เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 1 บทที่ 22 ไข่ไก่
เล่มที่ 1 บทที่ 22 ไข่ไก่
หลิงมู่เอ๋อร์คำนวณตัวเลขในใจไปพลางพลิกหาของในถ้ำไปพลาง เป็นดังที่คาดไว้ ตรงกับซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวเอาไว้จริงๆ ว่าในถ้ำแห่งนี้ยังมีไข่ไก่อยู่
“ไข่ไก่” เมื่อหลิงมู่เอ๋อร์เห็นไข่ไก่นอนอยู่ในรัง นางกล่าวด้วยความดีใจ “ทั้งหมดห้าใบ พี่ใหญ่ซั่งกวน ท่านเป็นดาวนำโชคของข้าจริงๆ ”
ซั่งกวนเซ่าเฉินเห็นท่าทางที่ดีอกดีใจของหลิงมู่เอ๋อร์เพื่อแค่ไข่ไก่ไม่กี่ใบ นางหยิบไข่ไก่ขึ้นมาพรมจูบแล้วพรมจูบอีก ท่าทางดีใจเช่นนั้น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมา พลางส่ายหัวด้วยรอยยิ้มบาง
เด็กสาวผู้นี้อายุเพียงแค่สิบกว่าปี เป็นวัยที่กำลังเปล่งประกายแรกแย้มดั่งบุปผา คุณหนูผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นในวัยนี้ยังคงกลัดกลุ้มเรื่องการเย็บปักกับอ่านตำราเรียนอยู่เลย นางกลับกังวลเรื่องอาหารสามมื้อในแต่ละวันกับความปลอดภัยของคนในครอบครัว อยากจะให้คุณหนูผู้อ่อนช้อยเหล่านั้นที่คอยพร่ำบ่นชีวิตไม่ได้ดั่งใจปรารถนามาดูเด็กสาวที่อยู่ด้านหน้านี้ เป็นสตรีเช่นเดียวกัน เหตุใดไหล่ของนางถึงสามารถแบกอีกครึ่งของผืนนภาไว้ได้ แต่พวกคุณหนูเหล่านั้นกลับคิดจะทำตัวเป็นบุปผางามที่คอยหลบซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กัน?
หลิงมู่เอ๋อร์สะพายตะกร้าไว้บนหลัง ในตะกร้ารองด้วยหญ้าแห้ง นางนำไข่ไก่ห้าใบวางลงบนหญ้าแห้งอย่างระมัดระวัง จากนั้นนางก็พลิกหาของที่อยู่ในถ้ำต่อไป
ถ้ำแห่งนี้ใหญ่มาก นางเดินมุ่งไปข้างหน้าตามรังไก่เหล่านั้น ซั่งกวนเซ่าเฉินเดินตามนางอยู่ด้านหลัง สายตาของเขามองตามเงาของนางแล้วเดินตามไป
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ช่วยนาง แต่เพราะบนภูเขานั้นอันตรายยิ่ง จำเป็นต้องมีคนหนึ่งที่คอยระแวดระวังรอบข้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ช่วยนางหาไข่ไก่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ว่างเฉยๆ
“พี่ใหญ่ซั่งกวน ด้านหน้ามีสิ่งใดหรือเจ้าคะ?เหมือนข้าจะได้ยินเสียงของน้ำไหล” หลิงมู่เอ๋อร์หยุดก้าวฝีเท้าลง มองไปข้างหน้าด้วยความสงสัยใคร่รู้ พลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“หนก่อนที่ข้าได้พบสถานแห่งนี้ เป็นเพราะวันนั้นหิมะตก ข้าอยากหาสถานที่หลบลมหิมะเท่านั้น หลังจากหิมะหยุดตกข้าก็ไปจากที่นี่ ด้านในมีสิ่งใด ข้าก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ ในตอนนั้นข้าเดินอย่างเร่งรีบ และไม่เคยเข้าไปสำรวจดูด้านใน” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวด้วยความสัตย์จริง เขาคว้าแขนของหลิงมู่เอ๋อร์เอาไว้ พลางมองนางด้วยความเคร่งขรึม “เด็กน้อยใจกล้ามากเสียจริง แม้แต่ข้ายังไม่รู้ว่าด้านในมีสิ่งใด เจ้าก็กล้าที่จะเข้าไปดูแล้ว เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่เถิด!ให้ข้าเข้าไปก่อน ถ้าหากไม่มีสิ่งอันตรายอันใดข้าค่อยเรียกเจ้าเข้าไป”
“ถ้าจะเข้าไปก็ต้องเข้าไปด้วยกันเจ้าค่ะ ไหนเลยจะให้พี่ใหญ่ซั่งกวนเข้าไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวเพื่อข้าได้อย่างไร?แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คนที่เก่งกาจอันใด แต่ก็รู้จักเหตุผลที่ว่ามีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน” ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว ก็ได้สาวเท้าก้าวนำซั่งกวนเซ่าเฉินเข้าไปก่อน
ซั่งกวนเซ่าเฉินทอดมองเงาร่างของนาง แล้วขมวดคิ้วด้วยความขุ่นเคือง เขาสาวเท้าก้าวใหญ่ ชิงเดินนำไปอยู่ด้านหน้าก่อน จนในที่สุดก็บดบังร่างของหลิงมู่เอ๋อร์ไว้
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ดื่มน้ำในมิติ ตอนนี้ร่างกายจึงมีพละกำลังมหาศาล ทว่าถ้าเทียบกับซั่งกวนเซ่าเฉินแล้ว พละกำลังพวกนั้นของนางยังนับว่าห่างไกลกันเกินไป อย่างเช่น ไม่ว่าตอนนี้นางจะวิ่งได้เร็วเพียงใด ซั่งกวนเซ่าเฉินก็จะนำนางอยู่หนึ่งก้าวตลอด จากจุดนี้สามารถเห็นได้ว่า ความสามารถของซั่งกวนเซ่าเฉินเก่งกาจอย่างถึงที่สุด
“ว้าว…” หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่บ่อน้ำพุด้านหน้า “นี่คือน้ำพุร้อน”
บนใบหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉินก็ได้ปรากฏสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเช่นเดียวกัน
“มิน่าเล่าด้านนอกถึงได้อบอุ่นเช่นนี้ ที่แท้เป็นเพราะด้านในมีน้ำพุร้อนนี่เอง” ซั่งกวนเซ่าเฉินพูดเองเออเอง
“พี่ใหญ่ซั่งกวน ท่านมักจะมาที่ภูเขาบ่อยๆ แต่กลับไม่รู้ว่าด้านในนี้มีน้ำพุร้อน แต่ว่าตอนนี้ได้รู้แล้วก็นับว่ายังไม่สาย หลังจากนี้ท่านก็สามารถมาแช่น้ำพุร้อนที่นี่ได้แล้วเจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์หันกลับไปกล่าวกับซั่งกวนเซ่าเฉิน
ใบหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉินแดงขึ้นมา กระแอมไอเบาๆ พลางกล่าว “ข้าไม่ต้องแช่”
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่อาบน้ำร้อน ฉะนั้นแล้วบ่อน้ำพุร้อนนี่ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา แม้ว่าจะเป็นเหมันต์ฤดูที่อากาศหนาวเหน็บ เขาก็ใช้น้ำเย็นในการอาบน้ำ
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่รู้ความคิดของซั่งกวนเซ่าเฉิน นึกว่าเขากำลังเขินอาย โดยเนื้อแท้แล้วบุรุษผู้นี้ถึงจะดูร่างกำยำสูงใหญ่ แท้ที่จริงแล้วกลับสงวนท่าทียิ่ง นี่คงเป็นบุรุษในสมัยโบราณแบบดั้งเดิมกระมัง?
หลิงมู่เอ๋อร์กลับรู้สึกว่าน้ำพุร้อนนี้หาได้ยากมาก น่าเสียดายที่มีเพียงบ่อเดียว การแบ่งแยกบุรุษสตรีของที่นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในเมื่อนางออกปากว่าให้ซั่งกวนเซ่าเฉินมาแช่น้ำพุร้อน นางเองก็ไม่คิดที่จะมาแล้ว
ซั่งกวนเซ่าเฉินมองความคิดของหลิงมู่เอ๋อร์ออกได้อย่างง่ายดาย ความเสียดายในดวงตานางนั้นชัดเจนมากเหลือเกิน เขาเปิดปากคิดจะกล่าวว่า ‘เจ้าสามารถมาแช่ได้’ แต่ว่าคำพูดก็ติดอยู่ที่ริมฝีปาก หลังจากอ้อมค้อมไปมาก็กลืนคำพูดนั้นลงไป
นางเป็นเพียงสตรี ถ้าหากถูกผู้คนเห็นเข้าว่านางอาบน้ำนอกบ้าน ผู้ใดจะมารับผิดชอบ?
“เอาล่ะ ลองสำรวจดูรอบๆ ว่ามีสิ่งที่เจ้าต้องการอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว พวกเราก็ออกไปกันเถิด!” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวนิ่งๆ
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้อิดออดอยู่นาน นางก็ค้นหาสมบัติล้ำค่าต่อ ผ่านไปไม่นาน นางก็พบสมุนไพรชั้นดีไม่น้อยอยู่แถวบ่อน้ำพุร้อน สมุนไพรเหล่านั้นปกติแล้วพบเห็นได้น้อยมาก คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะพบได้จากที่นี่ ถึงแม้ว่าจะถูกไก่ป่าจิกใบกินไปแล้วก็ตาม แต่ขอเพียงแค่นางย้ายมันไปไว้ในมิติ ก็จะต้องสามารถปลูกได้อย่างแน่นอน
นางฉวยโอกาสตอนที่ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ได้สนใจ รีบขุดสมุนไพรเหล่านั้นออกมา หลังจากนั้นก็โยนเข้าไปในมิติ
“พี่ใหญ่ซั่งกวน ท่านมาดูว่านี่คือสิ่งใด?” หลิงมู่เอ๋อร์อุ้มสิ่งเล็กๆ ที่อยู่มุมถ้ำขึ้นมาอย่างประหลาดใจ นางลูบหัวของมัน แล้วกล่าวกับซั่งกวนเซ่าเฉิน “นี่คือแมวหรือเจ้าคะ?”
“ลูกเสือ” ซั่งกวนเซ่าเฉินเห็นเจ้าสิ่งเล็กๆ นั้น นัยน์ตาพลันมืดลง “ในที่แห่งนี้มีเสือ ?นำมันวางลง พวกเราไปกันเถิด!”
แน่นอนว่าซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ได้กลัวเสือแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าพื้นที่แห่งนี้เล็กมาก ทำให้เขาแสดงความสามารถออกมาได้ไม่เต็มที่ กอปรกับข้างๆ ยังมีหญิงสาวร่างอรชรที่จะต้องปกป้องอีก เช่นนั้นจึงง่ายที่จะห่วงหน้าพะวงหลัง
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ของที่ต้องการแล้วจึงไม่ได้รั้งรออีกไป เสือน้อยตัวนั้นอาการร่อแร่เต็มทีแล้ว ดูเหมือนว่าจะหิวโหยจวนเจียนจะไม่ไหวอยู่แล้ว นางเอาน้ำพุวิญญาณสองสามหยดออกมาจากมิติ หยดลงไปบนปากของเจ้าเสือน้อย
จากนั้นจึงตามซั่งกวนเซ่าเฉินออกจากถ้ำไป กายของนางสั่นระริกขณะที่เดินออกมา ซั่งกวนเซ่าเฉินมองนางแวบหนึ่ง จึงถอดเสื้อตัวนอกของตนเองออก โยนลงบนกายของนาง “คลุมซะ”
“ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ส่ายหัว “เป็นเพราะว่าด้านในอบอุ่นเกินไป พอเดินออกมาก็เลยรู้สึกทนไม่ไหว”
“อย่างไรก็คลุมไว้เถิด!หากป่วยขึ้นมา ภายหลังจะไม่พาเจ้าขึ้นเขาอีก” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวอย่างนิ่งๆ “ข้าไม่อยากสร้างปัญหา”
หลิงมู่เอ๋อร์นำเสื้อของเขาคลุมตัวไปพลาง กล่าวไปพลาง “พี่ใหญ่ซั่งกวนกล่าววาจาเช่นนี้ตลอด เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจกระมังเจ้าคะ?มิน่าเล่าคนในหมู่บ้านถึงได้กลัวท่านขนาดนี้”
“ข้าไม่ต้องการติดต่อกับพวกเขามากเกินไป” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวตอบกลับไป
“แล้วข้าเล่าเจ้าคะ?เหตุใดตอนที่พี่ใหญ่ซั่งกวนพบข้าครั้งแรกถึงได้ช่วยข้าเอาไว้ ทั้งยังมอบสัตว์ที่ท่านล่ามาได้ให้ ทำให้ครอบครัวข้าผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดไปได้?” หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่เขา
ซั่งกวนเซ่าเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ตอบคำถามของหลิงมู่เอ๋อร์ เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกัน
เขาไม่ใช่คนดีอะไร คนที่ตายในน้ำมือเขาก็มีไม่น้อย ยามปกติหากมีคนล้มอยู่ตรงหน้าของเขา เขาก็ไม่เข้าไปช่วยพยุงด้วยซ้ำ ทว่าตอนที่เด็กสาวคนนี้ตกลงไปในกับดัก เขาเห็นร่างกายที่อ่อนแอของนาง ในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา หรืออาจจะเป็นเพราะสงสารนางที่เป็นเพียงสตรีแต่กลับต้องมามีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ หรือก็อาจจะเพราะอายุของนางไล่เลี่ยกับน้องสาวของตน แต่กลับใช้ชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เลยทำให้ในใจของเขาเกิดความสงสารขึ้นมา!
“เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่ ?ในภูเขามีอาหารป่าอยู่ไม่น้อย ระยะนี้หิมะละลายแล้ว มีสัตว์ป่าที่ทนหิวไม่ไหวออกมาหาอาหารกิน” ซั่งกวนเซ่าเฉินทอดมองนางพลางเอ่ยกล่าว
“อืม เช่นนั้น…” หลิงมู่เอ๋อร์ลูบที่แก้ม “ข้าอยากไปสำรวจรอบๆ อีกสักประเดี๋ยวยังต้องกลับไปดูกับดักที่วางไว้เมื่อครู่ ตอนนี้ขอลองสำรวจดูก่อนว่ามีสิ่งของอื่นหรือไม่”
“ของที่อยู่ด้านนอกไม่มากนัก ถึงแม้ว่าจะมีก็เป็นเพียงแค่พวกกระต่ายตัวน้อยเท่านั้น กระต่ายพวกนั้นขี้ขลาด และยังกินหญ้าเป็นอาหาร ตอนนี้ที่ออกมาก็มีไม่มาก” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวไปพลางก้าวเดินไปทางที่คุ้นเคยเพื่อหาโพรงกระต่ายไปพลาง หลังจากนั้นก็จับกระต่ายทั้งที่ยังมีชีวิตมาได้จำนวนหนึ่ง เขานำกระต่ายมอบให้หลิงมู่เอ๋อร์
“ให้ข้า?” หลิงมู่เอ๋อร์ชี้มาที่ตนเองพลางกล่าว “นี่คือสิ่งที่ท่านจับได้ เหตุใดถึงให้ข้าเล่าเจ้าคะ?”
“ที่บ้านข้ามีกวางอยู่ตัวหนึ่ง ราคาของกระต่ายพวกนี้ไม่มาก ข้าไม่อยากเสียเวลา” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวนิ่งๆ “ถ้าเจ้าชอบ ข้าจะจับให้เจ้ามากหน่อย อากาศกำลังจะอบอุ่นขึ้น หญ้าสดเหล่านั้นก็จะเกิดขึ้นมาแล้ว เจ้าสามารถเลี้ยงไว้ในบ้านได้ ถ้าไม่อยากเลี้ยงเอาไว้ ก็ฆ่ามันเพื่อกินเสีย”
“พี่ใหญ่ซั่งกวน ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ ท่านดีต่อข้าเช่นนี้ มิสู้มาเป็นพี่ใหญ่ของข้าเถิด!” หลิงมู่เอ๋อร์มองซั่งกวนเซ่าเฉินอย่างคาดหวัง
นางดูหมิ่นตนเองอยู่ในใจ
เพราะว่าซั่งกวนเซ่าเฉินนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ผนวกกับจิตใจที่กระตือรือร้นของเขา คล้ายกับว่าตนเองจะชอบพึ่งพิงเขาขึ้นมา
บุรุษที่แสนเย็นชาเช่นนี้ จะพูดได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?นางแทบจะทนไม่ไหวที่จะรังแกเขาแล้ว!
ครั้นเผชิญหน้ากับดวงตาที่มีความคาดหวังคู่นั้นแล้ว ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ผงะอยู่ตรงนั้น
พี่ใหญ่?
เหตุใดเขาถึงรู้สึกอยากจะปฏิเสธคำเรียกขานนี้กันนะ?
หรือเป็นเพราะว่าคนเรียกขานเขาว่าพี่ใหญ่มีเยอะเกินไปแล้ว ?เมื่อก่อนคนเรียกขานเขาล้วนแต่เป็นบุรุษที่หยาบกระด้าง ตอนนี้กลับมีแม่นางน้อยรูปโฉมงดงามอ่อนช้อยผู้หนึ่งเรียกขานเขาว่าพี่ใหญ่ ในใจก็มีความรู้สึกประหลาดขึ้นมา
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้รอคำตอบจากซั่งกวนเซ่าเฉิน ก็ถือว่าเขายอมรับไปโดยปริยาย นางนำตะกร้าสะพายหลังยื่นให้ซั่งกวนเซ่าเฉิน พลางกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ข้าสะพายมันแล้วจะนั่งลงไม่สะดวกนัก ท่านช่วยข้าสะพายหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!”
ดูเอาเสียเถิด เพิ่งจะเป็นพี่ใหญ่ได้เพียงครู่เดียว นางก็เผยธาตุแท้ออกมาในทันทีทันใด กลายเป็นไม่มีความเกรงใจต่อเขาขึ้นมาแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์เผยสีหน้าท่าทางเจ้าเล่ห์
ในดวงตาของซั่งกวนเซ่าเฉินฉายแววออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เจ้าเด็กผู้นี้มีไหวพริบปฏิภาณที่ดี รับมือไม่ง่ายเลยจริงๆ ช่างเถิด!พี่ใหญ่ก็พี่ใหญ่!ถึงแม้เขาจะไม่ตอบรับ แต่ตำแหน่งพี่ใหญ่นี้ก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ถึงอย่างไรเป็นพี่ใหญ่ของนางก็ดีเช่นกัน อย่างน้อยนางก็ไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนสตรีพวกนั้น
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้หยอกล้อซั่งกวนเซ่าเฉินอีก นางเริ่มเสาะหาของล้ำค่าในภูเขาต่อไป
แต่ก่อนนางขึ้นเขาคนเดียว ไม่เพียงแต่ต้องหาของไปด้วย ยังต้องคอยระวังรอบข้าง เพื่อหลีกเลี่ยงเวลามีสัตว์ดุร้ายอันตรายมาเข้าใกล้โดยนางไม่รู้ตัว วันนี้มีซั่งกวนเซ่าเฉินมาเป็นเทพปกป้องคุ้มครอง นางก็ไม่มีความกังวลแล้ว ดังนั้นนางจึงพบสถานที่ต่างๆ มากมายที่เมื่อก่อนไม่เคยค้นพบ แล้วยังเจอสิ่งของต่างๆ มากมายอีกด้วย
“เด็กน้อย…” คำเรียกขานของหลิงมู่เอ๋อร์เปลี่ยนไปแล้ว คำที่เรียกขานของซั่งกวนเซ่าเฉินก็เปลี่ยนไปเฉกเช่นกัน เมื่อก่อนถ้าไม่ใช้การเรียกชื่อ ก็เรียกขานนางว่าแม่นาง วันนี้กลับเรียกนางว่าเด็กน้อยอย่างโดยตรง
ทว่า นางชอบคำเรียกขานนี้ นี่แสดงถึงการที่เขายอมรับในตัวนางแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้ามองไปที่ซั่งกวนเซ่าเฉิน “ทำไมหรือเจ้าคะ?พี่ใหญ่”
ซั่งกวนเซ่าเฉินชี้ไปที่ที่ไม่ห่างไกลมากนัก “ตรงนั้นมีดอกไม้อยู่หนึ่งดอก”
หลิงมู่เอ๋อร์มองตามทิศทางของนิ้วที่เขาชี้ไป ที่ตรงนั้นเป็นหน้าผาสูงชัน ริมหน้าผานั้นมีดอกไม้ผลิบานอยู่หนึ่งดอก ดอกไม้สดนั้นส่องประกายกายแสงสีเงิน อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้เข้มข้น
“พี่ใหญ่…” หลิงมู่เอ๋อร์จับแขนของซั่งกวนเซ่าเฉินอย่างตื่นเต้น “นั่นเป็นดอกไม้ที่วิเศษยอดเยี่ยมมากๆ ข้าอยากจะไปเก็บมันมา ไม่ ข้าอยากจะขุดมันขึ้นมาทั้งรากเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าช่วยเจ้า” ซั่งกวนเซ่าเฉินมองใบหน้าเล็กๆ ที่ดูตื่นเต้นนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น “ขอเพียงแค่เจ้าอยากได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าทำทั้งสิ้น”
คำกล่าวประโยคนี้ ไม่เพียงแต่หลิงมู่เอ๋อร์ที่ชะงักงัน ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ชะงักงันด้วยเช่นกัน แววตาของเขาเป็นประกาย และเลื่อนสายตาไปมองทางอื่น