“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ ขณะที่ภามกำลังใช้สมาธิกับการคิดแผนการช่วยเหลือเคลย์ออกจากคุกลับของพวกโอเมก้า ทำให้เจ้าของบริษัทต้องรีบปรับท่านั่งให้เรียบร้อย ก่อนจะอนุญาตให้ผู้มาเยือนเข้ามาในห้อง
“เข้ามาได้”
“ท่านภามนี่คือรายการผลผลิตที่มาจากฟาร์มเมื่อเช้าขอรับ แต่ส่วนที่แม็กซ์เอาไปขายยังไม่ได้นะขอรับ เพราะยังขายกันไม่เสร็จเลย” เดนิส ชายหนุ่มผมแดงนำเอกสารที่เขาทำเรียบร้อยแล้วมาส่งให้กับเจ้านาย
แม้ว่าภามจะเป็นคนอนุญาตให้ชายหนุ่มเข้ามา แต่ดูเหมือนว่าใจของเขายังคงเหม่อลอยอยู่กับแผนปฏิบัติการของตัวเอง ซึ่งเดนิสก็ได้แต่ยืนนิ่งรอการตอบรับจากเจ้านายด้วยความสงสัย
“หืม!…ใช่แล้ว! เดนิสคืนนี้เจ้าว่างไหม?” เมื่อได้เห็นหน้าชายหนุ่มวัยรุ่นตรงหน้า ภามก็คิดบางอย่างออกขึ้นมาทันที พร้อมกับถามคำถามเสียงดังด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นสุดๆ โดยไม่สนใจเรื่องงานตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“เอิ่ม…ข้าก็ว่างทุกคืนนั่นแหละขอรับ ท่านภามมีอะไรให้ข้าทำหรือเปล่า?” บุตรชายบารอนถามกลับด้วยความสงสัย เพราะที่ผ่านมาภามไม่เคยชวนให้เขาไปทำอะไรนอกเหนือจากการฝึกฝน และการทำงานเลยสักครั้ง ยิ่งเห็นท่าทางที่กระตือรือร้นของเจ้านายผู้เคร่งขรึมแล้วก็อดประหลาดใจไม่ได้
“พวกเราจะไปทำภารกิจกัน อ้อ! แล้วก็ตามไซเลอร์มาด้วยพวกเราจะไปกันแค่สามคนนี่แหละ หวังว่าผลการฝึกฝนของเจ้าเมื่อใช้ในสถานการณ์จริงจะทำได้ดีเหมือนตอนซ้อมนะ” ภามกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆอย่างกับชวนกันไปเที่ยว
“จะ…จริงหรือขอรับ! ในที่สุดข้าก็จะได้แสดงฝีมือที่ได้ฝึกฝนมาแล้วใช่ไหมขอรับ” ชายหนุ่มผมแดงถามกลับด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน ด้วยเขามีความตั้งใจที่จะเป็นอัศวินเวทยมนตร์มาตั้งแต่เด็ก ผลการเรียนที่ลูน่าซองค์ก็ดีเยี่ยมแทบทุกวิชา หากไม่ต้องออกจากโรงเรียนมาก่อน เขาคงกลายเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆของเหล่านักเรียนไปแล้ว
“แน่นอนสิ แต่ถึงยังไงมันก็เป็นการต่อสู้จริง เจ้าก็ต้องระวังตัวอย่าประมาทเชียวล่ะ เอาล่ะหลังจากไปบอกไซเลอร์แล้วข้าให้เจ้าไปพักได้ เตรียมตัวเตรียมใจกับงานในคืนนี้ให้พร้อมก็แล้วกัน เจอกันที่บ้านข้าหลังอาหารเย็นนะ”
“ขอรับ! ขอรับ ข้าจะไม่ทำให้ท่านภามผิดหวังขอรับ ขะ…ข้าขอตัวก่อน” ด้วยความตื่นเต้นดีใจเดนิสตอบรับอย่างตะกุกตะกักลิ้นพันกันไปหมด แล้วก็รีบเดินออกจากห้องไปด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังความยินดี
ซึ่งภามก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มไปส่ายหัวไปด้วยกับความซุ่มซ่ามของวัยรุ่น และมันก็ทำให้เขานึกถึงตัวเองในสมัยที่เป็นนักเรียนนายสิบในอดีต ท่าทางซื่อๆก็ไม่ต่างไปจากนี้เท่าไรนัก
“เอ๊ะ! เดี๋ยวๆนี่เรากำลังนึกถึงเรื่องเก่าๆงั้นเหรอ? ไม่ๆๆเรายังไม่แก่สักหน่อย ก็แค่บังเอิญแวบเข้ามาในหัวเท่านั้นแหละ” ชายหนุ่มวัยสามสิบรีบส่ายหัวสลัดความคิดว่าตัวเองแก่ออกไปทันที ยังไงตอนนี้เขาก็มีพละกำลังมหาศาลเกินกว่าวัยรุ่นหนุ่มๆด้วยซ้ำไป
ในขณะที่ภามกำลังมีความสุขกับความหลังของตัวเองอยู่นั้น บัตรประจำตัวในกระเป๋าเสื้อสูทสีดำของเขาก็เกิดสั่นขึ้น ซึ่งนั่นเป็นการแจ้งเตือนว่ามีผู้ส่งสัญญาณติดต่อเข้ามา และก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะติดต่อเขาผ่านวิธีนี้ เพราะต่างก็คิดว่าเป็นการเสียมารยาทต่อเจ้านาย หากได้มาพบด้วยตัวเอง
“ว่าไงมีอา มีเรื่องอะไรเหรอ? ข้าไม่เอาของที่ตลาดหรอกนะ” ภามตอบกลับไปอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องปกติ เพราะหญิงสาวมักจะติดต่อมาถามว่าเขาอยากฝากได้ของอะไรเสมอ
“แอนเน่! แอนเน่หายตัวไป พวกเราหาเท่าไรก็ไม่เจอเลย ท่านภามเราจะทำยังไงกันดีเจ้าคะ?” หญิงสาวตะโกนผ่านเครื่องสื่อสารอย่างร้อนรน
“ว่าไงนะ! แอนเน่หายตัวไปเหรอ? แล้ว…ตอนนี้พวกเจ้าอยู่ที่ไหน?” หลังจากได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น ภามก็ตกใจไม่น้อยแต่เขาก็พยายามตั้งสติไว้ได้ ก่อนที่จะถามข้อมูลเพื่อตามไปช่วยหาอีกแรง
อีกทางด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นทิศใต้ของเทือกเขาคูเลบรา บริเวณตีนเขาเป็นที่ตั้งของเมืองใหญ่ที่ชื่อว่าร็อคฟอร์ต สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองสำคัญที่ควบคุมเส้นทางผ่านเทือกเขาใหญ่ ด้วยชัยภูมิที่สร้างขวางกลางเส้นทาง ไม่ว่าใครจะเดินทางขึ้นลงเทือกเขาย่อมต้องผ่านเมืองแห่งนี้ทั้งสิ้น
นอกจากเป็นเมืองที่คุมเส้นทางหลักแล้ว ที่นี่ยังเป็นเมืองที่เจริญทางด้านการค้าเป็นอย่างมาก เทียบเท่าได้กับเมืองที่เป็นศูนย์กลางการปกครองของภาคใต้อย่างเมืองลากูน่าเลยทีเดียว ด้วยนามร็อคฟอร์ตนี้ก็มาจากที่กำแพงเมืองสร้างจากหินสีดำทั้งหมด และแข็งแรงมั่นคงดั่งป้อมปราการอีกด้วย
จากประตูด้านทิศเหนือหญิงสาวผมยาวสีน้ำเงินเพิ่งจ่ายค่าผ่านทาง และเดินเข้าเมืองมาด้วยความอ่อนล้า แต่ด้วยสายตาที่มุ่งมั่นนั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอชะลอความเร็วแต่อย่างใด เมื่อเดินต่อมาไม่ไกลเธอมาถึงยังบ้านใหญ่สามชั้นหลังหนึ่ง
“ข้ากลับมาแล้ว” เมื่อผลักประตูไม้บานใหญ่เข้าไป หญิงสาวก็บอกกล่าวกับผู้คนด้านในทันที ซึ่งก็มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะรับแขก
“องค์หญิง! เกิดอะไรขึ้นพะยะค่ะ เหตุใดพระองค์จึงมีสภาพเช่นนี้” ชายชราหัวล้านกล่าวถามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสภาพมอมแมมของหญิงสาว
“องค์หญิงเสวยอะไรรึยังเพคะ ให้หม่อมฉันทำซุปให้ดีหรือไม่?” หญิงชราเข้ามาประคองร่างอ่อนแรงของหญิงสาว เมื่อเห็นใบหน้าห่อเหี่ยวนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องหิวมากแน่ๆ
“ข้าขอกินซุปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็มีขนมปังหรืออะไรไหม? ข้าขอกินรองท้องก่อนก็สักหน่อยเถอะ” หญิงสาวไม่รอให้ใครตอบกลับ เพียงเดินต่อไปยังห้องอาหารทันทีด้วยความหิวโหย
ผู้หญิงคนคนนี้ไม่ใช่ขอทานที่ไหน แต่เธอคือเทลล่า แอนนา อควาเรียสนั่นเอง ตอนนี้ความหิวโหยทำให้เธอไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากกินอาหารเท่านั้น และตอนนี้แม้แต่ขนมปังแข็งๆเธอก็ไม่รังเกียจที่จะแทะมันกินอย่าตะกละตะกลาม เพราะเธอคิดว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องอาหารคนเดียว
แน่นอนว่าเมื่อมองไปรอบห้องเทลล่านั่งกินขนมปังคนเดียว เพราะตายายทั้งสองคนเข้าไปช่วยกันทำอาหารในครัวนั่นเอง แต่ความเป็นจริงหญิงสาวไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว บนโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมตัวยาวนั้นยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตานอนกลิ้งไปมาอยู่ด้วยอีกตัวหนึ่ง
ซึ่งสิ่งที่มองไม่เห็นนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้ามังกรมายาแพนดั้น ที่ใช้เวทมนตร์ล่องหนอยู่นั่นเอง มันติดตามหญิงสาวมาตลอดทางจนถึงที่บ้านหลังนี้ หากใครมองเห็นก็จะรู้ได้ว่ามันกำลังนอนขี้เกียจอยู่เพราะกินอาหารจนอิ่มพุงกาง
ในเวลาไม่นานหญิงชราก็นำซุปข้าวโพดร้อนๆมาเสิร์ฟให้กับเทลล่า และเพียงพริบตาซุปทั้งถ้วยก็หมดไปด้วยการซดอย่างบ้าคลั่งของเจ้าหญิงที่ไม่ห่วงมารยาทอีกต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าซุปร้อนๆยังทำให้ทั้งปาก และลิ้นของเธอพองจนได้ จึงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าอาการจะดีขึ้นจนพอจะพูดได้
“ลันเดอร์ ถูกจับตัวได้ ทั้งที่พวกเรายังไม่รู้เลยว่าคนพวกนั้นเป็นใคร นอกจากเป็นเจ้าของโกดังแห่งนั้น แม้แต่ข้าก็ต้องใช้ไอเทมศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามช่วยไม่อย่างนั้นก็คงหนีออกมาไม่ได้ พวกเขามีเวทมนตร์ที่ร้ายกาจมากจริงๆ ถือว่าข้าประมาทเรื่องเหนือความคาดหมายมากเกินไป สุดท้ายจึงต้องหนีมาเช่นนี้” เทลล่าเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นแก่คนชราทั้งสอง ซึ่งอดไม่ได้ที่จะตัดพ้อออกมาด้วยความท้อแท้ใจ
“โธ่! องค์หญิงอย่าทรงโทษพระองค์เองเลย พวกเรายังมีกำลังพอที่จะไปช่วยเขากลับมานะขอรับ ถ้าทรงพักฟื้นจนแข็งแรงแล้วหน่วยซีไวเปอร์ก็พร้อมเดินทางทันที” ชายพยายามชราปลอบใจ และให้กำลังใจหญิงสาว
“ว่าแต่ที่องค์หญิงทรงหิวโหยเช่นนี้เพราะเหตุใดเพคะ? เสบียงที่หม่อมฉันเตรียมไว้ให้ในแหวนมิตินั่นก็มีไม่น้อยเลยนะเพคะ” หญิงชรากล่าวถามอย่างสงสัย เพราะการเดินทางเพียงสองคนเพื่อทำภารกิจนั้นยากลำบาก การเตรียมการจึงรัดกุมมากเป็นพิเศษ
“ข้าเอาให้เด็กชาวเขาที่เจอระหว่างทางไปน่ะ หวังว่าฤดูหนาวปีนี้เขาจะอิ่มท้อง”
“กี้!”
MANGA DISCUSSION