เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 19 ตอนที่ 539 สังหารอามู่เต๋อ
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 19 ตอนที่ 539 สังหารอามู่เต๋อ
เล่มที่ 19 ตอนที่ 539 สังหารอามู่เต๋อ
“เพียงครู่เดียวเจ้าก็ได้วิธีรักษามาแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์เดินออกมา อามู่ทั่วก็รีบพุ่งเข้าไปหาอย่างอดรนทนไม่ไหว “ไม่ทราบว่าแม่นางต้องการอะไร ตรวจรักษานานถึงเพียงนั้น ซิงเอ๋อร์ยังสบายดีใช่หรือไม่?”
ยิ่งเห็นท่าทางเป็นกังวลของเขา หลิงมู่เอ๋อร์ก็นึกถึงสิ่งที่เซิงเอ๋อร์ได้บอกนางเอาไว้ หญิงสาวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ฮูหยินเยี่ยมยอดมากเพคะ นางให้ความร่วมมือในการรักษาอย่างดีเยี่ยม ทว่า… โรคของนางค่อนข้างซับซ้อน ก่อนที่นางจะช่วยพระองค์ นางเคยถูกทำร้ายจนบาดเจ็บมาก่อน นี่จึงเป็นส่วนที่ยากจะรักษาที่สุดเพคะ ดังนั้นหม่อมฉันจึงเกรงว่าเวลาที่ใช้ในการรักษาจะถูกยืดออกไปค่อนข้างนานสักหน่อยเพคะ”
แม้ว่าอามู่ทั่วจะมีท่าทางผิดหวังเล็กน้อย ทว่าเห็นได้ชัดว่าเขาได้คำนึงถึงผลลัพธ์ดังกล่าวไว้ก่อนแล้ว ชายหนุ่มส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร ตราบใดที่แม่นางหลิงพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็พอ”
“ไม่ว่าหม่อมฉันกับนางจะเคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ ยามนี้นางก็เป็นคนไข้ของหม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันจะรับผิดชอบนางให้ดีที่สุดเพคะ” เรื่องนี้นางมิได้โกหก
“ทว่า เมื่อครู่พระองค์ทรงตรัสเองว่าอามู่เต๋อพุ่งเป้ามาที่พระองค์ อีกทั้งหม่อมฉันที่เคยถูกเขาคุมขังเอาไว้ หากเขารู้ว่าหม่อมฉันเคยมาเยือนที่นี่ เกรงว่าสุดท้ายมันจะเป็นอันตรายต่อซิงเอ๋อร์นะเพคะ”
ความปีติยินดีบนใบหน้าของอามู่ทั่วพลันมลายหายสิ้นทันทีที่ได้ยินคำเหล่านี้
เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ อารมณ์วุ่นวายซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง “สมควรตายจริงๆ อามู่เต๋อ ไม่เพียงแต่จ้องจะเล่นงานข้าทุกที่ แต่ยังเป็นตัวอันตรายต่อผู้คนรอบกายของข้าอีก! ทว่าข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เขาทำร้ายซิงเอ๋อร์เป็นแน่”
“การต่อสู้ระหว่างพระองค์กับอามู่เต๋อเป็นเรื่องระหว่างพระองค์กับเขา องค์ชายใหญ่เพคะ หม่อมฉันสัญญาแล้วว่าจะรักษาคนให้ พระองค์ก็ต้องสัญญาว่าจะช่วยให้หม่อมฉันได้ครอบครองดอกไม้ประจำแคว้นด้วย นี่คือข้อตกลงของเรา ดังนั้น หม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์จะทรงจัดการอย่างดี ใช่หรือไม่เพคะ?”
ไม่รอให้เขาได้เอ่ยตอบ หลิงมู่เอ๋อร์หยิบใบสั่งยาออกมาจากอ้อมแขนของนาง “แม้ว่าอาการของซิงเอ๋อร์จะร้ายแรง ทว่านางจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่อาจรีบเร่งได้ พระองค์ทรงจัดคนให้เตรียมยามาตามใบสั่งนี้ และให้นางรับประทานยาตามที่กำหนด หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน หม่อมฉันจะตรวจสอบการดูดซึมของร่างกายนางก่อนจะสั่งยาและฝังเข็มให้ เพียงแค่นี้คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับองค์ชายใหญ่กระมัง?”
“ครึ่งเดือน?” แม้จะนานกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก ทว่าอามู่ทั่วก็รู้ดีว่าวิธีการรักษาที่นางลงมือทำนั้นเยี่ยมยอดกว่าแพทย์คนอื่นๆ มากแล้ว
ไม่ใช่ว่าไม่เคยหาหมอให้ซิงเอ๋อร์มาก่อน ทว่าคนเหล่านั้นต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้ “ที่แท้แล้ว ชื่อเสียงของแม่นางเซียนแพทย์ก็มิได้ถูกยกย่องโดยไม่มีเหตุผลจริงๆ”
อามู่ทั่วเอ่ยชื่นชม ทว่าไม่นานก็เปลี่ยนน้ำเสียง “แต่ว่า หากแม่นางคิดจะหลอกลวงข้าเล่า?”
“ในเมื่อหม่อมฉันรับปากรักษาคนแล้วย่อมไม่มีวันกลับคำ พระองค์ไม่ประสงค์ชื่อเสียง ทว่าหม่อมฉันยังต้องการอยู่นะเพคะ”
หลิงมู่เอ๋อร์เบือนหน้าหนีด้วยความไม่สบอารมณ์ ถึงขนาดที่ฉวยใบสั่งยากลับคืนมา “หากพระองค์ไม่ทรงเชื่อหม่อมฉันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ทรงเชิญท่านหมอผู้ปราดเปรื่องท่านอื่นเถิดเจ้าค่ะ”
“แม่นางเข้าใจผิดแล้ว”
เขารีบแย่งใบสั่งยากลับคืนมา ก่อนจะซ่อนมันไว้ในกระเป๋าเสื้อบริเวณหน้าอกทันที อามู่ทั่วประสานมือของเขาอีกครา “ขอบใจเจ้ามาก แม่นางหลิง”
“เรื่องที่จะให้หม่อมฉันจัดการแทน หม่อมฉันจัดการจนเสร็จสิ้นแล้ว เช่นนั้นเรื่องที่หม่อมฉันขอให้พระองค์ทรงช่วยคนกลับมาเป็นเช่นไรบ้างเพคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง รอให้เขาเรียกตงฟางเชวี่ยออกมา
ตงฟางเชวี่ยถูกอามู่เต๋อจับตัวไป ไม่รู้ว่าเขาถูกพาตัวไปที่ใด และไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ตกอยู่ในอันตรายหรือไม่
ทว่านางเชื่อมั่นในตัวอามู่ทั่ว ในเมื่อเขามีความสามารถถึงเพียงนี้ คนที่สามารถซ่อนสตรีไว้อย่างลึกล้ำภายใต้เปลือกตาของอามู่เต๋อได้ ย่อมต้องมีวิธีหาหนทางสำเร็จแน่
“แม่นาง เชิญชม”
เคล้าคลอไปตามเสียงนกหวีดที่แว่วดัง ฟิ้วๆๆ เงาร่างของคนทั้งสามพลันเหาะร่อนลงมาไม่ไกล
หลิงมู่เอ๋อร์ยืดคอชะเง้อมอง เห็นเพียงชายในชุดดำสองคน คนหนึ่งซ้ายคนหน่งขวาประกบอีกคนไว้ตรงกลาง และคนผู้หนึ่งที่แต่งกายเป็นหญิงรับใช้ บุรุษที่ปลอมกายเป็นหญิงผู้กำลังสลบไสลคนนั้น หากมิใช่ตงฟางเชวี่ยแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก
“ตงฟางเชวี่ย!” นางก้าวเท้าพุ่งเข้าไปข้างหน้าทันที
“ไอ๊หยา แม่นาง ประเดี๋ยวก่อน”
อามู่ทั่วหยุดนางเอาไว้ได้ทันท่วงที แววตาครุ่นคิดลึกล้ำมองนางอย่างระมัดระวัง อามู่ทั่วแย้มรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายถึงขีดสุด “อยากจะพาเขาไปก็ย่อมได้ ทว่าคนของข้าพยายามอย่างหนักกว่าจะช่วยเขาออกมาจนสำเร็จ เพื่อเขา ถึงขนาดมีผู้เสียชีวิตเต็มๆ แปดคน ดังนั้นข้าคิดว่าข้าควรจะเจรจาเงื่อนไขในการปล่อยตัวเขากับแม่นางใหม่อีกครา”
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้เอ่ยอันใด สีหน้าของนางฉายแววกรุ่นโกรธเล็กน้อย แม้นางจะคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่าเขาจะกลับคำ ทว่าในใจก็ยังคงยากที่จะสงบได้
“อย่าได้มองข้าด้วยแววตาอาฆาตมาดร้ายเช่นนั้น ในเมื่อข้าช่วยเขาออกมาได้สำเร็จ เจ้าก็ควรจะขอบใจข้าถึงจะถูก เจ้าควรต้องรู้ว่าข่าวที่อามู่เต๋อได้รับคือฝ่ายที่บุกไปชิงตัวเขากลับมาเป็นข้า หาใช่เจ้าไม่! อามู่เต๋อย่อมจัดเตรียมกำลังคนบุกมาต่อกรกับข้าอีกคราแน่ เมื่อถึงยามนั้นคนรอบตัวข้าก็มีแต่จะบาดเจ็บล้มตายกันมากขึ้น ดังนั้นเงื่อนไขของข้าจึงไม่นับว่าโหดร้ายเกินไปหรอกกระมัง?”
อามู่ทั่วถอนหายใจด้วยท่าทีอ่อนโยน “ข้าต้องการให้เจ้าสังหารอามู่เต๋อ และเจ้าต้องทำให้ได้!”
“วาจาเลื่อนเปื้อนไร้สาระ!” ในที่สุดหลิงมู่เอ๋อร์ก็บันดาลโทสะจนได้ “แม้แต่เรื่องที่ตัวพระองค์เองยังทรงทำไม่ได้ แล้วหม่อมฉันจะทำได้เช่นไรเพคะ!”
ยิ่งเอ่ยมากเท่าไหร่อารมณ์ก็ยิ่งปะทุมากเท่านั้น หลิงมู่เอ๋อร์พ่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ในเมื่อองค์ชายใหญ่หาได้มีความจริงใจตั้งแต่แรก แล้วเหตุใดถึงต้องหลอกหม่อมฉันด้วย! เพราะพระองค์ทรงเห็นว่าหม่อมฉันกับสตรีภายในห้องรู้จักกันถึงได้จงใจเปลี่ยนเงื่อนไขใช่หรือไม่เพคะ? เช่นนั้นพระองค์ก็ทรงเข้าใจผิดแล้ว หม่อมฉันรู้จักนางจริงๆ ทว่ามิตรภาพของพวกเราหาได้ลึกซึ้งถึงขั้นนั้นไม่ นางจะเป็นจะตายก็หาได้เกี่ยวกับหม่อมฉัน ยิ่งไปกว่านั้นนางก็เป็นเพียงแค่คนป่วยที่ไร้หนทางรักษาคนหนึ่งก็เท่านั้น!”
ยิ่งเห็นว่าอามู่ทั่วเองก็เริ่มจะโมโหแล้วเช่นกัน มุมปากของหลิงมู่เอ๋อร์ก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มได้ใจ “ต้องรบกวนองค์ชายใหญ่เชิญท่านหมอผู้มีฝีมือล้ำเลิศท่านอื่นแล้วเพคะ”
เมื่อเห็นนางหมุนกายหันหลังเตรียมจะจากไป อามู่ทั่วก็กลัวว่าจะไม่มีโอกาสอีกหนแล้ว เขาแตะเท้าเหาะไปขวางหน้านางไว้ทันที ในมือถือกระบี่จ่อคอของนางอย่างไร้ความปรานี “แม่นางหลิง เดิมทีข้ามิได้เจตนาจะล่วงเกินเจ้า ทว่าเหตุใดเรื่องที่ตกลงกันไว้ถึงกลับคำเสียเล่า!”
“ขอบังอาจทูลถามองค์ชายใหญ่ เหตุใดพระองค์ถึงทรงเอ่ยวาจากลับกลอก มาเปลี่ยนเงื่อนไขในเวลาจวนตัวเช่นนี้?”
อามู่ทั่วอ้าปาก คิดจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่ายามที่คำพูดกำลังจะหลุดออกมาจากปาก เขากลับเปลี่ยนเอ่ยเป็นคำอื่นแทน “อามู่เต๋อให้ความสำคัญกับเจ้ายิ่งนัก เขาใส่ใจเจ้าเหลือเกิน ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้เขาคงไม่พาเจ้าเข้าไปอยู่ในเรือนที่เคยเป็นของเสด็จแม่ของเขาแน่ ดังนั้น เรื่องการสังหารเขาจึงมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ทำได้”
“หากหม่อมฉันสังหารเขาได้ แล้วหม่อมฉันจะถูกเขาจับขังไว้ได้อย่างไรกันเพคะ! พระองค์ทรงคิดว่าการสังหารใครสักคนนั้นง่ายพอๆ กับการซื้อกะหล่ำปลีหนึ่งหัวหรือ? ข้างกายองค์ชายใหญ่มีเหล่าทหารมากมายถึงเพียงนั้น เรื่องที่แม้แต่พระองค์ยังทรงทำไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็อย่าได้เอ่ยกับหม่อมฉันที่เป็นเพียงสตรีมีครรภ์คนหนึ่งเลยเพคะ”
หลิงมู่เอ๋อร์ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดไม่ลังเล “กล่าวโดยสรุป หากพระองค์ทรงปล่อยตงฟางเชวี่ย หม่อมฉันก็จะทำตามสัญญา ช่วยรักษาฮูหยินของพระองค์ให้สำเร็จต่อ ทว่าหากพระองค์ไม่ทรงปล่อยเขาไป หม่อมฉันเองก็สามารถสังหารคนที่พระองค์ใส่ใจได้เช่นกัน!”
“เจ้า—“
อามู่ทั่วโกรธจัด มือที่ใช้กำกระบี่สั่นระริก ผ่านไปเนิ่นนาน ได้ยินเพียงเสียง ‘เคร้ง’ ที่ดังขึ้นมาหนึ่งเสียง เป็นเสียงของกระบี่ที่ร่วงลงสู่พื้นนั่นเอง
“ปล่อยตัวเขา!”
ชายหนุ่มออกคำสั่ง ชายในชุดดำสองคนก็โยนตงฟางเชวี่ยลงบนพื้น ก่อนจะเหาะทะยานหายตัวไป
หลิงมู่เอ๋อร์รีบวิ่งไปหา เมื่อพบว่าตงฟางเชวี่ยเพียงแค่สลบไสลไปชั่วคราว หาได้มีอันตรายใดๆ ถึงชีวิต นางถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แม่นางหลิง ความจริงใจของข้า เจ้าคงเห็นมันแล้ว เจ้าแน่ใจว่าจะไม่ลองพิจารณาเงื่อนไขของข้าหน่อยหรือ?”
อามู่ทั่วเดินเข้ามาข้างหลังนางด้วยความไม่สบอารมณ์ แม้ว่าจะเป็นคำถาม ทว่าในน้ำเสียงนั้นก็สามารถฟังออกอย่างรางเลือนว่าแฝงไปด้วยแรงข่มขู่อยู่หลายส่วนทีเดียว
หลิงมู่เอ๋อร์แบกตงฟางเชวี่ยในขณะที่สายตาก็มองตรงไปทางอามู่ทั่ว สีหน้าของนางสงบราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง “หากพระองค์ทรงเชื่อ ในใต้หล้านี้หม่อมฉันคือคนที่ปรารถนาจะสังหารเขามากที่สุด เช่นนั้นพระองค์ก็ไม่จำเป็นจะต้องถามต่อแล้ว แน่นอนว่าหากองค์ชายใหญ่ทรงมีน้ำพระทัยจริง มิสู้ทรงมอบดอกไม้ประจำแคว้นให้หม่อมฉัน หม่อมฉันจะได้เค้นแรงกายแรงใจพยายามให้หนักขึ้นเพคะ!”
หลังเอ่ยจบ นางก็แบกตงฟางเชวี่ยเดินไปทางประตูจวน “ขอพระองค์อย่าได้ลืม นางจะต้องได้รับการตรวจรักษาทุกๆ ครึ่งเดือนเพคะ”
เมื่อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์หายลับไปจากสายตาแล้ว เงาร่างของแม่นางน้อยผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขาอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง
“นายท่าน ไม่ต้องไล่ตามไปจริงๆ หรือเจ้าคะ?”
อามู่ทั่วส่ายศีรษะเล็กน้อย “ไล่ตามไปแล้วอย่างไร ไม่เห็นหรือว่าจุดอ่อนของข้าอยู่ในกำมือของนาง?”
สตรีผู้นั้นเหลือบสายตาแลมองไปทางประตูด้านหลังนาง “อู๋ชิงทราบว่านายท่านรักฮูหยิน แต่ว่า…”
“วางใจเถิด ข้ามีวิธี” เอ่ยไปพลาง มุมปากของเขาก็หยักยกขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ใช่แล้ว เขามีวิธีแก้ไขแล้วเรียบร้อย
วินาทีที่ตั้งใจจะหมุนกายหันหลังจากไป จู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชายหนุ่มเอ่ยปากพึมพำกับตนเอง “อู๋ชิง!”
“อู่ชิงอยู่นี่เจ้าค่ะ!”
สายตาทอดมองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิท ยามที่คิดถึงสตรีผู้แสนอ่อนโยนในห้อง มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะหยักยกขึ้น เขากะพริบตา “เวลาผ่านมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ข้ายังไม่เคยได้สืบประวัติของนางมาก่อน วันนี้คงถึงเวลาที่จะต้องตรวจสอบสักหน่อยแล้ว”
อู๋ชิงตกตะลึง ทว่าเพียงพริบตาเดียว นางก็เข้าใจความหมายของเขา “เจ้าค่ะ อู๋ชิงจะไปจัดการประเดี๋ยวนี้”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างทั้งร่างพลันสลายหายไป เหลือเพียงเศษฝุ่นฟุ้งตลบอบอวล
รอจนกระทั่งอามู่ทั่วกลับมาถึงห้องอีกครา เขาก็เห็นเพียงซิงเอ๋อร์ที่กำลังอุ้มเด็กทารกหยอกล้ออย่างอ่อนโยน
“เหตุใดถึงลุกขึ้นมาเล่า ไม่ได้บอกให้เจ้าพักผ่อนมากกว่านี้หรือ?” เขาค่อยๆ ทรุดกายนั่งลงข้างเตียง มองรอยยิ้มอันแสนหวานของนาง หาได้หึงหวงเลยสักนิดไม่
“ลูกหิวแล้ว เขาร้องไห้หาอาหาร ข้าจะทนมองเขาร้องไห้อยู่ได้อย่างไรกันเจ้าคะ?”
ซิงเอ๋อร์เอ่ยไปพลาง ปลอบประโลมเด็กน้อยในอ้อมแขนของนางอย่างนุ่มนวล ยามที่สายตาของอามู่ทั่วทอดมองไป เขาก็เห็นเพียงเปลือกตาของเด็กน้อยที่กำลังกะพริบปริบๆ ราวกับว่าต้องการจะนอนแล้ว
“ช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรืออารมณ์ ล้วนเหมือนมารดาของเขาทั้งสิ้น” หลังจากเอ่ยปากชมแล้ว เขาก็ค่อยๆ บีบจมูกของซิงเอ๋อร์เบาๆ ราวกับต่อให้รักมากมายเพียงใดก็ยังไม่เพียงพอ
“การตรวจรักษาของท่านหมอเมื่อครู่นี้ ซิงเอ๋อร์รู้สึกเช่นไร?” คำถามนี้ถูกถามอย่างตั้งใจเสมือนไม่ตั้งใจ ทว่าหูของเขากลับกระดิกรอ ตั้งใจจะฟังให้ชัดเจน
“ไม่ดี ข้าไม่ชอบสตรีผู้นั้น สามี พวกเราเปลี่ยนหมอดีหรือไม่เจ้าคะ?” ท่าทางของเซิงเอ๋อร์ราวกับไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความ หลังจากที่ส่งเด็กในอ้อมแขนให้แม่นมแล้ว นางก็โผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ออดอ้อนออเซาะทันที “เมื่อครู่นี้นางเกือบจะฆ่าท่านแล้วนะเจ้าคะ!”
เมื่อเห็นท่าทีหวั่นวิตกเป็นกังวลของนาง อามู่ทั่วก็ยื่นแขนยาวออกไปเพื่อดึงนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนแน่น “ยายบื้อ ข้าบอกแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น! ทว่าวิชาแพทย์ของนางสูงส่งล้ำเลิศ นางเป็นคนแรกที่เอ่ยว่าโรคของเจ้ามีทางรักษา พวกเราปล่อยให้นางได้ลองดูสักหน่อย ดีหรือไม่?”
เดิมทีซิงเอ๋อร์ไม่คิดที่จะเห็นด้วย ทว่าเมื่อเห็นแววตาวิงวอนของอามู่ทั่ว นางก็พยักหน้าด้วยความชอกช้ำ “ก็ได้เจ้าค่ะ ทว่าหากภายในช่วงเวลานี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ข้าจะไม่ให้นางตรวจอีก! แล้วก็ หากนางยังคิดจะทำร้ายท่านโดยไร้เหตุผลอีก ข้าจะไม่ไว้หน้านางแล้ว!”
“ได้ ล้วนเอาตามที่เจ้าว่า!”
มุมปากของซิงเอ๋อร์หยักสูง หญิงสาวค้นพบท่วงท่าที่ทำให้ยิ่งผ่อนคลายภายในอ้อมแขนของเขา “สามีใจดีกับซิงเอ๋อร์เหลือเกิน ขอให้เป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิตได้หรือไม่เจ้าคะ”
“แน่นอน!”
“แต่ว่า…” ดูเหมือนว่านางกำลังกังวลอะไรบางอย่าง ซิงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นในอ้อมแขนของเขา “แต่ว่าเด็กคนนั้นมิใช่สายเลือดของท่าน”
เสียงของนางแผ่วเบาราวกับมดเล็กราวกับแมลงวัน หญิงสาวก้มศีรษะลงด้วยความละอายใจในยามที่เอ่ย ถึงขนาดแว่วเสียงสะอื้นเคล้าคลอ “ในตอนนั้นซิงเอ๋อร์ก็บอกท่านแล้วว่าอย่าปล่อยให้เด็กคนนี้เกิดออกมา ทว่าสามี…”
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเอ่ยวาจาเลื่อนเปื้อนเลอะเทอะ!”
อามู่ทั่วตัดบทสนทนาอย่างรุนแรง สองมือบีบไหล่ของนาง “คนที่ข้าชอบก็คือเจ้า และข้าชอบทุกอย่างที่เป็นเจ้า! ข้ายอมรับว่าการเลี้ยงดูลูกของคนอื่นนับเป็นเรื่องที่เสียศักดิ์ศรี ทว่าในเมื่อเจ้าเต็มใจที่จะมีบุตรเพื่อคนคนนั้น นั่นก็แปลว่าเจ้าใส่ใจเขาจากใจจริง! ข้าไม่อยากให้เจ้าเกลียดข้าหลังจากที่เจ้าฟื้นคืนความทรงจำแล้ว!”
สายตาทอดมองด้วยความจริงจัง ยามที่เห็นน้ำตาบนใบหน้าของนาง อามู่ทั่วก็พรมจูบ เก็บซับหยาดน้ำแวววาวจากหางตาของนาง
“ซิงเอ๋อร์ รอจนกระทั่งข้าจัดการกับอามู่เต๋อได้ ข้าจะพาเจ้าเข้าวังและแต่งตั้งเจ้าให้เป็นพระชายาของข้า เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าต้องแบกรับความอัปยศอดสูแม้เพียงเสี้ยวเดียว ลูกของเจ้า ไม่ใช่สิ ลูกของเราเองก็จะกลายเป็นองค์ชายน้อย เขาจะกลายเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก ดีหรือไม่?”
ซิงเอ๋อร์ไม่ได้เอ่ยอันใด เพราะนางซาบซึ้งจนเอ่ยอันใดไม่ออกมาตั้งแต่แรกแล้ว นางพยักหน้าหนักๆ ทว่าความคิดในใจกลับยิ่งเด็ดขาดแน่วแน่มากขึ้น
นางไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำใด นั่นต้องเป็นอดีตที่แสนเจ็บปวดแน่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดหัวใจของนางถึงได้รู้สึกเจ็บปวดทุกคราที่นึกถึงเล่า?
ไม่ว่าหมอหญิงคนนั้นจะสามารถรักษาสัจจะได้จริงหรือไม่ ทว่าหากนางผิดคำพูด นางจะไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แน่!
——————————