เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 13 ตอนที่ 381 ข่มขู่
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 13 ตอนที่ 381 ข่มขู่
เล่มที่ 13 ตอนที่ 381 ข่มขู่
“นี่พวกเจ้ากำลังทำอันใดปล่อยพระสนมของข้านะ!” เสี่ยวหลันเห็นเซิงเอ๋อร์ถูกปฏิบัติอย่างหยาบคายจึงรีบไล่ตามไป
น่าเสียดายที่ความเร็วของสาวใช้ผู้นั้นรวดเร็วยิ่ง แทบจะในพริบตาก็ลากเซิงเอ๋อร์ออกจากลานไปเสียแล้ว
“พี่สาว พี่สาวท่านช้าหน่อยเถิด ร่างกายของเซิงเอ๋อร์รับไม่ไหวตามพวกท่านไม่ทันแล้ว” เซิงเอ๋อร์ถูกสาวใช้ผู้นั้นกำแขนไว้จนเจ็บ อีกทั้งความเร็วของนางยังมากเกินไปทำให้นางต้องวิ่งเหยาะๆ เพื่อจะตามให้ทัน นางกุมท้องไว้แน่นตามสัญชาตญาณแต่รู้สึกเพียงว่าที่ท้องรู้สึกปวดอยู่บ้าง
“ร่างกายของเจ้ารับไม่ไหวหรือ? เหอะ ทำราวกับมีผู้ใดไม่ท้องไปได้ เจ้าช่างเสแสร้งนัก!” หลินเล่อเซิงหันกลับมาโดยพลันและจ้องมองนางอย่างดุร้ายคราหนึ่ง
สาวใช้เห็นสายตาที่จ้องมองอย่างมีโทสะของนางก็ตอบรับคำพูดของนาง ด้วยการออกแรงผลักเซิงเอ๋อร์ออกคราหนึ่ง เซิงเอ๋อร์ที่มิได้ระวังตัวจึงล้มลงไปบนพื้นโดยตรง
“พระสนม!” เสี่ยวหลันตกใจอย่างยิ่งยวด รีบพุ่งเข้าไปพยุงเซิงเอ๋อร์ขึ้นมา “พระสนมท่านเป็นอันใดหรือไม่เพคะ?”
มองท่าทีหยาบช้าไร้เหตุผลของหลินเล่อเซิงและสาวใช้อีกครา เสี่ยวหลันก็โกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด “เจิ้งเฟยขององค์ชายเจ็ดท้องอยู่ก็จริง แต่พระสนมของหม่อมฉันไม่ใช่ว่าร่างกายอ่อนแอหรือเพคะ เมื่อวานหมอเพิ่งกำชับว่าไม่ให้ออกแรงเคลื่อนไหวมากนัก เรื่องทั้งหมดนี้คนทั้งตำหนักต่างรู้ดีซึ่งเหยียก็รู้เช่นกันเพคะ”
“นี่เจ้ากำลังเอาเหยียมาขู่ข้าหรือ?” หลินเล่อเซิงยิ้มเยาะคำพูดของเสี่ยวหลัน แต่เพียงไม่นานดวงตาอันเย็นยะเยือกก็พุ่งเข้ามาโดยพลัน “ช่างเป็นบ่าวชั้นต่ำที่ช่างจ้อเสียจริง เจ้าจะมาสั่งสอนเปิ่นเฟยหรือ?”
“เสี่ยวหลัน!” เห็นหลินเล่อเซิงกำลังโกรธ เซิงเอ๋อร์ก็รีบคว้าเสี่ยวหลันมาไว้ข้างหลัง นางกุมท้องที่รู้สึกเจ็บปวดไปพลางขอร้องอีกฝ่าย “พี่สาวอย่าโกรธเลยเพคะ เป็นเซิงเอ๋อร์ที่สั่งสอนไม่ได้ เสี่ยวหลันไม่ได้ตั้งใจทำตัวกระด้างกระเดื่องกับพี่สาวนะเพคะ”
“ไม่ได้ตั้งใจหรือ?” หลินเล่อเซิงพ่นเสียงเย็นชา “เอาเหยียมากดดันข้าเช่นนี้ยังจะบอกว่ามิได้ตั้งใจ สาวใช้ของเช่อเฟยผู้หนึ่งกล้ามาสั่งสองเจิ้งเฟยเช่นข้าหรือ?”
หน้าอกของหลินเล่อเซิงกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงโทสะ “ใครก็ได้มาตบปากนางที!”
กล่าวออกไปเพียงไม่นานก็มีบ่าวพุ่งเข้ามาประกบด้านซ้ายขวาของเสี่ยวหลัน และสาวใช้ข้างกายของหลินเล่อเซิงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือที่มีพละกำลังมากล้นฟาดลงไปที่ใบหน้าของเสี่ยวหลันอย่างรุนแรง
“โอ๊ย!” เสี่ยวหลันเจ็บปวดจนอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา แต่นางก็รู้สึกไม่เป็นธรรมจริงๆ “พวกเจ้า พวกเจ้าจะรังแกคนมากเกินไปแล้ว พระสนมของข้าถึงอย่างไรก็เป็นเช่อเฟยที่เหยียทรงโปรดปรานมากที่สุด พวกเจ้าจะมารังแกคนเช่นนี้ได้อย่างไร?”
นางไม่พูดก็ยังไม่เป็นอันใด แต่เมื่อพูดออกมาหลินเล่อเซิงก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว
“เช่อเฟยที่เหยียโปรดปรานที่สุดหรือ? เหอะ สาวใช้ต่ำช้าเช่นเจ้าช่างรู้จักพูดเสียจริง ความหมายของเจ้าคือข้าไม่เป็นที่โปรดปรานหรือ?” หลินเล่อเซิงกล่าวเดินตรงไปเบื้องหน้านางก่อนจะใช้แรงทั้งหมดของฝ่ามือฟาดลงไปบนใบหน้าของเสี่ยวหลัน นางตะคอกอย่างเดือดดาล “ยามนี้เจ้ายังกล้าบอกว่าพระสนมของเจ้าเป็นที่โปรดปรานที่สุดอีกหรือ?”
“เจ็บ!” เสี่ยวหลันกรีดร้อง
แรงของหลินเล่อเซิงมากล้นจนทำให้ทั้งตัวนางถูกฟาดตัวปลิวออกไป ที่มุมปากก็มีเลือดไหลซึมออกมาโดนพลัน
เซิงเอ๋อร์เห็นรูปลักษณ์ของเสี่ยวหลันที่เต็มไปด้วยเลือด ก็ไม่สนใจความรู้สึกไม่สบายของร่างกายแล้ว ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปยื่นมือทั้งสองข้างปกป้องนางไว้ข้างหลัง “สาวใช้ผู้ต่ำต้อยของข้าจะไม่พูดอันใดที่ทำให้พี่สาวขุ่นเคืองแล้วเพคะ ขอพี่สาวที่เป็นผู้ใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อยอย่าถือสานางเลยเพคะ! ที่นี่คือตำหนักขององค์ชายเจ็ด พี่สาวเป็นเจิ้งเฟยขององค์ชายเจ็ดเป็นธรรมดาที่จะได้รับความโปรดปรานมากที่สุด! เซิงเอ๋อร์เป็นเพียงเช่อเฟยที่ถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาไม่มีค่าจะให้เอ่ยถึง ขอพี่สาวโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ”
“เหอะ นับว่าเจ้ายังอ่านสถานการณ์ออก!”
เห็นเซิงเอ๋อร์ปฏิบัติต่อตัวเองอย่างต่ำต้อยเช่นนี้ หลินเล่อเซิงก็เชิดหน้าอย่างหยิ่งผยองไปนั่งลงที่ม้านั่งหินข้างหลัง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าต้องการทำอันใด จะมาพบผู้ใดหรือ?”
เซิงเอ๋อร์กำลังคิดจะเปิดปากบอกว่ามาพบเหยีย แต่นางรู้ว่าหากพูดเช่นนั้นออกไปวันนี้นางกับเสี่ยวหลันก็อย่าคิดว่าจะได้เดินกลับออกไปอย่างมีชีวิตเลย
“พี่สาวฟังผิดแล้วเพคะ เซิงเอ๋อร์อยู่แต่ในห้องรู้สึกเบื่อจึงออกมาเดินเล่นหาได้คิดจะไปเจอผู้ใดเพคะ”
“ตำหนักองค์ชายเจ็ดจะว่าใหญ่ก็มิได้ใหญ่ แต่จะว่าเล็กก็ไม่ได้เล็ก เจ้าจะรู้สึกเบื่อก็เอาเถิด แต่กลับเดินมาถึงตำหนักนอนของข้าเจ้าว่าเจ้าตั้งใจหรือมิได้ตั้งใจเล่า?” หลินเล่อเซิงก้มศีรษะสายตาโหดเหี้ยมกวาดมองร่างของเซิงเอ๋อร์ ก่อนจะเห็นท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของนาง นางก็รู้สึกมีโทสะขึ้นมา “เจ้าท้องสองเดือนแล้วใช่หรือไม่?”
ได้ยินคำพูดเช่นนี้เซิงเอ๋อร์ก็ปกป้องท้องเอาไว้อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับนางอย่างกล้าหาญ หลินเล่อเซิงสามารถรังแกนางได้แต่จะมารังแกเด็กในท้องนางไม่ได้เด็ดขาด!
“พี่สาวท่านรับปากข้าแล้วว่าขอเพียงข้าเชื่อฟังก็จะไม่ทำร้ายนาง”
“เจ้าจะเคร่งเครียดอันใดถึงเพียงนี้” เห็นท่าทางหวาดกลัวของนางช่างน่าขัน หลินเล่อเซิงก็รู้สึกว่าโทสะลดลงโดยพลัน
“เหอะ แล้วเจ้ายอมเชื่อฟังอย่างว่าง่ายหรือ? หากเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะข้าออกมาเจ้าคงบุกเข้าไปแล้วกระมัง? เจ้ารู้ว่าเหยียอยู่ในห้องข้าจึงตั้งใจมาใช่หรือไม่? เซิงเอ๋อร์เจ้าก็รู้อย่างชัดแจ้งว่าเหยียอยู่ในห้องข้าแต่กลับยังมาหาเขา เจ้าช่างกล้าหาญมากทีเดียว!” หลินเล่อเซิงกล่าว ก่อนจะแค่นเสียงเย็นออกมาอีกครา “แต่ขอบอกเจ้าตามตรง เหยียอยู่ในห้องข้าจริงแต่แม้ว่าเจ้าจะมาหาถึงหน้าประตูด้วยตัวเองเหยียก็ไม่มาพบเจ้าหรอก อย่าลืมว่าเจ้าเป็นเพียงเช่อเฟยเท่านั้น”
“เพคะ เซิงเอ๋อร์เป็นเพียงเช่อเฟยที่ไม่อยู่ในสายตา ไม่กล้าไปทำให้เรื่องดีๆ ระหว่างพี่สาวกับเหยียต้องล่าช้าหรอกเพคะ เซิงเอ๋อร์จะกลับไปปิดประตูคิดใคร่ครวญ หลังจากนี้ถ้ารู้สึกเบื่ออีกก็จะไม่ไปเดินวุ่นวายแล้วเพคะ” เซิงเอ๋อร์รับปาก ขอเพียงวันนี้หลินเล่อเซิงไม่ทำให้นางและเสี่ยวหลันต้องลำบาก การยอมก้มหัวให้ชั่วคราวจะนับว่าเป็นอันใดได้เล่า
“เจ้าทำเช่นนี้นับเป็นการดีที่สุดแล้ว” หลินเล่อเซิงพอใจอย่างถึงที่สุด “เจ้าจำไว้ด้วยว่าข้าเป็นเจิ้งเฟยของตำหนักองค์ชายเจ็ด เป็นเจิ้งเฟยที่เหยียตบแต่งด้วยอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ข้าไม่อยู่ในตำหนัก เจ้าทำตัวกำเริบเสิบสานไว้อย่างไรข้าจะไม่ถือสาเอาความ แต่ยามนี้ข้ากลับมาแล้ว ตำหนักองค์ชายเจ็ดแห่งนี้ย่อมเป็นของข้า! ส่วนเจ้าเล่าเป็นเพียงเด็กต่ำช้าที่เกิดจากหอนางโลม ถึงเหยียจะแต่งตั้งเจ้าขึ้นมาเป็นเช่อเฟยแต่เจ้าก็ต้องรู้ว่าเจ้าเป็นเพียงทาสเท่านั้น!”
ได้ยินคำพูดเช่นนี้ในใจของเซิงเอ๋อร์ก็เจ็บปวดอย่างยิ่งยวด
หอนางโลม คำนี้ราวกับหนามแหลมที่ติดอยู่ในลำคอ ทว่าหลินเล่อเซิงกลับสามารถหาวิธีมาทำให้นางอับอายได้อย่างง่ายดาย!
นางต้องการจะต่อต้าน อยากลุกขึ้นมาบอกนางว่านั่นเป็นเพียงอดีต ยามนี้นางไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว!
แต่นางไม่กล้า
หากหลินเล่อเซิงต้องการฆ่านางก็มีวิธีตั้งมากมายทั้งยังง่ายดายยิ่ง นางไร้ที่พึ่งพิงทั้งยังไม่ได้รับการดูแลจากเหยียอีกแล้ว จึงได้แต่อยู่บนพื้นอย่างคนต่ำต้อยที่อ่อนแอไร้ความสามารถ
“เพคะ เป็นอย่างที่พี่สาวสั่งสอน ขอพี่สาวโปรดวางใจหลังจากนี้เซิงเอ๋อร์จำสถานะของตัวเองไว้ สิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำก็จะไม่ล้ำเส้นอีกเพคะ” กัดฟันกล่าวและหลับตาลงโดยที่ในใจมีเลือดไหลซึมอยู่ แต่คำพูดเช่นนี้จำเป็นต้องพูดออกมาเพื่อเอาใจนาง
เพราะมีแต่ต้องทำเช่นนี้หลินเล่อเซิงจึงจะไม่ลงมือกับนาง
“มิน่าเล่าเหยียจึงชอบเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้าใช้ความช่างพูดของเจ้าในการมัดใจเขาหรือ?” แม้หลินเล่อเซิงจะพูดเช่นนี้แต่ก้นบึ้งในใจกลับพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง “เอาเถิด เจ้าลุกขึ้นเถอะที่เจ้าพูดก็ถูก ร่างกายเจ้าอ่อนแอไม่อาจคุกเข่านานๆ ได้หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเหยียอาจมาโกรธข้าได้”
“ขอบพระทัยพี่สาวมากเพคะ” เซิงเอ๋อร์รีบลุกขึ้นมาขอบคุณ ไหนเลยจะรู้ว่าที่ท้องยังมีความเจ็บปวดอยู่หลายส่วน
“เซิงเอ๋อร์ถึงอย่างไรเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่สาว ขอเพียงในภายภาคหน้าเจ้าอยู่อย่างสงบ เป็นธรรมดาที่ข้าจะให้เจ้าได้คลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย ไม่เช่นนั้น…” หลินเล่อเซิงกล่าวพลางลุกขึ้นมาเดินไปข้างกายนาง ริมฝีปากแดงของนางอยู่ที่ข้างใบหูใช้เสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนกัดฟันข่มขู่ “ลูกของเจ้าจะต้องตายอยู่ในท้องเจ้า!”
เปรี้ยง
ราวกับถูกฟ้าผ่า เซิงเอ๋อร์รีบคุกเข่าต่อหน้านางอีกคราด้วยตัวอันสั่นเทาอ้าปากอย่างหวาดกลัวยิ่ง “เซิงเอ๋อร์จะเชื่อฟังเพคะ เซิงเอ๋อร์จะเชื่อฟังคำพูดของพี่สาวเป็นอย่างดีแน่นอนเพคะ ขอพี่สาวโปรดเมตตาด้วยเพคะ”
“กลับไปเถอะ เหยียยุ่งมากไม่มีเวลามาพบเจ้าหรอก ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้…” คำพูดของหลินเล่อเซิงยังไม่ทันจบ
“วันนี้เซิงเอ๋อร์ไม่ได้พบพี่สาว ทั้งยังไม่เคยมาที่นี่ เซิงเอ๋อร์ขอลาเพคะ”
หลังจากเซิงเอ๋อร์ชิงรับปากก่อนก็ดึงเสี่ยวหลันออกจากลานไป
จากที่ไกลๆ ยังสามารถได้ยินหลินเล่อเซิงแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา “เหอะ ท้องโตแล้วยังจะมาล่อลวงบุรุษ สมเป็นเด็กชั้นต่ำที่เกิดมาจากหอนางโลมเสียจริง”
เซิงเอ๋อร์ที่เดินไปไกลได้ยินคำพูดนี้ก็หยุดอยู่ที่เดิมโดยพลัน มือทั้งสองข้างกำเข้าเป็นหมัด ในช่วงเวลานั้นนางอยากพุ่งกลับไปบีบคอของหลินเล่อเซิงอย่างบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง และถามนางว่า ‘เจ้าสะอาดกว่าข้าตรงไหนหรือ!’
แต่นางไม่กล้า!
“พระสนมเพคะ!” เสี่ยวหลันที่ถูกตบจนปากเต็มไปด้วยเลือดมองความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมของนางออก ก็กอดแขนนางไว้แน่นพลางร่ำไห้ “ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นให้เสี่ยวหลันไปขอร้องเหยียอีกคราเถอะเพคะ”
“ขอร้องเหยียหรือ? หากเหยียอยากพบข้าก็คงมาหานานแล้ว หลินเล่อเซิงพูดถูก นางกลับมาแล้วตำหนักนี้ก็เป็นของนาง ข้าเป็นเพียงเช่อเฟยทั้งยังเป็นเช่อเฟยที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชา พวกเราไปเถอะ”
เซิงเอ๋อร์นำพาไฟโทสะที่เต็มเปี่ยมอยู่ภายในเงยหน้าก้าวเท้าอย่างหนักหน่วงจากไป
ทางด้านข้างเสี่ยวหลันร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ก่อนแล้ว
ยามพลบค่ำหลินเล่อเซิงทำอาหารมาโต๊ะหนึ่งก็เห็นฉินเสียนถิงมีท่าทางอารมณ์ดียิ่ง ในใจของนางก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งยวด “เหยีย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือเล่อเซิงทำ ท่านโปรดไว้หน้ากินให้มากหน่อยเถิดเพคะ”
“คุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์เช่นเจ้าทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อใด?” ฉินเสียนถิงรู้สึกประหลาดใจ
“เล่อเซิงยอมรับว่าก่อนหน้านี้ถูกตามใจจริงเพคะ แต่ยามนี้เล่อเซิงรู้แล้วว่าในเมื่อเป็นสตรีของเหยียก็ต้องรู้ใจเหยียมากที่สุด ทั้งหมดนี้ล้วนต้องเรียนรู้ไว้ ฝีมือเล่อเซิงอาจไม่ดีเท่าในห้องเครื่องแต่ก็ไม่ได้แย่ เหยียโปรดลองชิมเถิดเพคะ?” หลินเล่อเซิงกล่าวและเพิ่มผักให้เขาชามหนึ่ง
ฉินเสียนถิงกินคำหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “นับว่าไม่ถึงกับอร่อยแต่รสชาติก็ไม่เลว เจ้าตั้งใจทีเดียว”
“ขอเพียงเหยียชอบก็พอแล้วเพคะ” ได้รับคำชื่นชม หลินเล่อเซิงก็ดีใจอย่างยิ่งยวด นางสาบานว่าครั้งนี้จะต้องคว้าฉินเสียนถิงมาไว้ในกำมือให้ได้
“ช่วงบ่ายเซิงเอ๋อร์มาหรือ?” ทันใดนั้นเองฉินเสียนถิงก็พูดชื่อที่ทำให้นางรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมา
หลินเล่อเซิงที่กำลังจัดอาหารชะงักมือ แต่เพียงไม่นานก็กลับมามีท่าทีปกติ “เพคะ น้องสาวเซิงเอ๋อร์บอกว่าอยากพบท่าน แต่ได้ยินว่าเหยียยุ่งจึงไม่กล้ารบกวน ข้าให้นางกลับไปรอแล้วคืนนี้เหยียจะไปเยี่ยนน้องสาวเซิงเอ๋อร์หรือไม่เพคะ?”
ถูกยกเรื่องเซิงเอ๋อร์ขึ้นมาพูด ความอยากอาหารของฉินเสียนถิงก็ค่อยๆ ลดลงเขายิ้มพลางส่ายศีรษะ “บอกไปแล้วว่าคืนนี้จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า จะไปอยู่กับนางได้อย่างไร?”
ได้ยินคำพูดนี้ในใจหลินเล่อเซิงย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา แต่นางรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่เหยียทดสอบนาง
“เหยียพูดอันใดเพคะ หม่อมฉันกับเซิงเอ๋อร์ล้วนเป็นสตรีของเหยีย การปรนนิบัติเหยียล้วนเป็นหน้าที่ของพวกเรา ความจริงเหยียก็มิได้ไปเยี่ยมน้องสาวมาหลายวันแล้ว ไม่สู้คืนนี้ไปเยี่ยมเสียหน่อยจะดีกว่ากระมังเพคะ”
ได้ยินเช่นนี้ฉินเสียนถิงก็เลิกคิ้ว “หืม? ไม่กี่วันก่อนนางผลักไสเปิ่นหวางจื่อให้มาหาเจ้าที่นี่ มาวันนี้เจ้ากลับผลักไสให้ข้าไปหานางอีกหรือ? พวกเจ้าสองคนหารือเรื่องนี้กันไว้แล้วหรือ?”
ไหนเลยจะกล้ายอมรับคำพูดนี้ หลินเล่อเซิงรีบส่ายศีรษะ “เหยียทำให้เล่อเซิงจนปัญญาแล้วเพคะ เล่อเซิงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหยียจะอยู่ต่อ เช่นนั้นเหยียถือว่าเมื่อครู่เล่อเซิงมิได้พูดอันใดเถิดเพคะ”
ได้ยินเช่นนี้ก็มีเสียงหัวเราะอย่างเบิกบานของฉินเสียนถิงดังมาจากในห้อง แต่ไม่นานเขาก็วางตะเกียบลง “เป็นความจริงที่ข้าปฏิบัติกับนางอย่างเย็นชามาหลายวันแล้วนับว่าควรพอได้แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่มีความเห็นเช่นนั้นข้าจะไปเยี่ยมนางเสียหน่อย”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นโดยที่ไม่เห็นใบหน้าดุร้ายของหลินเล่อเซิง