เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 14 ตอนที่ 407 อำนาจ
เล่มที่ 14 ตอนที่ 407 อำนาจ
หลังจากท่านอัครเสนาบดีออกจากห้องตำราไป หลินเล่อเซิงคว้าโอกาสไว้รีบเข้ามา เห็นฉินเสียนถิงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก นางก็โค้งมุมปากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“ยินดีกับเหยียที่ใกล้จะสมปรารถนาด้วยเพคะ”
นางกล่าวจบ จากนั้นก็เดินไปที่ด้านหลังของเขาแล้ว นวดไหล่คลายกล้ามเนื้อให้เขาอย่างอ่อนโยน
ฉินเสียนถิงที่เดิมไม่อยากถูกรบกวนในช่วงเวลาที่อารมณ์ดีเช่นนี้ มุมปากก็เชิดขึ้นอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว เขาเบนสายตามามองหลินเล่อเซิงที่น่ารักว่าง่าย พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เปิ่นหวางจื่อเคยพูดไว้นานแล้วว่า ของที่เป็นของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็แย่งไปไม่ได้ แต่ว่า เมื่อครู่เจ้าล้วนได้ยินหมดแล้ว?”
เมื่อกล่าวถึงคำพูดในส่วนท้ายนั้นสีหน้าของเขาก็ค่อนข้างจะไม่น่าดู หลินเล่อเซิงรีบตระหนักได้ในทันทีว่าเขาไม่ชอบให้คนแอบฟัง แต่ก็ไม่ตระหนกลนลาน ตอบกลับไปอย่างช้าๆ ว่า “เล่อเซิงมิได้ตั้งใจแอบฟังเพคะ เดิมเล่อเซิงคิดจะมาทูลถามเหยียว่าพรุ่งนี้ทางเสด็จแม่มีสิ่งใดให้ช่วยหรือไม่ เล่อเซิงทราบว่าแม้ตนเองจะจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้ไม่รอบคอบนัก แต่ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็เป็นวันมงคลครั้งใหญ่ของเสด็จแม่ ย่อมมิอาจให้มีความผิดพลาดแม้แต่น้อย มีคนเพิ่มอีกคนหนึ่งอย่างไรเสียก็ย่อมดีกว่า จึงได้ไม่ทันระวังได้ยินไปเล็กน้อย แต่ว่าเหยียทรงโปรดวางพระทัย เล่อเซิงไม่มีทางพูดโดยไม่รู้คิดเพคะ”
“หึ เจ้าใส่ใจแล้ว” ได้ยินคำอธิบายที่ไหลลื่นเช่นนี้ แม้ฉินเสียนถิงจะรู้ว่านางกำลังโกหก แต่คิดว่าอย่างไรนางก็ไม่กล้าพูดออกไป ดังนั้นจึงมิได้กระทบต่ออารมณ์ที่ดีของตน “พรุ่งนี้จะเป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเสด็จแม่จริงๆ ดังนั้นจึงไม่อาจมีที่ใดผิดพลาดได้เป็นอันขาด แต่ก็ไม่ถึงกับต้องให้เจ้าเข้าวังไปช่วยสิ่งใด แต่หากเจ้าอยากช่วยเหลืออย่างจริงใจแล้วละก็ เช่นนั้นก็ส่งคนไปเฝ้าหลิงมู่เอ๋อร์ไว้เสีย หากนางคิดจะทำสิ่งใด ให้รายงานข้าทันที เข้าใจหรือไม่?”
หลินเล่อเซิงรีบอ้อมมาเบื้องหน้า ค้อมเอวลงอย่างนอบน้อม “เพคะเหยีย ทรงวางพระทัยเถิดเพคะ เล่อเซิงจะจัดการเรื่องนี้อย่างดีแน่นอนเพคะ”
แม้ว่าฉินเสียนถิงจะเพียงโบกมือให้นางลุกขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ แต่มุมปากเขายังคงแสดงอารมณ์ที่ดีอย่างปิดไม่มิด
พรุ่งนี้จะเป็นวันดีของเสด็จแม่ ทันทีที่เสด็จแม่ทรงกลายเป็นหวางโฮ่ว เช่นนั้นโอกาสที่องค์ชายเจ็ดจะกลายเป็นไท่จื่อก็จะสูงมาก ทันทีที่เหยียกลายเป็นไท่จื่อ เช่นนั้นพระชายาเอกอย่างนางก็จะกลายเป็นไท่จื่อเฟยแล้ว ซึ่งก็คือหวางโฮ่วเหนียงเหนียงในอนาคต!
เมื่อถึงเวลานั้น นางก็จะกลายเป็นสตรีที่ผู้คนพากันอิจฉา เรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝน เป็นผู้นำทั้งวัง อยู่ใต้คนเพียงคนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่น ดังนั้นยามนี้ต่อให้นางได้รับความน้อยใจเพียงเล็กน้อยจะนับเป็นสิ่งใดกัน?
“เซิงเอ๋อร์เล่า เหตุใดช่วงนี้จึงไม่เห็นนาง?” น้ำเสียงหนักและแหบแห้งของฉินเสียนถิงดึงสติหลินเล่อเซิงกลับมา “หลังจากพิธีสถาปนาของเสด็จแม่จบลง เจ้ากับเซิงเอ๋อร์ล้วนต้องเข้าวังไปกราบถวายพระพร อย่าได้คลาดฤกษ์ดีอย่างเด็ดขาด”
“วางใจเถิดเพคะเหยีย เล่อเซิงล้วนคิดไว้แล้วเพคะ จะไม่มีทางลืมเด็ดขาดเพคะ เพียงแต่น้องเซิงเอ๋อร์…” หลินเล่อเซิงแสร้งอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “เกรงว่าน้องเซิงเอ๋อร์คงไม่อาจเข้าร่วมงานพิธีแล้วเพคะ ข้าได้ยินว่าวันนั้นหลังจากกลับมาจากในวัง น้องเซิงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าร่างกายไม่สบาย อยู่ในห้องตลอดมิได้ออกมา อีกอย่างเมื่อครู่เล่อเซิงเพิ่งจะออกมาจากห้องของน้องสาว น้องสาวกล่าวว่า…”
เห็นท่าทางนางอ้ำๆ อึ้งๆ องค์ชายเจ็ดก็ไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง “นางกล่าวสิ่งใด?”
“น้องสาวกล่าวว่า นางมีฐานะต่ำต้อยก็ไม่ไปทำให้เสด็จแม่ทรงไม่พอพระทัยแล้ว แต่ข้าได้สั่งสอนนางไปแล้ว ว่านางนั้นมีฐานะเป็นพระชายารองแห่งจวนองค์ชายเจ็ด เป็นสตรีที่เหยียแต่งเข้าจวนมาอย่างถูกต้องตามประเพณี ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว แต่นางยืนกรานเช่นนี้ ไม่เช่นนั้น เหยียทรงลองไปโน้มน้าวด้วยพระองค์เองเถิดเพคะ”
หลินเล่อเซิงกล่าวจบ ก็จงใจเบิกตาโตมองไปยังฉินเสียนถิง เนื่องจากในใจของนางรู้ว่า ชายเบื้องหน้าที่ทั้งหยิ่งยโสและเห็นตนเป็นใหญ่ผู้นี้ เกลียดที่สตรีของตนทำตัวต้อยต่ำกว่าผู้อื่นขั้นหนึ่งมากที่สุด ส่วนเซิงเอ๋อร์ก็กลับมีนิสัยเป็นเช่นนี้ แม้คำพูดเมื่อครู่พวกนั้นจะเป็นนางจงใจสร้างขึ้นมา แต่นางเชื่อว่า ทันทีที่เหยียได้ฟังจะต้องโมโหอย่างมากแน่นอน
“บังอาจ!” ฝ่ามือของฉินเสียนถิงตบลงบนโต๊ะอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าโมโหไม่เบา “สตรีของข้าฉินเสียนถิง กลับกล่าวคำพูดที่ต้อยต่ำเช่นนี้ออกมา ข้าเคยบอกนางกี่ครั้งแล้วว่า ไม่ต้องดูสีหน้าของผู้ใด เพราะนางเป็นผู้หญิงของข้า แต่นางกลับ…”
สูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง จึงได้สงบใจลง แต่ทั่วทั้งสมองยังคงเป็นความหงุดหงิดที่มีต่อความรู้สึกว่าตนต่ำต้อยของเซิงเอ๋อร์
ในยามที่ฉินเสียนถิงลืมตาขึ้นมา ในก้นบึ้งของดวงตาคือความไร้ไมตรีและโทสะ “ไปบอกเซิงเอ๋อร์ ในเมื่อไม่อยากเข้าวัง เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้ก็ไม่ต้องเข้าวังแล้ว!”
ได้รับผลลัพธ์ที่ตนต้องการ หลินเล่อเซิงมีความสุขเป็นอย่างมาก แม้นางจะรู้ว่า เหยียไม่มีทางฟังคำพูดนางไปหาเซิงเอ๋อร์จริงๆ แต่เมื่อครู่ในใจของนางก็กังวลอย่างมากเช่นกัน
เพราะถึงอย่างไร เซิงเอ๋อร์ในอดีตก็คือผู้ที่อยู่ในหัวใจของเหยีย
ยามนี้ดีแล้ว นางเพียงแค่ข่มขู่เล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นก็หวาดกลัวจนทนไม่ไหว ไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนเชื่อฟังนาง ส่วนเหยียก็เกลียดความรู้สึกว่าตนต่ำต้อยของนางที่สุด
“เหยียโปรดทรงระงับโทสะเพคะ เดิมน้องสาวก็ร่างกายไม่แข็งแรงอยู่แล้ว ยามนี้ก็ตั้งครรภ์อีก กระทำสิ่งใดจึงอาจห่วงหน้าพะวงหลังไปบ้าง เล่อเซิงจะกลับไปปลอบน้องสาวเดี๋ยวนี้” หลินเล่อเซิงกล่าวอย่างอ่อนโยน
“เหอะ ล้วนแต่ตั้งครรภ์เหมือนกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้วกลับมีความแตกต่างมากถึงเพียงนี้!” องค์ชายเจ็ดคิดไม่ตกว่าเหตุใดยามนี้เซิงเอ๋อร์จึงได้เปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ “ไม่ต้องปลอบแล้ว นางไม่ต้องการเข้าวัง ไม่ต้องการรับฐานะที่ข้ามอบให้ เช่นนั้นก็ปล่อยนางไปตามยถากรรมเถิด!”
เห็นท่าทางที่โทสะสูงเทียมฟ้าขององค์ชายเจ็ด ในใจของหลินเล่อเซิงก็ยินดีแทบคลุ้มคลั่ง แต่บนสีหน้ากลับกังวลเป็นอย่างมาก “เหยียโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ เล่อเซิงขอเป็นตัวแทนน้องสาวขอประทานอภัยจากเหยียแล้ว! เหยียทรงอย่าได้ทำให้ร่างกายของตนเสียหายเพราะเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ สถานการณ์ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของเหยีย เหยียโปรดวางพระทัย มีเล่อเซิงอยู่จะต้องโน้มน้าวน้องสาวดีๆ แน่ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีของจวนองค์ชายเจ็ด ย่อมไม่อาจให้คนภายนอกหัวเราะเยาะเอาได้”
คิดไม่ถึงว่า ครั้งนี้ที่หลินเล่อเซิงกลับมาจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเช่นนี้ ไม่เพียงอ่อนโยนใส่ใจ ไม่แก่งแย่งชิงดี ไม่ว่าเรื่องใดก็ยังคิดถึงจวน
ฉินเสียนถิงพึงพอใจเป็นอย่างมาก “เจ้ามีน้ำใจแล้ว เช่นนั้นเรื่องของเซิงเอ๋อร์ก็มอบให้เจ้าแล้ว”
“เพคะ เหยีย”
หลินเล่อเซิงที่ออกมาจากห้องตำราก็ตรงไปที่ห้องของเซิงเอ๋อร์ทันที ตลอดทางนางมีสีหน้าขมึงทึง แต่เพียงคิดถึงจุดจบต่อจากนี้ของเซิงเอ๋อร์ อารมณ์ของนางก็ดีอย่างมาก
“นายหญิง มีเรื่องใดจึงยินดีถึงเพียงนี้เพคะ หรือว่าเหยียทรงประทานสิ่งใดให้?” ซิ่วเถาอดสงสัยไม่ได้ ด้านหนึ่งประคองนาง อีกด้านก็ไต่ถาม
“นี่เปรียบกับการประทานสิ่งของที่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดแล้ว ยังทำให้ข้ามีความสุขมากกว่า” หลินเล่อเซิงส่ายหน้า “เมื่อครู่ ข้าเพียงพูดไปไม่กี่คำอย่างไม่ตั้งใจเท่านั้น เหยียก็ทรงมอบอนาคตทั้งหมดของเซิงเอ๋อร์ไว้กับข้า บัดนี้ สิทธิ์ในความเป็นตายของเซิงเอ๋อร์ล้วนอยู่ในมือข้า เจ้าว่าข้าจะไม่ยินดีได้อย่างไร?”
“เพียงแค่ชายารองที่ถูกละเลยผู้หนึ่งเท่านั้น จะต้องให้นายหญิงใส่ใจถึงเพียงนี้เมื่อใดกันเพคะ อีกอย่าง วันเวลาดีๆ ของเหยียของพวกเราก็ใกล้เข้ามาแล้ว นายหญิงทรงเป็นพระชายาเอก ในอนาคตก็คือผู้นำแห่งวังหลังที่ถูกต้องตามธรรมเนียม ส่วนท่านนั้นเป็นเพียงชายารองเท่านั้น จะสามารถก่อคลื่นลมใดออกมาได้กันเพคะ?” ซิ่วเถามิได้เห็นเซิงเอ๋อร์อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“เหอะ บอกว่าเจ้าโง่เขลาเจ้ายังไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ซิ่วเถานะซิ่วเถา เจ้าอยู่ข้างกายข้ามานานหลายปีขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่มีพัฒนาการแม้แต่น้อย?”
หลินเล่อเซิงมองซิ่วเถาอย่างดูถูกทีหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสาวใช้ที่ติดตามมาด้วยพร้อมการแต่งงาน จึงมีความอดทนต่อนางเพิ่มอยู่บ้าง “หากเซิงเอ๋อร์ไม่ได้รับความใส่ใจจริงๆ ก็ช่างแล้ว แต่ในท้องของนางกลับมีทายาทของเหยียเช่นกัน แล้วจะให้ข้ายินยอมได้อย่างไร? อีกอย่าง ยามนี้เหยียทรงสนใจแต่สถานการณ์ใหญ่ แน่นอนว่าย่อมละเลยนางอยู่บ้าง แต่หากวันไหนนางจิ้งจอกนั่นใช้เวทมนตร์ใดมามอมเมาเหยียอีก การที่นางจะกลับมาได้รับความโปรดปรานมิใช่เป็นเรื่องแค่กะพริบตาหรือ? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า นางมีชาติกำเนิดเช่นใด?”
“นางหญิงทรงปรีชา” ได้ยินคำพูดของเจ้านาย ซิ่วเถาก็รีบกล่าวอย่างละอายว่ามิอาจเทียบได้ทันทีว่า “สตรีชั้นต่ำที่มีชาติกำเนิดจากหอนางโลมผู้หนึ่ง ย่อมไม่คู่ควรที่จะตั้งครรภ์ทายาทแห่งราชวงศ์ของเหยีย นายหญิง ทรงคิดจะทำเช่นใดเพคะ?”
“หากเป็นเมื่อก่อน จะมากน้อยข้าคงกังวลอยู่บ้าง แต่ยามนี้เหยียได้มอบอำนาจทั้งหมดให้ข้าแล้ว นางจะเป็นหรือตายยังมิใช่ต้องดูอารมณ์ของข้าหรือ?”
มุมปากของหลินเล่อเซิงยกขึ้นอย่างชั่วร้าย มองดูเรือนของเซิงเอ๋อร์ที่อยู่เยื้องไปเบื้องหน้า นางพลันนึกวิธีการดีๆ ที่จะกำจัดเซิงเอ๋อร์ไปได้อย่างถาวรได้
“ซิ่วเถา”
“บ่าวอยู่นี่เพคะ”
“อีกครู่ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เจ้าล้วนไม่ต้องประหลาดใจ ร่วมมือกับข้า เข้าใจหรือไม่?”
“เพคะ นายหญิง”
เรือนพักของเซิงเอ๋อร์
ในตอนที่หลิงมู่เอ๋อร์แอบเข้ามานั้น เซิงเอ๋อร์กำลังนอนราบลงกับโต๊ะ สีหน้าซีดเหลืองไร้ชีวิตชีวา เพียงดูก็รู้ว่าเป็นท่าทางของคนที่ถูกคนรังแก
นางมองไปรอบทิศทาง พบว่าในเรือนนี้แม้แต่สาวใช้ที่คอยเฝ้าคนหนึ่งก็ไม่มี แม้ว่าจะแปลกใจต่อเรื่องนี้ แต่ก็ยังคงขยับเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง
“พี่เซิงเอ๋อร์?”
เซิงเอ๋อร์ตะลึงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ทันทีที่ตระหนักได้ถึงเสียงที่คุ้นเคย นางก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ นางก็รีบพุ่งเข้ามา “มู่เอ๋อร์ มู่เอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”
“ที่แท้เกิดเรื่องใดขึ้น พี่เซิงเอ๋อร์ เหตุใดท่านจึงดูซูบผอมลงไม่น้อย? ยังมีเรือนแห่งนี้ นี่มันเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่?” หลิงมู่เอ๋อร์ใช้สายตาสื่อไปยังรอบด้าน นี่ไม่เพียงไม่มีข้ารับใช้ปรนนิบัติ ที่สำคัญกว่าคือ เพราะรอบด้านรกรุงรัง บอกว่าเป็นเรือนของพระชายารองแห่งองค์ชายเจ็ด ยังไม่สู้บอกว่าเป็นเรือนรกร้างแห่งหนึ่ง
“มู่เอ๋อร์…” ถูกคนพูดถึงเรื่องที่ทำให้เศร้าใจ เซิงเอ๋อร์ก็อดกลั้นความน้อยใจไว้ไม่ได้ ร้องเรียกชื่อจากนั้นก็ร้องไห้เสียงดังออกมา
นานแล้วที่มิได้ร้องไห้เสียงดังเช่นนี้ เซิงเอ๋อร์คล้ายต้องการจะระบายความน้อยใจทั้งหมดในร่างออกมาก็ไม่ปาน หลิงมู่เอ๋อร์ตะลึงไปก่อน แต่อย่างรวดเร็วก็เข้าใจถึงความน้อยใจของนาง นางยื่นมือไปลูบหลังปลอบใจนางเบาๆ มิได้กล่าวสิ่งใดมาก
เสี่ยวหลันที่อยู่ในห้องครัวเมื่อได้ยินเสียงก็รีบพุ่งออกมา ยังคิดว่าเป็นหลินเล่อเซิงหญิงชั่วร้ายคนนั้นมาอีกแล้ว ดังนั้นนางจึงได้นำมีดหั่นผักออกมาเป็นพิเศษ นางคิดดีแล้วว่า ทันทีที่หลินเล่อเซิงรังแกเจ้านายอีกครั้ง นางก็จะใช้มีดหั่นผักเล่มนี้แลกชีวิตกับนาง แต่หลังจากที่นางเห็นว่าเป็นหลิงมู่เอ๋อร์ หยาดน้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาในหน่วยตา
“เอ้อร์หวางจื่อเฟยรีบมอบความเป็นธรรมให้นายหญิงของเราด้วยเถิดเพคะ เจ้านายของเราได้รับความคับแค้นมากมายเหลือเกิน เจ้านายของพวกเราน่าสงสารเกินไปแล้ว” เสี่ยวหลานกล่าวแล้วก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดเช่นกัน
เห็นสองนายบ่าวร้องไห้จนสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ในขณะนั้นหัวใจของหลิงมู่เอ๋อร์ก็ลนลานขึ้นมาแล้ว
“ที่แท้เป็นเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่? พี่เซิงเอ๋อร์ วันนั้นตอนอยู่ในวังหลวงข้าก็อยากถามท่านแล้ว ท่านเป็นถึงพระชายารองเหตุใดจึงได้ทำตัวต่ำต้อยเช่นนี้? ยังมี หลินเล่อเซิงผู้นั้นยังรังแกท่านอย่างไรอีก!”
หลิงมู่เอ๋อร์ท่าทีแข็งกร้าว ท่าทางราวว่าหลังได้รู้ความจริงแล้วก็จะทวงความยุติธรรมให้นางทันที
เซิงเอ๋อร์เมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งนี้ก็รีบเช็ดหยดน้ำตาบนใบหน้า “ข้าไม่เป็นไร จริงๆนะ เพียงแต่หลังจากที่เห็นมู่เอ๋อร์ก็ควบคุมไว้ไม่ได้อยู่บ้างเท่านั้น แต่ข้าสามารถอดทนได้”
“นายหญิง เหตุใดท่านจึงไม่พูดทั้งหมดเล่าเจ้าคะ?” เสี่ยวหลันโมโหอย่างมากแล้วจริงๆ นายหญิงอ่อนแอเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
“หุบปาก” เซิงเอ๋อร์ตำหนิอย่างโมโห “ไม่อนุญาตให้เสียมารยาทต่อหน้าของเอ้อร์หวางจื่อเฟย!”
หลังจากตำหนิไปรอบ เมื่อมองหลิงมู่เอ๋อร์อีกครั้ง เซิงเอ๋อร์ก็จับมือนางไว้แน่นด้วยรอยยิ้ม “วันนั้นยามที่อยู่ในวัง เป็นเพราะข้าทำให้เจ้าต้องลำบากใจแล้ว เจ้ายังดีอยู่หรือไม่? เหยีย… เหยียได้สร้างความลำบากใจให้เจ้าอีกหรือไม่?”