เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 12 ตอนที่ 342 ทางลับ
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 12 ตอนที่ 342 ทางลับ
KingZer
Get by Url
Get Detail by Url
Notification
Setting
Get By URL
Link
Solved Puzzle NovelZa
Title
นิยายเกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? เล่มที่ 12 ตอนที่ 342 ทางลับPDFแปลไทย – บราวนี่ออนไลน์ นิยายอ่านฟรีทุกวัน
Content
เล่มที่ 12 ตอนที่ 342 ทางลับ
องค์ชายเจ็ดที่เพิ่งส่งเสด็จแม่กลับตำหนักได้รับการรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา “เหยีย ไม่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ ที่จวนมีนักฆ่าหลายคนปรากฏตัว ไม่รู้ว่ากำลังหาสิ่งใด ทรงรีบกลับไปดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ?” องค์ชายเจ็ดตกใจจนหน้าถอดสี
เหตุใดจึงมีคนบุกรุกจวนองค์ชายเจ็ดของเขาโดยพลการได้?
ในสมองพลันปรากฏภาพของซั่งกวนเซ่าเฉินขึ้นมากะทันหัน หรือว่าหลังจากเขาล้มเหลวไปครั้งหนึ่งก็กลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง?
ไม่อาจสนใจการเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้อีก เขารีบย้อนกลับไปที่จวน
ในจวนองค์ชายเจ็ด องครักษ์ลาดตระเวนกับคนชุดดำได้ต่อสู้กันจนชุลมุนอย่างมากนานแล้ว ในอากาศมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ กระจายไปทั่วทุกแห่ง ในยามที่องค์ชายเจ็ดมาถึงที่เกิดเหตุนั้น ก็เห็นองครักษ์หลายคนของเขาได้รับบาดเจ็บแล้ว
“จับตัวไว้ให้หมด!”
สัญญาณมือของเขาตวัดลง ทหารหลวงที่เรียกตัวมาจากวังหลวงชักกระบี่บุกเข้าไปทันที
“ใครเข้ามา!” องค์ชายเจ็ดคำรามอย่างมีโทสะ ก็มีพ่อบ้านร่างสั่นสะท้านเข้ามาในทันที
“เหยีย?”
“ที่แท้เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่?”
“ทูลเหยีย บ่าวก็ไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วเกิดสิ่งใดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ตอนที่พวกเราค้นพบนั้น ก็เห็นคนชุดดำพวกนี้เข้าไปในห้องทรงอักษรของพระองค์ และยังคิดจะเข้าไปในห้องบรรทมของพระองค์อีก เสียดายที่องครักษ์ในจวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา จึงมีการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านพูดไป ยังหอบหายใจอย่างหนัก กลัวว่าการต่อสู้เบื้องหลังจะทำให้เขาบาดเจ็บ ในยามที่เขากล่าววาจา ยังหันศีรษะไปมองอย่างไม่วางใจ
“สารเลว!” องค์ชายเจ็ดกำหมัดแน่นทุบลงบนโต๊ะหิน เมื่อมองชายชุดดำสิบคนที่มีได้รับการฝึกซ้อมมาอย่างดี และมีวรยุทธ์เหนือธรรมดา เพียงมองก็มิใช่คนทั่วไป
องครักษ์ในจวนของเขาแม้จะมิใช่ยอดฝีมือ แต่ก็ไม่ใช่พวกไร้สามารถ ทว่าหลังจากต่อสู้ไประยะหนึ่ง ชายชุดดำทั้งสิบกลับไม่มีการบาดเจ็บล้มตายแม้เพียงผู้เดียว ที่เสียชีวิตล้วนแต่เป็นคนของเขา
“จับเป็น!” องค์ชายเจ็ดบัญชา เหินกายเข้าไปร่วมในการต่อสู้ หากให้รู้ตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้ เขาไม่มีทางปล่อยไปอย่างง่ายดายแน่
“หาเจอแล้วหรือไม่?” หนึ่งในชายชุดดำถามชายชุดดำที่เหินกายมายังข้างกายของเขาอย่างกะทันหัน
“ไม่เจอ!”
ชายชุดดำร่างกายแข็งค้าง จากนั้นก็มองไปรอบด้านทั้งสี่ทิศ โยนพลุสัญญาณขึ้นไปกลางอากาศดอกหนึ่ง และร้องตะโกนเสียงดัง “ถอย!”
ชายชุดดำทั้งหมดหยุดการต่อสู้ในทันที เหินกายไปในทิศทางเดียวกัน
คิ้วขององค์ชายเจ็ดขมวดแน่น ออกคำสั่งว่า “คนทั้งหมด ไล่ตามไปให้ข้า!”
กลางฟากฟ้าแห่งรัตติกาล กองทหารหลวงที่มีองค์ชายเจ็ดเป็นผู้นำไล่ตามชายชุดดำไปเป็นพรวน และไม่มีผู้ใดสังเกตว่า ในมุมที่มิดชิดที่สุดของจวนองค์ชายเจ็ด มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
ซูเช่อยืนยันว่ารอบข้างไร้ผู้คน รีบใช้วิชาตัวเบา พุ่งไปยังห้องตำราขององค์ชายเจ็ดฉินเสียนถิงทันที
สิ่งของที่สำคัญเช่นนี้ เขาไม่เชื่อว่าฉินเสียนถิงจะไม่พกติดตัว ในเวลานี้ องครักษ์ทั้งหมดทั้งภายนอกภายในของจวนองค์ชายเจ็ดกำลังออกไปไล่ตามคนชุดดำที่เขาส่งไป เขาจึงเข้ามาในห้องตำราได้อย่างง่ายดาย
เขาเชื่อมาตลอดว่าในห้องตำราของฉินเสียนถิงจะต้องมีห้องลับ แต่ไม่ว่าเขาจะหาอย่างไร อย่าพูดถึงของที่ซั่งกวนเซ่าเฉินต้องการ แม้กระทั่งห้องลับก็หาไม่พบ
“หรือเป็นข้าหาผิดทางแล้วจริงๆ?” ยืนอยู่ในห้องตำราอันโอฬาร ซูเช่อถามตนเอง เมื่อรู้สึกตัวว่าเขาประหม่ามากเกินไป เขารีบสกัดกั้นลมหายใจทำจิตใจให้ปลอดโปร่งอีกครั้ง
ไม่ได้การ เวลาของเขามีไม่มากแล้ว ทันทีที่ฉินเสียนถิงค้นพบว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้องย้อนกลับมาที่จวน ชีวิตของเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย เขาจะต้องเพิ่มความเร็วในการลงมือแล้ว
ในเมื่อในห้องตำราไม่มี ก็ไปที่ห้องนอนของเขา!
ซูเช่อตัดสินใจเด็ดขาด รีบออกจากห้องตำราทันที มุ่งหน้าไปทางตำหนักบรรทมขององค์ชายเจ็ดอย่างระมัดระวัง เขาเลี่ยงหลบเหล่าสาวใช้ในจวนอย่างคล่องแคล่วว่องไว
ยามเห็นว่าตำหนักบรรทมอยู่ใกล้แค่เพียงเบื้องหน้า เขาก้าวเท้าจะเข้าไป แต่ข้างหูกับมีเสียงฝีเท้าของคนสองคนดังลอยมา
เขารีบเหินกายไปบนคานของทางเดินทันที สองเท้ายันอยู่สองฝั่งซ้ายขวา
ก็เห็นสตรีสองนางเดินตามกันมา ผู้หนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกคนอยู่ด้านหลัง
“เหยียละ เหตุใดจึงไม่อยู่ในจวน?” หนึ่งในหญิงสาวถาม
“ทูลชายารอง เมื่อครู่ในจวนมีมือสังหาร นายท่านไปไล่ตามมือสังหารพวกนั้นแล้ว เกรงว่าในระยะเวลาสั้นไม่อาจกลับมาได้ จะทรงไปรอในตำหนักหรือไม่เพคะ?” สาวใช้ตอบอย่างเคารพและสอบถาม
ที่แท้ผู้ที่หันหลังให้เขา คือพระชายารองที่องค์ชายเจ็ดเพิ่งแต่งมาใหม่ ตามข่าวลือเป็นสตรีผู้รู้ใจของเขา แม่นางเซิงเอ๋อร์
หัวใจของซูเช่อพลันเคร่งเครียดขึ้นมา เขาแอบภาวนาอยู่ในใจ นางอย่าได้รับปากรั้งอยู่เด็ดขาด อย่าได้รับปากเด็ดขาด
“ได้ เช่นนั้นข้าไปรอในตำหนักสักครู่เถิด” เซิงเอ๋อร์ยิ้มพร้อมพยักหน้า สาวเท้าไปยังตำหนักบรรทม
เห็นนางผลักประตูห้องออก เข้าไปในห้องแล้ว ซูเช่อสบถว่าสมควรตายทีหนึ่งอยู่ในใจ
มีคนอยู่ในตำหนักบรรทม เขายังจะเข้าไปได้อย่างไร?
ทั่วทั้งร่างของซูเช่อเครียดเกร็ง รีบคิดหาวิธีการรับมือในสมองทันที
วันนี้เขาจัดมือสังหารมาที่จวน องค์ชายเจ็ดถูกหลอกให้ออกไป เป็นโอกาสที่ดีที่สุด หากหาสิ่งที่เขาต้องการไม่พบ เกรงว่าในช่วงเวลาสั้นๆ คงไม่มีโอกาสที่ดีเช่นนี้อีกแล้ว
ซูเช่อคิดออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเซิงเอ๋อร์และหลิงมู่เอ๋อร์ทันที ในใจคิดคำนวณ ว่าเซิงเอ๋อร์จะช่วยเขาหรือไม่?
แม้เขาจะไม่เข้าใจชายารองขององค์ชายเจ็ดผู้นี้นัก แต่จะมากน้อยก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของนางกับหลิงมู่เอ๋อร์ ได้ยินว่าพวกนางสนิทสนมกันอย่างมาก?
เขาคิด ไม่แน่ว่า บางทีเซิงเอ๋อร์อาจเห็นแก่หน้าของหลิงมู่เอ๋อร์ช่วยเขาก็เป็นได้
แน่นอนว่า ขอเพียงเซิงเอ๋อร์เต็มใจช่วยเขา เขาย่อมไม่มีทางสร้างความลำบากใจให้นางเป็นแน่ เขาจะตีนางให้สลบ มิให้นางต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
บนคานห้อง ซูเช่อตัดสินใจ คิดจะกระโดดลงไปตีสาวใช้ที่ยืนอยู่ให้สลบก่อน ใครจะรู้ว่าขณะกำลังจะลงมือเซิงเอ๋อร์ก็ออกมาจากในตำหนักแล้ว
“พระชายารอง ทรงไม่รอนายท่านแล้วหรือเพคะ?” สาวใช้ถาม
“ดึกขนาดนี้แล้วเหยียไปไล่ตามมือสังหาร ต้องเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ถึงอย่างไรข้าก็อยู่เฉยๆ มิสู้ไปที่ห้องครัวเล็กทำน้ำแกงเห็ดหูหนูขาวตุ๋นรากบัวให้พระองค์ชามหนึ่งดีกว่า บางทีพอข้าทำเสร็จเหยียก็กลับมาแล้ว”
เซิงเอ๋อร์กล่าวแล้วก็จากตำหนักบรรทมไป ซูเช่อที่อยู่บนคานห้องยินดีอย่างมาก รอจนคนทั้งสองจากไป เขาก็หมุนร่อนลงมาบนพื้น พลิ้วกายเข้าไปในตำหนักบรรทมขององค์ชายเจ็ดด้วยความเร็วประดุจเปลวเพลิง
คิดจะหาสิ่งของที่องค์ชายเจ็ดตั้งใจซ่อนไว้ ย่อมต้องค้นหาในที่ที่คนทั่วไปไม่สังเกตเห็น หลังจากซูเช่อคิดถึงลักษณะนิสัยของฉินเสียนถิงอย่างละเอียดแล้ว ก็เริ่มลงมือจากบริเวณรอบข้าง
เวลาแต่ละนาทีแต่ละวินาทีไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในยามที่หน้าผากของเขาแน่นขนัดไปด้วยเม็ดเหงื่อและในใจเต็มไปด้วยความกระวนกระวายนั้น ก็ยังหาสิ่งที่เขาต้องการไม่พบ
“สมควรตาย! ที่แท้เขาเอาสิ่งของไปซ่อนไว้ที่ใดกันแน่!”
“หรือตลอดเวลาที่ผ่านมาทิศทางในการหาของข้าผิดไปแล้ว เจ้าองค์ชายเจ็ดผู้นี้ จำเป็นต้องทลายจากกรอบปกติ สถานที่ที่ผู้อื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้กลับยิ่งเป็นไปได้”
หัวคิ้วของซูเช่อขมวดแน่นเข้าหากัน คืนนี้ หากเขาไม่บรรลุเป้าหมายจะไม่มีทางยอมแพ้
แต่หากทั้งห้องตำราและห้องนอนล้วนไม่มีแล้วละก็ เช่นนั้น บางทีเขาอาจจงใจซ่อนไว้ในสถานที่ที่คนทั่วไปคิดไม่ถึงจริงๆ!
เมื่อตัดสินใจแล้ว เขากระโดดออกทางหน้าต่าง เหินกายเพียงครั้งเดียวก็ขึ้นสู่หลังคา ทอดสายตามองไปทั่วจวนองค์ชายเจ็ด เขาตัดสินใจจะหาไปทีละห้อง แต่เขารู้ว่าความไวของเขาจำเป็นจะต้องเร็ว
“แยกกันไล่ตาม!”
องค์ชายเจ็ดที่ไล่ตามออกมาจากจวนองค์ชายเจ็ด พาคนมาจนถึงทางแยกแห่งหนึ่ง เขาส่งสัญญาณมือให้องครักษ์ที่อยู่เบื้องหลัง เขามุ่งหน้าไปทางซ้าย องครักษ์อีกกลุ่มหนึ่งไล่ตามไปทางขวาทันที
แม้จะเป็นยามวิกาล แต่เขามองออกอย่างชัดเจนว่า ถนนสายนี้ได้มุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงแล้ว แต่เบื้องหน้ากลับไม่มีร่องรอยของคนชุดดำแม้แต่น้อย แต่ด้านหน้ากลับมีเสียงซู่ซ่าดังลอยมาเป็นระยะ
หรือว่าเสียงพวกนี้ล้วนตั้งใจให้เขาได้ยิน?
“ไม่ได้การ นี่เป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ!”
องค์ชายเจ็ดที่ตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ตกตะลึงอย่างมาก รีบหันศีรษะกลับมาทันที ในเสี้ยววินาทีนั้นก็นึกถึงระเบิดควันลูกนั้น ที่เมื่อครู่คนชุดดำโยนขึ้นไปกลางอากาศในจวนองค์ชายเจ็ด “คนชุดดำมีเพียงสิบคน ยามนั้นล้วนต่อสู้อยู่ที่ลานด้านหน้า หากเขาต้องการถอยร้องตะโกนครั้งเดียวก็พอแล้ว จะต้องโยนระเบิดควันไปเพื่อเหตุใด”
เขาย้อนระลึกถึงทุกรายละเอียดเมื่อครู่ สุดท้ายกัดฟัน “ที่แท้นั่นไม่ใช่ระเบิดควัน แต่เป็นพลุสัญญาณ ดูท่ามีคนตั้งใจจะดึงตัวเปิ่นหวางจื่อออกมา”
คิดถึงสมุดบัญชี สีหน้าขององค์ชายเจ็ดก็เปลี่ยนไปในทันที หรือว่าเป็นซั่งกวนเซ่าเฉิน?
ยามกลางวันเขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นในยามราตรีจึงจากไปแล้วย้อนกลับมาอีกครั้ง? ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด เขาไม่มีทางให้มันทำได้สำเร็จแน่!
“ทุกคนฟังคำสั่ง ตามเปิ่นหวางจื่อกลับจวนทันที เดี๋ยวนี้!”
ระยะเวลาในการเดินทางที่เดิมเป็นครึ่งชั่วยาม ภายใต้สถานการณ์ที่องค์ชายเจ็ดควบม้าลงแส้ก็ถูกบีบให้ลดสั้นลงครึ่งหนึ่ง
ในยามที่พ่อบ้านเห็นองค์ชายเจ็ดนำตัวคนทั้งหมดกลับมา เขามองไปด้านหลังอย่างสงสัย “เหยีย หรือว่าจับเจ้าโจรผู้นั้นได้แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้าถามเจ้า หลังจากเปิ่นหวางจื่อจากมา ในจวนมีความผิดปกติใดหรือไม่?” องค์ชายเจ็ดมิได้สงสัยคำพูดของเขา แต่กลับถามเสียงเย็น
พ่อบ้านตะลึงไป เกรงว่าตนเองจัดการได้ไม่ดี รีบก้มศีรษะ “ทูลเหยีย ไม่ ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”
“ไร้ความสามารถ!” ถีบเข้าไปที่ท้องของเขาอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ถีบเขาจนล้มลงบนพื้นไปทั้งตัว องค์ชายเจ็ดทรงบัญชาเสียงเย็น “ค้นให้ข้า ไม่ว่าห้องใดหรือมุมใดก็ไม่อนุญาตให้ละเว้น จะต้องหาคนออกมาให้ข้าให้ได้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากเหล่าองครักษ์รับคำก็กระจายออกไปทั้งสี่ทิศทันที
องค์ชายเจ็ดได้นำคนเริ่มค้นจากห้องทางซ้ายมือทีละห้องทีละห้อง
ภายในห้อง ซูเช่อที่เพิ่งออกจากห้องที่สามมาเปิดประตูห้องออกด้วยความผิดหวังอีกครั้ง มุ่งไปยังประตูบานที่สี่ที่อยู่ด้านข้าง ตัวเขาที่มีทักษะการฟังที่ยอดเยี่ยมรู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง เขารีบหมอบลงกับพื้นทันที ฟังอย่างละเอียด “ไม่ผิด เป็นเสียงฝีเท้า หรือว่าเป็นฉินเสียนถิงกลับมาแล้ว”
เมื่อตระหนักได้ถึงคำตอบนี้ ในใจของซูเช่อก็แอบร้องว่าไม่ดีแล้ว แม้จะคาดอยู่ก่อนแล้วว่าคนเช่นฉินเสียนถิงจะไม่ติดกับดักง่ายๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาเร็วถึงเพียงนี้! หากเขาตรวจสอบดีๆ แล้วละก็จะต้องพบการคงอยู่ของเขาแน่!
แต่เขายังมิได้ในสิ่งที่ตนต้องการ หรือว่าครั้งนี้จะต้องล้มเหลวเสียแล้ว
ไม่ได้การ!
ซูเช่อตัดสินใจมุดเข้าไปในห้องด้านข้างทันที ความเร็วของเขาเร็วยิ่งกว่าเดิมแล้ว
นี่คล้ายจะเป็นห้องรับแขกห้องหนึ่ง ซูเช่อเพราะความรีบร้อน จึงมิได้ค้นหาอย่างละเอียดเหมือนก่อนหน้า หลังจากพบว่ารอบข้างไม่มีสิ่งผิดปกติใด เขากำลังตัดสินใจจากไป ทว่าก่อนจากไปหัวเข่าของเขาไม่ทันระวังไปโดนเสาที่อยู่ปลายเตียงเข้า ได้ยินเพียงเสียง “เอี๊ยด” เบาๆเสียงหนึ่ง เขาอดหยุดชะงักฝีเท้าไม่ได้
หมุนกาย หันสายตากลับมา เขามองเตียงเบื้องหน้าที่ธรรมดาจนไม่อาจธรรมดาได้โดยละเอียด จากสายตาทั่วไปไม่มีจุดใดที่ดูแปลกประหลาด แต่เสียงดังเอี๊ยดเสียงนั้น มาจากที่ใดกันเล่า?
ลางสังหรณ์บอกเขาว่าที่นี่ต้องมีเบาะแสแน่ เขารีบย่อกายลงค้นหาอย่างละเอียดทันที ในยามที่เขากำลังจะยอมแพ้นั่นเอง มือซ้ายของเขาก็ไปโดนจุดที่มิดชิดอย่างยิ่งจุดหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ
ลางสังหรณ์บอกเขาว่าที่นี่ไม่ถูกต้องอย่างมาก เขารีบยื่นมือไปทันที เห็นเขากดเพียงเบาๆ ปลายเตียงก็มีประตูบานหนึ่งเปิดออกจากด้านในทันที
“มีห้องลับจริงๆ ด้วย” หรือว่าของที่เขาต้องการก็อยู่ภายใน?
ไม่ว่าภายในจะมีกลไกหรือไม่ หรือจะต้องประสบกับอันตรายเช่นใด ซูเช่อก็กระโดดลงไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยทันที