เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 405
< < อัฟเตอสตอรี่ 5 Sec1 > >
ผม ลีโอ ดราแคล์ อายุ 15 ปี เป็นนักผจญภัยแรงค์ A ที่ออกเดินทางคนเดียว พูดให้ถูกน่าจะใกล้เคียงกับนักเดินทางมากกว่า เพียงแต่บ่อยครั้งก็รับงานจากกิลด์ในแต่ละพื้นที่ และออกไปปฏิบัติงานเพื่อหาตังค์มาใช้ ทั้งเดี่ยว ทั้งกับปาร์ตี้ชั่วคราวก็มีเป็นครั้งคราว
และคราวนี้เอง ผมก็เดินทางมาไกลถึง ‘อาณาจักรเกรล’ อาณาจักรแห่งตัวตุ่น แดนทะเลทรายที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์สุดแกร่ง ด้วยเขตุอันตรายที่เยอะกว่าที่อื่นๆ ทำให้ผมเดินทางอย่างยากลำบากจนกว่าจะมาถึงน่ะนะ
เหตุผลที่ผมต้องเดินทางมาไกลขนาดนี้ เป็นเพราะว่าผมถูกว่าจ้างในฐานะนักผจญภัยให้นำจดหมายมามอบให้กับ ‘ราชา’ ของอาณาจักรเกรลแห่งนี้ ..ซึ่งมีนามว่า ‘มาเจล’
ราวสิบกว่าปีก่อนได้ องค์ชายลำดับที่หนึ่งอย่าง ‘ลีออน’ ได้สละราชบังลังค์ และมอบมันให้แก่ มาเจล ซึ่งเป็นลูกชายต่างสายเลือดแทน และตัวเขาก็รับหน้าที่ที่ปรึกษาให้แก่มาเจลแทน
แน่นอนว่ามันเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความแตกแยก แต่มาเจลคนนั้นใช้เวลาไม่กี่ปี ในการทำให้คนใหญ่คนโตทั้งหลายเงียบปาก และทำให้อาณาจักรเกรลกลับมารุ่งเรืองสมกับเป็นหนึ่งในสี่มหาอำนาจตามควร ไม่สิ บางทีถ้าวัดแค่การพัฒนาแล้ว อาจจะรวดเร็วยิ่งกว่ามหาอำนาจคนอื่นๆหลายเท่า จนน่าสะพรึงกลัวทีเดียว
ทันทีที่ก้าวท้าวเข้ามาในเมืองหลวงของอาณาจักรเกรล ผมก็เบิกตาโพงกว้าง และพบกับดินแดนแห่งเทคโนโลยีที่ผสมผสานกับความโบราณ บ้านเรือนมีการตกแต่งที่เหมือนกับดินหรือหิน รวมถึงประติมากรรมมากมายเองก็ด้วย กระนั้นทั้งหมดก็ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเวทมนตร์ระดับสูง
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเวทมนตร์ อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ ‘อิกดราซิล’ เลยละ
ทำเอารู้สึกว่าอาณาจักรฟัฟนิร์ช่างแสนบ้านนอก ..ผมส่งสายตาไปมาอย่างตื่นเต้น
ภาพผู้คนขี่อุปกรณ์เวทมนตร์เคลื่อนที่รูปทรงคล้ายม้าไปมา ทำให้ผมประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้ เป็นการยากที่จะเห็นของพวกนี้ที่ทวีปฟัฟนิร์ หรือว่าทวีปแซร์อิซซึ่งผมพึ่งเดินทางผ่านมา
นอกจากนั้น สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดก็คือ ‘ปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้า’ ‘เกรล’ ที่พำนักของเชื้อราชวงศ์ และราชา –อย่างไรก็แล้วแต่ ผมจำเป็นต้องทำงานก่อน เลยรีบไปที่กิลด์นักผจญภัยตามเนื้อหางาน และรอคอยการมาถึงของผู้ว่าจ้าง …
“…”
“ท่าน ‘ลีโอ’ ใช่หรือไม่?”
รอได้ไม่นาน ผมก็พบเข้ากับชายตัวเล็กคนหนึ่ง ในชุดที่ไม่ได้แตกต่างกับขุนนางระดับสูงเลย ผมกล่าวทักทายตามมารยาทชั้นสูงของที่นี่
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ กระผม ‘ลีโอ’ ได้รับหน้าที่ฝากจดหมายมาจาก ท่าน ‘ฮุ่ยหมิ่น’ ครับ”
อนึ่ง การว่าจ้างคราวนี้เป็นการว่าจ้างผ่าน ‘ฮุ่ยหมิ่น’ ท่านเซียนที่คุณพ่อสนิทด้วยอีกที เขามอบหมายให้ผมนำจดหมายนี้มาให้ราชาของที่นี่ ไม่อย่างนั้น นักผจญภัยแรงค์ A ทั่วๆไปอย่างผม คงไม่มีสิทธิ์ได้เข้าพบระดับราชาหรอก
“ข้ามีนามว่า ‘โอลิเว่อร์’ จะขอนำทาง”
โอลิเว่อร์? โอลิเว่อร์คนนั้นน่ะเหรอ ..
‘ราชาผู้พิชิต โอลิเว่อร์ หนึ่งในวิญญาณระดับเทพที่เหลือรอด ปัจจุบันนี้เขาเป็นบริวารของราชาคนปัจจุบันของเกรลน่ะนะ แต่ว่าหายห่วง เขารักสงบไม่คิดมีปัญหากับใคร โดยปราศจากคำสั่งของผู้เป็นนาย อีกอย่างก็สูญเสียพลังในฐานะอดีตวิญญาณระดับเทพไปแล้วด้วย ไม่ใช่คนที่คุณลีโอต้องหวาดกลัวหรอกนะ’
ท่านเซียน ฮุ่ยหมิ่น พูดอธิบายเรื่องราวมากมายก่อนจะขอให้ผมรับงานนี้ไป
‘แตกต่างกับพวกวิญญาณระดับเทพคนอื่นที่เหลือรอด ที่สร้างปัญหาจนเป็นงานให้ท่านพ่อของเธอคอยดูแล โอลิเว่อร์น่ะ–ค่อนข้างใจดี และสามารถปรึกษาหลายต่อหลายเรื่องด้วยได้ ยิ่งกับเด็กที่มีความสามารถอย่างเธอ เขาน่าจะถูกใจนะ’
ราชาผู้พิชิต โอลิเว่อร์ คนที่ท่ายเซียนพูดถึง ..เห็นว่าหลังเหตุการณ์สงครามครั้งใหญ่ที่คุณพ่อมีเอี่ยวด้วย มันจะทำให้วิญญาณระดับเทพทั้งหมด กลับมามีชีวิตอีกครั้ง บ้างก็อยู่อย่างสงบ แต่บางส่วนก็ออกอาละวาดจนเป็นเรื่องใหญ่โต ให้องค์กรที่คุณพ่อดูแลคอยไล่จับ
เห็นว่าแม้แต่ปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนของวิญญาณระดับเทพที่เหลือรอดได้ทุกคนอยู่ดี และยังเป็นหนึ่งในงานที่พ่อยังต้องทำต่อไป
“เข้าใจแล้วครับ”
“เช่นนั้นก็ช่วยใช้ผ้าปิดตาอันนี้สักครู่นะครับ”
โอลิเว่อร์ยื่นผ้าปิดตามาให้ ผมดำเนินการณ์ตามขั้นตอน และรู้ตัวอีกทีก็โผล่มาอยู่ที่ปราการลอยฟ้า เกรล ซะแล้ว
“ให้ผมขึ้นมาถึงที่นี่เลยจะดีเหรอครับ”
ตามสถานะ เป็นแค่คนส่งจดหมายแท้ๆ
“ไม่มีปัญหาหรอก นายท่านของข้าก็อยากเจอท่านอยู่แล้วด้วย ถึงจะแค่บุญธรรม แต่ยังไงๆก็เป็นถึงลูกชายของชายคนนั้นนี่นะ”
“…”
ผมรู้สึกเหมือนโดนล่อหลอก บางทีงานที่ได้รับอาจจะเป็นแค่เหยื่อที่ใช้ล่อผมเท่านั้น ท่านเซียนฮุ่ยหมิ่น ต้องการจะทำอะไรกับผมกันแน่นะ ..
“ตามมาสิ”
“อ๊ะ ครับ”
ผมเดินตามโอลิเว่อร์ไปตามที่เขาสั่ง ระหว่างทางเต็มไปด้วยทหารที่ดูแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็ระดับนักผจญภัยแรงค์ B ทั่วๆ ไป
“ท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”
“เอ่อ”
“ข้าแค่สงสัยน่ะ นายท่านของข้า กับท่านพ่อของเธอค่อนข้างสนิทสนมกัน เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันในช่วงที่นายเหนือหัวของข้าขึ้นครองราชย์แรกๆ ก็ได้ชายคนนั้นคอยช่วยอยู่บ่อยๆ” โอลิเว่อร์หัวเราะพึมพำ “รวมถึงการสั่งสอนโดยพลการด้วยแหละนะ”
….สังหรณ์ใจไม่ดีเลย คงไม่ใช่ว่าพ่อของผมไปทำอะไรไม่ดีกับราชามาเจลเข้าหรอกนะ
“กะ ก็สบายดีนะครับ”
“ได้ยินแบบนั้นข้าก็ชื่นใจ”
“….”
“ชายที่เคยตบนายเหนือหัวของข้าเสียจนหัวทิ่มมานับครั้งไม่ถ้วนคนนั้น เห็นว่าสบายดีข้าก็ชื่นใจเหลือเกิน”
ท่านฮุ่ยหมิ่น ..ท่านส่งผมมาที่นี่เพื่อเหตุอันใดกันแน่!?
“อยากฟังรึเปล่า?”
ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ เขาก็พูดต่อเลย
“นายเหนือหัวของข้ามีความตั้งใจจะยึดครองโลกด้วยการไล่ยึดประเทศแหละนะ พอท่านพ่อของเธอรับรู้เข้าก็ยกโขยงกันมาตีกับนายเหนือหัวของข้าเสียยกใหญ่ จนต้องยกเลิกโครงการยึดครองโลกไปอย่างช่วยไม่ได้ แถมยังโดนด่าและสอนซะนายเหนือหัวของข้าน้ำตาตก จงต้องหันมาใช้ปัญญาของท่านผู้นั้นพัฒนาประเทศแทน ถึงผลลัพธ์มันจะดีเกินคาดไปไกล แต่ก็น่าเจ็บใจไม่ใช่น้อย”
“..หมายความว่าพ่อของผมชนะเหรอครับ?”
“นั่นสินะ ถึงที่เจอจะไม่ต่างกับโดนรุมก็เถอะ”
ได้ยินอย่างนั้น แทนที่จะรู้สึกแย่ที่ผมอาจโดนเอาคืนทบต้นทบดอกในส่วนของพ่อ แต่ผมกลับปลาบปลื้มแทน ..คุณพ่อสุดยอดจริงๆด้วย ถึงเขาจะบอกว่ารุมก็เถอะ แต่ชนะก็คือชนะ ผมดีใจจนเก็บสีหน้าไม่อยู่
“รักท่านพ่อคนนั้นน่าดูเลยนะ”
“ดูเป็นอย่างนั้นเหรอครับ?”
“..น่าเอ็นดูจริงๆ”
กล่าวจบ ประตูบานหน้าก็เปิด เหมือนว่าผมจะมาถึงหน้าห้องบังลังค์แล้ว—ประตูเปิดออก และพบกับคนราวสามคนที่ยืนอยู่ และนั่งอยู่
ทางซ้ายของบังลังค์มีชายผู้สง่างามคนหนึ่ง ทางขวามีเด็กสาวตัวเล็กคนหนึ่ง ..ซึ่งผมรู้จักเธอดี เพราะ ‘ฟัฟนิร์’ มหามังกรเพลิงคนนั้นพูดถึง และพามาคุยเล่นบ่อยๆสมัยผมยังเด็ก
มหามังกรปฐพี ‘เกรล’ นั่นเอง และบางที คนทางซ้ายของบังลังค์น่าจะเป็น ‘ลีออน’ ที่ปรึกษาของราชามาเจลคนนั้น และสุดท้าย …ราชาผู้ปกครองอาณาจักรเกรลแห่งนี้ ผมกลืนน้ำลายดังอึก และเดินไปต่อโดยไม่มองหน้าเขา จนกว่าจะได้รับอนุญาติ เมื่อไปถึงหน้าบังลังค์แล้วผมก็นั่งคุกเข่า และรอคอยสัญญาณ
“เงยหน้าขึ้นเถอะ ลูกชายของไอเวรนั่น”
สัมผัสได้ถึงความเกลียดชังจากราชา นั่นทำเอาผมตัวสั่น
“ขะ ขอรับ ..กระผมนามว่า ‘ลีโอ ดราแคล์’ มาที่นี่ตามคำสั่งของท่านเซียน ฮุ่ยหมิ่น ครับผม”
เมื่อเงยหน้าไป ผมก็พบกับชายผมยาวสีน้ำตาลออกทองหน่อยๆ สวมแว่น และใส่ชุดที่อลังการณ์งานสร้างสุดๆ ระดับที่ราชาจากฟัฟนิร์ยังเทียบไม่ติด ดูสง่างามแบบตั้งใจจนเกินพอดี พูดตามตรง การแต่งตัวเว่อร์เกิน ทั้งผ้าคลุมสีแดง ทั้งเครื่องประดับมากมาย
และใช่ สิ่งเสียมารยาที่ผมคิดไม่สามารถพูดออกมาได้อยู่แล้ว
“เรอะ ถ้านั้นก็รีบๆส่งจดหมายมาซะ”
ผมรีบคว้าจดหมาย มอบไปให้ลีออนที่เดินมารับคนนั้น เขานำจดหมายไปส่งถึงมือมาเจลก่อนกลับมายืนในที่ที่เดิม
มาเจลนั่งอ่านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยำจดหมายทิ้ง และโยนลงถังขยะ .. ใช่ มีถังขยะดีไซน์สุดจะบ้านๆอยู่ในห้องบังลังค์สุดหรูหรา รสนิยมการตกแต่งแปลกมาก
“ให้ได้แบบนี้เซ้ เจ้า ‘อีสเตอร์’ สร้างเรื่องเก่งจริงๆ”
.. ‘ผู้กลืนกินมนุษย์’ ‘อีสเตอร์’ ราชันย์มอนสเตอร์ตัวสุดท้ายที่อยู่ในการดูแลของราชาแห่งเกรล จากที่ท่านฮุ่ยหมิ่นบอก สถานะของอีสเตอร์ไม่ต่างกับบริวารของราชามาเจลเลย
“เจ้าดราแคล์ JR เอ่ย มีงานจะมอบหมายให้เจ้า แต่เดิมฮุ่ยหมิ่นมันก็เสนอมาทางจดหมายอยู่แล้วด้วย แต่คิดว่าเจ้าน่าจะยังไม่ทราบ ถ้านั้นฉันจะบอกให้เอาบุญจะได้ไม่หาว่าบังคับกัน”
“ขอรับ”
“ไปเป็นผู้ช่วยของข้าในการจับ อีสเตอร์ ซะ เจ้านั่นน่าจะอาละวาดอยู่แถวๆ ‘แดนนรกกินคน’ ตอนนี้น่าจะยังไม่มีผู้เสียหาย”
…หา?
ราชามาเจล ลุกขึ้นยืน และออกเดินผ่านผมไป
“เร็วๆหน่อยเซ้”
“ดะ เดี่ยวก่อนนะครับ ไม่มีอยู่ในข้อตกลงนะ อีกอย่าง–ระดับราชันย์มอนสเตอร์ ผมจะไปทำอะไรได้”
“ก็ฮุ่ยหมิ่นมันฝากเจ้ามา บอกว่าวางใจได้เลย”
…คนๆนั้น ทำอะไรตามใจตัวเองอีกแล้ว เขาชอบทำเหมือนผมเป็นของเล่นอยู่ตลอดเลย ยังไงซะ เรื่องในคราวนี้ยังไงๆผมก็ต้องปฏิเสธไป การต่อสู้กับ มอนสเตอร์แรงค์ S ไม่ใช่อะไรที่คิดจะทำก็ทำได้เลย ผมไม่ได้เก่งขนาด ‘คุณเคียวยะ’ หรือคุณพ่อที่ต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับนั้นได้ แบบสู้ไปหาวไปได้
แถมยังเป็นระดับราชันย์มอนสเตอร์ ที่เป็นแรงค์ S ในหมู่ แรงค์ S อีกทีอีก ไม่ว่ายังไงก็–
“เห้ยๆ คงไม่ใช่จะปฏิเสธหรอกนะ อ้าย ดราแคล์ JR” มาเจลแสยะยิ้ม “คิดว่าตัวเองแบกรับนามสกุลของใครไว้อยู่กัน? ถ้าคิดจะหนีเนี่ยบอกเลยนะว่าอายพ่ออายแม่มันจริงๆ คิดจะทำให้ เจ้าเรเซอร์ ดราแคล์ กลายเป็นคนที่น่าอับอายยิ่งกว่าเดิมหรือยังไงกัน?”
กลายเป็นคนที่น่าอับอายยิ่งกว่าเดิม?
“เหอะ ลูกของพวกขี้รุมยังไงๆก็ขี้ขลาดเหมือนกันสิท่า ก็ได้ๆ อยากรีบกลับบ้านไปซบอกพ่อจ๋าก็รีบๆไปซะสิ ข้าอนุญาติให้หนีนะ ดราแคล์ JR เอ่ย”
“…ถอนคำพูดซะ”
ผมลุกขึ้นยืน และชักดาบออกมาชี้ใส่หน้าของมาเจล
“ลีโอ—ห้ามชี้มันใส่ราชา” ลีออนตะโกนขึ้น
ทันใดนั้นเกรลก็พุ่งมาตามสัญชาตญาณบริวาร และใช้มือขวาซัดใส่ผมสุดแรง ผมปัดป้องการโจมตีหนึ่งจังหวะอย่างสมบูรณ์แบบด้วยปลายฝักดาบ จากนั้นก็ใช้ปลายดาบเฉือนหน้าที่กลางร่าง และใช้มือข้างที่ว่างอัดหมัดเข้าใส่ร่างซ้ำ ทำให้เลือดพุ่งออกมา และส่งเกรลกลิ้งไปมากลับพื้นนับหลายสิบเมตรจนชนเข้ากับกำแพง จากนั้นผมก็หันปลายดาบเข้าใส่มาเจลอีกครั้ง
“คิดว่าพูดดูหมิ่นคุณพ่อแล้วมันจะจบได้ง่ายๆหรือไงกันครับ ไม่จบแค่ขอโทษหรอกนะครับ บังอาจมาดูถูกคุณพ่อได้ลงคอ ..ทั้งๆนี้เขาคนนั้นเป็นคนที่สุดยอดยิ่งกว่าใครแท้ๆ ไม่คู่ควรจะต้องมาโดนราชาที่กะอีแค่เซ้นท์การแต่งตัวยังไม่มีแบบคุณมาต่อว่าหรอกนะ!! จะเพื่อนเก่าหรืออะไรผมไม่สนแล้ว ต่อให้ต้องทะเลาะกับท่านฮุ่ยหมิ่นทีหลัง แต่ผมจะสั่งสอนคนที่กล้ามาดูถูกคุณพ่อเอง!!”
ห้องบังลังค์เงียบไปจากการด่าราชาโดยตรงของผมอยู่พักหนึ่งได้ จนกระทั่งเกรลเดินกลับมาประจำที่ในสภาพที่เลือดกำเดาไหล และมองค้อนผม ..
“ผมไม่คิดว่าจะแพ้หรอกนะ”
เกรลทำท่าจะเข้ามาสู้ต่อเมื่อถูกข่มขู่ ทว่า ที่ปรึกษาอย่างลีออนก็เข้ามาขวางไว้ก่อน
“เกรลยังไม่ได้ว่าพ่อเธอสักคำเลยนะ ลีโอ คนที่ว่ามันพี่บ้าของฉันต่างหาก ..แล้วก็มาเจล เลิกแกล้งลีโอดีกว่าน่า ขืนทำต่อได้วุ่นวายกันใหญ่จริงๆแน่ พวกเราไม่ได้พร้อมรับมือกับคนที่แกร่งขนาดนี้ในระยะนี้หรอกนะ อีสเตอร์ก็ไม่อยู่ด้วย ช่วยทำอะไรกับนิสัยปากดีของตัวเองแบบพร่ำเพรื่แสักทีเถอะนะ ถือว่าฉันขอ”
โอลิเว่อร์ยิ้มอย่างพึงพอใจ ส่วนลีออนถอนหายใจเฮือกโต มาเจลก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮาๆๆๆๆ ก็แข็งแกร่งดีไม่ใช่รึไง! จะมามัวร์ป็อดแหกทำไมเล่า กะอีแค่มอนสเตอร์แรงค์ S ไม่น่าคณามือเธอหรอกนะ ถึงขนาดกล้าขู่ยัยนี่เนี่ย”
“…..”
“จะถอนคำพูดให้ แล้วไม่ใช่แค่นั้น จะตบรางวัลให้อย่างดีเลย–ไปพาตัวอีสเตอร์ กลับมาให้ฉันทีสิ ลีโอ”
เขาเลิกเรียกผมว่า ดราแคล์ JR และรู้สึกได้ถึงความไว้เนื้อเชื่อ
“..ผมเหมือนคนที่จูงจมูกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ตรงไหนที่ไม่เหมือนล่ะ?”
“..เข้าใจแล้ว แต่ช่วยถอนคำพูดด้วย”
พอกลับมาตั้งสติได้ ผมก็รู้ว่าตัวเองควรทำตามที่มาเจลขอ ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องที่ท่านฮุ่ยหมิ่นคนนั้นรับฝากมา ไม่มีอะไรที่สูญเปล่าหากเป็นคำสั่งของเขา ..แต่ว่าถึงขนาดใช้คุณพ่อมาเป็นตัวล่อเนี่ย มันเกินไปหน่อยนะ
อีกอย่าง ถ้าดันทุรังมีเรื่องต่อ เกรลที่มีพลังแค่ 1/10 คนเดียวผมสามารถรับมือได้ง่ายๆ แต่ว่าถ้าโดนรุมหลายคนเข้า หรือว่าเกรลเรียกเอาพลังจากปราการเคลื่อนที่กลับคืน ผมก็คงจะเป็นฝ่ายเละแทน
ผมเก็บดาบเข้าที่ที่ควรอยู่ แต่ว่า–เลือกจะยืนเท้าสะเอวต่อหน้าราชาแห่งเกรลแทน
“รีบๆนำทางไปซะสิ มาเจล”
ผมตัดสินใจทิ้งมารยาทที่ควรมีต่อราชาไปจนหมด