ยามเย็นที่แม้ว่าจะยังไม่มืด แต่ก็แทบจะมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ด้วยเมฆหมอกแห่งเหมันต์ ที่บดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า ความหนาวเหน็บเข้าปกคลุมไปทั่วปราสาทหินสีเทา แต่เหล่าผู้คนกลับมีจิตใจที่ร้อนรุ่มเกินกว่าอากาศจะต้านทานได้
ในห้องประชุมสภาโต๊ะกลมสมาชิกทั้ง 13 คนของกลุ่มโอเมก้าแห่งฟลอริสตี้กำลังถกกันเรื่องวิธีหาเงินทุนเพิ่มเติมในการสนับสนุนสหพันธ์แซ็กเซอร์ หรือก็คือกลุ่มประเทศที่ก่อกบฏต่อจักรวรรดิกาลอเรียนั่นเอง เพราะกองทัพที่เสียหายจากการจู่โจมของออร์คทำให้พวกเขาแทบจะต้องเริ่มต้นกันใหม่
“ท่านฮาน ข้ายังอยากจะขอย้ำอีกครั้งเรื่องเศรษฐกิจที่มั่นคงดีอยู่แล้วของฟลอริสตี้น่ะขอรับ หากเราทำการขึ้นค่าเช่า และราคาสินค้าในต้นฤดูหนาวมากเกินไปลูกค้าของเราจะลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาวได้ ทั้งหมดที่พวกเราทำมาจะไม่สูญเปล่ารึขอรับ?” พ่อค้าชราผู้มั่งคั่งยืนขึ้นกล่าวกับผู้นำของตนด้วยเสียงดังหนักแน่น
“ข้าเข้าใจดี พวกเรากลุ่มโอเมก้าแห่งฟลอริสตี้ดำเนินการไม่เหมือนในเมืองอื่น พวกเราเป็นกลุ่มแรกที่สร้างความมั่นคงการค้าด้วยการค้าขายที่เสรีมีกำไรที่สมเหตุสมผล ซึ่งแตกต่างจากโอเมก้าในเมืองอื่นที่เน้นผูกขาดทางการค้า จนสุดท้ายชาวบ้านทำมาหากินไม่ได้ และไม่มีกำลังซื้อที่จะกลับมาเป็นลูกค้าของเราได้” จอมเวทย์ฮานกล่าวเน้นย้ำถึงความสำเร็จในการบริหารงานของพวกตน เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์เดิมอยู่
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราควรหาเงินจากทางอื่น เพื่อส่งเข้าส่วนกลางไม่ดีกว่าหรือขอรับ อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็เข้าฤดูหนาวแล้ว อีกไม่เกินเดือนทางใต้ก็จะมีหิมะตกลงมาเช่นกัน ซึ่งสงครามของทั้งสองฝ่ายก็มีโอกาสที่จะชะลอตัว และลดการปะทะลงอย่างแน่นอน พวกเรายังมีเวลาเพียงพอที่จะหาเงินนะขอรับ” พ่อค้าชราพยายามหาเหตุผลมาโน้มน้าวจอมเวทย์ชั้นสูงอย่างถึงที่สุด
“อืม…ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล แต่โดยส่วนตัวของข้าที่รู้จักดยุคกลาเซียมานาน ความพ่ายแพ้ต่อพวกออร์คในครั้งนี้ถือว่าเป็นความอัปยศสำหรับคนที่หยิ่งทะนงเช่นเขาเป็นอย่างมาก การเรียกระดมทรัพยากรครั้งต่อไปคงจะเริ่มก่อนหมดฤดูหนาวเป็นแน่ การหาเงิน และเสบียงในตอนนี้พวกเราจึงต้องทำให้เร็วที่สุด” ในฐานะผู้นำที่มากประสบการณ์ทั้งด้านการต่อสู้ และการบริหารจอมเวทย์ฮานจึงสามารถคาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำ
“อย่างนั้นพวกเราลองนำเสนอความคิดกันมาคนละอย่างดีกว่า แล้วช่วยกันพิจารณาว่าวิธีการใดเหมาะสมที่สุด บางทีเราอาจจะได้ช่องทางหาเงินมาเพิ่มได้มากกว่าหนึ่งทางก็เป็นไปได้” พ่อค้าชรากล่าวเสนอขอความเห็นอย่างเปิดกว้าง เพื่อหาตัวเลือกที่หลากหลาย และรวดเร็วที่สุดในตอนนี้
การประชุมอันเคร่งเครียดของสภาโต๊ะกลมแห่งกลุ่มโอเมก้าสาขาฟลอริสตี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยมีสองสายลับอำพรางตัวนั่งฟังอยู่บนเก้าอี้ว่างด้านข้างประตู ซึ่งจากบทสนทนาทั้งหมดของทั้งสิบสามคนก็ทำให้ภาม และมีอาเข้าใจบริบทการทำงานของกลุ่มโอเมก้ามากขึ้นเช่นกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนประหลาดใจก็คือการควบคุมระบบการค้าของเมืองให้มีความเสรีค่อนข้างมาก จนการค้าของเมืองแห่งดอกไม้ยังครึกครื้น แม้จะเข้าสู่ฤดูหนาวที่ไม่สามารถเพาะปลูกพืชอาหารได้แล้วก็ตาม ช่างเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อสำหรับกลุ่มที่ต้องการยึดครองจักรวรรดิแห่งนี้
ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นเพียงแค่กลุ่มเล็กๆ เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆที่กลุ่มโอเมก้าผูกขาดการค้าให้เฉพาะพรรคพวกของตน จนทำให้ฝ่ายคู่แข่งต้องล้มหายตายจากไปทีละราย ยิ่งเมื่อมีตระกูลขุนนางเข้าร่วมด้วย เมืองทั้งเมืองก็เรียกว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลมืดไปแล้ว
ภามที่ได้รับข้อมูลมามากมายก็พยายามกลั่นกรอง และเรียบเรียงทีละเล็กทีละน้อย เพื่อประเมินว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในอนาคต เพราะเรื่องราวในวันนี้มันทำให้เขารู้สึกว่าข้อมูลที่ตัวเองมีนั้นช่างน้อยนิดยิ่งนัก
‘พวกนั้นพูดถึงการระดมทุนเพื่อไปสร้างกองทัพใหม่ซึ่งจะต้องเกณฑ์คนจากประเทศทางใต้มา แล้วพวกปีศาจล่ะ? พวกมันไม่ได้อยู่ในกองทัพของสหพันธ์แซ็กเซอร์อย่างนั้นเหรอ? อีกอย่างคือเรื่องของความเป็นอยู่ของคนในฟลอริสตี้ก็ดีกว่าฮาเวสตี้จริงๆ แต่ทำไมพันธมิตรโลเลี่ยนถึงต่อต้านโอเมก้ากันล่ะ?’ ด้วยมุมมองจากทั้งสองฝ่ายทำให้ชายหนุ่มต้องคิดถึงสาเหตุแห่งความขัดแย้งที่ซับซ้อนนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น เพื่อการดำเนินการของเขาจะได้เป็นไปอย่างราบรื่นในอนาคต และที่สำคัญคือความปลอดภัยของคนของเขา
มีอาที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ไม่ต่างจากภามเท่าไร เรื่องราวความซับซ้อนในกลุ่มโอเมก้าเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน และนี่ก็คือข้อมูลสำคัญที่สามารถนำไปใช้วางแผนการของซีเคร็ตการ์เด้นได้ในอนาคต แต่ตอนนี้ในใจของเธอยังเป็นกังวลเกี่ยวกับเด็กน้อยแอนเน่มากกว่า
‘ถ้าให้ข้าเป็นคนเลือก ตอนนี้คงพาแอนเน่กลับไปก่อนแล้วค่อยมาสืบข่าวที่นี่อีกครั้ง ท่านภามนี่ก็ใจเย็นเกินไปรึเปล่านะ’
ภาม และมีอายังคงแอบฟังการประชุมของโอเมก้าต่อไปเรื่อยๆ โดยเชื่อว่าพวกเขาจะต้องได้ข้อมูลสำคัญอื่นๆอีกมาก จึงต้องปล่อยให้แอนเน่อยู่ที่นี่ไปก่อน อย่างน้อยเด็กหญิงก็ยังคงปลอดภัยในฐานะลูกศิษย์ของจอมเวทย์เจ้าของปราสาทแห่งนี้แน่นอน
ตอนนี้เวลาค่ำคืนได้มาเยือนหุบเขาลึกลับ ชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่หน้าบ้านของภาม พวกเขาต่างก็มีท่าทางตื่นเต้นเพราะวันนี้ทั้งสองจะได้ออกปฏิบัติภารกิจร่วมกับภามเป็นครั้งแรก ด้วยการต่อสู้คือสิ่งที่เหล่าชายชาตรีใฝ่ฝันหา ยิ่งทั้งสองคนคือผู้ที่ฝึกฝนการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็กอีกด้วย
คนแรกก็คือชายหนุ่มผมแดงบุตรชายอดีตบารอน เดนิส มูเน่ เขาแต่งกายด้วยชุดนักผจญภัยเต็มยศพร้อมดาบคู่กาย อย่างกับจะไปบู๊กับเหล่าสัตว์อสูรอย่างไรอย่างนั้น ส่วนไซเลอร์ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลก็สวมเกราะหนังแบบนักธนู เหมือนกับเตรียมพร้อมไปล่าสัตว์เช่นเดียวกัน
แต่เมื่อประตูบ้านเปิดออก ปรากฏเป็นหญิงสาวผมดำมัดหางม้าในผ้าคลุมสีดำยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับกวักมือเรียกชายหนุ่มวัยรุ่นทั้งสองให้ตามเข้าไปในบ้านโดยไม่กล่าวอะไร ซึ่งนั่นทำให้ทั้งเดนิส และไซเลอร์ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่าภามจะเป็นคนมาเรียกแต่กลับกลายเป็นเรญ่าแทน
“เอิ่ม…พี่เรญ่า แล้วท่านภามล่ะขอรับ?” เดนิสเป็นคนเริ่มถามก่อนหลังจากที่เข้ามาในบ้านแล้ว ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้คุยกับหญิงสาวเท่าไร รวมทั้งครอบครัวเขาก็ค่อนข้างระแวงอดีตนักฆ่าสาวจากกลุ่มโอเมก้าคนนี้ น้ำเสียงที่ออกมาของชายหนุ่มผู้องอาจกลายเป็นไม่ค่อยมั่นใจขึ้นมาทันที
“ท่านภามยังไม่เสร็จธุระจึงให้ข้าเป็นผู้นำภารกิจครั้งนี้แทน ไม่ต้องเป็นกังวลไปแค่การพาตัวคนออกมาจากคุกเท่านั้น พวกเราไม่ได้ไปเพื่อสู้กับใครเสียหน่อย” เรญ่าพยายามพูดให้ชายหนุ่มทั้งสองคลายกังวล แต่ด้วยน้ำเสียง และสีหน้าที่เรียบนิ่งของเธอมันกลับทำให้ฝ่ายตรงข้ามค่อนข้างเกร็งมากเลยทีเดียว
“แล้ว…พวกเราจะไปกันเลยรึเปล่าขอรับ เห็นท่านภามบอกว่าจะให้พวกเราใช้อุปกรณ์ใหม่อะไรสักอย่าง แต่ข้าว่าถ้าแค่ไปช่วยคนแล้วหนีออกมาแค่นี้ก็น่าจะพร้อมแล้ว เหลือเพียงการวางแผนเท่านั้น” ไซเลอร์ที่ได้รับการสั่งสอนวิชามาจากแอดเลอร์ผู้เป็นพ่อ สามารถประเมินความสามารถของฝ่ายตนคร่าวๆได้
“ถ้าหมายถึงแบทเทิลสูทล่ะก็ข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้าแล้ว ที่จริงยังอีกหลายชั่วโมงพวกเราถึงจะเริ่มงานกัน แต่ที่ต้องเรียกมาก่อนก็เพื่อเรียนรู้วิธีใช้งานอุปกรณ์ใหม่ และวางแผนลอบเร้นเท่านั้น เอาล่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลาพวกเจ้าตามข้ามาทางนี้” กล่าวจบหญิงสาวก็ไม่เสียเวลาอธิบาย เพราะอย่างไรพวกเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เธอเปิดประตูบานหนึ่งออกแล้วเดินนำเข้าไปทันที ซึ่งมันก็คือประตูสู่ร้านค้าของพระเจ้านั่นเอง
MANGA DISCUSSION