ณ ตลาดกลางเมืองฟลอริสตี้ในยามสายที่คึกคัก ภามรีบมาด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากบริษัท ไม่เกินหนึ่งนาทีชายหนุ่มก็มาถึงตรอกแคบแห่งหนึ่งอันเป็นจุดนัดพบ พร้อมกับสวมผ้าคลุมติดฮู้ดสีดำเพื่ออำพรางแบทเทิลสูทภายในนั่นเอง
“ท่านภาม ตอนนี้ข้าให้พวกเราแยกกันค้นหาแล้ว วานีลไปดูทางเหนือ แอดเลอร์ไปทางใต้ และเบลล่าตะวันออกเจ้าค่ะ เหลือทางตะวันตกที่ข้าจะรอไปพร้อมกับท่าน” มีอาอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันคร่าวๆเป็นอย่างแรก
“อืม…ดีแล้วล่ะ แล้วเจ้าลองติดต่อแอนเน่ผ่านบัตรประจำตัวรึยัง?” ภามยังคงวิเคราะห์เหตุการณ์อย่างสุขุมรอบคอบ
“ลองแล้วเจ้าค่ะแต่นางไม่ได้ตอบกลับมา ข้าจึงกลัวว่านางจะถูกพาตัวไปแบบไร้สติเพราะถูกวางยาสลบ ท่านคิดว่าคนที่พาตัวแอนเน่ไปเป็นพวกไหนกัน?” แม้ว่ามีอาจะจัดการทุกอย่างไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงกระวนกระวาย เพราะไม่มีเบาะแสของการหายตัวไปเลยแม้แต่น้อย
“ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใครเหมือนกัน แต่แอนเน่กำลังไปทางตะวันตกด้วยความเร็วสูงมากกว่าม้าเสียอีก ถ้าให้เดาน่าจะไปด้วยการบิน” เจ้าของฟาร์มอธิบายข้อมูลตามที่หน้าจอโฮโลแกรมบนเกราะแขนซ้ายฉายภาพจุดสีแดงกะพริบพร้อมตัวเลขออกมา
“เอ๋? ท่านภามรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ เครื่องมือนี้สามารถหาตัวแอนเน่ได้งั้นเหรอ?” แม่ค้าไวน์ที่เพิ่งเคยเห็นระบบนี้เป็นครั้งแรกก็รู้สึกประหลาดใจ
“มันสามารถแสดงตำแหน่งของบัตรประจำตัวทุกใบได้น่ะ ถ้าบัตรอยู่กับแอนเน่นั่นก็หมายความว่าเธอก็กำลังเคลื่อนที่ไปตามนี้จริงๆ เอาล่ะพวกเรารีบไปดูให้เห็นกับตากันเถอะ ว่าแอนเน่ไปทางนั้นจริงรึเปล่า” ภามพูดจบก็ไม่รอให้หญิงสาวได้ตั้งตัวเขากดปุ่มบางอย่างที่เกราะแขน แล้วโอบเอวเธอแน่น และแทบจะในทันทีร่างของทั้งสองก็หายไปจากตรอกแคบนั้น
ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้ม นกอินทรีย์ยักษ์สีน้ำตาลเข้มกำลังถลาลงจอด ณ ปราสาทโบราณแห่งหนึ่งอย่างนุ่มนวล บนหลังของมันมีคนสองคนนั่งมาด้วย หนึ่งคือชายชราหนวดขาวในชุดคลุมจอมเวทย์สีน้ำเงินดูหรูหรา และอีกคนก็คือเด็กหญิงตัวน้อยผมสีน้ำตาลที่ดูไร้เดียงสา
ชายชราปีนลงมาจากหลังอินทรีย์ตัวใหญ่อย่างชำนาญ จากนั้นเขาก็ยื่นมีทั้งสองข้างไปอุ้มเด็กน้อยลงมาอีกที รอยยิ้มที่ทั้งสองมีให้กันนั้นดุจดั่งคุณตา ที่เพิ่งพาหลานสาวไปเที่ยวสนุกมาอย่างไรอย่างนั้น
“แอนเน่เจ้านี่เป็นเด็กที่ร่าเริงจริงๆเลยนะ บินขึ้นบนท้องฟ้าสูงขนาดนั้นกลับไม่กลัวเลยสักนิด ตอนข้าหัดขี่เจ้านี่ครั้งแรกข้ากลัวแทบแย่แน่ะ ฮ่ะๆๆ” ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น และมีความสุข
“ข้าชอบมันมากเลยเจ้าค่ะ เหมือนกับตอนข้าขี่ม้าที่ฟาร์ม เราพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว เมื่อสายลมพัดผ่านเราไปมันทำให้รู้สึกเป็นอิสระ ยิ่งอยู่บนท้องฟ้าที่เห็นดินแดนอันกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ข้ายิ่งอยากออกเดินทางสู่โลกกว้างไปท่องเที่ยวทั่วโลกเลยเจ้าค่ะ” แอนเน่ตอบกลับด้วยน้ำเสียง และรอยยิ้มเริงร่ามีความสุข
“ฮ่าๆๆ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องตั้งใจฝึกฝนนะ เพราะโลกภายนอกนั้นอันตราย ทั้งสัตว์ร้าย ทั้งมนุษย์เราอาจจะถูกทำร้ายได้ทุกเมื่อ หากไม่ระวังตัว แต่ว่าอีกหน่อยเมื่อเจ้าเติบโตมีความสามารถเก่งกล้า ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดก็ไม่ต้องเกรงกลัวแล้วล่ะนะ แค่เริ่มจากทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ” ชายชรากล่าวย้ำเตือนเด็กหญิงด้วยความหวังดี
“แต่ว่าหากกลุ่มโอเมก้าเข้าครอบครองดินแดนกาลอเรียทั้งหมด ข้าก็ไม่จำเป็นเกรงกลัวสิ่งเล่านั้นแล้วนี่เจ้าคะ เพราะท่านฮานสามารถพาข้าไปเที่ยวได้ทุกที่โดยไม่มีใครกล้าทำร้ายพวกเราแน่นอน”
“โถๆ แอนเน่น้อย เจ้านั้นช่างไร้เดียงสาเสียจริง คนเรานั้นไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น จึงต้องเตรียมพร้อมรับมือไว้ตลอดเวลายังไงล่ะ ถึงแม้ว่าต่อไปกลุ่มโอเมก้าของเราจะยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งนี้ก็ตาม จงอย่าประมาทล่ะ ข้าไม่อาจเสียเจ้าไปได้นะเด็กน้อย” ฮานเข้ามากล่าวสอน และลูบหัวแอนเน่ด้วยความรักใคร่เอ็นดู ก่อนที่จะพากันเดินเข้าไปในตัวปราสาท
ไม่ไกลจากจุดที่อินทรีย์ยักษ์นั่งพักอยู่เท่าไร ด้านหลังแนวกำแพงชายหนุ่ม และหญิงสาวที่กำลังล่องหนด้วยระบบพรางตัวจากแบทเทิลสูท ได้ยินบทสนทนาของชายชรากับเด็กหญิงทั้งหมดทุกถ้อยคำ ทั้งสองแทบจะต้องอดกลั้นไม่กล่าวสิ่งใดออกมา เพื่อรอให้เป้าหมายของตนเดินจากไปก่อน
“ท่านภาม นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ?” มีอาไม่อาจทนเงียบได้อีกต่อไป จากเรื่องน่าสงสัยที่เกิดขึ้น
“ข้าก็งงเหมือนกันนั่นแหละ ไม่นึกว่าเราจะเข้ามาถึงที่อยู่ของหนึ่งในสมาชิกโอเมก้า แถมดูเหมือนว่าเขาจะชอบแอนเน่มากๆเลยด้วย เหมือนตากับหลานเลยนะ” ภามอธิบายภาพที่เห็นออกมา เพราะเขาก็ยังไม่เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องนี้เช่นกัน
“คือ…ข้าจะพูดยังไงดีล่ะ…แอนเน่รู้อยู่แล้วว่าพวกโอเมก้าเป็นคนไม่ดี และเป็นศัตรูกับฝ่ายเรา แต่นางกลับพูดเหมือนว่าชื่นชมในอำนาจของพวกมันเสียอย่างนั้น จะบอกว่าถูกคนแก่เอาขนมมาล่อก็ไม่น่าจะใช่ แล้วอีกอย่างหนึ่งทำไมคนที่ชื่อฮานนั่นถึงต้องพาแอนเน่มาที่นี่ด้วย เขาไม่น่าจะรู้ว่านางเป็นใครนี่เจ้าคะ” ในหัวสมองของมีอาตอนนี้มีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมด
“มีทางเดียวก็คือพวกเราต้องตามพวกเขาไปนั่นแหละ แต่ก่อนอื่นส่งข่าวกลับไปบอกพวกเราว่าเจอตัวแอนเน่แล้ว ให้พวกเขาหยุดการค้นหาได้ และก็ยังไม่ต้องบอกครอบครัวของนางนะ เดี๋ยวจะเป็นห่วงเกินเหตุ โดยเฉพาะเจ้าอามินยังอยู่ที่โกดังถ้ารู้เดี๋ยวคงหาทางตามมาแน่ๆล่ะ” ภามตัดสินใจสืบหาข้อมูลต่ออย่างใจเย็น เพราะเด็กน้อยอยู่ในสายตาของตนแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ตลอดเวลา
สถานการณ์อีกด้านหนึ่งของเทือกเขาคูเลบรา ณ เมืองร็อคฟอร์ต ยามบ่ายแก่ๆในบ้านพักหลังใหญ่ ผู้คนนับสิบกำลังจัดเตรียมข้าวของต่างๆเพื่อการเดินทาง แต่ละคนล้วนมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง เพียงมองดูก็จะเห็นได้ว่าบุคลิกของพวกเขาคือผู้ที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน
แม้ว่าการแต่งกายของพวกเขาจะเหมือนกับกลุ่มนักผจญภัยที่ล่าสัตว์ ล่ามอนสเตอร์เพื่อนำวัตถุดิบไปขายแลกเงินก็ตาม แต่ที่จริงแล้วคนเหล่านี้คืออัศวินองครักษ์แห่งอาณาจักรอาซูเรียทั้งสิ้น และไม่เพียงแต่พวกเขานั้น สาวสวยผมยาวสีน้ำเงินก็กำลังจัดข้าวของตัวเองเพื่อเตรียมเดินทางด้วยเช่นกัน
“องค์หญิงเพคะ พระองค์จะเสด็จไปเลยหรือ? เหตุใดทรงไม่พักผ่อนพระวรกายก่อน เพิ่งกลับมาเมื่อเช้าแท้ๆ อย่างนี้อาจประชวรระหว่างทางได้นะเพคะ” หญิงชราผู้คอยรับใช้กล่าวกับหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“ครั้งนี้ข้านั่งเกวียนไปน่ะ แล้วก็ไม่ได้เร่งรีบเดินทางเท่าตอนกลับมา จนต้องใช้มานาไปกับเวทย์เพิ่มพลังตลอดทางจนหมดแรงอย่างนั้น แถมยังมีองครักษ์ไปด้วยตั้งหลายคน แค่เดินทางกลับไปที่ฟลอริสตี้ก็ใช้เวลาตั้งหลายวันแล้ว ถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวนั่นแหละ ข้าสัญญาว่าจะดูแลตัวเองไม่ต้องเป็นห่วง” เทลล่าอธิบายการเตรียมพร้อมมากมายของตนให้แก่หญิงชราได้เข้าใจ และคลายกังวล
“เฮ้อ! หม่อมฉันคงจะห้ามพระองค์ไม่ได้จริงๆสินะเพคะ ที่จริงอาซูเรียของเราก็มั่นคงดีอยู่แล้วไม่มีเหตุอันใดต้องใช้ผลึกเวทย์มากมายเพียงนั้นเลย องค์หญิงจึงต้องทรงลำบากจากบ้านเมืองมาไกลเช่นนี้” หญิงชราแม้จะไม่อาจห้ามปรามเจ้าหญิงได้ แต่เธอก็อดที่จะตัดพ้อกับภารกิจที่ไม่สมเหตุสมผลที่องค์หญิงต้องมาทำด้วยตัวเอง
“ตอนนี้อาซูเรียก็มั่นคงดีอยู่หรอก แต่ก็เพราะว่าเป็นอย่างนั้นจึงมีคนมากมายอยากช่วงชิงความมั่งคั่งนั้นน่ะสิ ข้าในฐานะรัชทายาทจึงต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะปกครองอาณาจักรต่อจากเสด็จพ่อได้ และการนำผลึกเวทย์ที่มีพลังมหาศาลกลับไปด้วยตนเอง จึงเป็นสิ่งยืนยันที่แน่นอนที่สุด” เทลล่า แอนนา อควาเรียส ยืนยันหนักแน่นในเป้าหมายของตน แต่เธอยังคงไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอต้องการถูกครอบครองโดยเกษตรกรที่ไร้ผู้ต้านทาน
MANGA DISCUSSION