เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 15 ตอนที่ 450 ร่วมมือ
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 15 ตอนที่ 450 ร่วมมือ
เล่มที่ 15 ตอนที่ 450 ร่วมมือ
“องค์ชายอามู่เหตุใดจะต้องโกรธด้วย มา ระงับโทสะก่อน ระงับโทสะก่อนเถิด”
ฉินรั่วเฉินพาอามู่เต๋อออกมาจากห้องตำรา นั่งลงที่ศาลาในสวน
แม้จะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเหน็บ แต่ในท้องของเขามีไฟโทสะสุมอยู่จึงไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นแม้แต่น้อย “องค์ชายหก ขออภัยที่ต้องกล่าวตามตรง หากมหาเสนาบดีหลันเป็นผู้ที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้ เช่นนั้นความร่วมมือของพวกเรา…”
“ความร่วมมืออันใด? ทำไมเล่า เป็นเพราะความเห็นไม่ลงรอยกันเพียงครั้งเดียวจะต้องยุติความร่วมมือของพวกเราเลยหรือ องค์ชายอามู่จะไม่โกรธง่ายเกินไปหน่อยหรือ? หรือท่านลืมแผนการของท่านไปแล้ว? ลืมไปแล้วหรือว่าต้องการหลิงมู่เอ๋อร์?” ฉินรั่วเฉินก็รู้สึกโกรธอยู่บ้างแต่เพื่อแผนการในอนาคต เขาจึงระงับโทสะเอาไว้
“แน่นอนว่าข้าต้องการหลิงมู่เอ๋อร์ แต่ตาเฒ่ามหาเสนาบดีหลันมีความคิดเช่นไรเล่า? หากเขาฆ่าซูเช่อยามนี้ แผนการของพวกเราทั้งหมดย่อมต้องถูกเขาทำให้ยุ่งเหยิงเป็นแน่ หลิงมู่เอ๋อร์และซั่งกวนเซ่าเฉินจะต้องรู้เป็นแน่ว่าท่านกับข้าร่วมมือกัน ทั้งยังจะรู้ด้วยว่าเรื่องนี้เป็นท่านกับข้าที่วางอุบายเอาไว้ ถึงยามนั้นหากพวกเขาระมัดระวังพวกเราแล้ว พวกเรายังจะทำอันใดได้อีก? ข้ายังจะพานางไปที่แคว้นซีอวี้ได้อีกหรือ? อย่าลืมว่าซูเช่อช่วยเหลือพวกเขามาหลายครั้งหลายครา ในสายตาของพวกเขาซูเช่อเป็นทั้งสหายและผู้มีพระคุณ การฆ่าซูเช่อยามนี้ย่อมมิใช่ความคิดที่ดี!”
อามู่เต๋อโกรธเกรี้ยวจนตะคอกออกมาเสียงดัง โดยหาได้สังเกตแม้แต่น้อยว่าสีหน้าของฉินรั่วเฉินค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาแล้ว
เป็นองค์ชายผู้หนึ่งของแคว้นซีอวี้แล้วอย่างไร กล้ามาส่งเสียงโวยวายเช่นนี้ในตำหนักองค์ชายหกของเขา เขารวบรวมกำลังภายในเอาไว้ในมือที่อยู่ข้างหลังถึงหกส่วน ขอเพียงเขาลงมือในยามนี้ เขารับรองได้ว่าคนนอกผู้แสนจองหองเบื้องหน้าจะต้องตายในทันทีเป็นแน่!
เหอะ ผู้ใดใช้ให้ในยามนี้เขายังมีประโยชน์อยู่เล่า
“ลูกสาวของหลันซือเฮ่อเพิ่งตายไปเขาย่อมคิดอันใดไม่ออกไปช่วงหนึ่ง ในใจมีเพียงเหตุผลที่คิดแต่เพียงว่าต้องการล้างแค้นเพื่อลูกสาว แต่สิ่งที่ท่านพูดก็หาได้ผิด หากยามนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับซูเช่อ ความจริงเรื่องที่ท่านกับข้าร่วมมือกันจะต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่ หากถูกคนรู้เข้าว่าข้าไปมาหาสู่กับองค์ชายแคว้นซีอวี้ย่อมไม่เป็นผลดีอันใดต่อเปิ่นหวางจื่อจริงๆ เอาเช่นนี้เถิด หลังจากนี้เดี๋ยวข้าจะไปปลอบใจหลันซือเฮ่อเสียหน่อย ท่านพอใจหรือไม่?” ฉินรั่วเฉินปล่อยมือที่มีกำลังภายในลง สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูมิได้ฉุนเฉียวถึงเพียงนั้น
อามู่เต๋อยังคิดจะพูดอันใด แต่ฉินรั่วเฉินมีท่าทีเป็นมิตรเช่นนี้หากเขาโต้แย้งอย่างไม่มีเหตุผลย่อมไม่เป็นการดี
“สรุปคือซูเช่อจะยังตายตอนนี้ไม่ได้ หากถึงเวลาที่เขาตายได้แล้วข้าจะมาแจ้งให้พวกเจ้ารู้!” เขาเชิดหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
มุมปากของฉินรั่วเฉินกระตุกทั้งยังว่าร้ายอยู่ในใจ ‘รอให้ถึงยามที่ข้าปลิดชีพเจ้าก่อนเถอะ เปิ่นหวางจื่อก็จะแจ้งให้เจ้าได้รู้เป็นคนแรกเช่นกัน!’
ข่มกลั้นโทสะภายในร่างก่อนจะพยักหน้า “ได้ พอดีเลย หากต้องการพาหลิงมู่เอ๋อร์ไปแคว้นซีอวี้ ที่นี่ก็ยังต้องการซูเช่ออยู่ ข้าจะปล่อยเขาไว้ถึงยามนั้น”
อามู่เต๋อเห็นฉินรั่วเฉินจะพาหลิงมู่เอ๋อร์ไปที่แคว้นซีอวี้ตามกำหนดการ ในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก อีกทั้งไฟโทสะก็สลายหายไปไม่น้อย “แล้วหากหลันซือเฮ่อไม่เห็นด้วยเล่า?”
“ท่านวางใจเถอะ เพื่อล้างแคว้นให้ลูกสาวย่อมต้องเห็นด้วยเป็นแน่ แม้ชายเฒ่าผู้นั้นจะหัวรั้นแต่ก็มิได้ถึงขั้นแยกแยะไม่ได้ พวกเราสามคนลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ควรช่วยเหลือซึ่งกันและกันจึงจะถูก”
ฉินรั่วเฉินตบไหล่ของเขาแสดงท่าทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องโกรธเกินไป คำพูดราวกับจะบอกว่าไม่อาจจะโทษผู้ใดได้
อามู่เต๋อแม้จะจองหองทั้งยังไม่เห็นฉินรั่วเฉินอยู่ในสายตา แต่ถึงอย่างไรก็ยังใช้ประโยชน์จากฉินรั่วเฉินได้จึงไม่คิดจะถือสาเขาให้มากความ
“ในเมื่อองค์ชายหกจริงใจเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไปจับตาดูซั่งกวนเซ่าเฉินไว้ รอให้ท่านจัดการทุกอย่างทางด้านนี้เรียบร้อยแล้ว แคว้นซีอวี้ของข้าจะช่วยเหลือให้ท่านขึ้นสู่บัลลังก์ทันที!”
“ได้”
สิ้นคำของฉินรั่วเฉินก็รู้สึกเพียงว่าข้างหลังมีลมหอบหนึ่งพัดผ่าน ยามที่หันกลับไปอีกครา ไหนเลยจะยังมีเงาของอามู่เต๋ออยู่อีก?
หากมิใช่ว่ามีใบไม้บนต้นไม้ร่วงลงมาเพราะสายลม เขาคงเชื่อเป็นแน่ว่าเมื่อครู่คนผู้นี้มิได้มาที่นี่
“อามู่เต๋อเล่าพ่ะย่ะค่ะ? องค์ชายหกปล่อยให้คนนอกกระทำความผิดโดยไม่คิดขัดขวางเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
ยามที่ฉินรั่วเฉินกลับมาที่ห้องตำรา หลันซือเฮ่อที่มาต้อนรับโดยพลันเห็นว่าข้างหลังเขาว่างเปล่า ใบหน้าชราของเขาก็เต็มไปด้วยความเหี่ยวแห้ง “องค์ชายหกไม่อาจคล้อยตามอามู่เต๋อผู้นั้นได้นะพ่ะย่ะค่ะ! แม้เขาจะเป็นองค์ชายของแคว้นซีอวี้แต่แคว้นซีอวี้ก็ยังเป็นแคว้นอื่น คำพูดของพวกเขาย่อมไม่อาจเชื่อถือได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“มหาเสนาบดีหลันวางใจเถอะ เปิ่นหวางจื่อย่อมกระทำการอย่างรู้ขอบเขตดี”
หลังจากกดให้เขานั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย ตนเองก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างตัวเขา ฉินรั่วเฉินหรี่ตาลง “เหอะ หากมิใช่เพราะจะใช้ประโยชน์จากแคว้นซีอวี้ เจ้าคิดว่าเมื่อครู่เปิ่นหวางจื่อจะคล้อยตามเขาหรือ? กล้ามาขัดขวางแผนการของเปิ่นหวางจื่อ จุดจบก็มีเพียงแค่…ความตาย!”
เห็นใบหน้าดุร้ายของฉินรั่วเฉิน หลันซือเฮ่อก็ตัวสั่นเทิ้มแต่เมื่อนึกถึงความหยิ่งยโสของอามู่เต๋อ ในใจเขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ซูเช่อยังตายไม่ได้อันใด มิใช่ว่าเพื่อน้องสาวที่ไม่ได้รับความรักของเขาหรือพ่ะย่ะค่ะ เหอะ ในเมืองหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าซูเช่อตบแต่งกับมั่วจวินเหยาก็เพื่อหลิงมู่เอ๋อร์ เสียนหวางเฟยผู้หนึ่งที่ไม่ได้รับความโปรดปราน นางคิดว่าปกป้องเสียนหวางแล้วจะได้เสียนหวางไปหรือ? เหอะ ช่างเพ้อฝันเสียจริง!”
“ผู้ใดบอกว่าไม่ใช่เล่า? เห็นได้ชัดว่าตัวเองต้องตายอย่างน่าอนาถแต่กลับยังเฝ้าคำนึงถึงแต่หลิงมู่เอ๋อร์! เหอะ มหาเสนาบดีหลันวางใจเถอะ เปิ่นหวางจื่อร่วมมือกับเขาก็เพียงแค่เพื่อผลประโยชน์ที่มีร่วมกัน แต่เขาไม่รู้ก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้นิสัยของเปิ่นหวางจื่อกระมัง? เรื่องที่เปิ่นหวางจื่อตัดสินใจไปแล้ว เคยเปลี่ยนใจหรือ?”
ได้ยินความนัยในคำพูดของฉินรั่วเฉิน หลันซือเฮ่อที่เดิมทียังกังวลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อครู่เขาเกือบจะขัดแย้งกับอามู่เต๋อ แต่องค์ชายหกกลับพาอามู่เต๋อออกไป เขาคิดว่าองค์ชายหกกำลังจะทอดทิ้งตน มายามนี้ดูท่าเขาจะคิดมากเกินไป
“ไม่ทราบว่าองค์ชายหกคิดจะจัดการซูเช่อเช่นไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“กล้ามาตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้า ข้าว่าเสียนหวางผู้นี้คงกินดีหมีหัวใจเสือเข้าไปกระมัง!”
น้ำเสียงและในแววตาของฉินรั่วเฉินมีความอันตรายแผ่ออกมา
มองหลันซือเฮ่อที่มีท่าทางรอคอยอย่างร้อนรนอีกครา ในใจของเขาก็รู้ว่ายามนี้หลันซือเฮ่อรีบร้อนต้องการหาใครสักคนมาฝังลงดินไปเป็นเพื่อนลูกสาว เกรงว่าหากซูเช่อไม่ตายก็ยากที่เขาจะภักดีต่อตน
“ข้าได้ยินว่าคืนก่อนระหว่างทางที่เสด็จพี่รองกลับจากวังหลวงพบกับมือสังหารเข้า รวมถึงในตำหนักองค์ชายรองก็มีมือสังหารปรากฏตัวอีกด้วย ไม่ทราบว่ามหาเสนาบดีหลันรู้หรือไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น?”
เห็นฉินรั่วเฉินถามด้วยสายตาเฉียบแหลม หลันซือเฮ่อก็ยิ้ม “องค์ชายหกทรงมีความสามารถเทียมฟ้า ในเมื่อล้วนทราบทุกอย่างเหตุใดยังทรงถามอยู่หลายครั้งเล่าพ่ะย่ะค่ะ ถูกต้อง เป็นคนของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินรั่วเฉินไม่ได้พูดอันใดและส่งสายตาให้เขาพูดต่อ “เชี่ยนหยิ่งต้องตายอย่างน่าเวทนาในอารามชี กระหม่อมในฐานะบิดากลับไม่อาจล้างแค้นให้นางได้ จะให้กระหม่อมไม่รู้สึกละอายใจต่อลูกสาวที่ตายไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ! ดังนั้นกระหม่อมจึงหามือสังหารในยุทธภพมา แม้จะรู้ว่ามือสังหารเหล่านั้นย่อมไม่อาจฆ่าพวกเขาได้ แต่กระหม่อมก็ยังอยากให้บทเรียนแก่พวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”
หลันซือเฮ่อยิ่งพูดก็ยิ่งฮึกเหิม “เชี่ยนหยิ่งของกระหม่อมอยู่ในวัยที่สวยงามดั่งบุปผางามราวกับหยก นางเป็นแม่นางอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แม้จะตบแต่งให้ไท่จื่อที่ไร้ความสามารถแล้วอย่างไรเล่า เดิมนางควรมีอนาคตที่สดใสราวกับปูด้วยผ้าไหม แต่เดิมมันก็สว่างไสวแต่เพราะต้องเข้าไปอยู่ในอารามชี ทั้งยังถูกพวกแม่ชีหัวล้านคุมตัวอยู่ทุกวัน นางที่คิดอันใดไม่ออกจึงเลือกปลิดชีพตัวเอง ส่วนกระหม่อมในฐานะบิดายังไม่ได้เห็นหน้านางเป็นครั้งสุดท้ายเสียด้วยซ้ำ ทว่าก็พอนึกออกว่ายามนั้นนางจะสิ้นหวังและไร้ความช่วยเหลือมากเพียงใด และกระหม่อม…กลับต้องเป็นคนผมขาวส่งคนผมดำ…”
พูดจบดวงตาทั้งสองข้างของหลันซือเฮ่อก็เปียกชื้นเขาข่มกลั้น เงยหน้าขึ้นไม่ให้น้ำตาหลั่งรินลงมา แต่ความโศกเศร้าจากการสูญเสียลูกสาวก็ทำให้เขาเจ็บปวดจนรับไม่ไหว
“กระหม่อมต้องการฝังซั่งกวนเซ่าเฉินและหลิงมู่เอ๋อร์ลงไปอยู่เป็นเพื่อนนาง กระหม่อมอยากให้ซูเช่อรู้สึกเสียใจภายหลังที่ทำผิดไปตั้งแต่แรก กระหม่อมอยากให้ไท่จื่อได้ชดใช้กับการกระทำของตัวเอง! องค์ชายหก ท่านจะช่วยกระหม่อมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“แน่นอน!”
ฉินรั่วเฉินตอบรับอย่างตรงไปตรงมา “การตายของลูกสาวเจ้าทำให้ข้ารู้สึกคาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก มหาเสนาบดีหลันก็รู้ว่าวันนั้นข้าได้ดำเนินการไปแล้ว หากมิได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น คืนวันนั้นลูกสาวของเจ้าจะต้องออกมาหาเจ้า และครอบครัวก็จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายนางรอไม่ไหว แต่ไม่เป็นอันใด ความแค้นนี้ข้าจะชำระแทนเจ้าเอง!”
ได้รับคำตอบยืนยัน หลันซือเฮ่อก็เพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอกในยามนี้ เขารู้ว่าหากพูดให้มากความอีกย่อมจะยิ่งเป็นการสร้างระยะห่างมากขึ้น
“เช่นนั้นหลันซือเฮ่อจะรอฟังข่าวดีจากองค์ชายหกพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาคุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้นให้อีกฝ่ายอีกคราด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจ
ฉินรั่วเฉินรีบพยุงเขาขึ้นมา “มหาเสนาบดีหลันทำอันใด ข้าเคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ทุกคนต่างก็ได้รับประโยชน์ร่วมกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันถึงเพียงนี้ ส่วนองค์ชายรองของแคว้นซีอวี้อามู่เต๋อ เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอันใด เทียบกับเขาแล้ว เปิ่นหวางจื่อย่อมให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างเจ้ากับข้ามากกว่า”
มีคำพูดนี้ขององค์ชายหก มหาเสนาบดีหลันก็รู้สึกซาบซึ้งจนไม่รู้ว่าควรพูดอันใดดี
เดิมทีเขากังวลว่าองค์ชายหกมีสหายใหม่ที่ร่วมมือกันแล้ว จะไม่สนใจความช่วยเหลือของจวนมหาเสนาบดีของเขาอีก มายามนี้ดูท่าองค์ชายหกจะมีสายตาที่เฉียบแหลมทีเดียว
“ยามนี้กระหม่อมล้วนไม่มีอันใดแล้ว คนเดียวกินอิ่มทั้งครอบครัวก็ไม่หิวโหย ขอเพียงองค์ชายหกเปิดปาก กระหม่อมก็เต็มใจทำทุกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาทั้งสองข้างของหลันซือเฮ่อหรี่ลงจนกลายเป็นเส้นเดียวในขณะที่หางตาเป็นประกาย “ขอเพียงสามารถล้างแค้นให้ลูกสาวได้เท่านั้น”
ในห้องตำรา ซั่งกวนเซ่าเฉินกำลังสอบถามหนานกงอี้จือที่เพิ่งเร่งรุดเข้ามา “ตรวจสอบการเคลื่อนไหวระยะนี้ขององค์ชายหกชัดเจนแล้วใช่หรือไม่?”
“คนของข้าเฝ้าอยู่รอบตัวองค์ชายหกตลอด นอกจากหลันซือเฮ่อและข้ารับใช้บางส่วนก็ไม่มีผู้ใดเข้าออกตำหนักองค์ชายหกแล้ว” หนานกงอี้จือหนักแน่นในคำตอบของตัวเอง สายตากวาดมองเขาขึ้นลง “ญาติผู้พี่ ได้ยินว่าวันนี้ท่านถูกลอบโจมตี ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
“หลันซือเฮ่อต้องการล้างแค้นให้ลูกสาวทั้งยังยืนฝ่ายฉินรั่วเฉิน การจ้างมือสังหารมาทำการลอบฆ่าอยู่ในการคาดเดาของข้าก่อนแล้ว หาได้เป็นอุปสรรคอันใด”
ซั่งกวนเซ่าเฉินหาได้เห็นการลอบสังหารในวันนี้อยู่ในสายตา แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือฉินรั่วเฉิน “เจ้าจับตาดูทางด้านเจ้าหกเอาไว้ให้ดี ก่อนหน้านี้ก็ฉินเสียนถิง หลังจากนั้นก็ไท่จื่อ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มีแผนการอันใดอีก”
ได้รับการเตือน หนานกงอี้จือก็สงสัยขึ้นมา “เป็นไปไม่ได้กระมัง หรือคนของเขาจะปลอมตัวเป็นข้ารับใช้เข้าออกตำหนัก?”
“ก็ไม่แน่” ซั่งกวนเซ่าเฉินมีท่าทีเคร่งขรึม ราวกับนึกอันใดขึ้นมาได้จึงเคร่งเครียดขึ้นมาโดยพลัน “อามู่เต๋อพักอยู่ที่ใด?”
“ท่านกังวลว่าฉินรั่วเฉินจะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้หรือ?”
ไม่รอให้ได้รับคำตอบ หนานกงอี้จือก็รู้สึกขันกับความคิดของตัวเอง “เป็นไปไม่ได้กระมัง ญาติผู้พี่ แม้จะบอกว่าแคว้นเทียนเฉาของพวกเราผูกสัมพันธ์กับแคว้นซีอวี้ โดยการลงนามในสนธิสัญญาเพื่อสร้างความปรองดองระหว่างกันแล้ว แต่ถึงอย่างไรแคว้นซีอวี้ก็คือแคว้นซีอวี้ ฉินรั่วเฉินในฐานะองค์ชายหกหากไปมาหาสู่กับแคว้นซีอวี้หลายครั้งหลายครา เขาไม่กลัวว่าจะถูกกล่าวโทษว่าสมรู้ร่วมคิดกับข้าศึกในการขายชาติหรือ? เป็นไปไม่ได้”
“แม้เจ้าจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าผู้อื่นจะคิดเช่นเดียวกับเจ้า เช่นนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าฉินรั่วเฉินจะไม่กล้าเสี่ยงเพราะเข้าตาจน?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติ “อี้จือส่งคนไปจับตาดูการเคลื่อนไหวทั้งหมดของอามู่เต๋อเดี๋ยวนี้ หากพบว่าเขามีความใกล้ชิดกับฉินรั่วเฉินให้มารายงานข้าทันที”
“ขอรับ”
ณ ที่พักขุนนาง
มั่วจวินเหยารออยู่นานแล้วก็ยังไม่เห็นพี่ชายกลับมา ยามที่กำลังคิดจะยอมแพ้และออกไปก่อน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกจากข้างนอก
นางรีบบีบน้ำตาและเดินเข้าไป กำลังคิดจะระบายความทุกข์ใจให้เขาฟัง แต่เมื่อเห็นเขาแต่งตัวแปลกไป นางก็เช็ดน้ำตาที่หางตา “ท่านพี่ ท่านไปที่ใดมาเหตุใดจึงแต่งตัวเหมือนบ่าวเช่นนี้?”