เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 4 บทที่ 106 แสดงออก
เล่มที่ 4 บทที่ 106 แสดงออก
ซูเช่อมองสาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้า นางไม่นับว่าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดที่เขาเคยเจอมา แต่กลับเป็นผู้ที่ทำให้เขาหวั่นไหวมากที่สุด ความพิเศษของนางก็อยู่ที่ความไม่เหมือนกับหญิงสาวพวกนั้น ในดวงตาของนางไม่มีแผนการเล่นงาน มีแต่ความใสกระจ่างและความขี้เล่น
ฐานะของพวกเขาแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่เคยคาดหวังสิ่งใดมาก่อน ช่วงก่อนหน้านี้นางมีเรื่องบาดหมางกับญาติสนิทของเขา เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากใจทั้งสองฝ่าย และได้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ดังนั้น จึงตัดสินใจรับการจัดการของฮ่องเต้ ออกจากเมืองหลวงไปทำงานการไปครั้งนี้ก็กินเวลาหลายเดือน ในยามที่กลับมาก็ได้ยินว่า นางใกล้ชิดกับบุรุษอีกผู้หนึ่งอย่างมาก ซูเช่อจนถึงตอนนี้ยังจำได้ว่า ในยามที่ตนได้ยินข่าวนี้นั้นรู้สึกเปรี้ยวฝาดเพียงใด ที่แท้ในสายตาของเขา หญิงสาวที่มีหรือไม่มีก็ได้นางนั้น ได้ยึดครองตำแหน่งที่สำคัญถึงเพียงนั้นในใจของเขาไปแล้ว ในเวลานั้นเอง เขาเสียใจที่ตนจากเมืองหลวงไป เสียใจที่เดินทางไปทำงานในครั้งนี้ ยิ่งเสียใจที่ไม่ได้หยุดยั้งซูเหล่าฟูเหริน ผลักไสนางจนยิ่งไกลออกไปหลิงมู่เอ๋อร์เห็นซูเช่อมีสีหน้าซับซ้อน ก็โบกมืออยู่หน้าเขา กล่าวเรียบๆว่า “ท่านเหม่ออะไรกัน? นี่มีอะไรน่าดูหรือ? ถูกแล้ว ท่านเป็นตัวเอกของงานเลี้ยงในครั้งนี้ เหตุใดจึงวิ่งมาที่นี่คนเดียว แล้วโยนแขกทิ้งไว้ที่เรือนด้านหน้าเล่า?”
“มีคำกล่าวหนึ่ง กล่าวว่า มนุษย์มีความเร่งด่วนสามประการ [1]” ซูเช่อนั่งอยู่เบื้องหน้าของนาง นำเตาพกอุ่นในมือยัดเข้ามาในมือของนาง “ถือไว้เถอะ! ร่างกายของเด็กสาวกลัวความเย็น”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่มีทางเกรงใจเขา แม้จะบอกว่า หยกอุ่นบนคอจะทำให้ร่างกายของนางอบอุ่นไม่น้อย ทว่า มีของให้ความอบอุ่นเพิ่มมาอีกชิ้น ก็ทำให้นางสบายขึ้นกว่าเดิม
“จวิ้นอ๋องผู้มีความเร่งด่วนสามประการ มีคนกำลังเรียกท่าน” หลิงมู่เอ๋อร์มองไปยังเบื้องหน้า บุ้ยปากให้เขา “ท่านไปเถอะ!”
ในดวงตาของซูเช่อมีประกายความหงุดหงิดเสียใจแวบผ่าน เขาได้สั่งการผู้ติดตามไว้ก่อนแล้วว่า อย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้ที่แห่งนี้ เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเมื่อคิดถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานเลี้ยงในวันนี้ ซูเช่อจึงได้แต่สะกดกลั้นความรู้สึกวู่วามที่อยากว่าคนขึ้นมา เขามองนางอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง “รออีกครู่อย่าพึ่งรีบร้อนจากไป อยู่คุยกับข้าก่อนแล้วค่อยไป ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่อยากถามเจ้า”
หลิงมู่เอ๋อร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ราวกับจะอย่างไรก็ได้ ซูเช่อเมื่อเห็นดังนั้น ก็จิ้มจมูกของนางอย่างเอ็นดู ในดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่
หลังซูเช่อจากไป หลิงมู่เอ๋อร์ก็มองเตาพกอุ่นในมือแล้วถอนใจ“ตัดใจไม่ลง?” บรรยากาศอบอุ่นสายหนึ่งโอบล้อมนางจากทางด้านหลังของนาง “ถูกคุณชายอันดับหนึ่งชื่นชอบเป็นความรู้สึกเช่นใด ใช่ภาคภูมิใจมากหรือไม่?”หลิงมู่เอ๋อร์ฟังความหึงหวงในคำพูดของเขาออก พ่นเสียงหัวเราะออกมา นางกอดแขนของเขาไว้ “เหตุใดท่านก็มาด้วยเล่า?”“งานเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะเจ้าอยู่ด้วย ข้าไม่มีทางมาแน่!” ซั่งกวนเซ่าเฉินที่เดิมไม่เปิดเผยความรู้สึกของตน ยากนักที่จะออดอ้อนสักครั้ง
หลิงมู่เอ๋อร์พอใจกับความสนิทสนมและการออดอ้อนของเขาเป็นอย่างมาก เห็นได้ว่าบุรุษก็สามารถมีเสน่ห์ได้ เพียงแต่การออดอ้อนเป็นครั้งคราว กลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์ความเป็นแม่ในตัวผู้หญิงขึ้นมาได้
“ข้าก็ไม่ชอบเช่นกัน แต่ซูเหล่าฟูเหรินให้คนส่งเทียบเชิญมาด้วยตนเอง ข้าไม่มาไม่ได้” หลิงมู่เอ๋อร์เบะปาก! “ท่านคิดว่าข้าชอบมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้หรือ? ถูกแล้ว พี่ชาย กับพี่จูเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่มีคนสร้างความลำบากใจให้พวกเขากระมัง? ”
“มีจวิ้นอ๋องน้อยเบิกทางให้พวกเขา พวกเขาได้รู้จักคนไม่น้อย เจ้าวางใจก็พอ จวิ้นอ๋องน้อยดีกับพวกเขามาก” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของซั่งกวนเซ่าเฉินก็เปลี่ยนเป็นหึงหวงอีกแล้ว เขาหอมหน้าผากของนางซ้ำๆ เลื่อนตามหน้าผากลงมา จุมพิตริมฝีปากแดงที่เยือกเย็นของนาง “มู่เอ๋อร์ เขาดีกับเจ้าเหลือเกิน”“รสเปรี้ยวนี่…ที่แท้ดื่มน้ำส้มสายชูหมักเก่าเก็บไปมากเท่าใดจึงได้เปรี้ยวเช่นนี้?” หลิงมู่เอ๋อร์หัวเราะเยาะ “พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน ท่านอย่าได้คิดมากไปแล้ว ตัวข้าหลิงมู่เอ๋อร์หากไม่ชอบก็ไม่ชอบ หากจะชอบก็ชอบเพียงคนเดียวเท่านั้น นอกจากท่านจะทำเรื่องที่ผิดต่อข้า ทำร้ายจิตใจของข้า ข้าจึงจะไม่ชอบท่านแล้ว ”
“ไม่อาจเกิดเรื่องเช่นนั้นได้ตลอดกาล มู่เอ๋อร์ชอบได้เพียงข้าผู้เดียวตลอดไปเท่านั้น” ซั่งกวนเซ่าเฉินกอดนางไว้แน่น พูดอย่างเด็ดขาด
“มีเรื่องอะไรกลับบ้านค่อยพูด ถึงเวลานั้นท่านพูดอะไรข้าก็จะคอยฟัง” หลิงมู่เอ๋อร์ถูกเขาจูบจนหายใจหอบ “ตอนนี้อยู่ในสถานที่ของผู้อื่น…”
“มู่เอ๋อร์ เจ้าเต็มใจแต่งงานเป็นภรรยาของข้าหรือไม่?” มองหญิงสาวเบื้องหน้าที่มีดวงพักตร์ประดุจลูกท้อสีชมพู ซั่งกวนเซ่าเฉินก็รู้สึกวู่วามขึ้นมา นั่นก็คือ แต่งนางกลับบ้าน
คนจำนวนมากปรารถนาในตัวนาง หากยังไม่คิดหาวิธีมัดนางกลับบ้านอีก กลัวว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงใดขึ้นได้ ในเวลานั้น ความแค้นของครอบครัว สิ่งที่ต้องกังวลใดๆล้วนสูญสลายไปสิ้น
หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่า ซั่งกวนเซ่าเฉินถูกซูเช่อกระตุ้นเข้าแล้ว แม้จะไม่รู้ว่า เขามีเรื่องใดที่ปิดบังนาง แต่ว่า อาศัยสัมผัสที่หกของผู้หญิงเป็นหลัก นางรู้ว่า เขากำลังวางแผนการบางอย่างอยู่ตลอด เรื่องนั้น ไม่อนุญาตให้เขาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องรักใคร่ของชายหญิง นางไม่เคยบังคับเขา แน่นอนว่า ก็ไม่คิดจะนำเรื่องในครั้งนี้มายั่วยุเขา
“ท่านยังคงกลับไปเถิด! มีเรื่องใดวันหลังค่อยว่ากัน ท่านใช่ดื่มสุราแล้วหรือไม่? กลิ่นเหล้าเต็มไปหมด ไม่แน่ว่าตอนที่ท่านสร่างสุรา คำพูดในวันนี้ ก็ลืมไปทั้งหมดแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์เบะปาก พูดอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่มีทางเชื่อคำพูดของผู้ชายที่ดื่มสุราหรอก”
ซั่งกวนเซ่าเฉินมองหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างลึกซึ้ง ช่วงเวลานี้มีแต่ความเงียบงัน ระหว่างผืนฟ้าและแผ่นดินมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น
“จวิ้นอ๋อง” ในมุมหนึ่ง ผู้ติดตามมองซูเช่อที่มีสีหน้าหม่นหมองอย่างประหม่า
ซูเช่อมองบุรุษสตรีที่อยู่ในศาลาพักร้อน ดวงตาลึกล้ำมืดครึ้ม เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ดูท่า สาวน้อยนางนั้นจะชอบเขาจริงๆ ข้าถึงกับพ่ายแพ้ให้คนเช่นนี้”
คนที่อยู่กับอันตรายและเส้นทางแห่งการฆ่าฟัน ราวกับผู้ที่ออกมาจากตำหนักของพญามัจจุราช หรือว่าสาวน้อยคนนั้นชอบแบบนี้กัน? หากรู้เช่นนี้แต่แรก เขาจะแสร้งเป็นคุณชายที่สุภาพอ่อนแอไปทำไม?
“จวิ้นอ๋องขอรับ ท่านผู้นั้นได้รอท่านอยู่แล้ว” ผู้ติดตามกล่าวเตือน “แม่นางหลิงยังไม่ได้ออกเรือน ขอเพียงยังมิได้แต่งงาน จวิ้นอ๋องก็ยังมีโอกาส ผู้ใดแพ้ผู้ใดชนะยังไม่แน่! จวิ๋นอ๋องจะเสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยไปเพื่อเหตุใดเล่าขอรับ?”
ซูเช่อสูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง ก้าวเท้าที่หนักอึ้งไปจากที่แห่งนั้น
ซั่งกวนเซ่าเฉิน
คนผู้นี้คือผู้บัญชาการองครักษ์หลวง และเป็นผู้ที่ใกล้ชิดฮ่องเต้มากที่สุด ไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าคนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ทว่า ไม่ว่าเขาจะตรวจสอบอย่างไร ตลอดมาก็อาจสืบหาฐานะของเขาออกมาได้ ก็เป็นความรู้สึกที่ไร้ความสามารถ ไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ ทำให้ซูเช่อไม่พอใจอย่างมาก ในโลกนี้ ถึงกับมีผู้ที่ทำให้เขาไม่อาจควบคุมตนเองเช่นนี้ได้ เขาจะต้องตรวจสอบฐานะของเขาออกมาให้ได้ ปัจจัยที่ไม่อาจควบคุมได้เช่นนี้ ไม่อาจให้เกิดขึ้นได้
อย่างรวดเร็ว คนในศาลาพักร้อนก็แยกออกจากกัน หลิงมู่เอ๋อร์ก็จะต้องกลับไปที่เรือนด้านหลัง เพราะอย่างไร ที่ซูเหล่าฟูเหรินเรียกตัวนางมาเป็นเพราะมีเรื่องอื่น หากนางอยากถือโอกาสหนีไป ที่ล่วงเกินก็มิใช่เพียงซูเหล่าฟูเหรินแล้ว ยังมีไท่จื่อเฟยท่านนั้นด้วย
“แม่นางหลิงกลับมาแล้ว” สตรีนางหนึ่งยิ้มอย่างเย้ายวน “ร่างกายดีขึ้นแล้วหรือ? ได้ยินจวิ้นจู่กล่าวว่า ท่านไม่ค่อยสบาย อายุน้อยเช่นนี้ จะต้องรักษาสุขภาพให้ดี”
หลิงมู่เอ๋อร์รู้จักสตรีนางนี้ นางเป็นบุตรีของราชบัณฑิต [2] ถังมั่วเยียน คู่หมั้นของนางเป็นบุตรชายของเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เดิมคุณหนูใหญ่เช่นนี้มิได้มีความเกี่ยวข้องใดกับนาง แต่ไม่รู้ว่าบุตรชายของเสนาบดีกลาโหมผู้นั้นเส้นเอ็นเส้นใดมีปัญหา จึงมักมาแสดงความสนิทสนมกับนางที่โรงหมอ ถังมั่วเยียนเมื่อได้รับข่าวก็จะมาดักคนที่โรงหมอ จากนั้นถือโอกาสหาเรื่องนางไปด้วย ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองจึงได้เริ่มขึ้นเช่นนี้
หลิงมู่เอ๋อร์กวาดตามองหญิงนางนั้นอย่างราบเรียบรอบหนึ่ง กล่าวอย่างดูถูกว่า “ท่านยังคงเป็นห่วงตนเองเถิด! ใบหน้าเล็กๆขาวซีดเช่นนี้ ยังเข้าใจว่าได้พบภูตผีกลางวันแสกๆเสียแล้ว!”
“เจ้า!” ถังมั่วเยียนถลึงตาใส่หลิงมู่เอ๋อร์อย่างดุดัน “หญิงชาวบ้านตัวเล็กๆ ช่างปากคอเราะรายเหลือเกิน เจ้าก็ใช้ลูกไม้เช่นนี้ล่อลวงผู้ชายหรือ? ได้ยินว่า เมื่อก่อนเจ้ามักจะมาจวนจวิ้นอ๋องเพื่อยั่วยวนจวิ๋นอ๋องน้อย ตอนนี้ ดูไปแล้วจวิ๋นอ๋องน้อยไม่ตกหลุมพรางของเจ้า เจ้าจึงไปยั่วยวนคู่หมั้นของผู้อื่นใช่หรือไม่ มีเพียงคนโง่เช่นเจ้านั่น จึงมองเจตนาของเจ้าไม่ออก”
“คุณหนูถังกลับเข้าใจเจตนาของข้าจริงๆ แต่ว่า…คุณชายหวังจะฟังท่านหรือไม่เล่า? แม้แต่คู่หมั้นของตัวเองก็ยังควบคุมไม่ได้ แล้วยังจะมายุ่งเรื่องของผู้อื่นอีก ท่านไม่รู้สึกว่าช่างน่าขำมากหรือ?” ตำแหน่งของพวกนางในตอนนี้ค่อนข้างห่างไกล ผู้อื่นไม่ได้ยินว่าพวกนางกำลังกล่าวสิ่งใด ทว่าเมื่อเห็นคนทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ก็มีคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์สองสามคนเดินมาทางพวกนางแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์หยุดคำพูดในเวลาที่เหมาะสม กล่าวกับถังมั่วเยียนว่า “คุณหนูถัง อย่าได้มาหาเรื่องข้าแล้ว ข้าเป็นหมอคนหนึ่ง การรักษาบาดแผล ช่วยคนจากความตาย เป็นหน้าที่ของข้า คู่หมั้นของท่านคุณชายหวัง บอกว่าตนได้รับบาดเจ็บ ข้าย่อมไม่อาจเห็นความตายโดยไม่ช่วยเหลือกระมัง เหตุใดเขาต้องมาพัวพันข้า แม้แต่ข้าก็รู้สึกงุนงงไม่รู้ที่ไปที่มาเช่นกัน”
เหล่าคุณหนูที่เดินมา ได้ยินคำพูดท่อนหลังของหลิงมู่เอ๋อร์ แต่ละคนก็มองถังมั่วเยียนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
คุณหนูตระกูลใหญ่ผู้หนึ่งควบคุมคู่หมั้นของตนไม่อยู่ กลับมาหาเรื่องผู้อื่นซึ่งเป็นสาวน้อย อีกทั้งสาวน้อยผู้นั้นยังมิได้ทำสิ่งใดผิดอีก ในสายตาของคุณหนูสูงศักดิ์พวกนี้รู้สึกว่าช่างน่าขายหน้าเสียเหลือเกิน คุณหนูสูงศักดิ์พวกนี้มีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างมาก ไม่มีทางยอมรับว่าตนเองไร้ความสามารถอย่างเด็ดขาด ความเย่อหยิ่งของพวกนาง ไม่อนุญาตให้พวกนางก้มหัวให้ผู้ใด
ถังมั่วเยียนสังเกตได้ถึงสายตาของทุกคน ก็ถลึงตาใส่หลิงมู่เอ๋อร์อย่างดุดัน
“พวกเจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่? ไท่จื่อเฟยเหนียงเหนียงมีรางวัลประทานให้กับทุกคน ทุกคนล้วนไปด้านนั้นเถอะ!” คุณหนูใหญ่ของจวนมหาเสนาบดี หลันเชี่ยนหยิ่ง เดินเข้ามากล่าว
หลันเชี่ยนหยิ่งน่าจะเป็นผู้ที่ซูเหล่าฟูเหรินพึงใจในฐานะตัวเลือกหลานสะใภ้ และไท่จื่อเฟยก็เป็นลูกพี่ลูกน้องหญิงของหลันเชี่ยนหยิ่งพอดี ตำแหน่งของมหาเสนาบดีนั้นสูงมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งบุตรสาวเข้าวังอีก ดังนั้น ซูเช่อจึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับแรกในฐานะบุตรเขยของจวนมหาเสนาบดี คนทั้งสองครอบครัวล้วนมีความคิดเช่นเดียวกัน ขาดเพียงการแลกเทียบดวงชะตาในขั้นสุดท้ายเท่านั้น
“พี่เชี่ยนหยิ่ง” ถังมั่วเยียนเมื่อเห็นหลันเชี่ยนหยิ่งก็เข้าไปจับมือของนาง “ท่านต้องระวังให้ดี มีบางคนต่ำช้าเป็นที่สุด ชอบยั่วยวนคู่หมั้นของผู้อื่นโดยเฉพาะ จวิ้นอ๋องน้อยเป็นถึงคุณชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง หญิงสาวที่เต็มใจลดตัวลงต่ำพวกนั้นจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?”
ใบหน้าของหลันเชี่ยนหยิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดง มองถังมั่วเยียนอย่างไม่พอใจ “พูดเหลวไหลอะไรกัน? จวิ้นอ๋องน้อยเกี่ยวข้องอะไรกับข้ากัน? หากยังพูดมั่วอีก ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าหรือไม่”
“พี่เชี่ยนหยิ่งช่างถ่อมตนเหลือเกิน ใครก็รู้ว่าพวกท่านสองตระกูลตัดสินใจจะทำการหมั้นหมายกัน” ถังมั่วเยียนมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างได้ใจ
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่สนใจฝีมืออ่อนด้อยของคุณหนูน้อยทั้งหลาย ไม่พูดถึงว่าซูเช่อและหลันเชี่ยนหยิ่งยังมิได้หมั้นหมายกัน ต่อให้หมั้นหมายกันแล้ว หากเป็นสิ่งที่นางต้องการ จะมอบโอกาสให้พวกเขาได้อย่างไร? นางไม่อยากได้ พวกนางหวั่นวิตกถึงเพียงนี้ ก็ไม่มีความหมายใด! นางไม่เข้าใจจริงๆว่าในสมองของผู้หญิงพวกนี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่
“แปดอักษรยังไม่ทันได้พินิจ เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหลแล้ว!” หลันเชี่ยนหยิ่งเหลือบตามองหลิงมู่เอ๋อร์ที่อยู่เบื้องหน้าครั้งหนึ่ง
นางจำหลิงมู่เอ๋อร์ได้ ในความเป็นจริง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่รู้จัก เมื่อครู่ก็รู้จักแล้ว
ผู้ที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ล้วนเป็นเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ โดยปกติล้วนมีการติดต่อกัน มีเพียงนางที่เป็นคนแปลกหน้า ขอเพียงหาใครสักคนมาถามก็รู้แล้วว่านางเป็นผู้ใด
สำหรับหญิงสาวนางนี้ หลันเชี่ยนหยิ่งไม่มีความรู้สึกที่ดีด้วย สาเหตุเพราะนางต้องการยั่วยวนพี่เช่อ พี่เช่อเป็นชายในฝันของหญิงสาวทุกนางในเมืองหลวง นางชอบเขาก็เป็นเรื่องสมควร ทว่า นางพันไม่ควรหมื่นไม่ควร อาศัยที่ตนเองรู้วิชาแพทย์มาใกล้ชิดพี่เช่อ และยังทำให้พี่เช่อมองและปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษ
“ทุกท่านเชิญคุยเรื่องเก่าตามสบาย” หลิงมู่เอ๋อร์รำคาญอย่างมากแล้วจริงๆ “ข้าไปพบไท่จื่อเฟยเหนียงเหนียงก่อนแล้ว”
สีหน้าของหลันเชี่ยนหยิ่งเปลี่ยนแปลงทันที ลากถังมั่วเยียนได้ก็วิ่งไปยังเรือนด้านหลัง ความเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านึกถึงเป้าหมายในการมาเมื่อครู่ขึ้นมาได้
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นพวกนางจากไป จึงได้เดินกลับไปอย่างช้าๆ
ไท่จื่อเฟยประทานสิ่งใดนางไม่มีความเกี่ยวข้อง นางยังไม่หนังตาต่ำถึงเพียงนั้น ขอเพียงให้นางอยู่อย่างสงบได้ นางยินดีที่จะไม่รับสิ่งใดเลย
———————
[1] ความเร่งด่วนสามประการของมนุษย์ หมายถึงเรื่องการขับถ่ายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือรั้งรอได้นาน ได้แก่ การปัสสาวะ อุจะระ และ การผายลม
[2] ราชบัณฑิต เป็นนักปราชญ์ประจำราชสำนักผู้เป็นสมาชิกคณะเน่ย์เก๋อ คณะที่ปรึกษาของฮ่องเต้