เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 18 ตอนที่ 511 ข่มขู่ด้วยแผ่นน้ำแข็ง
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 18 ตอนที่ 511 ข่มขู่ด้วยแผ่นน้ำแข็ง
เล่มที่ 18 ตอนที่ 511 ข่มขู่ด้วยแผ่นน้ำแข็ง
“ญาติผู้พี่ หาทั่วทุกที่ในเมืองหลวงแล้วก็ยังหาร่องรอยของมู่เอ๋อร์ไม่พบ จะทำอย่างไรดีขอรับ?”
หนานกงอี้จือไม่เคยเห็นยามที่ญาติผู้พี่เจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน
แม้แต่ในยามนั้นที่ท่านป้าถูกสังหาร ญาติผู้พี่ก็ยังกล่าวด้วยสีหน้าสงบเยือกเย็นว่าจะแก้แค้นอย่างแน่นอน
แต่ยามนี้ราวกับเขาแก่ลงไปสิบปีในชั่วข้ามคืน ไหนเลยจะยังมีกลิ่นอายสูงศักดิ์ของ ‘คุณชายแห่งเมืองหลวง’ อยู่อีก “ญาติผู้พี่วางใจเถิด มู่เอ๋อร์เป็นผู้มีวาสนาซึ่งได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ นางกับลูกในท้องจะต้องไม่เป็นอันใดแน่นอน”
“ฉินรั่วเฉินต้องการทำให้ข้ากับจวนเสียนหวางแตกหักกันเพื่อขัดขวางไม่ให้ข้ากลายเป็นไท่จื่อ ต่อให้อยากจะทำลายครอบครัวข้าให้ตายตก แต่เขาไม่มีความสามารถหรอก!”
‘ยามที่สู้ไม่ไหวก็เข้าไปซ่อนตัวในมิติเสียเข้าใจหรือไม่?’
ในหัวนึกถึงคำพูดที่แม่นางน้อยเคยกล่าวเอาไว้ คิดว่าต่อให้หลิงมู่เอ๋อร์ตกอยู่ในอันตรายก็ย่อมสามารถปกป้องตนเองได้ ซั่งกวนเซ่าเฉินดึงตนเองออกมาจากห้วงความคิด
ชกหมัดลงไปบนก้อนหินข้างล่างอย่างแรงด้วยความโกรธเกรี้ยว ยามที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครารูม่านตาสีดำสนิทของเขาก็ดูมืดครึ้มและเฉียบแหลม “ทางด้านหลันซือเฮ่อและอามู่เต๋อยังไม่พบเบาะแสอันใดอีกหรือ?”
“ขอรับ เหล่าสหายในยุทธภพของข้ามีอุบายในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวอยู่ ระยะนี้แม้หลันซือเฮ่อจะเข้าออกตำหนักองค์ชายหกอยู่บ่อยครั้ง ทว่าตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนจนถึงวันนี้หลันซือเฮ่อมิได้ออกจากจวนมหาเสนาบดีแม้เพียงครึ่งก้าว ส่วนอามู่เต๋อ…” หนานกงอี้จือชะงักเล็กน้อย “เสียนหวางเฟยลอบทำร้ายเสียนหวาง เสียนหวางโกรธมากจึงหย่ากับมั่วจวินเหยาแล้ว ได้ยินว่าหลังจากอามู่เต๋อรู้ข่าวก็ลากร่างกายที่เจ็บหนักไปจวนเสียนหวาง แม้จะโกรธมากแต่ก็พามั่วจวินเหยาออกจากเมืองหลวงไปแล้ว”
“ออกจากเมืองหลวง?”
ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อได้ยินคำพูดนี้ในใจก็เต้น ‘ตึกตัก’ ขึ้นมา ซั่งกวนเซ่าเฉินรีบหมุนกายกลับไป “ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่ายามที่อามู่เต๋อเดินทางออกไปมีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่?”
หนานกงอี้จือส่ายศีรษะอีกครา “จะไม่ตรวจสอบได้อย่างไร? แต่ได้ยินว่ากลุ่มของพวกเขาออกเดินทางอย่างเงียบเชียบเป็นอย่างยิ่ง เพราะถูกหย่าด้วยเกรงว่ามั่วจวินเหยาจะรู้สึกอับอายจึงอยู่ในรถม้าตลอดเวลา ตามข้อมูลที่เหล่าสหายในยุทธภพตรวจสอบมา อามู่เต๋อปลอบใจน้องสาวอยู่ในรถม้าตลอดเวลา สัมภาระของพวกเขาก็แทบจะเหมือนกับยามที่มา มีเพียงสัมภาระเดินทางธรรมดาๆ ไม่กี่ใบซึ่งไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลย”
เห็นซั่งกวนเซ่าเฉินที่ได้ยินก็มีสายตาไม่สบอารมณ์ หนานกงอี้จือคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ “ญาติผู้พี่ ในเมื่อมั่วจวินเหยาผู้นั้นสมรู้ร่วมคิดกับคนชั่วลอบทำร้ายเสียนหวางและมู่เอ๋อร์ เหตุใดพวกเราจึงไม่จับมั่วจวินเหยามาเล่า? บางทีอาจถามได้ว่าผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังคือผู้ใดกันแน่”
“เหอะ นอกจากฉินรั่วเฉินจะยังเป็นผู้ใดไปได้อีก?”
มุมปากของซั่งกวนเซ่าเฉินกระตุก “องครักษ์เงารายงานว่าฉินรั่วเฉินเคยปรากฏตัวที่ข้างจวนเสียนหวาง ทั้งยังพูดคุยกับเสียนหวางเฟยอยู่นานถึงครึ่งชั่วยาม แม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยอันใดกันแต่วันนี้ซูเช่อก็พูดแล้วว่าเป็นมั่วจวินเหยาที่หลอกล่อให้เขาไปที่เรือนพักตากอากาศ ย่อมมองได้ว่าเรื่องนี้ต้องไม่พ้นเกี่ยวข้องกับฉินรั่วเฉินเป็นแน่! แต่นางยืนกรานปฏิเสธและพวกเราก็ไม่มีหลักฐานในมือแล้วจะจับมั่วจวินเหยาได้อย่างไร? ในเมื่อนางกล้าทำย่อมไม่ยอมพูดออกมาเป็นแน่! นางเป็นองค์หญิงแคว้นซีอวี้ทั้งยังเป็นองค์หญิงที่มาตบแต่งเชื่อมสัมพันธ์ที่ถูกเสียนหวางขอหย่า เกรงว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างแคว้นเทียนเฉาและแคว้นซีอวี้คงพังทลายลงแล้ว ต่อไปพวกเรายังต้องเผชิญกับปัญหาที่ตามมามากกว่าเดิม”
หนานกงอี้จือไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง “เช่นนั้นพวกเราก็ทำได้เพียงมองดูสตรีชั่วร้ายผู้นั้นเดินจากไปหรือ?”
เขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก “มั่วจวินเหยาผู้นั้นแม้จะมิใช่นางที่พามู่เอ๋อร์ไปเองกับมือ แต่การหายตัวไปของมู่เอ๋อร์ย่อมไม่พ้นเกี่ยวข้องกับนางเป็นแน่ นางถูกหย่าก็สมควรแล้วแต่จะปล่อยนางไปเช่นนี้ ข้า…”
“ช้าก่อน” ซั่งกวนเซ่าเฉินนึกอันใดขึ้นมาได้ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าสัมภาระของพวกเขามีเพียงสัมภาระเดินทางไม่กี่อย่างใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง” หนานกงอี้จือยังฟังความนัยในคำพูดของเขาไม่ออก “จากแคว้นซีอวี้มาถึงแคว้นเทียนเฉาเป็นการเดินทางระยะไกล คราแรกยามที่มั่วจวินเหยามาเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ก็เห็นว่ามีเพียงสัมภาระเหล่านั้น ยามนี่นางถูกหย่าเป็นธรรมดาที่จะนำของทั้งหมดไปด้วย ซูเช่อหย่ากับนางแล้วคงไม่ปล่อยของพวกนั้นไว้เฉยๆ กระมัง?”
“ความหมายของข้าคือหากหามู่เอ๋อร์ในเมืองหลวงไม่พบ ก็เป็นไปได้ว่านางอาจถูกพาออกจากเมืองหลวงไปแล้ว คนของพวกเราคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเมืองหลวงนานแล้วไม่ว่าจะเข้าหรือออกก็ล้วนต้องถูกตรวจสอบ แต่กลุ่มขององค์หญิงแคว้นซีอวี้จะมีผู้ใดไปตรวจสอบได้เล่า? ยิ่งไปกว่านั้นอามู่เต๋อก็วนเวียนอยู่ที่เมืองหลวงมานานรั้งรอไม่ยอมจากไป ในคราแรกที่มั่วจวินเหยาตบแต่งเข้าจวนเสียนหวางและได้รับความอับอายก็ไม่ยอมพานางจากไป แต่ครานี้มั่วจวินเหยาถูกซูเช่อหย่า อามู่เต๋อไม่เพียงแต่ไม่ลงมืออันใดทว่ายังถึงขั้นรับนางออกไปจากเมืองหลวง นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?” น้ำเสียงของซั่งกวนเซ่าเฉินกดต่ำเป็นอย่างมาก มองหนานกงอี้จือที่ตระหนักได้โดยพลัน เขาก็รีบออกคำสั่ง
“อี้จือ!”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปที่ประตูเมืองเดี๋ยวนี้เพื่อดูว่าเหล่าสหายที่เฝ้าอยู่ได้ตรวจสอบสัมภาระของพวกเขาหรือไม่ และจะให้คนเร่งกำลังค้นหาในเมืองหลวง หากในเมืองลวงยังหาไม่พบมู่เอ๋อร์คงถูกคนของอามู่เต๋อพาไปแคว้นซีอวี้แล้วเป็นแน่ นี่เป็นสิ่งที่เฉินรั่วเฉินกล่าวไว้แล้ว เหตุใดพวกเราจึงไม่คิดว่ามู่เอ๋อร์จะถูกพาไปที่ใดเลย! ญาติผู้พี่ ท่านรอข่าวจากข้าก่อนเถิด”
———————–
รอบบริเวณเย็นยะเยือก หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกเพียงว่านางหนาวจนต้องตื่นขึ้นมา
ด้านหลังศีรษะรู้สึกวิงเวียนราวกับกินยาอันใดลงไป นางลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่แสงสว่างกลับเสียดแทงจนนางต้องหลับตาตามสัญชาตญาณ
อยากยื่นมือออกมาบดบังสายตาแต่กลับพบว่าแขนขาทั้งสี่ราวกับถูกบางสิ่งมัดไว้ เมื่อตระหนักได้เช่นนี้นางจึงรีบเบิกรูม่านตากลมโตก่อนนางจะสูดหายใจเข้าลึกโดยพลัน
เห็นเพียงรอบด้านเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งที่ใสและแวววาว ซึ่งยามนี้นางกำลังนอนอยู่บนก้อนน้ำแข็งขนาดค่อนข้างใหญ่ที่มีความลาดชันโดยที่แขนขาทั้งสี่ข้างถูกมัดให้นอนอยู่บนนั้น ใต้ฝ่าเท้าคือความมืดมิดราวกับเหวที่ลึกเป็นอย่างยิ่ง
“ที่นี่คือที่ใด?”
นางเอ่ยปากซึ่งสิ่งแรกที่ตอบกลับนางก็คือเสียงสะท้อนของนาง
นางเงยหน้าขึ้นโดยพลันผลคือนางมองเห็นใบหน้าอันชั่วร้ายและมีเสน่ห์ใบหน้าหนึ่ง
“อามู่เต๋อ เป็นเจ้าอีกแล้ว!”
แปะๆๆ อามู่เต๋อปรบมือสามคราติด “ยินดีต้อนรับสู่แคว้นซีอวี้ เป็นอย่างไรบ้างหลิงมู่เอ๋อร์ พอใจกับฐานทัพลับของเปิ่นหวางจื่อหรือไม่?”
มุมปากที่ไม่ถูกหน้ากากครึ่งซีกปิดบังไว้ยกขึ้นท่าทางราวกับอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง แต่รอยยิ้มที่ราวกับระลอกที่เต็มไปด้วยความรักภายใต้หน้ากากน่าเกลียดก็ทำให้คนรู้สึกเพียงความเย็นยะเยือกจากก้นบึ้งในใจ
“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนการของเจ้าเพื่อจะจับข้ามาที่นี่หรือ?”
หลิงมู่เอ๋อร์มองรอบด้านอีกคราก่อนจะยืนยันได้ว่าใต้ฝ่าเท้าเป็นเหวลึก ในเมื่ออามู่เต๋อนำนางมามัดไว้ที่นี่ย่อมมิได้พานางมาชื่นชมทิวทัศน์ธรรมดาๆ เป็นแน่
อามู่เต๋อผู้นี้ แผนการของเขาเริ่มขึ้นแล้วหรือ?
“นี่ จะพูดเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าหาได้มีความสามารถถึงเพียงนั้นหรอก!”
อามู่เต๋อโบกมือก่อนจะไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ต้องบอกว่าครั้งนี้ก็เป็นข้าที่ช่วยเจ้าจึงจะถูก”
ได้ยินคำพูดนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ก็หวนนึกถึงเรื่องที่พบในเรือนพักตากอากาศ นางพุ่งเข้าไปในเรือนพักตากอากาศแต่ยังไม่ทันได้หาซูเช่อพบก็ถูกผงของยาปลุกกำหนัดทำให้อ่อนแรง ยามที่นางกำลังคิดจะซ่อนตัวเข้าไปในมิติก็ราวกับเห็นร่างเงาของซูเช่อ แต่น่าเสียดายที่ไม่รอให้นางได้ซักถามว่าเกิดอันใดขึ้น รวมถึงยังมิได้มองอย่างชัดเจนว่าผู้ที่เข้ามาใกล้ใช่ซูเช่อหรือไม่ นางกลับหมดสติไปเสียก่อน
อยากยื่นมือไปลูบหลังศีรษะแต่ก็มีเสียงโซ่เหล็กดังออกมาตามการเคลื่อนไหวของนาง หลิงมู่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว “เป็นเจ้าที่ให้เข็มเงินสกัดชีพจรของข้าทำให้ข้าหมดสติ หลังจากนั้นก็พาข้ามาที่นี่ใช่หรือไม่?”
“อย่าใช้สายตาที่มองศัตรูมองข้าเช่นนั้น” เสียงของอามู่เต๋อฟังดูเกียจคร้านเป็นอย่างยิ่ง “ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนช่วยเจ้า หากไม่มีข้ายื่นมือพาเจ้าออกมายามนี้เจ้าคงตกหลุมพรางของใครบางคน จนกลายเป็นเรื่องตลกกับเสียนหวางไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ซั่งกวนเซ่าเฉินก็คงถูกการกระทำอันน่าอับอายของเจ้าและเสียนหวางทำให้กลายเป็นตัวตลกของคนทั้งใต้หล้า และเสียนหวางก็คงถูกฝ่าบาทประทานความตายให้ เจ้าว่าข้าช่วยพวกเจ้าไว้ตั้งกี่คนเล่า”
“ถุย!”
หลิงมู่เอ๋อร์ดิ้นรนต่อต้านพลางกล่าว “ปล่อยข้า!”
“ชู่” อามู่เต๋อวางนิ้วไว้กลางริมฝีปากห้ามไม่ให้นางโวยวายเสียงดัง “เกรงว่าเจ้าคงยังไม่รู้สถานการณ์ในยามนี้ของเจ้าอย่างชัดเจนกระมัง ใต้เท้าเจ้าเป็นหุบเหวลึกเจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการให้ข้าปล่อยเจ้า?”
ยามนี้ร่างของนางอยู่บนก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่อันลาดชัน หากปลดโซ่ออกนางจะต้องร่วงลงจากก้อนน้ำแข็งอันลาดชันไปสู้หุบเหวลึกเป็นแน่
ช่างเป็นแผนการที่ชั่วร้ายเสียจริง
“ฉินรั่วเฉินให้คนปลอมตัวเป็นซูเช่อจงใจให้ข้าเห็นภาพที่เขาถูกลักพาตัวไปต่อหน้า ทำให้ข้าไล่ตามไปที่เรือนพักตากอากาศของซูเช่อ ก่อนจะทำให้ข้าหมดสติเพื่อทำลายชื่อเสียงของข้ากับซูเช่อทั้งยังฉวยโอกาสพาข้าออกมาอีก เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากับฉินรั่วเฉินร่วมมือกัน เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนการของพวกเจ้า!” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างเดือดดาล แต่เพราะถูกมัดไว้บนก้อนน้ำแข็งนานแล้ว ทำให้นางซึ่งไม่ถูกกับอากาศหนาวถูกความหนาวเย็นทำให้สั่นสะท้านจนแม้แต่เสียงก็ยังสั่นเครืออยู่หลายส่วน
“ที่นี่คือที่ใด หากมีความสามารถก็ฆ่าข้าเสีย จะแสร้งหลอกว่ามีความสามารถไปเพื่ออันใด!”
“หากไม่ใช้อุบายเป็นพิเศษจะพาเจ้ามาที่แคว้นซีอวี้ซึ่งอยู่ไกลนับพันลี้ได้อย่างไร?” อามู่เต๋อมองท่าทางสั่นเทาของนางก็ทอดถอนใจพลางกล่าวอย่างปวดใจ “จุ๊ๆๆ ยามนี้เจ้ามิใช่ว่ารู้สึกหนาวมากหรือ ก็ดี เจ้าไม่เพียงแต่สวมเสื้อผ้าบางๆ แต่ยังตั้งครรภ์อยู่อีกด้วย ได้ยินว่าเจ้าไม่ถูกกับความหนาวเป็นอย่างมาก ทุกคราที่ออกไปข้างนอกซั่งกวนเซ่าเฉินก็ล้วนสั่งให้คนทำให้รถม้าของเจ้าอบอุ่นก่อนจะให้เจ้าเข้าไปมิใช่หรือ? แต่น่าเสียดายที่ข้าหาใช่ผู้ชายของเจ้าย่อมไม่อ่อนโยนกับเจ้าถึงเพียงนั้นเหมือนเขา!”
กล่าวจบในมือของอามู่เต๋อก็ปรากฏขวานหนึ่งเล่มโดยพลัน เขาที่เดิมมีท่าทีเกียจคร้านก็แปรเปลี่ยนไปเป็นชั่วร้ายโหดเหี้ยม “หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าอยู่ในอาณาเขตของข้าไม่มีผู้ใดสามารถหนีไปจากการลงโทษจากแผ่นน้ำแข็งนี้ของข้าได้ ดังนั้นมอบสิ่งที่ข้าต้องการมาโดยตลอดมาเสียแล้วข้าจะปล่อยเจ้า ไม่เช่นนั้น…”
“หากมีความสามารถก็ฆ่าข้าเสีย หากไม่มีความสามารถต่อให้เจ้าตายก็จะไม่ได้สิ่งใดทั้งนั้น!” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่สนใจความโหดเหี้ยมของเขาอีก
สายตาจ้องมองไปรอบด้านหาความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีออกไป
นางรู้เพียงการต่อสู้ระยะประชิดแบบอย่างๆ เท่านั้นไม่อาจใช้กำลังภายในได้ ดังนั้นนางย่อมไม่อาจหลบหนีไปจากก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่อันลาดชันนี้ได้ การซ่อนตัวอยู่ในมิติเป็นเพียงแผนการชั่วครู่เพราะมิติไม่อาจเคลื่อนที่ได้ และอามู่เต๋อก็รู้ข้อเสียของมิติของนางดี หากเขาเฝ้านางไว้ไม่ยอมปล่อย นางคงต้องถูกขังอยู่ในมิติไปตลอดชีวิต
“ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์!”
อามู่เต๋อโกรธเกรี้ยวขวานในมือเหวี่ยงลงไปโดยพลัน ได้ยันเพียงเสียง ‘เคร้ง’ ก่อนโซ่เหล็กที่มือขวาของหลิงมู่เอ๋อร์จะถูกตัดขาดโดยพลัน
ด้วยความไม่ทันระวังร่างกายจึงเสียสมดุลอย่างรุนแรงและทั้งร่างก็เอนไปทางด้านหนึ่ง
“อามู่เต๋อหากมีความสามารถเจ้าก็อย่าได้อ้อมค้อมเลย!”
หลิงมู่เอ๋อร์ตะโกน นางยอมรับว่านางรู้สึกกลัวอยู่บ้าง
หากนางมีเพียงตัวคนเดียวนางย่อมไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย แต่ในท้องของนางมีชีวิตที่บริสุทธิ์อยู่ด้วย นางไม่อาจลงมือตามอำเภอใจทั้งยังไม่อาจปล่อยให้เขาทำร้ายลูกที่บริสุทธิ์ของนางได้
“เจ้าอย่าคิดว่าจะมีคนมาช่วยเจ้า ที่นี่คืออาณาเขตของข้า รอบบริเวณล้วนเต็มไปด้วยค่ายกลของข้า อีกทั้งซั่งกวนเซ่าเฉินในยามนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าถูกข้าพามาที่แคว้นซีอวี้แล้ว ดังนั้นส่งสิ่งที่ข้าต้องการมาเสีย ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด!”
อามู่เต๋อโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุดแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นท่าทางคลุ้มคลั่งของเขาก็หัวเราะเยาะ “มีผู้ใดเคยบอกหรือไม่ว่าท่าทางของเจ้าช่างน่าเกลียดเสียจริง”
“รนหาที่ตาย!”
สิ้นคำพูดนี้ขวานในมือของอามู่เต๋อก็จามลงไปบนโซ่เหล็กที่มือซ้ายและขาทั้งสองข้างของนาง เคร้งเคร้งเคร้ง สิ้นเสียงกระทบทั้งสามคราร่างของหลิงมู่เอ๋อร์ก็เริ่มตกลงไปอย่างรวดเร็ว
เดิมเขาวางแผนว่าจะช่วยหลิงมู่เอ๋อร์ ยามที่ทะยานร่างไปช่วยนางขึ้นมาก็จะข่มขู่ให้นางเอาสมบัติลับออกมา
แต่ในยามนั้นเองก็มีคนชุดดำผู้หนึ่งที่ไม่ทราบว่าปรากฏตัวมาจากที่ใด พุ่งไปคว้าหลิงมู่เอ๋อร์ที่ตกลงไปในหุบเหวโดยพลัน