หลังจากได้ยินสิ่งที่บาร์เทนเดอร์ตรงหน้าบอกมา ภามก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ครูใหญ่สามารถคาดการณ์ได้ว่าตนจะได้มายังโรงแรมแห่งนี้ และยังอาจจะได้พบกับชายวัยกลางคนตรงหน้าอีกด้วย นี่ทำให้เจ้าของกิจการขนส่งมีความรู้สึกดีกับฤาษีผู้ห่มหนังเสือขึ้นมาอีกนิด
สำหรับภามในตอนนี้แล้ว การที่มีคนท้องถิ่นคอยช่วยเหลือย่อมเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง แต่เพื่อความแน่ใจว่าคนตรงหน้าเขาจะไม่ใช่สายลับของโอเมก้า จึงต้องขอหลักฐานยืนยันสักหน่อย
“ข้าอยากเห็นจดหมายนั่นได้หรือไม่?” ชายหนุ่มกล่าวถามด้วยความเป็นมิตร แม้ว่าจะยังสงสัยแต่เขาก็ไม่ต้องการจะหาเรื่องใคร
“โอ้! ได้แน่นอนขอรับท่านนี่รอบคอบดีนะ ต่างจากครูใหญ่มากเลยจริงๆ ส่วนข้ามีนามว่าทีเรียน เคยเป็นอัศวินเวทมนตร์สังกัดตระกูลเฟลมเมียมาก่อนขอรับ” บาร์เทนเดอร์แนะนำตัวพร้อมกับเสกซองจดหมายขึ้นมากลางอากาศ ซึ่งทำให้เดาได้ว่าแหวนในมือเขานั้นเป็นอุปกรณ์เวทย์สำหรับใช้เก็บของ
“ตระกูลเฟลมเมียเลยเหรอ? หน้าที่การงานขนาดนั้นเจ้ายังลาออกมาอยู่ที่นี่ คงจะเจอกับปัญหาใหญ่มาสินะ?” ภามกล่าวถามไปด้วยแกะจดหมายออกมาอ่านไปด้วย และระหว่างนั้นเขาก็ใช้เวทมนตร์ตรวจสอบจดหมายไปด้วยเช่นกันเผื่อว่านั่นจะเป็นกับดัก
ซึ่งท่าทางที่ทั้งใจเย็น และรอบคอบ รวมทั้งสามารถแยกสติไปควบคุมเวทมนตร์ได้ง่ายๆของภามนั้น ทำให้ทีเรียนรู้สึกสนใจชายหนุ่มตรงหน้าไม่น้อย เพราะมันเป็นความสามารถที่มีเพียงจอมเวทย์ผู้มากประสบการณ์เท่านั้นที่จะทำได้
ในความคิดของบาร์เทนเดอร์หนวดโค้งนั้นการกระทำเล็กๆน้อยๆของภามนี้ แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มต้องผ่านการต่อสู้ และฝึกฝนพลังเวทย์มามากมาย เกินกว่าอายุของเขาจะสามารถทำได้ หรือความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือชายผู้ที่ครูใหญ่แนะนำมานี้เป็นบุคคลอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์นั่นเอง
ภามที่อ่านจดหมายของครูใหญ่ไปด้วยก็ขมวดคิ้วไปด้วย เนื้อหาสั้นๆในนั้นบอกเพียงว่าภามมีหน้าตาท่าทางยังไง และมีเป้าหมายที่จะรวบรวมผู้คนเพื่อไปหยุดยั้งสงครามทางใต้เท่านั้น แล้วภาษาที่ใช้กับตัวหนังสือก็เหมือนเขียนข้อความส่งๆไปตามนิสัยง่ายๆของครูใหญ่จริงๆ
“เอิ่ม…ถึงข้าจะไม่เคยเห็นลายมือของเขา แต่ก็พอจะเดาได้ว่าจดหมายนี่เขาเป็นคนเขียนเองกับมือแน่นอน” ชายหนุ่มผมดำกล่าวขึ้นมาด้วยอารมณ์แบบว่าช่วยไม่ได้ ที่ครูใหญ่เป็นคนประหลาดอย่างนั้น
“ฮ่าๆๆ นั่นสินะขอรับ ข้ายังคิดเลยว่าถ้าจะมีคนปลอมจดหมายครูใหญ่ที่ดูเหมือนง่าย แต่มันก็ยากมากเลยที่จะทำให้เหมือน เพราะความแปลกแบบนั้น” ทีเรียนพูดเสริมขึ้น เขาเห็นด้วยกับภามจริงๆ
“เรื่องตาแก่หนวดยาวนั่นช่างมันก่อนเถอะ ข้าอยากรู้ว่าทำไมเจ้าถึงออกจากตระกูลเฟลมเมีย และทำไมถึงอยากเข้าร่วมกับข้ามากกว่า อ้อ! แล้วก็ขอเบียร์เพิ่มด้วย” ภามเริ่มรู้สึกถูกชะตากับชายกลางคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก จนอยากจะนั่งคุยต่ออีกสักพักทีเดียว
โดยสรุปแล้วความเป็นมาของอดีตอัศวินเวทย์ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะทีเรียนก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้นามสกุลเฟลมเมีย แต่เนื่องจากเป็นสายเลือดที่ห่างจากผู้สืบทอดสายตรงเขาจึงได้เป็นเพียงอัศวิน แต่นั่นก็ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มั่งคั่งมากแล้วสำหรับคนทั่วไป
ส่วนเหตุการณ์ที่แปรผันซึ่งทำให้เขาต้องมาเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่เมืองฟลอริสตี้แห่งนี้ ก็เพราะว่าเขาไปมีเรื่องกับมาควิสคนหนึ่งจากตระกูลธันเดอเรียน เรื่องแย่งสตรีคนเดียวกันแต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ และผิดหวังจึงลาออกแล้วไปเป็นนักผจญภัยอยู่หลายปี
วันหนึ่งเขา และสหายนักผจญภัยพลาดท่าถูกฝูงออร์คลอบโจมตีในป่า มีเพียงทีเรียนที่บาดเจ็บสาหัส และเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่เขาจะถูกฆ่า มหาจอมเวทย์นาธานก็ปรากฏตัวขึ้นมาช่วยชีวิตเอาไว้ หลังจากนั้นทีเรียนก็วางมือจากการต่อสู้แล้วมาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์จนถึงทุกวันนี้
ส่วนเรื่องที่ครูใหญ่มาขอให้ทีเรียนช่วยเหลือภามนั้น ก็ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด แต่หลังจากที่เขาได้คุยกับเจ้าของกิจการขนส่งแห่งใหม่แล้วก็เกิดความรู้สึกถูกชะตา จึงอาสาจะช่วยเหลือจัดการอย่างเต็มที่ ยกเว้นก็แต่เรื่องออกรบ หรือการต่อสู้ที่เขาไม่อยากกลับไปยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว
“อย่างนี้กิจการในเมืองฟลอริสตี้ก็มีคนที่ไว้ใจได้มาช่วยดูแล ข้าก็วางใจได้มากแล้ว ว่าแต่เจ้าสามารถหาตัวนักฆ่าจากส่วนกลางของโอเมก้าได้รึเปล่า? คนของข้าส่งข่าวมาบอกว่ามีคนหนึ่งอยู่ที่เมืองนี้” ภามถามเข้าเรื่องทันที เพราะตอนนี้ทีเรียนถือว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้ และรู้เรื่องราวในเมืองแห่งนี้ดีที่สุด
“โอ้! นั่นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะเขาพักอยู่ที่นี่เช่นเดียวกับท่านขอรับ” ทีเรียนกล่าวด้วยความยินดีที่เขาสามารถช่วยภามได้ทันที
“ว่าไงนะ! แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นเขา?” ภามประหลาดใจอย่างมากที่เป้าหมายอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น
“นักฆ่าของโอเมก้าจากส่วนกลางนั้นจะมีกลิ่นอายพิเศษ ถ้าคนที่เคยเจอพวกนั้นบ่อยๆย่อมรับรู้ได้ เขามานั่งดื่มไวน์ที่บาร์นี่อยู่ทั้งคืน เพราะฉะนั้นข้าดูไม่พลาดอย่างแน่นอน และดูเหมือนเขาจะรู้ด้วยว่าข้าคืออดีตอัศวินเวทย์จากตระกูลเฟลมเมีย เพราะเขาเหมือนตั้งใจมาจับตาดูข้าด้วย” บาร์เทนเดอร์หนวดโค้งพูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนมาจับจ้องเขา
“หรือว่าเจ้าจะเป็นเป้าหมายของมัน?” เจ้าของฟาร์มหนุ่มชักเริ่มลำบากใจขึ้นมาแล้ว
“ไม่ใช่หรอกขอรับ เขามาพักที่นี่ก็เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาเท่านั้น ส่วนการจับตามองข้าไว้นั้นก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเองเท่านั้น เป็นนักฆ่าคนไหนถ้ารู้ว่าข้าเป็นอัศวินมาก่อน และอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ก็ต้องระแวงแน่นอน แต่เมื่อเขารู้แล้วว่าข้าไม่ได้รับคำสั่งมาให้จัดการเขา เขาก็ไม่สนใจข้าอีก ต่างคนต่างอยู่” ทีเรียนก็ยังเล่าเรื่องไปอย่างสบายๆไม่กังวลแม้แต่น้อย
หลังจากได้ข้อมูลเกี่ยวกับนักฆ่าที่บีดีเลียติดต่อมาเพื่อเตือนก่อนหน้านี้แล้ว ภามก็ขอให้ทีเรียนสืบหาตัวอดีตทหารจากเมืองฮาเวสตี้ที่มาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่นี่ เพราะนั่นคือเป้าหมายจริงๆของนักฆ่าคนนั้น ส่วนภามยังไม่คิดจะจัดการนักฆ่าในตอนนี้ เขาต้องไปปรึกษากับเรญ่าก่อนเพื่อความแน่นอน
“ก๊อกๆๆ เรญ่า” เจ้าของฟาร์มเคาะประตูห้องพักห้องหนึ่ง พร้อมกับเรียกชื่อหญิงสาวด้านใน
“ท่านภาม มีอะไรหรือเจ้าคะ?” เรญ่าที่เหมือนว่าจะหลับไปแล้ว ต้องตื่นมาเปิดประตูด้วยความงัวเงีย
“ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม?” ชายหนุ่มกล่าวถามตามมารยาท
“ดะ…ได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวผมดำตอบกลับด้วยความประหม่าเล็กน้อย แต่เธอก็ให้เขาเข้าไปในห้องพักของเธอโดยไม่ขัดข้องอันใด
บนขอบหน้าต่างสุดโถงทางเดิน บุคคลลึกลับที่นั่งอยู่ตรงนั้นจับจ้องมองไปที่ภามซึ่งเดินเข้าไปในห้องของเรญ่าเขม็ง แต่หลังจากที่ประตูได้ปิดลงสายตานั้นเขาก็หันกลับไปมองดวงดาวบนฟ้ายามราตรีที่ไกลออกไปเช่นเดิม
‘แหม…ถ้าอยากจะเข้าไปนอนด้วยกัน ก็ไม่เห็นต้องเช่าคนละห้องตั้งแต่แรกเลยนี่ แปลกคนจริงๆ ถ้าเป็นข้าคงไม่ปล่อยให้นางต้องนอนเหงารอเช่นนี้หรอก ไม่ไหวเลยนะเจ้านั่นเนี่ย’ ชายลึกลับบ่นกับตัวเองในใจ
แต่เหนือศีรษะของชายลึกลับ บนคานไม้ใหญ่ที่รับน้ำหนักหลังคาของโรงแรมแห่งนี้ ที่ไม่ว่าใครมองขึ้นมาก็จะเห็นเพียงแค่ความว่างเปล่าอันมืดมิดเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วกลับมีสิ่งลึกลับบางอย่างคอยจับจ้องลงมายังชายคนนั้นอยู่อย่างไม่ละสายตา
“กี้” สิ่งลึกลับไร้ตัวตนนั้นอดไม่ได้ที่ร้องแย้งออกมากับความคิดของคนเบื้องล่าง ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กน้อย
MANGA DISCUSSION