เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 316
< < 198 Sec1 > >
ในไม่ช้าก็เร็วควีนจะยกพวกมาหาเรื่องผม จากเรื่องนี้ทำให้รู้ว่าสังคมคนคุกเป็นสังคมที่ค่อนข้างโหดร้ายทีเดียวครับ
ทันทีที่ถึงรุ่งเช้า ผมได้ใช้อำนาจของดาวดาราเด่นตัวเองในการถือวิสาสะไม่ทำงาน และไปคุยกับผู้คุมขังเพื่อทำเรื่องของให้ปลดล็อคปลอกคอเวทมนตร์ที แต่ไม่เป็นผล เหมือนว่าอำนาจของควีนจะมากระดับขัดขาดาวดาราเด่นที่ไม่มีอะไรเลบแบบผมได้ง่ายๆ
เพราะเป็นช่วงเช้า ต่อให้มีอำนาจมากขนาดไหนก็คงเคลื่อนไหวโจ่งแจ้งไม่ได้ จึงคิดว่าควีนน่าจะบุกหาผมในช่วงดึก จำเป็นต้องเตรียมตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อโค่นมาเจลผมได้สูญเสียมานาแทบทั้งหมดที่เก็บเอาไว้ไปแล้ว ด้วยเหตุนั้นผมจึงนั่งสมาธิอยู่ในห้องขังเพื่อควบคุมการไหลเวียนในร่างกาย นำมานาส่วนเล็กส่วนน้อยไปสมทบกับถังมานาที่ผมพึ่งระเบิดทิ้งไปเมื่อวันก่อน
การต่อสู้กับควีนผมคิดว่าไม่น่ายาก แต่มันอาจมีหลายๆปัจจัยที่ผมต้องพึ่งพามานา และมันจะเป็นปัญหาเอาหากเจอสถานการณ์ที่ว่า
“มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“จริงๆนะคะ?”
“ครับ”
ตั้งแต่ที่ผมเริ่มทำสมาธิ คุณอลิซาเบธก็เดินวนไปมา ลุกๆนั่งๆ รอบตัวผม จนบางทีก็ชวนให้เสียสมาธิ
“เป็นอะไรไปเหรอครับ”
“เป็นอะไรที่ว่า?”
“…ดูกระตือรือร้นผิดปกติครับ”
“ค่ะ เพื่อเตรียมตัวเรื่องไม่ดีที่อาจจะเกิดขึ้น ฉันจำเป็นต้องคอยปกป้องคุณยูจิ—”
“ผมไม่ได้ไว้ใจคุณขนาดยอมให้ปกป้องหรอกนะครับ”
……
“ขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ เช่นนั้นเดี่ยวฉันไปทำธุระข้างนอกนะคะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคุณอลิซาเบธเดินออกจากห้องขังไป ส่วนผมก็เข้าสู่ห้วงลึกของการควบคุมเส้นทางไหลเวียนมานา …
****
ภายในคัลเซเรม เขตุการปกครองของควีน
“มาเจลปัญญาพระเจ้า”
ควีน ดาราดาวเด่นที่ 5 ได้เดินเข้าไปทักทายกับอดีตดาราดาวเด่นซึ่งโดนเตะลงจากบังลังค์ ขณะนี้มาเจลถูกสวมด้วยปลอกคอ และเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลต่อยตี
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันจ๊ะเนี่ย?”
“แค่บังเอิญโดนพวกขี้อิจฉาหาเรื่อง”
ด้วยนิสัยอย่างนี้ของมาเจล ทำให้มีคนหมันไส้เขาเยอะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเจ้าตัวเป็นถึงดาวดาราเด่น ทั้งยังเป็นคนที่จัดว่าอยู่ในหมวดหมู่แข็งแกร่งจนน่าอัศจรรย์ในคัลเซเรมด้วย นอกจากดาวดาราเด่นสามลำดับแรกแล้ว เขาน่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งของคุกนรกแห่งนี้
แต่พอโดนปิดผนึกความสามารรถไป เวทมนตร์ และวิญญาณระดับเทพโดนปิดผนึก พลังกายที่น้อยอยู่แล้วก็โดนลดลงไปอีก ไม่ต้องพูดถึงทักษะการต่อสู้อย่างอื่นเลย มาเจลตอนนี้ต่อยแพ้กระทั่งนักโทษปลายแถว
ในเวลาแค่วันเดียว สภาพมาเจลได้เปลี่ยนจากจ่าฝูงกลายเป็นหมาขี้แพ้
และควีนที่อาศัยอยู่คนละเขตุก็ได้มาเยี่ยมมาเจลช่วงยามเที่ยงของวัน
“จะมาซ้ำตอนรึไง?”
“แค่เจรจาธุรกิจน่ะจ๊ะ”
“ให้ตายก็ไม่มีทางไปเป็นหมารับใช้ให้คนอย่างแกหรอก ไสหัวกลับไปซะ”
“รู้อยู่แล้วจ๊ะว่ามาเจลไม่มีทางก้มหัวให้ใคร ถึงได้บอกว่าจะเจรจาธุรกิจที่ต่างฝ่ายต่าง วิน-วิน แทนไงจ๊ะ” ควีนลูบแก้มของมาเจลด้วยมือขนาดยักษ์ “จะไม่มีการใช้อำนาจของดาวดาราเด่นทำอะไรทั้งนั้น เพราะมันเปล่าประโยชน์กับมาเจลผู้มากล้นด้วยความทะเยอทะยาน”
มาเจลปัดมือนั้นออก
“เนื้อหา?”
“อยากให้ร่วมศึกบุกถล่มยูจิในคืนนี้น่ะ ถ้าเกิดพวกเราชนะ จะมอบตำแหน่งดาวดาราเด่นคืนกลับมาให้มาเจลเองจ๊ะ”
“…อย่าบอกนะว่า แกเห็นเจ้าขี้ข้านั่นอันตรายกว่าฉันน่ะ? แทนที่จะต้องรอรับคำท้าของไอ้หมอนั่น สู้ให้ฉันเป็นคนมาหาเรื่องแกมันจะง่ายกว่าว่านั้น?”
ข้อเสนอนี้มันไม่ต่างอะไรกับยื่นมือไปให้ศัตรูอย่างมาเจล และนั่นก็ค่อนข้างเสียมารยาททีเดียว คล้ายว่าควีนกำลังจะบอกว่าแทนที่จะสู้กับยูจิที่อันตรายสุดๆคนนั้น สู้ร่วมมือกับมาเจลเพื่อโค่นยูจิ แล้วค่อยมาสู้กับมาเจลอีกทีง่ายกว่ามาก
“หรือจะไม่เอา?”
มาเจลกอดอกครุ่นคิดเพียงชั่วขณะเดียว
“ทางนี้จะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวอันตรายของจริง”
“ได้ยินอย่างนั้นก็ชื่นใจจ๊ะ”
ควีนยื่นมือให้มาเจล มาเจลตอบรับมือนั้น เป็นอันตกลงให้ความร่วมมือ
****
ยามราตรีได้มาถึง ผมลืมตาตื่นขึ้น พร้อมกับถังมานาขนาดเล็กที่เรียกมาได้เท่าเดิมแล้ว น่าเสียดายที่หากมีเวลามากกว่านี้สักสองสามวัน ผมคงจะสร้างถังมานาขนาดใหญ่พอใช้งานได้ แต่เวลามันถูกบีบรัดจน ..ได้แค่นี้
ผมลืมตาตื่น และลุกขึ้นยืนอันซ้ายขวาไปมา พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องคุมขังนี้เลย
คุณอลิซาเบธหลังจากที่ผมขึ้นเป็นดาวดาราเด่น ผมก็แต่งตั้งให้เธอเป็นนักโทษชั้นพิเศษ ทำให้เธอออกไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบแล้ว การตัดสินใจห่างออกจากผม เพื่อไปหาที่ที่ปลอดภัยอยู่จึงเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“ขอโทษนะ ออร่า ไม่ว่ายังไงผมก็ ..”
ไม่อยากจะยืมมือใครทั้งนั้น
ถึงเวลาแล้วก็คว้าดาบไม้ที่ขอเอาไว้ ก่อนลุกขึ้นยืน และเดินออกจากห้องขุมขัง—สิ่งแรกที่ลอยมาก็คือวิถีดาบของคนสองคน ทั้งซ้ายและขวา ตามด้วยพลหอกที่พุ่งแทงเป็นทางตรง เหมือนว่าจะใช้วิชาไสยศาสตร์อำพรางเอาไว้ทำให้ไม่เห็นร่างใครเลยในทีแรก
ผมเอียงตัวหลบทุกการโจมตีด้วยการเคลื่อนไหวอันน้อยนิด จากนั้นก็เตะแขนของนักโทษคนหนึ่งจนดาบหลุดมือ ผมคว้าดาบเล่มนั้น ก่อนจะใช้มืออีกข้างซึ่งถือดาบไม้เอาไว้เหวี่ยงสุดแรง
ร่างของทั้งสามคนปลิวไปกับแรงกระแทกของดาบไม้ ผมเดินไปต่ออย่างไร้ความกังวล และพบกับกำแพงมนุษย์ล้อมรอบทุกๆทางทั้งหน้าหลัง
“คนของควีนเยอะจังเลยนะครับ”
“ย๊ากกก!!!”
ผกยกดาบมีคมที่ปล้นมาขึ้นฟ้า และเหวี่ยงออกเป็นทรงกลม
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ทั้งโล่และร่างของนักโทษพากันกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว ผมอาศัยจังหวะนั้นวิ่งผ่านผู้คนออกจากมุมอับ
ใช้เวลาไม่นานผมก็วิ่งทะลุมาถึงกลางโรงอาหาร สิ่งแรกที่พบก็คือนักโทษที่ตั้งวงล้อมผมเป็นขั้นบรรได และชั้นบนสุดของโรงอาหารก็มีผู้นำของเหล่านักโทษยืนมองมาจากที่สูง
“..ควีน”
ควีนอยู่ในจุดที่สูงที่สุด รายล้อมด้วยนักโทษที่ดูมีฝีมือจากสูงไต่ไปต่ำมาถึงจุดที่ผมยืนอยู่
“อำนาจเป็นสิ่งที่วิเศษว่ามั้ยจ๊ะ?”
“….”
“ทำหน้าซะตึงเครียดเชียว ไม่ต้องคิดมากหรอกนะจ๊ะ ต่อให้จับยูจิมาได้ก็ไม่คิดจะทำเรื่องไม่ดีหรอกนะจ๊ะ ให้สัญญาเลยละ”
“ผมจะไม่แพ้ครับ”
กล่าวจบ คนๆหนึ่งจากในกลุ่มของควีนก็วิ่งเข้ามา ชายผู้นั้นถือดาบยาวเล่มหนึ่งมาและเหวี่ยงใส่ผม บอกได้เพียงแค่ว่าเป็นวิชาดาบที่งดงาม
ผมเอียงตัวหลบจังหวะดาบสามจังหวะนั่น และสวนกลับด้วยดาบไม้ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายใช้ขาเตะเข้าที่ดาบไม้เต็มแรงจนหัก ผมจึงมีตัวเลือกเพียงดาบมีคมเล่มเดียว—ผมแทงดาบสวนกลับอีกฝ่าย ในจังหวะที่มีช่องว่างพอดี
แม้จะเป็นดาบที่ยอดเยี่ยม อาจจะเป็นนักดาบขั้นบรรลุเลยก็เป็นได้ แต่ยังห่างชั้นกับเทพดาบมากหลายขุม
จังหวะนี้ไม่มีทางพลาดเป้า—ทว่า จู่ๆคลื่นสีรุ้งก็ได้พัดเข้ามา ทำให้วิถีดาบของผมเปลี่ยนไป
“—ทะเลสีรุ้ง?”
มาไดัยังไงกัน ผมหันไปสบตากับมาเจลซึ่งอยู่ในฝูงชน และนั่นก็ทำให้ผมพลาด โดนชายตรงหน้าแทงเข้าที่ไหล่ขวาในชั่วอึดใจเดียว โชคยังดีที่ผมรู้สึกตัว และกระโดดหนีได้ทันการณ์ ทำให้ไม่ได้รับบาดแผลสาหัส
ผมกับชายตรงหน้าจ้องหน้ากันในยะห่างราวๆสามเมตร หากตั้งใจ ผมสามารถเคลื่อนตัวไปแลกดาบกับเขาได้ภายในวิเดียว ด้วยระยะแค่นี้
“….”
“ควีน วิชาดาบของเด็กคนนี้เหมือนจะเหนือกว่าผมเยอะเลย”
ควีนได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา
“ไม่ใช่แค่เป็นผู้ใช้ ‘วิญญาณระดับเทพ’ อย่างเดียว ยังเป็นถึง ‘นักดาบ’ ที่เหนือกว่าขั้นบรรลุพื้นๆ และยังเป็น ‘จอมเวทย์’ ที่ยิ่งใหญ่ด้วย ถึงจะถูกจำกัดพลังเอาไว้ด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ แต่ก็หาทางรอดให้ตัวเองแสดงประสิทธิภาพออกมาได้ ถึงขนาดโค่นมาเจลปัญญาพระเจ้าได้ .. เธอใช่ตัวตนที่เขาเรียกขานกันว่า ‘ผู้วิเศษ’ รึเปล่า?”
ดูเหมือนว่าควีนจะไปสืบข้อมูลของผมมาในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้รู้เบื้องหลังของผมไม่มากก็น้อย ผมเลือกจะไม่ตอบคำถาม แต่ควีนใช้สายตาที่เฉียบคมของตัวเองจนมองทะลุ
“หยุดยั้งแผนของภัยพิบัติ ‘เรน’ สังหารมอนสเตอร์แรงค์ S ‘มังกรนภา’ ด้วยตัวคนเดียว ถึงจะไปแพ้ให้กับ ‘เทพดาบ’ แต่เธอก็ยังเป็นตัวตนที่แสนวิเศษซะจนน่าขนลุกอยู่ดี”
…..
“สีหน้าแบบนั้นตรงตามที่ได้ข้อมูลมาเลยสินะ ให้พูดถึงข้อเสียคือเก็บสีหน้าไม่ค่อยเป็นนี่เอง”
ผมเบิกตาโพลงกว้าง กัดฟันกรามแน่น และพุ่งเข้าใส่นักดาบตรงหน้า
“ฉัน ‘เควิน’ เป็นมือขวาของควีนตั้งแต่อยู่นอกคัลเซเรมแล้วละ ยินดีได้มาเป็นคู่มือให้กับเธอนะ”
นักดาบนาม ‘เควิน’ ตั้งท่าดาบวิชาดาบ
“[ดาบประกายแสง]”
“[ดาบประกายแสง]”
ผมเร็วกว่ามาก เร็วกว่าชนิดที่เทียบกันไม่ติด แต่ดาบของคนๆนั้นกลับส่งมาร่างของผมก่อน ผิดกับดาบของผมที่พลาดเป้าไป
ไม่ใช่อะไรอื่นเลย–คลื่นสีรุ้งมันเข้าปกคลุมทั่วทั้งอาณาเขตุอยู่ ทุกการโจมตีของผมจึงพลาดเป้า และทุกการโจมตีของศัตรูจะไม่มีวันพลาดเป้า
ทางเดียวที่จะหยุดวงจรนี้ได้คือต้องรีบทะลวงไปโค่นคุณมาเจลซะก่อน แต่ว่านักดาบตรงหน้าผมไม่ได้อ่อนแอ
นับแค่วิชาดาบ อาจจะเหนือกว่าคุณเรย์เวลานี้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นเขาที่ได้รับทะเลสีรุ้งมาช่วยซัพพอร์ตแล้วยิ่งถูกยกระดับเข้าไปใหญ่
“โทษทีนะที่ต้องใช้วิธีแบบนี้ จริงๆแล้วก็อยากสู้ให้รู้ผลแบบเท่าเทียมกัน แต่ว่า–ติดที่ควีนของฉันอยากจะเอาชนะให้ได้น่ะนะ”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกครับ–”
สู้แบบนี้ไปเรื่อยๆก็มีแต่จะบั่นทอนพลังกายไปจนหมด เพราะอย่างนั้นผมต้องรีบจัดการตัวปัญหาอย่างคุณมาเจลเป็นลำดับแรก
ผมกำดาบแน่น ก้าวเท้าไปข้างหน้า และ–ระเบิดถังมานาของตัวเอง
…..
….
ทว่า สิ่งต่อมาที่ได้รับก็คือร่างที่ปักด้วยธนูกว่าสิบดอก รอยฟันขนาดยักษ์ที่กลางหลัง และแผลใจไหม้จากเวทย์เพลิงสามจุด
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ด้วยความสามารถของทะเลสีรุ้งทำให้ผม ..ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้จะระเบิดถังมานาออกมาก็เปล่าประโยชน์
“..แฮก..แฮก”
มืดแปดด้านแล้ว
เตรียมตัวแค่วันเดียวมันไม่พอจริงๆด้วย ถ้ามีแค่คุณเควิน และคุณมาเจล ผมคงจะชนะ แต่ว่านักโทษคนอื่นๆที่เป็นลูกน้องของควีนเมื่อมีจำนวนมากๆเข้าผนวกกับการยกระดับด้วยทะเลสีรุ้งก็ทำให้ตัวผมหมดหนทางชนะโดยสมบูรณ์
กระนั้น .ผมก็แพ้ไม่ได้อยู่ดี
ผมยกดาบขึ้นมา และตั้งท่าดาบ
“เหลือจะเชื่อเลยนะครับที่ยังไม่ยอมแพ้เนี่ย”
“…”
ผมไม่พูดไม่จา วิ่งเข้าใส่อีกครั้ง คุณเควินวิ่งสวนเข้ามา พร้อมกับออร่าสีรุ้งที่ปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย—-ในจังหวะก่อนที่จะลงดาบ
เคียวที่มีรูปร่างน่าหยะแหยงพุ่งแหวกอากาศลงมาข้างล่าง มันเกี่ยวเข้าที่ท้องของคุณเควิน ยกร่างนั้นขึ้นฟ้าและเหวี่ยงไปชนเข้ากับกำแพงปูน พริบตาเดียวกันกับตอนที่เคียวปรากฏ คุณ ‘อลิซาเบธ’ ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับเคียวเทพแห่งการสูญสิ้นบาคุนาว่า
“ขอโทษที่มาช้านะคะ”
คุณอลิซาเบธค่อยๆลงสู่พื้น เธอเหวี่ยงเคียวเทพแห่งการสูญสิ้นไปมา ก่อนจะชี้ไปที่ทางคุณมาเจล
“ทำไมถึง ..”
ปลอกคอของคุณอลิซาเบธที่น่าจะถูกตราหน้าว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับผมได้รับการปลดออก ซึ่งตามปกติแล้วไม่น่าเป็นไปได้ด้วยอำนาจของควีน
“ฉันร่วมมือกับคุณแจ็คสันน่ะค่ะ คือรายละเอียดมันค่อนข้างเยอะ แต่กว่าจะได้กุญแจปลดล็อคมาก็เกือบจะไม่ทันแล้ว”
“….”
ทำไม ..
“เงยหน้าขึ้นเถอะค่ะ คุณยูจิไม่ใช่คนที่จะมาแพ้ในที่แบบนี้นี่คะ?”
ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆ
“ใช่แล้วละ ยูจิ”
สัมผัสมือที่แสนอ่อนโยนจากคุณแจ็คสันแตะอยู่บริเวณไหล่ของผม เขาโผล่มายิ้มให้ผม พร้อมกับยื่นกุญแจดอกหนึ่งมาให้ ..ผมรับกุญแจนั้นไว้ และลุกขึ้นยืน
“อย่าปล่อยให้พวกมันมีเวลา!!!”
ควีนออกคำสั่ง ทันใดนั้นนักโทษก็พุ่งเข้ามาพร้อมๆกัน ผมลงมือปลดปลอกคอออกอย่างรวดเร็ว จากนั้น—-ทะเลสีรุ้งก็ถูกฉีกกระซากจนหมด ด้วยหัตถ์แห่งการหักล้างของอลัน ผมก้าวไปข้างหน้า ผมกับแขนสี่แขนซึ่งสามารถฉีกกระซากทุกสิ่งให้ขาดได้
ตรงหน้าผม–คุณมาเจลเดินเข้ามาอย่างห้าวหาญ
“ได้เวลาคิดบัญชีแล้ว”
“ขออภัยด้วยนะคะ”
จังหวะเดียวกันคุณอลิซาเบธก็แทรกมาอยู่ข้างหน้าผม และหันมาพูดมากับผม
“ให้ฉันจัดการคุณมาเจลเองค่ะ คุณยูจิเชิญไปจัดการควีนก่อนเลย”
“เห้ย นังขี้ข้า อย่ามาขวา–อุ้ก!!”
อลิซาเบธเตะคุณมาเจลจนปลิวไปไกล จากนั้นก็ไล่ตามเงาของคุณมาเจลไป ส่วนผมก็หันไปจ้องหน้าควีนที่อยู่ในจุดที่สูงที่สุด และเคลื่อนที่ไปหาอย่างช้าๆ