เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 2 บทที่ 51 เปิดกิจการP
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 2 บทที่ 51 เปิดกิจการP
เล่มที่ 2 บทที่ 51 เปิดกิจการ
รถม้างามตระการตาคันหนึ่งแล่นเข้าสู่หมู่บ้านตระกูลหยาง
คนที่นั่งอยู่หน้ารถม้าคือหลิงต้าจื้อ ส่วนหยางซื่อและหลิงมู่เอ๋อร์นั่งอยู่ด้านหลังของรถม้า
ครั้นหยางซื่อเปิดผ้าม่านออกเพื่อทอดมองด้านนอกนั้น ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลหยางได้เห็นนางและหลิงมู่เอ๋อร์ ทันใดนั้นก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
“นั่นใช่บุตรสาวของสกุลหยางหรือไม่? ที่เคยส่งไปเป็นถงหย่างสีของผู้อื่นแล้วดวงแข็งข่มจนทำให้ว่าที่สามีตาย ต่อมาก็แต่งให้กับหมู่บ้านตระกูลหลิงคนนั้นน่ะ?” มีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมา “รถม้าที่พวกเขาขับมานั้นเช่ามา หรือว่ายืมมากัน?”
“ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นของพวกเขาเองก็ได้กระมัง” คนข้างๆ เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาพลางหัวเราะ แต่คำพูดกลับแฝงไปด้วยความริษยา เห็นได้ชัดว่าเจตนากล่าวเสียดสีคนสกุลหลิง
“หลิงต้าจื้อยาจกผู้นั้นจะสามารถซื้อรถม้าที่ดีขนาดนี้ได้หรือ?เขาสามารถเช่าได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว จะต้องยืมมาอย่างแน่นอน” ชายชราผู้หนึ่งที่ทำงานในไร่นาสบถออกมาหนึ่งเสียงพลางกล่าว
คนในรถม้าไม่รู้ว่าทุกคนในหมู่บ้านตระกูลหยางกล่าววาจาเสียดสีทิ่มแทงพวกเขาอยู่ ถึงแม้จะได้ยินแล้วก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ ถึงอย่างไรเสียทุกที่ล้วนมีคนที่อิจฉาริษยาผู้อื่นอยู่ทั้งนั้น
ขับรถม้าวิ่งมาตลอดทาง จากนั้นจึงหยุดอยู่ที่ลานด้านนอกบ้านของหยางต้าหนิว หยางซื่อและหลิงมู่เอ๋อร์ลงจากรถม้ามาก่อน หลิงต้าจื้อหาที่ผูกม้าและจอดรถม้าให้เรียบร้อย
“ท่านแม่ ท่านพี่…” หยางซื่อตะโกนอยู่ที่รั้วด้านนอก “พวกท่านอยู่ในบ้านหรือไม่เจ้าคะ?”
หลิงมู่เอ๋อร์ก็ตะโกนเรียกตาม “ท่านยาย ข้าคือมู่เอ๋อร์ ข้ากับท่านพ่อท่านแม่มารับพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ”
ภายในบ้านไม่มีเสียงตอบรับใดๆ หลิงมู่เอ๋อร์และหยางซื่อต่างมองหน้ากัน หยางซื่อกล่าว “หรือว่าพวกเขาออกไปข้างนอกแล้ว?”
“ท่านลุงไปข้างนอกเป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ เสี่ยวหู่ก็อาจจะไปเล่นกับสหายแล้ว แต่ดวงตาของท่านยายมองไม่เห็น นางจะไปที่ใดได้?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว “พวกเราเข้าไปดูกันเถิดเจ้าค่ะ!”
หยางซื่อผลักประตูเปิดออก ประตูรั้วนั่นป้องกันขโมยไม่ได้เลย เพียงแค่ผลักนิดหน่อยก็สามารถเปิดออกได้แล้ว
“ท่านแม่…” หยางซื่อตะโกนเรียกไปพลางสาวเท้าเดินเข้าไปในบ้านไปพลาง
หลิงมู่เอ๋อร์ยังคงสำรวจบ้านอยู่ นางไม่ได้มาที่นี่สักระยะหนึ่งแล้ว บ้านนี้ช่างเงียบเหงาวังเวงมากขึ้นกว่าเดิม ดูเหมือนว่าหยางต้าหนิวจะยุ่งเรื่องหางานทำที่ข้างนอกบ้านตลอดทั้งวัน ไม่ได้ดูแลเรื่องในบ้านมานานมากแล้ว ช่วงนี้มีพายุลมแรง บ้านทรุดโทรมหลังนี้เอนไปมามากมายเหลือเกิน ถ้ายังมีพายุลมแรงเช่นนี้มาอีกเพียงไม่กี่ครั้ง บ้านหลังนี้ก็คงจะรับไม่ไหวเป็นแน่
หากถังซื่ออยู่ที่นี่ตลอด ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ โชคดีที่พวกเขามาได้ทันเวลา หลังจากนี้ไปก็ให้คนในครอบครัวของพวกเขาดูแลถังซื่อ ถังซื่อและหยางเสี่ยวหู่จะได้ไม่ต้องเป็นคนชราโดดเดี่ยวไร้บุตรดูแลกับเด็กถูกทอดทิ้งไร้คนดูแลอีกแล้ว
“ท่านแม่…” เสียงร้องตื่นตระหนกของหยางซื่อดังออกมาจากข้างในบ้าน “มู่เอ๋อร์… เจ้ารีบเข้ามาเร็วเข้า…”
ครั้นหลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินเสียงของหยางซื่อ ก็รีบวิ่งเข้าไปทันที นางวิ่งเข้าไปในห้องของถังซื่อด้วยความคุ้นเคย
หลิงต้าจื้อผูกรถม้าเสร็จแล้ว ก็เร่งรีบวิ่งเข้ามาเช่นกัน
เมื่อพวกเขาวิ่งเข้าไปถึงในห้องก็เห็นเพียงหญิงชราอายุมากคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ศีรษะของนางมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก บริเวณข้างๆ ศีรษะของนางมีก้อนหินหนึ่งก้อน เห็นได้ว่านางล้มลงไปกระแทกกับหินก้อนนั้น ด้วยเหตุนี้ถึงได้มีเลือดออกและหมดสติไป ถ้ามาช้าอีกเพียงนิดเดียวหญิงชราจะสูญเสียเลือดมาก แม้ว่าจะเป็นเทพเซียนก็ไม่อาจช่วยนางได้แล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์รีบหยิบถุงเข็มเงินที่อยู่ในแขนเสื้อออกมาอย่างฉับพลัน นางนั่งยองลงไปฝังเข็มเพื่อห้ามเลือดให้ถังซื่อ จากนั้นก็อุ้มหญิงชราขึ้นมาและสาวเท้าก้าวใหญ่ออกไป “ท่านพ่อ รีบไปเตรียมรถม้าเจ้าค่ะ พวกเราจะพาท่านยายไปในเมืองเดี๋ยวนี้ ที่นี่ไม่มียา ข้าทำได้แค่เพียงห้ามเลือดไม่ให้ไหลอีกเท่านั้น ไม่อาจทำการรักษาได้”
“ได้” หลิงต้าจื้อวิ่งออกไป
เมื่อตอนที่พวกเขาอุ้มถังซื่อเดินออกมานั้น หยางต้าหนิวก็รีบร้อนวิ่งกลับมา เขาเห็นหลิงมู่เอ๋อร์อุ้มถังซื่อไว้ และเลือดสีสดอาบย้อมเต็มศีรษะของถังซื่อก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไป
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?เมื่อครู่ข้าทำงานอยู่ที่บ้านของไห่จื่อ ได้ยินข่าวว่าพวกเจ้ามาแล้วจึงรีบกลับมา นี่ท่านแม่เป็นอันใดไป?” หยางต้าหนิเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
“ท่านแม่หกล้ม ศีรษะกระแทกกับก้อนหิน ตอนนี้เลือดไหลเป็นจำนวนมาก พวกข้าจะพานางไปรักษาในเมือง ท่านพี่ ท่านอยู่ดูแลเสี่ยวหู่ที่บ้านให้ดีไปก่อน รอให้อาการของท่านแม่คงที่ พวกข้าจะมารับท่านอีกที ท่านเก็บเสื้อผ้าของท่านกับเสี่ยวหู่ให้เรียบร้อย สิ่งของสำคัญก็เก็บไปด้วย ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมารับท่านกับท่านแม่ไปอาศัยอยู่ในเมือง ตอนนี้พูดมากความไม่ได้แล้ว อีกสักประเดี๋ยวค่อยว่ากันเจ้าค่ะ” หยางซื่อรีบร้อนสั่งความสองสามประโยค และรีบขึ้นรถม้าด้วยความกระวนกระวายใจ
นางไม่กล่าวโทษหยางต้าหนิว ในบ้านมีแค่หยางต้าหนิวเพียงคนเดียวที่ทำงาน ถ้าหากเขาไม่ออกไปทำงาน บ้านหลังนี้ก็คงหิวตายกันไปนานแล้ว นางเพียงแต่โทษตนเอง ช่วงระยะเวลานี้นางมีชีวิตที่ดี สมควรที่จะมารับถังซื่อไปบ้านพวกเขาให้เร็วกว่านี้ เรื่องราวเช่นนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางไม่ดีเอง นางในฐานะบุตรสาวไม่ได้ทำหน้าที่ลูกกตัญญูอย่างเต็มที่เลย
“นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” คนในหมู่บ้านตระกูลหยางเห็นครอบครัวของหลิงต้าจื้อขับรถม้าเข้ามาในหมู่บ้าน นี่เพิ่งจะเวลาชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็ขับรถม้ากลับไปแล้ว
“ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว จะต้องเกิดเรื่องอันใดขึ้นแน่ๆ หรือว่าขับรถม้ามาโอ้อวด แล้วถูกยายแก่ถังด่าเอาเข้า?ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่รถม้าของบ้านพวกเขา จะภูมิใจอะไรขนาดนั้น?ทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะเพิ่มสียมากกว่า” ชายชราผู้นั้นกล่าวเสียงต่ำอย่างเย็นชา
หลิงต้าจื้อขับรถม้าอย่างรีบร้อน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็กลับมาถึงบ้านที่อยู่ในเมือง หลิงจื่อเซวียนและหลิงจื่ออวี้อยู่ในบ้าน ซั่งกวนเซ่าเฉินพาหนานกงอี้จือออกไปด้านนอกแล้ว
หลิงจื่อเซวียนรู้ว่าท่านพ่อท่านแม่และหลิงมู่เอ๋อร์ไปหมู่บ้านตระกูลหยาง นี่เพิ่งเป็นเวลาไม่นานก็กลับมาแล้ว เขารู้สึกแปลกใจ จึงเดินออกมาดู
“เกิดอันใดขึ้น?” หลิงจื่อเซวียนเอ่ยถาม “นี่ท่านยายเป็นอันใดไปหรือขอรับ?”
หลิงจื่อเซวียนเพิ่งจะถามไถ่หลิงต้าจื้อ ก็เห็นหลิงมู่เอ๋อร์อุ้มถังซื่อลงมาจากรถม้า อีกทั้งยังเห็นศีรษะของถังซื่อเต็มไปด้วยเลือด อาบย้อมเสื้อของหลิงมู่เอ๋อร์จนกลายเป็นสีแดงไปหมด จึงเกิดความวิตกขึ้นมา
“ท่านพี่ ข้าจะบอกเทียบยาให้ท่าน ท่านไปหยิบยาสมุนไพรมาให้ข้าทีเจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์อุ้มถังซื่อเดินเข้าไปในห้องที่เตรียมไว้ให้กับถังซื่อ โดยที่ปากของนางก็ไม่ได้ว่างเลย “จื่อติงเฉ่า [1]…ซู่จินเซียง [2]…แล้วก็มี…”
ถึงแม้หลิงจื่อเซวียนจะไม่ได้เป็นคนที่ความจำดีเลิศ แต่ก็มีสมองที่ปราดเปรียวว่องไว หลิงมู่เอ๋อร์พูดชื่อยาสมุนไพรสิบกว่าชนิดรวดเดียว เขาสามารถจำได้ทั้งหมด จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปหยิบยาสมุนไพรทันที
เมื่อตอนที่หลิงจื่อเซวียนหยิบยาสมุนไพรกลับมา หลิงมู่เอ๋อร์ได้ป้อนน้ำในมิติให้ถังซื่อดื่มไปบ้างแล้ว และก็ใช้โอสถรักษาบาดแผลที่เคยฝึกหลอมเมื่อก่อนมารักษาต่อลมหายใจของหญิงชราไว้
หยางซื่อรีบนำยาสมุนไพรที่ไปหยิบกลับมานำไปต้มที่ห้องครัว ในเวลานี้ดวงตาของนางเป็นสีแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่คงร้องไห้อย่างหนักมา
“ท่านพ่อ ท่านยายไม่เป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ โชคดีที่พวกเราไปได้ทันเวลาพอดี ไม่มีเรื่องร้ายอันใดเกิดขึ้นเจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับหลิงต้าจื้อที่อยู่ด้านข้าง “ท่านไปที่บ้านสกุลถังอีกครั้ง รับท่านลุงกับเสี่ยวหู่มาเถิดเจ้าค่ะ!ตอนนี้ท่านลุงน่าจะร้อนใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว พวกเราอย่าได้ให้เขาเป็นกังวลใจกันอีกเลย”
“ตกลง” หลิงต้าจื้อพยักหน้า
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” หลิงจื่อเซวียนเอ่ยถามหลิงมู่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างเตียง
“ตอนที่พวกข้าไปถึง ท่านลุงกับเสี่ยวหู่ไม่อยู่ ท่านยายหกล้มศีรษะกระแทกกับก้อนหินบนพื้น บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดแต่กลับไม่มีผู้ใดพบ ถ้าหากพวกข้าช้าอีกครึ่งถ้วยชาก็ไม่อาจช่วยท่านยายได้แล้ว โชคดีที่ท่านยายวาสนาดี ประจวบเจอกับพวกข้าที่ไปรับนางพอดี” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยอธิบายอยู่ด้านข้าง
“ไม่ได้เป็นอันใดมาก นี่คือโชคดีมากแล้ว” หลิงจื่อเซวียนคลายสีหน้าลง
ยามราตรี ถังซื่อลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ นางรู้สึกถึงความอบอุ่นที่อยู่ในดวงตานั่น ก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสให้มากขึ้นสักหน่อย
หยางซื่อที่กำลังนั่งปักผ้าอยู่ด้านข้าง เห็นถังซื่อมีการเคลื่อนไหวแล้วก็รีบร้อนหยัดกายลุกขึ้นจับมือที่เหี่ยวแห้งของถังซื่อ “ท่านแม่ อย่าขยับไปมาเจ้าค่ะ นี่เป็นยาที่มู่เอ๋อร์จัดให้ท่าน เพียงแค่ประคบอีกสองสามวันก็สามารถรักษาดวงตาของท่านให้หายดีได้แล้ว ท่านอดทนอีกสักหน่อยนะเจ้าคะ”
“เป็น… เหยาเอ๋อร์หรือ?” ถังซื่อได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคย เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า “เหยาเอ๋อร์ เจ้ามาเยี่ยมแม่แล้ว?”
หยางซื่อจับมือของถังซื่อไว้แน่นพลางกล่าวว่า “ท่านแม่ เป็นข้าเจ้าค่ะ ข้าอยู่ข้างกายท่านมาตลอด ท่านหมดสติได้สองวันแล้ว”
“เหยาเอ๋อร์ นี่แม่เป็นอันใดไปหรือ?” ถังซื่อเอ่ยถามอย่างสงสัย “เหตุใดศีรษะของข้าถึงได้เจ็บถึงเพียงนี้?”
“ท่านแม่ ท่านล้มกระแทกกับก้อนหิน นี่ก็หมดสติได้สองวันแล้ว ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพวกเข้าไปได้ทันเวลาพอดี ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น” หยางซื่อเอ่ยอย่างละอายแก่ใจ “เป็นเพราะบุตรสาวละเลยท่านมากเกินไป ถ้าหากมารับท่านเร็วกว่านี้ก็จะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ท่านแม่ ข้าขออภัยเจ้าค่ะ บุตรสาวอกตัญญูแล้ว”
“เจ้าเด็กโง่ พูดเรื่องเหลวไหลอันใดกัน?เจ้ามีจิตใจที่กตัญญู ในใจของแม่ย่อมรู้ดีแก่ใจ” ถังซื่อจับมือของหยางซื่อ แล้วตบไปที่มือของนางเบาๆ “ต้าหนิวกับเสี่ยวหู่เล่า?”
“พวกเขาก็อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในเมือง มู่เอ๋อร์ของพวกเราเปิดร้านอาหารร้านหนึ่งในเมืองแล้ว แต่ก่อนบ้านพวกข้าก็ทำการค้าอยู่ที่นี่ ความหมายของมู่เอ๋อร์ก็คืออยากขอให้ท่านพี่มาช่วยงาน ห้องหลับนอนก็ตระเตรียมไว้ให้พวกท่านเรียบร้อยแล้ว ต่อไปพวกเราจะดูแลท่านไปจนแก่เฒ่าเองเจ้าค่ะ” หยางซื่อกล่าว “เสี่ยวหู่กับจืออวี้ไปสถานศึกษา เด็กสองคนก็จะสามารถอ่านหนังสือรู้อักษรได้”
“ห๊า?พวกเจ้าจะส่งเสี่ยวหู่ให้ไปเล่าเรียนที่สถานศึกษาหรือ?นั่นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเชียวนะ พวกเจ้าสามารถเปิดร้านได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว แต่ในช่วงแรกพวกเจ้าย่อมหาเงินได้ไม่มากมายเท่าใดนัก เหตุใดถึงได้สิ้นเปลืองเงินไปกับเสี่ยวหู่เล่า?มู่เอ๋อร์นึกถึงท่านลุงของนาง นั่นเป็นวาสนาของพวกข้าแล้ว ในใจพวกข้ารู้สึกดีใจ แต่ว่าแม้ว่าจะเป็นลุง หลังจากนี้เขาก็เป็นลูกจ้าง อย่าเห็นว่าเขาเป็นลุงก็จะปล่อยให้กระทำตามใจได้อย่างเด็ดขาด หากมีสิ่งใดที่เขาทำได้ไม่ดี จะต้องบอกกล่าวกับเขา” ถังซื่อเอ่ยกำชับ
“ท่านแม่ พวกข้าเข้าใจดี พี่ชายเป็นคนซื่อสัตย์ มีแต่จะคอยช่วยงานมู่เอ๋อร์อย่างดี ไม่เพิ่มความลำบากให้มู่เอ๋อร์แน่นอนเจ้าค่ะ” หยางซื่อกล่าว “ถึงเวลาที่ท่านต้องดื่มยาแล้ว”
“คราวที่แล้วมู่เอ๋อร์มาที่หมู่บ้านตระกูลหยาง พวกข้าเคยได้ยินนางกล่าวเรื่องจะทำการค้า นี่เพิ่งจะไม่กี่เดือนนางก็ทำได้แล้ว เด็กคนนั้นช่างเก่งกาจจริงๆ ” ถังซื่อหัวเราะพลางกล่าว “ดวงตาของข้าสามารถรักษาได้จริงๆ หรือ?ต้องใช้เงินจำนวนมากอีกแล้วใช่หรือไม่?ยายแก่ไร้ประโยชน์อย่างข้าทั้งยังช่วยอันใดไม่ได้ พวกเจ้าอย่าได้เสียเงินไปเปล่าๆ กับข้าเลย ข้าสามารถมีชีวิตอยู่กับพวกเจ้าได้จนถึงตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวแล้ว” ถังซื่อสะอึกสะอื้นพลางกล่าว
“ท่านแม่ อย่าได้กล่าวคำเหล่านั้น ท่านยังอายุน้อย ยังสามารถอยู่จนเห็นลูกของเซวียนจื่อแต่งงานได้เชียวนะเจ้าคะ!” หยางซื่อเอ่ยปลอบถังซื่อ
หลิงมู่เอ๋อร์เดินเข้ามาในห้อง เห็นถังซื่อฟื้นแล้วก็เอ่ยอย่างดีใจ “ท่านยาย หากท่านไม่ตื่นขึ้นมาอีก มู่เอ๋อร์ก็จะไปเชิญหมอจากด้านนอกมาแล้ว มู่เอ๋อร์ยังนึกว่าตนเองไม่มีความสามารถมากพอ ถึงทำให้ท่านยายหลับไปนานขนาดนี้”
“แม่เจ้าบอกว่าเจ้ากำลังรักษาดวงตาให้ข้า เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ไปร่ำเรียนวิชาแพทย์มาตั้งแต่เมื่อไรกัน?” ถังซื่อยื่นมือออกไป คลำไปยังทิศทางของหลิงมู่เอ๋อร์ “เข้ามาให้ยายสัมผัสสักหน่อย ช่วงนี้มัวแต่ยุ่งเรื่องทำงาน ผ่ายผอมลงไปเยอะมากเลยใช่หรือไม่?”
“ข้าอ้วนแล้วต่างหากเจ้าคะ!” ที่หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวนั้นเป็นความจริง นางบำรุงอย่างดี กินดีอยู่ดีทุกวัน ดูดีขึ้นกว่าสภาพราวกับผีของเจ้าของร่างเดิมนั้นเยอะมาก นางในตอนนี้ถึงจะเป็นรูปร่างที่แม่นางน้อยควรจะมี
“ท่านแม่ เด็กสาวผู้นี้เปลี่ยนเป็นสาวขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ อีกไม่กี่วันท่านก็จะสามารถมองเห็นนางแล้ว นางในตอนนี้ดูดีกว่าเมื่อก่อนมากนัก” หยางซื่อหัวเราะล้อเลียนพลางกล่าว
เชิงอรรถ
[1] จื่อติงเฉ่า (紫丁草) หรือเรียกอีกชื่อว่า จื่อฮวาตี้ติง(紫花地丁)ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Viola philippica มีฤทธิ์ในการดับร้อนขับสารพิษ ทำให้เลือดเย็นลดอาการบวม ระบายความร้อนขับชื้น และสามารถใช้ในการรักษา ข้อบ่งใช้ ตุ่มฝี แผลพุพอง วัณโรคต่อมน้ำเหลืองที่คอ ดีซ่าน บิด ท้องเสีย ตาแดง เจ็บคอ และงูกัด
[2] ซู่จินเซียง (素金香) ชื่อสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง