เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 14 ตอนที่ 402 เปิดโปง
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 14 ตอนที่ 402 เปิดโปง
เล่มที่ 14 ตอนที่ 402 เปิดโปง
“หลันเชี่ยนหยิ่งนางสารเลวคนนี้!”
เมื่อฟังคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์เข้าใจ ไท่จื่อเฟยก็พิโรธอย่างมาก “นับตั้งแต่นางเข้าตำหนักมา ก็ไร้ซึ่งความสงบมาโดยตลอด ข้าคิดว่าได้สั่งสอนจนนางรู้จักสงบเสงี่ยมลง คิดไม่ถึงว่าในเหตุการณ์สำคัญเช่นวันนี้ ยังคิดจะสร้างความวุ่นวายให้ข้าอีก หึ รอดูเถอะ รองานเลี้ยงจบลง ดูว่าข้าจะจัดการกับนางอย่างไร!”
เห็นไท่จื่อเฟยโมโหจนองคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าบิดเบี้ยว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง หลิงมู่เอ๋อร์ก็ทอดถอนใจครั้งหนึ่ง “แม้ข้าจะไม่รู้ว่านางต้องการทำสิ่งใด แต่วางยารัชทายาท เรื่องกบฏเช่นนี้ทันทีที่ลอยไปเข้าพระกรรณของฝ่าบาท นางกับจวนอัครเสนาบดีจะต้องจบเห่แน่ นางเป็นคนฉลาด เหตุใดจึงได้บุ่มบ่ามเช่นนี้?”
“เหอะ ยังมิใช่เพราะจะแย่งความโปรดปรานกับเปิ่นเฟยหรือ!” ไท่จื่อเฟยส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา
ยามนี้ นางโมโหจนร่างกายไม่มั่นคง หลิงมู่เอ๋อร์รีบประคองนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นยื่นน้ำชาไปให้
ไท่จื่อเฟยส่งสายตาขอบคุณให้นาง จากนั้นจับมือของนาง “มู่เอ๋อร์มีบางอย่างที่เจ้าไม่รู้ หลันเชี่ยนหยิ่งผู้นี้ในตอนนั้นใช้อุบาย เพราะจนใจจึงได้แต่งเข้ามาในตำหนักรัชทายาท ไท่จื่อไม่มีความสนใจในตัวนาง แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของไท่จื่อแล้ว ดังนั้นทุกวันต่างเล่นลูกไม้เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากไท่จื่อ แต่มีข้าอยู่ ข้าจะให้นางทำสำเร็จได้อย่างไร!”
ไท่จื่อเฟยส่งเสียงเย็นออกจากโพรงจมูกครั้งหนึ่ง “หากนางไม่วางแผนให้ร้าย ก็จงใจรบกวนเรื่องดีๆ ของข้ากับไท่จื่อ ช่วงที่ผ่านมานี้ข้าได้สั่งสอนนางไปหลายหนแล้ว แต่นางถือที่มีจวนอัครเสนาบดีหนุนหลัง อาศัยว่าข้าไม่กล้าลงมือถึงตายกับนาง จึงได้หนักข้อขึ้น เล่นลูกไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า! ก่อนหน้านี้ข้าเห็นแก่ที่นางเป็นคนของตำหนักรัชทายาท เป็นสตรีนางหนึ่ง ข้าไม่อยากสร้างความลำบากให้กับนาง จึงได้อดทนทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก แต่ครั้งนี้ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปอีก! พรุ่งนี้ข้าจะนำเรื่องนี้ไปทูลรายงานต่อฝ่าบาท ข้าจะดูว่าจวนอัครเสนาบดียังจะกล้าปกป้องนางอีกหรือไม่!”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจุบจบของหลันเชี่ยนหยิ่งไม่มีทางดีเด็ดขาด
แต่หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เสียใจที่เปิดโปงนาง ตอนนั้นหลันเชี่ยนหยิ่งทำร้ายจนนางจนเกือบถูกทำลายในมือของพวกอันธพาล นี่ก็ถือเป็นการลงโทษและกรรมสนองแก่นาง
“สวรรค์คอยมองมนุษย์กระทำ โทษของนางสมควรแก่ผลกรรม”
“ขอบคุณเจ้ามู่เอ๋อร์ หากมิใช่เพราะเจ้า วันนี้ตำหนักรัชทายาทจะต้องขายหน้าครั้งใหญ่แล้ว เช่นนี้แล้วกัน กลับไปข้าจะจัดการ จะต้องตอบแทนเจ้าดีๆ สักครา” ไท่จื่อเฟยจับมือนางอย่างสนิทสนม ท่าทีจริงใจและเป็นมิตรเป็นพิเศษ
หลิงมู่เอ๋อร์ส่ายหัว “ไท่จื่อเฟยทรงคิดมากเกินไปแล้วเพคะ ที่จริงข้าอยากหาโอกาสขอโทษท่านมาโดยตลอด ตอนนั้นหากมิใช่เพราะข้า ตำหนักรัชทายาทก็คงไม่ประสบกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น อีกทั้ง ตอนนั้นหากมิใช่เพราะไท่จื่อเฟยทรงยื่นมือมาช่วยเหลือ เกรงว่าความบริสุทธิ์ของข้าคง…นานแล้ว”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” ไม่ปล่อยให้หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวจบ ไท่จื่อเฟยยื่นมือออกมาขัดไว้
นางถอนหายใจลึกครั้งหนึ่ง “ยามนั้นข้าบังเอิญไปรู้เข้าโดยไม่ตั้งใจว่าไท่จื่อมีเจตนาไม่ดีต่อเจ้า แต่ข้ายิ่งรู้ดีว่า หากข้าไม่แอบไปส่งข่าวให้ซูเช่อไปช่วยเจ้า ทันทีที่เรื่องเปิดเผยออกมา ที่ไท่จื่อต้องเผชิญจะมิใช่เพียงการถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาทอย่างง่ายดายเพียงนั้น แต่ว่า เรื่องในอดีตอันนมนานพวกนั้นได้ผ่านไปแล้ว มิใช่หรือ? ยามนี้พวกเรามีชีวิตที่มีความสุขมาก”
ไท่จื่อเฟยกล่าวจบ มุมปากก็ยกขึ้นบางๆ เป็นลักษณะของสาวน้อยที่อยู่ในความสุข
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อาจต้านทานถูกรอยยิ้มทอประกายของนางสาดใส่จนได้ “นับจากเรื่องนั้น ไท่จื่อก็ใส่ใจท่านมากขึ้นจริงๆ ยามนี้ใครๆ ก็พากันอิจฉาความรักใคร่ของไท่จื่อกับไท่จื่อเฟย แม้แต่มู่เอ๋อร์ก็ยังรู้สึกอิจฉาเลยเพคะ”
“เจ้าอิจฉาข้า?” ไท่จื่อเฟยอดร้องส่งเสียงออกมาอย่างตกใจไม่ได้ อดใจอยากตีนางไม่ได้ “ดีนักนะเจ้า หลิงมู่เอ๋อร์ นี่เจ้ากำลังดึงดูดความคับแค้นอย่างนั้นหรือ? ผู้ใดไม่รู้กันว่า องค์ชายรองเห็นเจ้าสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก?”
แม้คำพูดจะกล่าวเช่นนั้น แต่เมื่อคิดถึงไท่จื่อ นางก็ยังคงหลับตาลงอย่างมีความสุข “หลังจากเรื่องนั้น ไท่จื่อก็ทรงรักใคร่โปรดปรานข้ามากจริงๆ รวมกับมีการถือกำเนิดของพระนัดดาน้อย เขายิ่งหวงแหนความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งสองคนแล้ว พูดถึงที่สุดแล้ว แม้ตอนนั้นจะเป็นข้าที่ช่วยเจ้า แต่ก็เป็นเจ้าช่วยข้าเช่นกัน”
“ไม่ผิด ไม่ว่าตอนนั้นระหว่างทางจะเป็นอย่างไร ผลลัพธ์ในยามนี้จึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เรื่องทั้งหมดในอดีตพวกนั้นล้วนผ่านไปแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้ม คนทั้งสองคนลุกขึ้นเตรียมจะออกไปด้านนอก
“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าได้พูดถึงอีก ก็ปล่อยให้เรื่องนั้นกลายเป็นความลับตลอดไปเถิด มู่เอ๋อร์ เจ้ากับองค์ชายรองก็ควรจะคิดเรื่องการมีบุตรสักคนได้แล้ว” ไท่จื่อเฟยกล่าวจบ หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ทำเอาหลิงมู่เอ๋อร์ตกใจแล้ว
อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อกับนางอยู่ในห้องอีกครั้ง โดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่า ด้านนอกประตูมีคนผู้หนึ่งฟังบทสนทนาเมื่อครู่อย่างชัดเจนจนหมด
“เหยีย เหยีย หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งจะกล่าวกับพระองค์เพคะ” หลันเชี่ยนหยิ่งเข้ามาจากนอกประตูอย่างเร่งร้อน พุ่งไปยังข้างกายของไท่จื่อ จับมือของเขาได้ก็จะลากออกไป
เดิมไท่จื่อก็รังเกียจนาง ยามนี้ท่าทางเร่งร้อนไร้ระเบียบมารยาทของนางยิ่งทำให้เขารำคาญจนทนไม่ไหว อดตะคอกด้วยโทสะมิได้ว่า “หลันเชี่ยนหยิ่ง ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงชายารองแห่งตำหนักรัชทายาทของข้า ลนๆ ลานๆ เช่นนี้กฎระเบียบมารยาทอยู่ที่ใด? จวนอัครเสนาบดีสั่งสอนเจ้ามาเช่นนี้หรือ?”
“ข้า…” หลันเชี่ยนหยิ่งคิดจะอธิบาย
“หุบปาก” ไท่จื่อคำรามอย่างกริ้วโกรธ “เร็วๆ นี้เปิ่นไท่จื่อจะต้องถามท่านอัครเสนาบดีให้ได้ ว่าเมื่อก่อนที่แท้สั่งสอนบุตรสาวอย่างไร จึงทำให้นางเย่อหยิ่งไร้มารยาทเช่นนี้ ที่นี่ไม่มีเรื่องของเจ้าแล้ว ถอยไปซะ!”
ค้นพบความลับยังไม่ทันพูดออกมา ก็ถูกตะคอกใส่อย่างไร้ที่มาไปรอบหนึ่ง ในใจของหลันเชี่ยนหยิ่งอัดอั้นอย่างยิ่งแล้ว
เมื่อมองสายตาเยาะหยันที่ผู้คนรอบข้างส่งมาที่นางอีกครั้ง ในใจของนางก็ยิ่งแทบอยากจะสังหารสองคนที่กำลังหัวเราะพูดคุยกันอยู่ในตำหนักบรรทมนั่นเสีย
ล้วนเป็นเพราะนางสารเลวทั้งสองคนนั้นทำร้าย มิเช่นนั้นด้วยรูปโฉมของนางจะมิได้รับความโปรดปรานจากไท่จื่อได้อย่างไร
ไม่เป็นไร รอให้นางพูดทุกสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ออกมา นางไม่เชื่อว่าไท่จื่อจะยังโปรดปรานนางหญิงชั่วร้ายนั่นเพียงคนเดียว
“หม่อมฉันรู้ความผิดแล้วเพคะ ขอไท่จื่อทรงระงับโทสะด้วย แต่หม่อมฉันมีเรื่องที่สำคัญอย่างมากจะมาทูลรายงานไท่จื่อเหยียจริงๆ เพคะ เป็น เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับไท่จื่อเฟยเพคะ”
คำพูดไม่กี่คำด้านหลังนั้น เสียงของนางเบาเป็นพิเศษ สายตาที่หลุกหลิกหลบเลี่ยงนั้น ราวกับยังมีสิ่งที่กล่าวไม่หมดกระนั้น
ไท่จื่อนั่งตัวตรงขึ้นในเสี้ยววินาที “เจ้ากล่าวสิ่งใดนะ?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินที่อยู่ด้านข้างเห็นอยู่ในสายตา ก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่สบอารมณ์ เดิมเขาไม่อยากยุ่งเรื่องของผู้อื่น แต่เมื่อคิดถึงสายตาที่มู่เอ๋อร์ส่งมาให้เขาก่อนจากไป เขาจึงได้แต่ลุกขึ้นมา “เรื่องที่เกี่ยวกับไท่จื่อเฟย ไท่จื่อจะไม่ทรงทราบได้อย่างไร อีกทั้งวันนี้ก็เป็นงานเลี้ยงครบปีครั้งแรกของพระนัดดาน้อย พระชายารองหลันส่งเสียงดัง ร้องตะโกนหลายครั้งเช่นนี้ วิธีการดึงดูดความสนใจเช่นนี้มิใช่ว่าจะใจร้อนเกินไปหรือไม่?”
คำพูดนี้ของซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวอย่างซ่อนเร้น แต่ขอเพียงเป็นผู้ที่มีสมองก็สามารถฟังออกได้ว่า เขากำลังเย้ยหยันหลันเชี่ยนหยิ่งอย่างลับๆ ว่า หลันเชี่ยนหยิ่งร้อนใจที่จะแสดงตัวเพื่อความโปรดปรานจากไท่จื่อ
ในเสี้ยววินาทีนั้น ผู้ที่อยู่รอบๆ ต่างก็หัวเราะเสียงเบาออกมา
หลันเชี่ยนหยิ่งโมโหสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด เดิมนางคิดจะตะโกนว่าเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับพระชายาขององค์ชายรองด้วย แต่นางรู้ว่าทันทีที่นางกล่าวเช่นนั้นไป เกรงว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก ก็ถูกองค์ชายรองลากออกไปแล้ว
นางจึงได้แต่ทนสะกดเพลิงโทสะในใจไว้ ชะโงกเข้าไปข้างหูของไท่จื่ออย่างระมัดระวัง “เหยีย เชี่ยนหยิ่งไม่ทันระวังได้ยินความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่พระองค์ถูกปลดในตอนนั้น ทรงมั่นพระทัยว่าไม่ปรารถนาจะทรงทราบหรือเพคะ?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ราวกับไม่แม้แต่จะคิด ไท่จื่อจับมือของหลันเชี่ยนหยิ่งทันที จากนั้นมองเหล่าพี่น้องที่อยู่ข้างกายอีกครั้ง “เปิ่นไท่จื่อมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องไปจัดการ ไปสักครู่ก็กลับมา”
กล่าวจบ ไม่ให้โอกาสซั่งกวนเซ่าเฉินได้รั้งเขาไว้ ก็ลากหลันเชี่ยนหยิ่งออกนอกประตูไปแล้ว
ตำหนักด้านข้าง ในห้องว่างเปล่าที่ไร้ผู้คน
หลันเชี่ยนหยิ่งมองไท่จื่อที่อยู่เบื้องหน้า นางพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างแรง “ไท่จื่อเหยีย ทรงเข้าพระทัยเชี่ยนหยิ่งผิดไปแล้วจริงเพคะ เชี่ยนหยิ่งมิได้ดุร้ายเช่นคำร่ำลือ อีกทั้ง ยามนี้ข้าก็เป็นสตรีของพระองค์แล้ว พระองค์ย่อมควรมอบโอกาสให้หม่อมฉันสักครั้งมิใช่หรือเพคะ?”
เดิมนางมิได้ชมชอบไท่จื่อ แต่ถึงอย่างไรคนก็แต่งมาแล้ว และได้มอบกายให้เขาแล้ว รวมกับช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมานี้ ความดีที่เขาปฏิบัติต่อไท่จื่อเฟย นางเห็นแล้วก็อิจฉา เมื่อเวลาผ่านไปก็พบว่า ไท่จื่อผู้นี้ก็ไม่เลว อย่างน้อยก็มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม และไม่มีเล่ห์อุบายอะไรมากนัก
แม้ไท่จื่อจะค่อนข้างชมชอบสาวงามอยู่บ้าง แต่ก็มิได้เห็นว่าข้างกายของเขาจะมีสตรีสักกี่คน ดังนั้นนางตัดสินใจว่าจะต้องจับเขาไว้ให้ได้ มีเพียงหลอกคว้าหัวใจของไท่จื่อไว้ได้สำเร็จ ทุกสิ่งที่นางต้องการจึงจะได้มา
“เหอะ เจ้าให้ข้าพามาที่นี่ ก็เพื่อจะกล่าวสิ่งนี้?” ไท่จื่อรู้สึกว่าน่าหัวเราะ ผลักนางออกไปอย่างไร้ไมตรี “หลันเชี่ยนหยิ่ง เปิ่นไท่จื่อคิดว่าเจ้ามีเรื่องสำคัญจะบอกกับข้าจริงๆ ดูท่าข้ายังคงมองเจ้าผิดไปแล้ว”
เห็นไท่จื่อสะบัดแขนเสื้อกำลังจะออกไปแล้ว หลันเชี่ยนหยิ่งตะโกนใส่เงาหลังของเขาด้วยโทสะ “สายลับที่ตอนนั้นทำร้ายจนพระองค์ถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท เปิดเผยว่าท่านมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ต่อหลิงมู่เอ๋อร์ก็คือไท่จื่อเฟย!”
ความเร็วในการพูดของนางเร็วอย่างมาก ราวกับไม่มีการหยุดชะงัก ในช่วงลมหายใจเดียวก็กล่าวคำพูดทั้งหมด อีกทั้งท่าทางเด็ดเดี่ยว มั่นอกมั่นใจอย่างยิ่ง
ฝีเท้าที่ก้าวออกไปของไท่จื่อหยุดอยู่กับที่ ตัวเขาที่เดิมยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทั่วทั้งร่างบนล่างมีความเย็นสายหนึ่งแพร่กระจายออกมาทันที
เขาสงบนิ่งจนแม้กระทั่งสายตาก็เปลี่ยนเป็นชั่วร้าย ได้ยินเพียงเขากัดฟันว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“เมื่อครู่เชี่ยนหยิ่งได้ยินด้วยหูของตนเองเพคะ”
หลันเชี่ยนหยิ่งกล่าวจบก็ได้เดินมาถึงเบื้องหน้าของไท่จื่อแล้ว จับชายแขนเสื้อของเขาไว้อย่างระมัดระวัง “เหยีย เชี่ยนหยิ่งรู้ว่าพระองค์จะต้องไม่ทรงเชื่อแน่ ในตอนที่เชี่ยนหยิ่งได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่กล้าเชื่อเช่นกันเพคะ ที่แท้ไท่จื่อเฟยก็คือผู้ที่ทรยศเหยีย!”
แม้ภายนอกหลันเชี่ยนหยิ่งจะแสดงออกว่าเสียดาย แต่มุมปากกับประดับรอยยิ้มเย้ยหยัน นางราวกับคิดได้ถึงจุดจบที่ไท่จื่อเฟยต้องเผชิญแล้ว
เห็นสีหน้าเขียวคล้ำของไท่จื่อ นางแสร้งทำเป็นรู้สึกไม่คู่ควรแทนเขา “เหยีย แม้แต่เชี่ยนหยิ่งยังรู้สึกน้อยใจแทนพระองค์ ทรงดีต่อพี่สาวพระชายาอย่างดีทุกประการ แต่พี่สาวกับทรยศพระองค์ เดิมเมื่อครู่ข้าคิดจะไปขออภัยพระชายาขององค์ชายรอง ใครจะคาดว่าจะได้ยินนางกับพี่สาวคุยกันถึงเรื่องในปีนั้น ที่แท้ในตอนนั้นเป็นพี่สาวเป็นผู้แอบส่งข่าวให้เสียนหวาง ไม่เพียงทำลายเรื่องดีของพระองค์ ยังทำให้พระองค์ถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาทด้วย เหยีย พระองค์มิใช่ทรงหาตัวคนทรยศผู้นั้นอยู่ตลอดหรือเพคะ คิดไม่ถึงนางก็คือคนข้างหมอนที่นอนอยู่ข้างกายของพระองค์ทุกวัน!”
ยิ่งพูดหลันเชี่ยหยิ่งก็ยิ่งตื่นเต้น “เหยีย หากมิใช่อี้กุ้ยเฟยทรงกลับเข้าวังอีกครั้งและขอร้องแทนพระองค์ เหยีย วันนี้พระองค์จะทรงฟื้นฟูกลับสู่ตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างไร ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นพี่สาวเป็นคนทำ เหยีย ทรงไม่อาจอภัยให้โดยง่ายนะเพคะ!”
คนทรยศ คนข้างหมอน ไม่กี่คำนี้วนเวียนอยู่ในสมองไม่หยุด
ไม่ผิด หลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้นแล้ว เกือบหนึ่งปีมานี้เขาได้ตามหาตัวคนที่แอบส่งข่าวมาโดยตลอด
เรื่องนั้นเขาทำอย่างมิดชิดมาก และยังมีองค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ช่วยเหลือ แทบจะไม่มีจุดบกพร่องแม้แต่น้อย เขาไม่เข้าใจมาตลอดว่าเพราะเหตุใดจึงถูกซั่งกวนเซ่าเฉินและซูเช่อค้นพบเข้าได้ และก็ค้นหาคนร้ายผู้นั้นมาโดยตลอด แต่อย่างไรก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนร้ายก็คือชายารักของเขา!
เมื่อมองหลันเชี่ยนหยิ่งที่มีสีหน้ารอคอยอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง แม้เขาจะรู้ว่านางจงใจกล่าวสิ่งเหล่านี้กับเขา แต่นางพูดไม่ผิด หากมิใช่เพราะตอนนั้นอาการป่วยของเสด็จแม่ดีขึ้น กลับมายังวังหลวงอีกครั้ง เกรงว่าเขาคงจะกลายเป็นปุถุชนทั่วไป สูญเสียเกียรติยศความหรูหรา ความสูงศักดิ์มั่งคังที่อยู่เบื้องหน้าไปแล้ว