เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 8 ตอนที่ 218 เชื้อกระตุ้นยา
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 8 ตอนที่ 218 เชื้อกระตุ้นยา
เล่มที่ 8 ตอนที่ 218 เชื้อกระตุ้นยา
“ท่านผู้บัญชาการ… แม่นางหลิง…”
“หลิงมู่เอ๋อร์! ซั่งกวนเซ่าเฉิน!”
หลิงมู่เอ๋อร์ซึ่งกำลังง่วงงุนจากความเหนื่อยล้าได้ยินเสียงตะโกนแว่วมา ทันใดนั้นนางพลันสะดุ้งลืมตาขึ้นมาทันที
นางมองซั่งกวนเซ่าเฉินซึ่งนอนอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ นางวางเขาไว้ด้านข้างอย่างระมัดระวัง ก่อนจะตะโกนออกไปในทิศทางของปากทางเข้าโพรงถ้ำ “ข้าอยู่นี่ ซูเช่อ ข้าอยู่นี่…”
“เร็วเข้า มีเสียงดังมาจากตรงนี้” ซูเช่อหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม เขาสามารถระบุตำแหน่งของหลิงมู่เอ๋อร์ได้อย่างรวดเร็ว และชี้ไปยังจุดหนึ่งบนภูเขาได้ทันที
ในไม่ช้ากองกำลังขนาดใหญ่ก็ออกค้นหาด้วยกลยุทธ์ปิดล้อมครอบคลุม
เพื่อป้องกันไม่ให้คนข้างบนค้นหาพบปากทางเข้าโพลงไม่เจอ หลิงมู่เอ๋อร์จึงโยนตะบันไฟและกริชขึ้นไปทีละอันๆ
“ตรงนี้ พวกข้าอยู่ตรงนี้!” หนานกงอี้จือเป็นคนแรกที่เห็น เขารีบวิ่งมาพร้อมกับทุกคนด้วยความประหลาดใจ
“แม่นางหลิง เป็นเจ้าใช่หรือไม่? ท่านผู้บัญชาการของพวกเราเล่า ท่านผู้บัญชาการอยู่ที่นี่ด้วยใช่หรือไม่?”
ทันใดนั้นตรงปากทางก็ปรากฏคนจำนวนมากขึ้น หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้า “เป็นพวกเราเอง”
“มู่เอ๋อร์!” ซูเช่อยื่นศีรษะเข้ามาอย่างกระวนกระวาย “ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะหาทางดึงเจ้าขึ้นมาเอง”
ความเร็วของซูเช่อนั้นว่องไวยิ่งนัก เขาผูกเส้นหวายเข้าไว้ด้วยกันจนกลายเป็นเชือก หลังจากที่หลิงมู่เอ๋อร์ได้รับเชือกหวายแล้ว นางก็ผูกมันเข้ากับรอบเอวของซั่งกวนเซ่าเฉินก่อน จากนั้นค่อยดึงเชือกเพื่อส่งสัญญาณให้คนด้านบนเริ่มดึง
“พาเขาขึ้นไปก่อน แล้วรีบส่งเขากลับไปที่ค่ายทันที บนภูเขามีอุณหภูมิต่ำ เขาไข้ขึ้นแล้ว”
หลิงมู่เอ๋อร์ทำมือเป็นรูปแตรพร้อมกับออกคำสั่งกับคนด้านบน หญิงสาวมิได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม
เมื่อได้ยินข่าวว่าท่านผู้บัญชาการไข้ขึ้นอีกครั้ง คนที่อยู่ข้างบนก็รีบดึงเขาขึ้นไปทันที
จนกระทั่งถึงตอนที่หลิงมู่เอ๋อร์ถูกลากขึ้นไป เงาร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหานางอย่างบ้าคลั่งทันที “นางแพศยา ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า เป็นเพราะเจ้าที่ทำร้ายเซ่าเฉินจนกลายเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตายไปเลย”
หลิงไฉ่เว่ยกำลังแรงยิ่งนัก นางอาศัยช่วงที่ทุกคนไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน แต่วินาทีที่มือของนางคว้าเข้าที่คอของหลิงมู่เอ๋อร์ ซูเช่อก็ดึงนางออกอย่างเหี้ยมโหดทันที
“ข้าเตือนเจ้าแล้วมิใช่หรือ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้นางได้ หูของเจ้าหนวกไปแล้วหรือไร?”
เพื่อปกป้องหลิงมู่เอ๋อร์เขาดึงนางไปไว้ด้านหลังอย่างระมัดระวัง ซูเช่อมองกลับมาที่หลิงไฉ่เว่ยด้วยสายตาอาฆาต “หากไม่อยากตาย ก็ไสหัวออกไปซะ!”
หลิงไฉ่เว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นด้วยความเจ็บปวด นางชี้ไปทางซั่งกวนเซ่าเฉินที่ถูกพยุงอยู่ด้วยความไม่ยินยอม “เขาเป็นถึงท่านผู้บัญชาการ ยามที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่เป็นลม ทว่ายามที่ถูกนางหลอกมาที่นี่กลับหมดสติสลบไสล ผู้ใดจะรู้ว่านี่อาจเป็นเพราะแผนร้ายของนางแพศยาคนนี้ที่จงใจทำร้ายเขาก็ได้?”
“หากพวกเรามิได้ค้นพบว่าท่านผู้บัญชาการหายตัวไปได้ทันท่วงที เราคงไม่รู้ว่าเจ้าพาเขาเข้ามาในป่าของภูเขาลึกแห่งนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ ทั้งๆ ที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจแต่เจ้ากลับไม่ปฏิเสธที่จะทำร้ายเขาใช่หรือไม่?” หลิงไฉ่เว่ยมองไปที่โฉวอวี่จินทันที “ท่านแม่ทัพ ได้โปรดลงโทษนางแพศยาคนนี้ด้วยเจ้าค่ะ!”
โฉวอวี่จินมองไปทางท่านผู้บัญชาการ จากนั้นก็มองไปทางหลิงมู่เอ๋อร์ เขาอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แม่นางหลิง ขอถามว่าตกลงแล้วนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ?”
หลิงมู่เอ๋อร์ขว้างตะกร้าที่แบกเอาไว้ลงบนพื้นจนทำให้สมุนไพรบางส่วนร่วงหล่นลงมา “ตอนนี้ ข้ายังจำเป็นต้องเอ่ยอันใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่?”
นางเป็นหมอ ทั้งยังเป็นหมอที่คอยรักษาท่านผู้บัญชาการอีกด้วย คนที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมสามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นทันทีที่เห็น
ซูเช่อไม่สนใจว่าซั่งกวนเซ่าเฉินจะตายหรือไม่ เขากังวลเพียงว่าหลิงมู่เอ๋อร์จะได้รับบาดเจ็บหรือไม่
“เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง? ได้รับบาดเจ็บที่ใดหรือไม่?” เขาดึงนางออกมาอีกด้าน ก่อนจะมองสำรวจนางอย่างละเอียดไปรอบหนึ่ง “หากเจ้าคิดจะขึ้นเขาขุดสมุนไพร ก็แค่หาทหารไม่กี่คนไปแทนก็ได้แล้ว เหตุใดต้องวิ่งออกไปกลางดึกคนเดียวด้วย”
เมื่อรู้ว่าเขาเป็นห่วงตน หลิงมู่เอ๋อร์จึงยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “ทหารจะไปรู้จักสมุนไพรได้อย่างไร อีกอย่างข้าเองก็สบายดี”
หลิงมู่เอ๋อร์ผลักซูเช่อที่กระวนกระวายออกไป ก่อนจะส่งสายตามองไปทางหนานกงอี้จือ
หนานกงอี้จือเป็นคนฉลาด เมื่อเห็นท่าทางลังเลที่จะพูดของนาง เขาพลันเข้าใจว่าสถานการณ์ของญาติผู้พี่ยามนี้ย่อมไม่ดีแน่ ชายหนุ่มออกคำสั่งทันที “เร็วเข้า พาท่านผู้บัญชาการกลับไปที่ค่ายเดี๋ยวนี้”
ก่อนที่เขาจะมองไปทางแม่นางหลิงอีกครั้ง “แม่นางเหนื่อยเพราะท่านผู้บังคับบัญชาแล้ว แต่ต้องรบกวนแม่นางลำบากอีกสักหน่อย เชิญทางนี้”
เมื่อหลิงไฉ่เว่ยเห็นว่าไม่มีใครสนใจนาง หญิงสาวก็รีบพุ่งเข้าไปหาซั่งกวนเซ่าเฉินทันที ก่อนจะพยายามลากเขาเข้ามาในอ้อมแขนของตนเอง
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้เอ่ยอันใด นางเพียงเหยียดยิ้มเยาะเย้ยเท่านั้น หนานกงอี้จือได้ยินเข้าจึงรีบหยุดการเคลื่อนไหวของหลิงไฉ่เว่ยทันที
“แม่นางท่านนี้ ยามนี้ท่านผู้บัญชาการของเราไม่สบายหนัก ไม่ทราบว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร?”
“ข้ารู้อย่างไรเล่าว่าเขาไม่สบาย ข้าถึงต้องดูแลเขา ข้าคือคู่หมั้นของเขา คือสตรีของเขา เจ้าออกไปให้พ้น!”
เมื่อเห็นดวงตาที่ดูถูกเหยียดหยามของหนานกงอี้จือ หลิงไฉ่เว่ยรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง “ทำไมหรือ แม้แต่สตรีของท่านผู้บัญชาการก็คิดจะรังแกหรือ?”
“ท่านผู้บัญชาการมิได้ประกาศว่าเจ้าเป็นใครสำหรับเขา แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะช่วยชีวิตท่านผู้บัญชาการเอาไว้ ทว่าการที่ข้าให้เกียรติเจ้าในค่ายทหารก็นับเป็นการให้ความเมตตาและสัจจะอย่างสูงสุดแล้ว หากแม่นางเป็นคนฉลาดก็ไม่ควรได้คืบจะเอาศอก!”
เขาส่งสายตาสั่งการทหารใต้บังคับบัญชา และทันใดนั้นทหารก็พุ่งเข้ามาดึงตัวหลิงไฉ่เว่ยออกไปทันที
เมื่อไร้สิ่งกีดขวางแล้ว ทุกคนก็เร่งไปที่ค่ายทหารทันที เมื่อเห็นว่าบางครั้งบางคราหลิงมู่เอ๋อร์จะมองซั่งกวนเซ่าเฉินอย่างเป็นห่วง ซูเช่อที่เดินอยู่ด้านหลังพลันมีสีหน้ามืดครึ้ม ราวกับว่าถูกพรากของมีค่าบางอย่างไป
“แม่นางหลิง เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่มีคำพูดที่เจ้ายังมิได้เอ่ย เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับญาติผู้พี่?”
เมื่อกลับมาถึงกระโจมก็เหลือเพียงซั่งกวนเซ่าเฉิน หลิงมู่เอ๋อร์และหนานกงอี้จือ
“ใช่ เมื่อวานตอนเย็น ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าหนอนในร่างกายของท่านผู้บัญชาการไม่ใช่หนอนกู่ แต่เป็นหนอนกระหายเลือด ทว่าเนื่องจากเมื่อคืนเราอยู่บนภูเขา อุณหภูมิบนนั้นต่ำมาก และหนอนกระหายเลือดเป็นสัตว์ที่ชอบเคลื่อนตัวในอุณหภูมิที่ต่ำ” นางอธิบาย “อุณหภูมิของเมื่อคืนนี้สร้างพื้นที่ที่สะดวกสบายสำหรับหนอนกระหายเลือด ทำให้มันเร่งการเคลื่อนที่กัดแทะร่างกายของผู้บัญชาการ และนั่นทำให้เขามีไข้ขึ้นสูงอย่างกะทันหัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง สถานการณ์ปัจจุบันของเขาอันตรายเป็นอย่างยิ่ง”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่สนใจที่จะอธิบายเพิ่มเติมอีกต่อไป นางรีบป้อนยาให้ซั่งกวนเซ่าเฉิน “ยามนี้ข้าต้องการสถานที่ปกปิดมิดชิดในการรักษาเขา และหากต้องการไล่หนอนกระหายเลือดออกก็จำเป็นต้องมีเชื้อกระตุ้นยาที่เหมาะสม เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เวลาในการรักษาของข้าสั้นลงอย่างกะทันหัน ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องเร่งมือแล้ว”
หนานกงอี้จือเป็นคนฉลาด เขารู้ทันทีว่าต้องทำอย่างไรเมื่อได้ฟังจนจบ “แม่นางโปรดวางใจ ข้าจะส่งทหารไปล้อมกระโจมของท่านผู้บัญชาการ ไม่ต้องพูดถึงคนเลย แม้แต่แมลงวันก็บินเข้าไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลิงไฉ่เว่ยคนนั้น”
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้หันศีรษะกลับไปมอง “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนท่านแล้ว”
“ต้องรบกวนแม่นางต่างหาก” หนานกงอี้จือประสานมือของเขาเข้าด้วยกัน “รบกวนแม่นางช่วยรักษาท่านผู้บัญชาการอย่างสุดฝีมือ ข้าจะเฝ้าคอยระวังอยู่นอกกระโจม ถ้าต้องการอะไรสามารถสั่งข้าได้ทุกเมื่อ”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอย่างไร แต่ข้าจะไม่ทิ้งเขาแน่นอน”
หลังจากตรวจร่างกายของซั่งกวนเซ่าเฉินอย่างละเอียดแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ก็กลับมาที่โต๊ะและเริ่มพัฒนายา ยามที่หนานกงอี้จือกำลังจะออกไปข้างนอก จู่ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ใช่แล้ว ในโพรงถ้ำนั้นมีเนื้อหมาป่าอยู่ แม้จะไม่มาก แต่สามารถนำมันไปต้มน้ำแกงให้ทหารทานให้อิ่มหมีพีมันได้ ในชายแดนที่รกร้างแห่งนี้ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของทหารย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
สถานการณ์ปัจจุบันวิกฤตเป็นอย่างยิ่ง ยามที่นางปรุงยายังหวังว่าตนเองจะสามารถงอกมือออกมาสี่มือได้ ทว่านางกลับยังมีเวลามาคิดเผื่อเหล่าทหาร ดังนั้นสายตาของหนานกงอี้จือยามที่มองดูหลิงมู่เอ๋อร์อีกครั้ง จึงเหมือนสายตาที่มองพระโพธิสัตว์ก็ไม่ปาน
“แม่นางมีใจเมตตาแล้ว สวรรค์จะต้องคุ้มครองแม่นางแน่นอน และญาติผู้พี่ของข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน”
ในกระโจมกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แต่งานของหลิงมู่เอ๋อร์กลับยุ่งเป็นอย่างยิ่ง
นางไม่เพียงต้องดูแลซั่งกวนเซ่าเฉินที่มีไข้ขึ้นสูงเท่านั้น แต่นางยังต้องต่อสู้กับเวลาเพื่อศึกษาเชื้อกระตุ้นยาอีกด้วย เนื่องจากนางต้องใช้เครื่องมือและสมุนไพรจำนวนมากที่มาจากมิติเทพ นางจึงไม่สามารถปล่อยให้ผู้ช่วยคนใดมาช่วยได้
ดูเหมือนว่านางจะยุ่งอยู่ตลอดตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ในที่สุดนางก็พัฒนาเชื้อกระตุ้นยาชุดแรกสำเร็จ เพราะนางไม่แน่ใจ หญิงสาวจึงทำได้เพียงทดลองลองใช้ นางทายาลงไปบนแผลบริเวณหน้าอกของเขา
ในยามนั้น ไข้ของซั่งกวนเซ่าเฉินยังคงออกฤทธิ์หนัก เขายังคงตกอยู่ในอาการสลบไสลไม่ได้สติ
หลังจากหมดเวลาหนึ่งก้านธูป ฤทธิ์ของยาดูเหมือนจะได้ผล ซั่งกวนเซ่าเฉินที่หมดสติพลันกระตุกไปทั้งตัว หลิงมู่เอ๋อร์รีบกดร่างกายของเขาเอาไว้และคอยล่อหนอนกระหายเลือดในร่างกายของเขาให้ออกมา “ออกมา ออกมาสิ..”
หน้าอกของซั่งกวนเซ่าเฉินเหมือนจะมีบางอย่างเคลื่อนไหว นางเห็นชัดๆ ว่ามันกำลังจะออกมาทางปากแผล ทว่าเพียงพริบตามันกลับถอยหลังกลับไปทันที”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
หลิงมู่เอ๋อร์มองดูทุกสิ่งอย่างไม่เชื่อสายตา หนอนนั้นราวกับปลาที่ติดกับเหยื่อ ทว่าทันใดนั้นกลับพบว่าเหยื่อไม่หอมพอจึงเปลี่ยนใจหันหลังกลับไปหลังจากเดินมาครึ่งทาง
“หรือว่าเชื้อกระตุ้นยายังมีบางอย่างขาดหายไป?”
นางพึมพำกับตนเอง นางหยัดกายลุกขึ้นตั้งใจจะกลับไปวิจัยอีกครั้ง ทว่าจู่ๆ กลับมีมือมาจับข้อมือนางไว้
เดิมทีนางคิดว่าซั่งกวนเซ่าเฉินฟื้นขึ้นแล้ว แต่เมื่อนางหันศีรษะไปมองกลับพบว่าเปลือกตาของเขายังคงปิดสนิทแน่น
หนอนกระหายเลือดหยุดดิ้น และเขาเองก็หยุดกระตุก แต่ใบหน้าของเขากลับซีดลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเสียเลือดมากเกินไป
หญิงสาวใช้มืออีกข้างสัมผัสใบหน้าด้านข้างอย่างระมัดระวัง นางมองตาของเขา จมูกไปจนถึงปากอย่างละเอียด…
มือที่อ่อนนุ่มของนางกำแน่นเป็นกำปั้น “ซั่งกวนเซ่าเฉิน ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านเกิดเรื่องอันใดแน่”
ยามราตรีที่ผ่านมา จู่ๆ ชายคนนี้ก็พุ่งเข้ามาจูบนางอย่างบ้าคลั่ง แฝงไปด้วยความรุกรานเชิงลงโทษ ทำให้นางแทบขาดใจอยู่หลายครั้ง ทว่าในช่วงเวลาวิกฤต จู่ๆ ร่างกายของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์สังเกตถึงความผิดปกติ เขาก็ร้อนไปทั้งตัวและหมดสติไปในอ้อมแขนของนาง
เมื่อรู้ว่าการร้องขอความช่วยเหลือนั้นไร้ประโยชน์ นางจึงรีบใช้สมุนไพรในมิติเทพเพื่อทำให้ชีพจรของเขาคงที่ชั่วคราว แม้นางจะไม่แน่ใจว่าซั่งกวนเซ่าเฉินจะจำเรื่องเมื่อคืนหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่ แต่นางจะทำทุกอย่างที่ทำได้ พยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อช่วยชีวิตของเขาอย่างแน่นอน
“แม่นางหลิง น้ำแกงเนื้อหมาป่าต้มได้เยอะทีเดียว หากเจ้าสะดวก ข้าจะยกมาให้เจ้าดีหรือไม่?” เสียงของหนานกงอี้จือดังมาจากนอกกระโจม
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “ท่านวางใจเถิด ยามชั่วครู่นี้ ชีวิตท่านผู้บัญชาการยังไม่ตกอยู่ในอันตราย และเชื้อกระตุ้นยาของข้าก็กำลังจะสำเร็จ น้ำแกงเนื้อหมาป่าท่านเอาไปแบ่งกับคนอื่นเถิด ข้าไม่มีเวลาจริงๆ”
เมื่อได้ยินข่าวที่น่าพึงพอใจ น้ำเสียงของหนานกงอี้จือก็มีความสุขมากขึ้น “ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน เจ้าก็ยังต้องกิน ไม่เช่นนั้นหากท่านผู้บัญชาการตื่นขึ้นมาและพบว่าเจ้าไม่นอนไม่กินไม่ดื่ม เขาคงรอไม่ไหวที่จะสังหารพวกข้าให้สิ้น”
“ข้าจะแจ้งให้ท่านทราบทันทีหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา ท่านไม่จำเป็นต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้ามาในนี้ มันมีแต่จะทำให้ข้าเสียสมาธิ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนานกงอี้จือก็รีบมอบน้ำแกงเนื้อหมาป่าให้กับทหารที่อยู่ข้างๆ ทันที เขาโบกมือ “ได้ เช่นนั้นพวกเราจะรอข่าวดีจากแม่นาง และขอให้แม่นางดูแลตัวเองดีๆ ด้วย”
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้เอ่ยอันใดอีก แต่มีเสียงสตรีอีกคนดังมาจากนอกกระโจม
หนานกงอี้จือออกคำสั่งโดยไม่รอให้คนข้างในเอ่ยอันใด “ทหาร เผยแพร่คำสั่งของซื่อจื่อ บอกสตรีคนนั้นว่าหากนางยังส่งเสียงอีก พวกเราจะไล่นางออกจากค่ายทหารทันที”