“ฟิ้วๆๆๆ” ลูกศรเวทย์เพลิงนับสิบพุ่งผ่านกำแพงไฟออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป้าหมายของพวกมันก็คือกองอัศวินเกราะดำที่กำลังถอยหนีอย่างเร่งด่วน
“รีบพาท่านชายไปเร็วเข้า!” หัวหน้าอัศวินถือโล่ปลายแหลมเข้ามาบังศรเพลิงไว้ได้ทัน ในวินาทีวิกฤติ พร้อมกับสั่งการลูกน้องโดยไม่รอช้า
โล่ปลายแหลมหรือ Kite Shield ที่มีรูปร่างคล้ายว่าว ในมือของอัศวินผู้นี้เป็นโล่สีฟ้าใสดุจคริสตัล ลวดลายเหมือนถูกแกะสลักให้เป็นเหลี่ยมมุมเหมือนก้อนน้ำแข็งธรรมชาติ ที่เป็นแฉกเหมือนหนามแหลม เพียงดูด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่าโล่นี้เป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ไม่ธรรมดา
เพียงแต่ว่าห่าลูกศรที่ยิงออกมาจากสองข้างทางที่โอบล้อมกองทัพอยู่ไม่ขาดสาย ทำให้อัศวินแห่งตระกูลกลาเซียต้องรีบร่นถอย ไม่มีเวลาแม้จะโจมตีตอบโต้ รวมทั้งการปรากฏตัวของจอมเวทย์อีกสองคนทำให้พวกเขาตัดสินใจถอยได้โดยไม่มีข้อโต้แย้งว่าจะเสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใด
ทางฝ่ายของซีเคร็ตการ์เด้น เมื่อศัตรูออกไปนอกระยะโจมตีแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ติดตามแต่อย่างใด เพราะเป้าหมายในการมาครั้งนี้ลุล่วงแล้ว นั่นคือการช่วยชีวิตของเดอริก เฟลมเมียให้รอดพ้นความตายนั่นเอง และหลังจากที่กองทัพศัตรูหายลับไปจากสายตาจอมเวทย์มังกรแดงก็รีบวิ่งเข้าไปดูคนเจ็บทันที
“เดอริกเป็นอย่างไรบ้าง?” เสียงของบีดีเลียยังคงก้องประหลาดอยู่เช่นเดิม เนื่องจากไม่ได้ถอดหน้ากาก
“อาการยังทรงตัวอยู่ ข้าได้ห้ามเลือดให้แล้วเจ้าไม่ต้องห่วง แต่ตอนนี้รีบกลับกันเถอะจะได้รีบรักษาต่อ” วานีลภายใต้หน้ากากพระจันทร์แดงตอบกลับมาด้วยเสียงก้องเช่นกัน
“ได้ พวกเราถอนกำลัง!” บุตรีดยุคตอบรับคำ แล้วสั่งการทันที จากนั้นเธอก็หยิบแหวนเงินวงหนึ่งเข้ามาสวมให้กับเดอริกที่สลบอยู่ เพียงเสี้ยวอึดใจทั้งตัวเธอเอง และชายหนุ่มก็กลายเป็นแสงหายไปกับความว่างเปล่า หลังจากนั้นกลุ่มผู้สวมหน้ากากคนอื่นๆก็ค่อยๆกลายเป็นแสงหายไปทีละคนๆ
17.30 น. หลังจากการพักผ่อน และคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆเป็นอย่างดีแล้ว ภามพร้อมกับเรญ่าก็ลงมาจากห้องพัก เพื่อไปที่บาร์ตามนัดหมาย ซึ่งทีเรียนผู้เป็นบาร์เทนเดอร์ และลูกบุญธรรมของเขาทีโอเรียก็รออยู่ที่หน้าบาร์เรียบร้อยแล้ว
“ท่านภามพักผ่อนสบายไหมขอรับ” บาร์เทนเดอร์หนวดโค้งยังรู้สึกผิดอยู่ที่ต้องทำให้ภามเจอกับสภาพการประชุมที่อึดอัดเมื่อเช้า เขาจึงเริ่มด้วยการทักทายเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการเริ่มบทสนทนา แม้สีหน้าของเขาจะไม่ค่อยสู้ดีนักก็ตาม
“ข้าสบายใจขึ้นแล้วล่ะ ยังไงเรื่องการมีพันธมิตรที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ย่อมเป็นเรื่องดีในการทำธุรกิจ หรือทำอะไรก็ตาม การร่วมมือกับพันธมิตรโลเลี่ยนไม่ใช่ปัญหาเลย ถ้าในกลุ่มสนับสนุนให้ข้าเช่าโกดังนั่นข้าก็จะทำ แต่ก็เป็นเรื่องข้อตกลงของกลุ่มเพื่อช่วยกันต่อต้านศัตรูเท่านั้น” กล่าวจบภามที่เพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ก็จ้องสบตาไปที่ทีเรียน
“เอ่อ…มีอะไรรึเปล่าขอรับ?” ชายวัยกลางคนรู้สึกอึดอัดที่ถูกจับจ้องด้วยสายตาของชายในชุดคลุมดำตรงหน้า
“ถ้าเจ้าจะเข้าร่วมกับบริษัทขนส่งแม็กซิมัสของข้า เจ้าจะต้องออกจากการเป็นสมาชิกของพันธมิตรโลเลี่ยนซะ เพราะเมื่อเจ้ากลายเป็นคนของข้า ต่อไปการติดต่อกับพวกเขาต้องเป็นไปในนามของข้าเท่านั้น ทำได้หรือไม่?” ภามพูดเงื่อนไขออกมาอย่างจริงจัง เพราะการประชุมเมื่อเช้าที่ทีเรียนไม่บอกเขาก่อน ทำให้อดีตอัศวินตรงหน้านั้นขาดความน่าเชื่อถือในฐานะผู้ร่วมงานกัน
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ไม่มีปัญหาขอรับ ต่อไปข้าจะเชื่อฟังเพียงคำสั่งของท่านแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเรื่องเมื่อเช้านั้นก็เป็นความหวังดีของข้าเองที่อยากให้กิจการของท่านได้มีผู้สนับสนุน แต่ก็คาดไม่ถึงเลยว่าคนพวกนั้นจะมองท่านเป็นคนนอกเสียอย่างนั้น” ทีเรียนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก เขาทั้งให้สัญญา และอธิบายความตั้งใจของตนให้กับภามผู้เป็นเจ้านายคนใหม่ของตนได้เข้าใจ
หลังจากได้เคลียร์ปัญหาที่ค้างคาใจกันไปแล้วภามกับทีเรียนก็สบายใจขึ้นมาก ซึ่งก็ทำให้ผู้ติดตามอย่างเรญ่า และทีโอเรียโล่งใจไปด้วยเช่นกัน เจ้าของบริษัทขนส่งจึงสั่งเครื่องดื่มแล้วหันไปคุยกับสารถีหนุ่มบ้าง เผื่อว่าเขาจะยังไม่เข้าใจเรื่องการทำงาน
“อย่างที่ข้าบอกไปกับพ่อของเจ้าแล้วทีโอเรีย ต่อไปเจ้าต้องมาทำงานกับข้า แม้ว่าการเป็นสายสืบอยู่ในกิจการรถม้ารับจ้างที่เจ้าทำอยู่มันก็ดี แต่ตอนนี้บริษัทขนส่งที่ข้าจัดตั้งขึ้นใหม่ยังต้องการคนมีความรู้ความสามารถ เจ้าก็ไปลาออกแล้วมาเป็นคนขับรถม้าส่งสินค้าที่โกดังแทนละกัน” เจ้าของบริษัทชี้แจงสิ่งที่พนักงานใหม่ต้องทำเป็นอันดับแรก
“แหม! ดูเหมือนงานของข้าจะหนักขึ้นมากเลยนะขอรับ” ทีโอเรียพูดเล่นถึงงานใหม่ของตัวเองที่น่าจะต้องยกของขึ้นๆลงๆ แถมยังต้องเดินทางนานอีกด้วย
“อย่าได้ดูถูกงานขนสินค้าที่ไม่เหมือนใครของบริษัทแม็กซิมัสเชียวล่ะ และงานที่นี่หนักกว่าที่เจ้าคิดไว้อย่างแน่นอน แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าตอบแทน เราเป็นกิจการค้าขายย่อมต้องทำกำไร ข้าให้ 1 เหรียญทองต่อเดือนน่าจะคุ้มค่าพอสำหรับเจ้านะ” ภามกล่าวด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าพูดเล่นกับตน
“ 1 เหรียญทอง! จริงหรือขอรับท่านภาม ท่านไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม!” เป็นอีกครั้งที่มีคนตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าตนจะได้เงินเดือนที่สูงขนาดนี้
“ข้าพูดจริง คนที่ฟาร์มของข้าก็ได้ค่าจ้างเท่านี้เป็นขั้นต่ำ แต่สำหรับระดับหัวหน้าอย่างพ่อของเจ้าแล้ว ข้าให้ 2 เหรียญทอง ทีนี้เจ้าจะตั้งใจทำงานได้รึยังทีโอเรีย” ภามโฆษณาค่าตอบแทนของกิจการตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“ข้าจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดขอรับท่านภาม!” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสัญญาด้วยความมุ่งมั่นตาเป็นประกาย
แต่เมื่อทีเรียนเห็นท่าทางของบุตรชายก็ต้องรีบปรามทันที ด้วยคิดว่าชายหนุ่มจะเพ้อฝันเกินไปกับงานที่ค่าตอบแทนสูงแบบนี้
“ทีโอเรีย อย่าลืมสิว่างานขนส่งนี่เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น การต่อสู้กับศัตรูต่างหากคือหน้าที่ที่แท้จริง ซึ่งค่าตอบแทนสูงที่ท่านภามจ่ายให้เจ้ามันก็เป็นการชดเชยที่ต้องออกไปเสี่ยงชีวิตนั่นแหละ ที่สำคัญอย่างที่ข้าเคยบอกไป เมื่อถึงเวลาเราจะต้องเป็นกำลังสำคัญเข้าร่วมสงครามเพื่อพิชิตศัตรูที่แดนใต้” เสียง และใบหน้าที่จริงจังของทีเรียนทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
“อ่า…ข้าจำได้ขอรับท่านพ่อ” ทีโอเรียตอบรับหน้าเศร้าอย่างฝันสลาย แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น
“อ้อใช่…อีกอย่างหนึ่งตามแผนงานของเราแล้ว หลังจากที่เจ้าเริ่มงานก็คงจะไม่มีเวลาให้หยุดพักใช้เงินหรอกนะ ข้าว่ากว่าสงครามจะจบเจ้าคงมีเงินสัก 30 เหรียญทองได้ เป็นยังไงทำงานกับข้ามั่งคั่งมากใช่ไหมล่ะ” ภามยังกล่าวเสริมถึงความยากลำบากอันยาวนานในอนาคต
“นั่นมัน 3 ปีเลยนะขอรับ! โอ้ไม่นะ ข้าถอนตัวทันหรือไม่?” สีหน้าของทีโอเรียเริ่มย่ำแย่
“ไม่ทันแล้วล่ะ จนกว่าจะจบสงครามเจ้าก็จะได้ทำงานเงินเดือนสูงๆกับข้าไปตลอดนั่นแหละ น่ายินดีใช่ไหมล่ะ ฮ่ะๆๆ” เพื่อให้ชายหนุ่มสารถีหายเคร่งเครียด ภามจึงสรรหาคำพูดแฝงมุกตลกที่ฟังแล้วไม่ค่อยขำมาปลอบใจ แต่ไม่รู้ว่ามันจะทำให้ทีโอเรียดีขึ้นรึเปล่าเนี่ยสิ
ส่วนเรญ่าที่นั่งฟังอยู่เงียบๆเช่นเคยก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างอิ่มเอมใจ ด้วยการแสดงออกอย่างจริงใจของภามต่อผู้ร่วมงานคนใหม่ จนถึงขั้นปลอบใจด้วยมุกตลกที่ไม่ถนัดเลยแม้แต่น้อย ที่ทำให้เธอได้ยินเสียงหัวเราะร่าเริงของเขาเป็นครั้งแรก ยิ่งรู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่ได้เข้าร่วมกลุ่มกับอดีตทหารผู้ลึกลับคนนี้
แต่เหมือนพวกเขาจะลืมจุดประสงค์ที่มาคุยกันที่บาร์ในวันนี้ บาร์เทนเดอร์หนวดโค้งก็บังเอิญนึกขึ้นได้พอดี จึงกล่าวถามขัดบทสนทนาของคนตรงหน้า
“ท่านภาม ที่ท่านนัดพวกข้ามาคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นี่มันคือเรื่องอะไรหรือขอรับ?”
“อ้อ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย คืออย่างนี้นะเรื่องมันเริ่มต้นจาก….” ภามเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ซึ่งทำให้เรญ่าต้องบาดเจ็บนั่นเอง
MANGA DISCUSSION