เกษียณทหารแล้วไปทำฟาร์มที่ต่างโลก - ตอนที่ 201
สองชายหนุ่มชุดดำวิ่งฝ่าความมืดเข้ามาในป่าซึ่งเป็นทิศตรงข้ามกับพายุใหญ่ ที่กำลังเกิดขึ้นจากการต่อสู้ของยอดฝีมือ ด้วยความรีบเร่งเดนิสที่วิ่งนำมาก่อนไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ส่วนไซเลอร์ก็เพียงวิ่งตามเพื่อนมาด้วยความสงสัยจนกระทั่งอดเอ่ยถามไม่ได้
“ท่านเดนิสจะไปไหนกันรึ? พี่เรญ่าบอกให้พวกเราถอนตัวกลับไปที่ฟาร์มน่ะขอรับ”
“เฮ้อ! เจ้าลืมภารกิจครั้งนี้ไปแล้วหรือไง ข้ามัดเจ้าเคลย์ไว้บนต้นไม้จะไม่พาตัวกลับไปด้วยได้รึ” เดนิสถึงกับถอนหายใจกับสหายร่วมรบของตน
“ฮ่าๆ จริงด้วยสินะขอรับ ข้านี่ลืมไปได้ยังไงกัน” ไซเลอร์รู้สึกหน้าแตกที่ลืมเรื่องสำคัญแบบนี้
แต่แล้วจู่ๆเดนิสที่วิ่งนำมาก็หยุดชะงักกะทันหัน พร้อมกับกดปุ่มสั่งการระบบบางอย่างที่เกราะแขนอย่างเร่งรีบ ไซเลอร์ที่เห็นดังนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน เขาจึงหยุดวิ่งแล้วกล่าวถามเรื่องราวออกไปอีกครั้ง
“เกิดปัญหาอะไรรึเปล่าขอรับ?”
“ข้าได้ติดเครื่องติดตามไว้ที่ตัวของเคลย์ แต่ตอนนี้เขากำลังเคลื่อนที่อยู่ซึ่งมันน่าแปลกมาก เขาถูกข้ามัดไว้ด้วยเชือกพิเศษของฐานทัพ แต่ตอนนี้กลับกำลังเคลื่อนที่อยู่ข้าไม่คิดว่าคนที่มาช่วยเขาจะสามารถแกะเชือกออกได้รวดเร็วเพียงนี้” เดนิสกำลังประมวลผลข้อมูลที่แสดงขึ้นบนหน้าจอภายในหน้ากาก
“ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ว่าพวกเราควรรีบตามไปหรือขอรับ?” ไซเลอร์กล่าวเตือนคนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะค่อนข้างกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เอ้อใช่! ข้าลืมไปได้ยังไง พวกเรารีบไปกันเถอะ” เดนิสฉุกคิดขึ้นมาได้จากคำเตือนนั้น มันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาวิเคราะห์เรื่องราวให้ปวดหัวในตอนนี้ เพราะตราบใดที่ไล่ตามทันก็น่าจะสามารถนำตัวเป้าหมายกลับมาได้
“เฮ้อ! ท่านนี่นะก็คิดมากเกินไป อย่างนี้งานก็ล่าช้ากันพอดีสิ อะ!…เดี๋ยวๆรอข้าด้วย” ไซเลอร์ที่ได้ทีกะว่าจะแซวกลับเพื่อนบ้างเสียหน่อย แต่ก็กลายเป็นว่าเดนิสวิ่งนำออกไปแล้วด้วยความรีบร้อน
ทางด้านเรญ่าตอนนี้เธอกำลังวิ่งหนีพายุไปข้างหน้าไม่หยุด เธอต้องการใช้แนวต้นไม้มากมายในป่าเป็นเครื่องกีดขวางลดความรุนแรง จากสายลมมรณะที่ไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด แม้ว่าจะเหมือนวิ่งอย่างไร้ซึ่งจุดหมายเพื่อเอาชีวิตรอดจากการตามล่า แต่การกระทำนี้แฝงไว้ซึ่งแผนการอันแยบยล
อย่างไรก็ตามพลังพายุอันรุนแรงที่เกิดจากเวทมนตร์ของอีกฝ่าย ก็ตัดเฉือนป่าออกเป็นทางจนย่อยยับ ต้นไม้เหล่านั้นแทบจะป้องกันพลังทำลายล้างนี้ไม่ได้เลย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นหญิงสาวก็ไม่ลังเลที่จะทำแบบนี้ เพราะเธอมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถทำตามความคิดของตนได้สำเร็จ
เรญ่าชะลอฝีเท้าลงเมื่อหน้าจอแสดงข้อมูลบางอย่างภายใต้หน้ากาก แผนที่ด้านมุมขวาของหน้าจอปรากฏจุดสีเขียวเล็กๆซึ่งแสดงถึงตำแหน่งของเธอเอง และด้านหน้าในความมืดมิดนั้นก็คือหน้าผาสูงชันที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ยกเว้นมองผ่านกระจกของหน้ากากที่เปิดโหมดไนท์วิชั่น
“อาจารย์ ท่านคิดจะฆ่าข้าจริงๆรึ?!” เรญ่าหันกลับไปอย่างกะทันหันแล้วหยุดยืนอย่างมั่นคง พร้อมกับชักดาบคู่จันทร์เสี้ยวสีดำสนิทออกมาถือไขว้กันเบื้องหน้าแบบกลับคมดาบลงด้านล่าง
“เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่วงเวลาหรอก ถึงแม้ข้าจะไม่ตามเด็กหนุ่มสองคนนั่นไป ก็มีคนไปจัดการแทนข้าอยู่แล้ว แม้แต่เจ้าก็สู้เขาไม่ได้เพราะฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าพวกมันสองคนจะรอดไปได้” จันทราพิฆาตกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ได้ยินชัดเจน ท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของสายลมอันรุนแรงพัดพาแสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้มีฝีมือที่น่ากลัวไม่น้อยเลย
“…แต่อย่างไรก็ตาม ข้าก็มีเรื่องหนึ่งที่ต้องสอบถามจากอาจารย์ เพื่อจะได้ไม่มีสิ่งใดค้างคาใจกันอีก!” เรญ่าที่ตั้งท่าพร้อมต่อสู้ตลอดเวลาตะโกนถามกลับไป
“หึ! ข้าจะสนองตอบคำขอสุดท้ายก่อนตายของเจ้าก็แล้วกัน ว่ามาสิ” จันทราพิฆาตยืดตัวตรงยืนสง่าอยู่เหนือพายุคลั่ง ด้วยใบหน้าที่งดงามอ่อนกว่าวัยของเธอ หากสวมชุดที่งดงามคงเปรียบได้ดั่งเจ้าหญิงเลยทีเดียว
“ท่านยืนยันที่จะสละชีวิตเพื่อโอเมก้าอย่างนั้นรึ!?” คำถามธรรมดาที่กล่าวถามเพื่อยืนยันฝักฝ่ายออกจากปากของเรญ่า
แต่คำถามนี้จะเรียบง่ายกลับทำให้จันทราพิฆาตต้องนิ่งคิดอยู่สักครู่ เธอย่อมรู้จักนิสัยใจคอของลูกศิษย์ดี คำถามที่กล่าวออกมานี้ย่อมมีความหมายมากกว่าที่ได้ยิน แน่นอนว่าวิธีการใช้คำถามเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเผลอบอกข้อมูลออกมา ก็เป็นวิชาหนึ่งที่เธอสอนให้กับเรญ่าด้วยตัวเอง
‘เจ้าก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่การที่ถามออกมาเช่นนี้ต้องการอะไรกันแน่? แต่ดูจากท่าทางแล้วเรญ่าเจ้าในตอนนี้ไม่เกรงกลัวข้าเหมือนเมื่อก่อน อืม…คงจะเป็นเพราะเจ้าสามารถใช้เวทมนตร์ได้แล้วสินะ เจ้านายคนใหม่คงจะช่วยเจ้าได้ไม่น้อยเลย แต่มานาของเจ้าน่าจะหมดลงแล้ว’ หลังจากพิจารณาชั่วครู่จันทราพิฆาตก็สลัดความคิดลังเลใจออกไป และไม่ตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น มีเพียงสิ่งเดียวที่ยืนยันได้นั่นก็คือสายลมที่พัดรุนแรงขึ้นพร้อมกับการพุ่งตัวเข้าจู่โจมเรญ่าอย่างรวดเร็ว
มันเร็วเกินกว่าจะมองด้วยตาเปล่าได้ทัน แม้ว่าเรญ่าจะมองไม่เห็นอีกฝ่ายแต่เธอก็ไม่ได้เปลี่ยนท่าทีอะไร ยืนตั้งท่าป้องกันอย่างไม่เกรงกลัวไม่แม้แต่จะใช้พลังออกมาป้องกันด้วยซ้ำไป เหมือนกับว่าหลังจากที่มานาหมดไปแล้ว เธอก็เหลือเพียงแค่ความกล้าหาญอย่างเดียวเท่านั้นที่จะใช้ต่อสู้จนตัวตาย
“เคล้งๆๆๆๆๆๆๆ” เป็นอีกครั้งที่เสียงดาบปะทะกันถี่ยิบ แต่มันเกิดจากการหมุนควงสว่านอย่างอภินิหารของจันทราพิฆาตที่พุ่งเข้ามาหมายทะลวงร่างของลูกศิษย์ให้สลายไป แต่ด้วยท่าป้องกันธรรมดาๆของเรญ่าดาบเสี้ยวจันทร์สีดำในมือทั้งสองข้าง กลับสามารถป้องกันท่าอันตรายนี้ไว้ได้
อย่างไรก็ตามการโจมตีนี้ไม่ได้มีเพียงพลังทำลาย ยังมีพายุที่ส่งร่างของยอดนักฆ่าแห่งโอเมก้ามาอย่างรุนแรง ผลักดันเรญ่าให้ถอยหลังออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง
“เจ้าจะยอมตายเพียงแค่นี้รึ! สวนกลับข้ามาเลยสิ!ฮ่าๆๆ!” เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของจันทราพิฆาตดุจดั่งปีศาจที่หมายล่อลวงเหยื่อเข้าสู่ความตาย
“ถ้าสวนกลับตัวข้าก็ขาดน่ะสิ!” เรญ่าตะโกนกลับไปในขณะที่แขนทั้งสองต้องรับพลังโจมตีที่มหาศาลอย่างต่อเนื่อง
“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะหน้าสยองยังคงไม่หยุด เช่นเดียวกับสายลมมรณะที่ซัดสาดอย่างรุนแรงเบื้องหลังของเธอ
แต่การเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงด้วยความเร็วดั่งพายุนั่นเอง ที่ทำให้การเปลี่ยนทิศทางนั้นเป็นไปได้ยาก หลังจากที่จันทราพิฆาตพบว่าตนเองในตอนนี้ลอยอยู่บนอากาศ หรือถ้าจะกล่าวให้ถูกก็คือเธอพุ่งพาเรญ่าออกมาจากขอบหน้าผาแล้วนั่นเอง แสงจันทร์บนฟ้าส่องสว่างจนทั้งสองเห็นผืนป่าแห้งแล้งเบื้องล่าง
“นี่เจ้า! ยอมตายจริงๆงั้นรึ? ทั้งที่รู้ว่าข้ายังเหลือพลังพอที่จะกลับขึ้นไปได้!” ผู้เป็นอาจารย์ตะโกนถามออกมากลางอากาศอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่ตัวของเรญ่าผละออก และกำลังร่วงหล่นลงไปเรื่อยๆส่วนจันทราพิฆาตก็ใช้พลังเวทย์สร้างพายุคอยพยุงตัวเอาไว้
“ถ้าข้าสู้กับท่านที่ด้านบนสุดท้ายก็ต้องถูกท่านจับไปขังคุกทรมาน แต่เมื่ออยู่ตรงนี้แล้วข้าก็สามารถกลับมาแก้มือได้อีกครั้ง!” เรญ่ากล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ไม่มีใครรู้ว่าหมายความว่าอะไร ยิ่งมันอยู่ภายใต้หน้ากากที่ปกปิดเอาไว้ด้วยแล้ว
“แก้มืองั้นรึ?” หญิงวัยกว่าสี่สิบเบิกตากว้างแปลกใจกับคำพูดนั้น แต่เพียงสักครู่เธอก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับเรญ่า
แสงสว่างจางๆล้อมรอบตัวของอดีตนักฆ่าสาว จากนั้นร่างของเธอก็แตกสลายกลายเป็นประกายแสง และจางหายไปกลางอากาศ จันทราพิฆาตได้แต่ลอยตัวนิ่งตะลึงอยู่อย่างนั้น
‘เวทย์เคลื่อนย้ายงั้นรึ? การฝึกฝนเวทมนตร์ของเรญ่ายังไม่นานพอ นั่นน่าจะเป็นพลังจากอุปกรณ์เวทย์มากกว่า แต่อุปกรณ์เวทย์ล้ำค่าระดับนั้นมาอยู่ที่นางได้อย่างไรกัน?’ ความสงสัยเข้ามาเกาะกุมจิตใจนักดาบหญิงมีชื่อ ที่มีเบื้องหลังเป็นนักฆ่าระดับสูงของกลุ่มอิทธิพลมืดโอเมก้า