เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 2 บทที่ 40 หาเงิน
เล่มที่ 2 บทที่ 40 หาเงิน
หยางซื่อรับเงินอยู่ข้างๆ ถึงแม้นางจะไม่ได้ฉลาดเท่าหลิงมู่เอ๋อร์ แต่ว่าการนับเหรียญทองแดงภายในจำนวนหนึ่งร้อยนี่ก็ยังนับได้ถูกต้อง ขอเพียงแค่หลิงมู่เอ๋อร์พูดว่ากี่ชาม เป็นเงินเท่าใด หยางซื่อก็สามารถคำนวณได้อย่างรวดเร็ว นางมีถังไม้เล็กหนึ่งอันโดยเฉพาะ ในนั้นเต็มไปด้วยกองเหรียญทองแดง ตอนนี้สูงถึงครึ่งถังแล้ว ทำให้หยางซื่อถึงกับหุบยิ้มไม่ได้
เมื่อยิ่งหาเงินเหรียญทองแดงได้มากขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบที่พวกเขาเอามาก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน ลูกค้ากินอิ่มดื่มจนพอ จึงค่อยๆ แยกย้ายกันกลับไปแล้ว
หลิงต้าจื้อล้างถ้วยเช็ดโต๊ะอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะว่าถ้วยและตะเกียบมีน้อยเกินไป โต๊ะก็มีเพียงแค่สองตัว ดังนั้นจะต้องมีมือเท้าที่คล่องแคล่วว่องไวถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าได้
หลังจากเหล่าลูกค้าแยกย้ายไป หลิงต้าจื้อหยัดกายลุกขึ้นยืน บิดเอวที่ตึงของเขาเผยท่าทางที่ผ่อนคลายออกมา
“หลิงเอ๋อร์ ใกล้จะถึงยามอู่ [1] แล้ว ทุกคนก็ต้องรีบกลับบ้านกันได้แล้ว ต่อไปไม่น่าจะมีการค้าอันใดอีกแล้ว พวกเราก็เตรียมตัวกลับบ้านกันเถิด!ยังเหลือเกี๊ยวอีกเท่าใด?” หยางซื่อเดินเข้ามามองถังไม้ที่ใส่เกี๊ยวของหลิงมู่เอ๋อร์แวบหนึ่ง ค้นพบว่าเหลือเกี๊ยวเพียงแค่สามสี่ตัวเท่านั้น นางเอ่ยอย่างยิ้ม “ดูเหมือนว่าถึงแม้จะมีลูกค้า พวกเราก็ต้อนรับไม่ได้แล้ว”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!พวกเรากลับบ้านกันเถิด!” วันนี้หลิงมู่เอ๋อร์ก็เหนื่อยเอามากแล้ว ร่างกายนี้ก็อ่อนแอเกินไป แค่ใช้แรงมากเกินกว่าปกติ หรือทำงานเป็นเวลานานก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว
ปัง !ปังปัง! เสียงที่แสบแก้วหูดังกังวานมาจากด้านหลัง
ทุกคนหันหลังไปมอง ต่างเห็นเพียงชายร่างสูงใหญ่สามคนสาวเท้าเดินตรงเข้ามา พวกเขาถีบโต๊ะและเก้าอี้เกิดเสียงดังโครมครามขึ้น สีหน้าแสดงออกถึงความโหดเหี้ยม
ผู้มานั้นมิใช่คนดี
หลิงมู่เอ๋อร์มองไปรอบๆ พ่อค้าบริเวณใกล้เคียงก็หวาดกลัวหนีกันไปหมดแล้ว ตอนนี้มีเพียงแค่ครอบครัวของพวกเขาที่ยืนอยู่ที่นั่น รอให้ชายร่างสูงใหญ่เหล่านั้นเดินเข้ามา
หยางซื่อกอดหลิงจื่ออวี้ไว้แนบแน่น แล้วเบี่ยงตัวไปด้านข้าง
นางรู้ความสามารถของหลิงมู่เอ๋อร์ดี ในเวลานี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือไม่เป็นตัวถ่วงให้นาง ยิ่งไม่ต้องคิดว่าตนเองจะสามารถช่วยนางได้
หลิงต้าจื้อก็ถอยหลังไปสองสามก้าว สองสามีภรรยาพาหลิงจื่ออวี้ออกห่างจากคนพวกนั้น
เหล่าชายพวกนั้นเห็นคนในครอบครัวนี้ปกป้องเด็กผู้ชายคนนั้น ปล่อยให้แม่นางน้อยเผชิญหน้ากับพวกเขาตามลำพัง ก็ย่อมอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา
หลิงมู่เอ๋อร์ปราดสายตามองคนกลุ่มนี้ บนใบหน้าปราศจากระลอกคลื่นความหวั่นไหวอันใด นางเอ่ยเสียงเรียบนิ่งว่า “โต๊ะหนึ่งตัวสิบตำลึงเงิน เก้าอี้หนึ่งตัวสองตำลึงเงิน พวกเจ้าถีบโต๊ะพังไปหนึ่งตัว กับเก้าอี้สองตัว รวมทั้งหมดสิบสี่ตำลึงเงิน ถ้าจ่ายเงินมา ข้าจึงจะปล่อยพวกเจ้าไป หาไม่เช่นนั้น เท้าข้างใดที่ถีบ ข้าก็จะกระทืบขาข้างนั้นให้ใช้การไม่ได้”
“แม่สาวน้อย เจ้าตกใจกลัวจนโง่ไปแล้วกระมัง?เจ้ากล้าให้พวกข้าชดใช้ค่าเสียหาย?” ชายที่เป็นหัวหน้าหัวเราะเสียงดัง
หลิงมู่เอ๋อร์หรี่ตา มองชายร่างใหญ่ผู้นั้นอย่างเคร่งขรึม เมื่อถูกจับจ้องเช่นนี้ นั้นชี้นิ้วมาที่นาง ใช้นิ้วมือจิ้มไปที่บนใบหน้าของนาง
มืออันเรียวเล็กหนึ่งข้างจับนิ้วมือของชายร่างใหญ่ผู้นั้น ต่อจากนั้นจึงออกแรง เสียงดังแก๊ก กระดูกนิ้วมือสะท้อนเสียงดังกังวานออกมา หนึ่งนิ้วมือร่วงหล่นประดุจไร้กระดูก
“อ๊าก!” ชายร่างใหญ่ผู้นั้นแผดเสียงโอดครวญอย่างน่าเวทนา
ครั้นชายร่างใหญ่อีกสองคนเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ล้วนรีบร้อนพุ่งเข้าใส่หลิงมู่เอ๋อร์
ด้านหน้าหนึ่งคนด้านหลังหนึ่งคน จับกุมนางเอาไว้ การเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นมีความรวดเร็วอย่างยิ่งยวด ถ้าหากเป็นคนธรรมดา ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายร่างใหญ่สองคนนี้อย่างแน่นอน
แต่ทว่า บุคคลที่พวกเขาเจอนั้นหาได้ใช่คนธรรมดาไม่ แต่เป็นหลิงมู่เอ๋อร์ผู้มีทักษะการสู้ ถึงขนาดที่ว่านางเคยเรียนวิชาต่อสู้โบราณอีกด้วย เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายย่ำแย่เกินไป ไม่สามารถแสดงออกซึ่งพละกำลังที่แท้จริงเหมือนดังกาลก่อนได้ แม้นว่าจะเป็นเช่นนี้ พลังปาฏิหาริย์ที่นางค้นพบได้อย่างไม่คาดฝันก็สามารถช่วยให้นางมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยต่อไปจากยุคโบราณที่แสนวุ่นวายนี้ได้
โครม!แรงกำลังของหลิงมู่เอ๋อร์มหาศาล ชกเข้าที่ท้องของชายร่างใหญ่ไปหนึ่งที เสียงดังสะท้านน่าขนลุก ชายผู้นั้นลอยกระเด็นไปชนกับต้นเสาด้านตรงข้าม
“ไอหยา!” เขาร้องอย่างเวทนา ”จะตายแล้ว…”
ชายคนสุดท้ายกอดที่เอวของหลิงมู่เอ๋อร์ ยิ้มเยาะอย่างมีเลศนัย “ข้าจับเจ้าได้แล้ว “
หลิงมู่เอ๋อร์ยกชายผู้นั้นข้ามไหล่ แล้วโยนชายผู้นั้นลงไปที่พื้น จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบลงบนร่างของเขา กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น รวดเร็วและว่องไว นางมองชายผู้นั้นด้วยนัยน์ตาเย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็งพันปี ”เจ้าจับข้า?สมควรแล้วหรือ?”
ชายผู้นั้นกระอักเลือดเสียงดังอึก พ่นโลหิตสีแดงสดออกมา เขาจ้องมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างตกตะลึงลาน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดสะพรึงกลัว
หลิงมู่เอ๋อร์ออกแรงทีละน้อย ขาเรียวยาววางอยู่บนคอของชายผู้นั้น “สิบสี่ตำลึงเงิน…ให้หรือไม่ให้?”
“พวกข้าไม่มี” สีหน้าชายผู้นั้นไม่น่ามอง เอ่ยอย่างท้าทายว่า “มีความสามารถก็ฆ่าพวกข้าซะสิ”
เหตุผลที่เขากล่าวเช่นนี้ ย่อมเป็นเพราะรู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์ไม่กล้าปลิดชีพคน
แน่นอนว่าหลิงมู่เอ๋อร์ไม่สามารถสังหารคนได้ อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ถ้าหากฆ่าพวกอันธพาลเหล่านี้ไป ผู้ใดจะกล้ามาทานอาหารร้านของนาง?ถึงแม้อยากจะฆ่า ก็ทำเพียงแค่มอบเข็มเงินให้เขาหนึ่งเล่ม หลังจากนั้นก็รอให้มันค่อยๆ ออกฤทธิ์สิ้นใจไปอย่างลึกลับ
หลิงมู่เอ๋อร์เมื่อก่อนก็ไม่ใช่คนที่ดี วิชาแพทย์ของนางช่วยคนมาไม่น้อย แต่ก็คร่าชีวิตคนชั่วมาแล้วไม่น้อยเช่นกัน ในสายตาของนาง วิชาแพทย์ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาคน ยังสามารถกำจัดสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย ดังนั้นจึงมีสำนวนที่ว่า ขจัดความชั่วร้ายและส่งเสริมความดี
หลังจากหลิงมู่เอ๋อร์ตัดสินใจทำการค้าขึ้นมาแล้วนั้น สิ่งแรกทไม่ใช่การไปเช่าร้านค้า แต่นางต้องการจะไปซื้อเข็มเงินหนึ่งชุด ในช่วงเวลาสำคัญเอาไว้รักษาคน ช่วงเวลาพิเศษก็เอาไว้ปลิดชีพคน
มีคนปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของหลิงมู่เอ๋อร์อย่างเงียบๆ เขายกเก้าอี้ในมือขึ้น ฟาดไปที่ศีรษะของนาง
โครม!เก้าอี้ตัวนั้นไม่ได้ฟาดลงมาที่ศีรษะของหลิงมู่เอ๋อร์ แต่กลับร่วงตกลงไปบนพื้น หลิงมู่เอ๋อร์หันกลับไปมอง ชายผู้นั้นที่ต้องการจะฟาดนางยืนตัวสั่นเทาอยู่ที่นั่น บนคอของเขามีมีดเล่มหนึ่งจี้อยู่ คนที่ถือมีดเล่มนั้นเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง บุรุษหนุ่มผู้นั้นมองไปที่คนที่ลอบโจมตีหลิงมู่เอ๋อร์อย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก
“กลางวันแสกๆ เจ้ายังกล้าที่จะปล้นชิงทรัพย์สิน เจ้าเห็นมือปราบอย่างพวกข้าตายไปแล้วหรือ?” บุรุษผู้นั้นกล่าวอย่างเย็นชา
“พี่ใหญ่…เข้าใจผิด…” ชายผู้นั้นพูดด้วยเสียงสะอื้น “ท่านอย่าได้เข้าใจผิด ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกข้าเพียงแค่ล้อเล่นกับแม่นางน้อยเท่านั้น”
“แต่ว่าสีหน้าของแม่นางน้อยบอกใต้เท้าอย่างข้าว่า นางไม่ได้รู้สึกตลกด้วยแม้แต่น้อย” บุรุษหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา “ได้ยินมานานว่าสถานการณ์บ้านเมืองของพวกเจ้าที่นี่เลวร้ายถึงที่สุด พวกชาวบ้านถูกรังแกทุกวัน ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง! โชคดีที่ใต้เท้าอย่างข้ามาแล้ว ต่อไปพวกมอดแมลงอย่างพวกเจ้าเหล่านี้ก็อย่าคิดจะได้ออกมารังแกประชาชนที่ด้านนอกเช่นนี้เลย”
“ใต้เท้าไม่ใช่ผู้คุมของศาลว่าการที่นี่หรือขอรับ?” ชายผู้นั้นเอ่ยอย่างสั่นเทา
“เพย!ใต้เท้าอย่างข้าจะเป็นผู้คุมในศาลว่าการได้อย่างไร?ใต้เท้าอย่างข้าเป็นมือปราบ รู้หรือไม่ว่ามือปราบคือสิ่งใด? ก็คือคนที่รับผิดชอบหน้าที่อันสำคัญของแว่นแคว้น ที่ใดมีคนชั่ว ก็สามารถไปยื่นร้องความเป็นธรรมที่นั่นได้ ใต้เท้ามือปราบอย่างข้าทนเห็นพวกมอดแมลงอย่างพวกเจ้าเหล่านี้ไม่ได้” บุรุษผู้นั้นเอ่ย “ใช่แล้ว แม่นางน้อย เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?ต้องการให้เขาชดใช้ค่ารักษาหรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์มองบุรุษหนุ่มผู้นั้นตลอด ค้นพบว่าแววตาของเขาสว่างสดใส ใบหน้าถูกทำนองคลองธรรม เขายังได้เอ่ยถึงมือปราบ คนที่นี่รู้จักเพียงแต่ผู้คุมในศาลว่าการ ไม่รู้จักมือปราบ ก็หมายความว่า พวกเขาไม่ใช่คนของที่นี่ เช่นนั้น เป็นมือปราบเช่นกัน ถ้าบอกว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับซั่งกวนเซ่าเฉิน นางก็ไม่มีทางเชื่อ
“ซั่งกวนเซ่าเฉินเป็นอันใดกับท่านเจ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นั่นคือ…” บุรุษหนุ่มชะงัก ยิ้มแห้งพลางกล่าว “เจ้าหมายถึงผู้ใด?ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่เขาอย่างเข้าใจแจ่มแจ้ง นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าท่านนี้ช่วยให้ความเป็นธรรมกับพวกข้า ข้าน้อยรู้สึกขอบคุณอย่างหามิได้ กล่าวอย่างไม่ปิดปัง บัง แม้ว่าข้าน้อยไม่ได้รับบาดเจ็บภายนอก แต่ว่าบาดแผลภายในนั้นสาหัสยิ่งนัก ทั้งยังมีท่านพ่อท่านแม่และน้องชายของข้า พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง พวกคนเหล่านี้ยังได้ทำลายโต๊ะเก้าอี้ของพวกข้า พวกข้าทำการค้าเล็กๆ สิ่งของพวกนี้สำคัญกับพวกข้าเป็นอย่างมาก เมื่อสักครู่ข้าพูดเรื่องให้พวกเขาชดใช้ค่าเสียหายอย่างสุภาพ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ยินยอม ยังคิดที่จะทำร้ายข้าน้อยอีกเจ้าค่ะ”
ชายที่นอนอยู่บนพื้นอยากจะให้นางเด็กผู้นี้หุบปากเสียจริงๆ เคยเห็นคนไร้ยางอาย แต่ก็ไม่เคยเห็นผู้ใดที่ไร้ยางอายได้มากกว่าพวกเขา พระเจ้าบนสวรรค์กำลังเฝ้ามองอยู่!ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ผู้ใดไม่ได้รับบาดเจ็บ คนที่มีสติปัญญายังสามารถดูออก เขายังนอนอยู่ที่พื้น บนพื้นยังมีเลือดสีสดมากมาย นางยังกล่าวคำโป้ปดได้อย่างหน้าตาเฉยเช่นนี้?
หยางซื่อและหลิงต้าจื้อที่อยู่ด้านตรงข้ามล้วนเป็นคนซื่อตรง รู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด แต่ตอนนี้กลับร้องไห้กล่าวร้องทุกข์ด้วยน้ำตานองหน้า ทำให้พวกเขามีท่าทางประหลาดใจ
เดิมที่มีชายสามคน ยกเว้นคนที่อยู่บนพื้นนั่น ชายอีกสองคนนั้นก็หาไม่ได้มีได้เปรียบแต่อย่างใด หนึ่งในนั้นชนเข้ากับเสาสลบไสลไปแล้ว อีกหนึ่งคนถูกบุรุษหนุ่มใช้มีดจี้คอทำให้ตกใจกลัวจนฉี่รดกางเกง บรรยากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปหมด
บุรุษหนุ่มหมดความอดทน ถีบไปหนึ่งฝ่าเท้า ชายที่ฉี่รดกางเกงผู้นั้นนอนร้องโอดโอยเสียงดังอยู่ที่พื้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ห้าสิบตำลึงเงิน แม่นางท่านนี้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังตกใจเสียขวัญอีกด้วย ยังถูกพวกเจ้าทำลายทรัพย์สินข้าวของเสียหาย ห้าสิบตำลึงเงินนี่ก็เมตตามากพอแล้ว” บุรุษหนุ่มผู้นั้นเอ่ยอย่างเย็นชา “จ่ายค่าเสียหายไป ใต้เท้าอย่างข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไปสักครั้ง ถ้าหลังจากนี้พวกเจ้ายังมาอีก ใต้เท้าอย่างข้าก็จะต้อนรับอย่างเป็นพิเศษ เพราะว่า…ต่อจากนี้ไปข้าจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อจับพวกเจ้า”
“มิกล้ามิกล้า…” ชายร่างใหญ่ที่พื้นร้องไห้พลางกล่าว “แต่ว่าท่านใต้เท้า พวกข้าไม่มีเงินห้าสิบตำลึงเงินจริงๆ นะขอรับ หากพวกข้ามีเงินอยู่บ้าง ก็คงไม่กระทำแบบนี้”
“พวกเจ้าไม่ได้ทำเรื่องเช่นนี้แค่หนึ่งวันสองวันแล้วกระมัง?เจ้ายังกล้าพูดว่าปล้นชิงเงินมาไม่ได้?หรือว่า อยากจะไปกินข้าวในคุกจริงๆ?” บุรุษหนุ่มหรี่ตามอง ใบหน้ารูปงามนั้นเผยให้เห็นแววของความอำมหิต เขายกริมฝีปากขึ้น นำมีดที่อยู่ในมือค่อยๆ เคลื่อนไปที่ระหว่างขาของเขา สะกิดเบาๆ “จะให้หรือไม่ให้?ไม่ให้ก็จะส่งพวกเจ้าไปในวังหลวง”
หลิงมู่เอ๋อร์กระตุกมุมปากขึ้น คนผู้นี้…มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ ทว่า เป็นเอกลักษณ์ที่นางชื่นชอบ
ชั้นบนของห้องฝั่งตรงข้าม มีชายหลายคนกำลังดูละครงิ้วสนุกอย่างออกรสออกชาติ ชายหนึ่งคนในนั้นหัวเราะเหอๆ พลางกล่าวว่า “น้องเจ็ดมีชื่อเสียงเรื่องใบหน้าหยกหล่อเหลา แม่นางน้อยคงไม่ได้ชอบเขาเข้าแล้วกระมัง?ถ้าหากสองคนนี้แต่งงานกัน เช่นนั้นน้องเจ็ดก็เป็นน้องเขยของพี่ใหญ่น่ะสิ?”
โครม!ชายคนที่กล่าววาจาเมื่อสักครู่ตกลงไปจากหน้าต่าง ชายผู้นั้นนอนคว่ำหน้าลงบนพื้นของชั้นหนึ่ง ทำให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาตกอกตกใจ ก้มลงไปมอง ที่ตรงนั้นมีชายผู้หนึ่งนอนอยู่ที่พื้น ก่อเป็นรูปตัวอักษรต้า [2] ผู้คนล้วนต่างพากันตกใจ นี่เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นแล้ว?เพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหาวุ่นวาย ทุกคนต่างรีบพากันหนีออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
คนด้านบนพวกนั้นต่างมองอย่างดีอกดีใจที่เห็นความโชคร้ายของชายคนนั้น หนึ่งคนในจำนวนนั้นกล่าว “พี่สาม ท่านกินข้าวห่อไข่เยอะมากมายขนาดนั้น พวกข้ารู้สึกขัดหูขัดตาแล้ว ท่านยังกล้าพูดจาซี้ซั้ว กรรมตามสนองแล้วกระมัง!ฮ่าฮ่า…”
เจ้าทึ่มผู้นี้ พี่ใหญ่จะให้ผู้อื่นมาขอแม่นางน้อยผู้นั้นแต่งงานได้อย่างไรกัน?แม้ว่าพี่ใหญ่จะไม่กล่าว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าคอยเลี้ยงดูเกื้อหนุนแม่นางน้อยผู้นั้นเพื่อให้เป็นภรรยา!เพียงแต่แม่นางน้อยผู้นั้นยังไม่ได้เปิดใจ อีกทั้งยังเป็นเพราะความกดดันของชีวิตเลยไม่มีความคิดเรื่องรักใคร่ชายหญิง พี่ใหญ่ยังมีความแค้นอันใหญ่หลวงที่ยังไม่ได้ชำระ ดังนั้นจึงไม่ได้เปิดเผยออกมา
ความคิดของพี่ใหญ่นั้น พวกเขาจะดูไม่ออกได้อย่างไร?ก็มีเพียงแต่เจ้าทึ่มผู้นั้นที่ไม่รู้แผนการในใจอันแยบยลของพี่ใหญ่
“พี่ใหญ่ ฝีมือของแม่นางน้อยนั้นไม่ด้อยเลยขอรับ!ถึงแม้ว่าไม่มีพวกเรา แม่นางน้อยก็ไม่เสียเปรียบแน่นอน อีกอย่างแล้ว เมื่อครู่ที่น้องเจ็ดเผลอกล่าวผิดไปนั้น ไม่แน่ว่าแม่นางน้อยอาจจะเดาได้ว่าเป็นท่านคอยช่วยเหลือนางอยู่ก็ได้” บุรุษที่อยู่ด้านข้างๆ เอ่ยขึ้น “กลับไปครั้งนี้ ท่านก็เตรียมตัวถูกแม่นางน้อยซักถามเถิด!”
เชิงอรรถ
[1] ยามอู่ (午) หมายถึง ช่วงเวลา 11.00 – 12.59 น.
[2] ต้า (大) หมายถึง ใหญ่ มาก ในที่นี้ชายหนุ่มผู้นั้นที่ตกลงมาจากหน้าต่างนอนคว่ำหน้ากางแขนกางขาออกคนละทิศทาง มองแล้วคล้ายรูปแบบตัวอักษร ต้า大