขอสอบถามทุกคนหน่อยนะครับ สมมุติว่าผมทำแพ็คเกจนิยายเนื้อเรื่องเสริมจำนวนร้อยกว่าหน้า จะมีคนซื้อหรือเปล่าครับ? เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับฟัฟนิร์และบักชินนะครับ อันนี้สอบถามไว้เฉยๆนะครับผม
MANGA DISCUSSION