“หยุด….” สารถีสั่งพร้อมดึงบังเหียนเพื่อหยุดม้าที่กำลังลากรถอยู่ เขาจอดรถม้าที่ด้านหน้าโรงแรม ภามกับเรญ่าลงจากรถม้ามาด้วยความเงียบ บรรยากาศบ่งบอกได้ชัดเจนว่าทั้งสองนั้นมีความกังวลอยู่ในใจ แต่เกษตรกรหนุ่มก็ยังไม่ลืมที่จะให้ทิปกับสารถีอัธยาศัยดีไปอีก 10 เหรียญเงิน
หญิงสาวผมดำขอตัวขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ส่วนภามก็เลือกที่นั่งหน้าบาร์ของห้องอาหารชั้นล่างของโรงแรมแล้วก็สั่งเบียร์มาแก้วหนึ่งเพื่อดื่มแก้เซ็ง นั่นก็เพราะโกดังด้านตะวันออกซึ่งเป็นแห่งที่สามที่พวกเขาไปดู สภาพของมันก็แย่ไม่ได้ต่างจากโกดังทางทิศใต้มากนัก
ทำให้ทั้งภาม และเรญ่าต้องกลับมาพิจารณาโกดังแห่งแรกในย่านการค้าอีกครั้ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดีเกินไปจนผิดสังเกต แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะคุยเรื่องสำคัญต่อหน้าคนขับรถม้าได้ สุดท้ายจึงต้องเก็บปัญหาเอาไว้ก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง
หลังจากดื่มเบียร์ตรงหน้าไปได้สักสองอึก บาร์เทนเดอร์วัยกลางคนมีหนวดโค้งงอนใต้จมูกที่เพิ่งเสิร์ฟเบียร์ให้ก็กล่าวขึ้นมาเสียก่อน
“ข้าได้ยินจากพนักงานต้อนรับว่าท่านมาจากเมืองฮาเวสตี้หรือขอรับ?” บาเทนเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียง และแววตาที่เป็นมิตร ซึ่งเป็นการสนทนากับแขกตามปกติ
“ใช่แล้ว มีอะไรอย่างนั้นรึ?” การเปิดประเด็นด้วยคำถามแบบนี้แม้ว่าจะฟังดูเสียมารยาท แต่เหมือนกับว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องการพูดอะไรบางอย่าง สำหรับคนที่ต้องการข่าวสารข้อมูลอย่างภามแล้วจึงไม่ได้ถือสา และถามออกไปด้วยความอยากรู้
“คือถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ข้าอยากทราบว่าบรรยากาศการค้าขายทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง หลายๆคนที่มาที่เมืองฟลอริสแห่งนี้ก็มาจากฮาเวสตี้ทั้งนั้น เพราะที่นั่นในตอนนี้ไม่เหมาะกับการค้าขายในฤดูหนาว ยิ่งเจ้าเมืองก็ไม่สนใจความเป็นอยู่ของชาวบ้านเลย มัวแต่ลุ่มหลงกับอำนาจของตัวเอง” ท่าทางรวมถึงคำพูดของบาร์เทนเดอร์เหมือนจะถามเพื่อให้นักเดินทางอย่างภามได้ระบายความในใจออกมาเท่านั้น แต่ด้วยรายละเอียดของคำถามเหมือนตั้งใจเจาะจงไปที่บางอย่างมากกว่า
สำหรับภามที่ผ่านงานการเป็นสายสืบในแดนข้าศึกมาแล้ว ย่อมต้องรู้สึกมีพิรุธกับคำถามนี้แน่นอน แต่ความนัยที่แฝงอยู่ของชายวัยกลางคนตรงหน้ายังไม่อาจบอกได้ว่าเขามาดีหรือมาร้าย เจ้าของฟาร์มจึงต้องตอบอย่างระวังเป็นพิเศษ
“อืม…สำหรับข้าการที่เมืองฮาเวสตี้มีการค้าขายในหน้าหนาวน้อย นั่นก็เพราะผลผลิตทางการเกษตรที่น้อยลงอย่างมากตามฤดูกาลเท่านั้น แต่เมื่อมาเห็นที่เมืองฟลอริสตี้แห่งนี้ก็ทำให้ประหลาดใจได้มากเช่นกัน ทั้งๆที่นี่เป็นเมืองขนาดกลางเท่านั้น แต่กลับมีการค้าขายสินค้าที่หลากหลายกว่า” ภามเพียงแค่ตอบตามสภาพการทั่วไปที่ใครๆก็เห็นได้ชัดเจนเท่านั้น
“ท่านสังเกตรึเปล่าว่าของกินต่างๆที่ขายอยู่ก็เป็นของธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป แต่เมืองฮาเวสตี้กลับไม่มีใครขายทั้งที่เมืองทั้งสองก็อยู่ไม่ไกลกัน ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากไปเปิดร้านในเมืองหลวงของแคว้นตะวันออกอย่างฮาเวสตี้มากกว่า แต่กลายเป็นว่าที่นั่นแย่กว่าเยอะน่าเสียดายจริงๆ” บาร์เทนเดอร์พูดไปด้วยก็ทำหน้าเศร้าไปด้วย แสดงถึงความรู้สึกเสียดายจริงๆ แต่อดีตทหารก็ยังดูออกว่าคนตรงหน้าต้องการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับตนมากกว่าจะกล่าวตัดพ้อขึ้นมาลอยๆ
“ที่เจ้าว่าแย่นั้นคิดว่าสาเหตุมาจากเจ้าเมืองฮาเวสตี้บริหารไม่ดีแค่อย่างเดียว หรืออาจมีสาเหตุอื่นร่วมด้วยล่ะ?” ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามต้องการชักชวนให้ภามเข้าประเด็น เขาก็จะพูดให้เข้าเรื่องแต่ไม่มีทางจะใช้อารมณ์เข้าไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ไม่ควรพูดก็อาจออกมาจากปากของตัวเองได้
“อืม…จะว่าไปสาเหตุอื่นที่มันส่งผลถึงการค้าขาย และสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านก็มีอยู่ อย่างเช่นกลุ่มการค้าโอเมก้า ที่ต้องการครอบครองระบบเศรษฐกิจของเมืองฮาเวสตี้นั่นก็ตัวร้ายเลย ยังดีที่เมืองใหญ่แบบนั้นยังมีกลุ่มอิทธิพลอื่นๆคอยขวางอยู่ แต่ล่าสุดที่ข้าได้ข่าวมามันแย่ลงไปอีกแล้ว” บาร์เทนเดอร์กล่าวด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้ภามเห็นชัดเจนเลยว่าชายวัยกลางคนตรงหน้าเขา ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับกลุ่มการค้าสุดโหดนั่น
แต่บังเอิญที่จู่ๆคำถามของภามก็ทำให้ชายหนวดโค้งเผยเรื่องราวบางอย่างที่น่าสนใจออกมาด้วย เจ้าของฟาร์มจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไป
“ที่เจ้าว่าเมืองฮาเวสตี้แย่ลงไปอีกนี่เรื่องอะไรอย่างนั้นรึ? ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรแปลกไปจากสิ่งที่ควรจะเป็นเลยสักนิด” ภามเผยสีหน้าที่ดูสับสนเกินจริงๆ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามรีบอธิบายออกมา
“ก็ตั้งแต่ที่ท่านหญิงเรโคลเต้บุตรีของเจ้าเมืองถูกลักพาตัวไปนั่นไง เจ้าเมืองก็เอาแต่ตามหาตัวลูกสาว มีกำลังทหารตรวจตราทั่วเมืองอย่างเข้มงวด รวมทั้งได้รับกองทหารสนับสนุนจากตระกูลกลาเซีย และเฟลมเมีย ซึ่งตระกูลกลาเซียนั้นคือผู้สนับสนุนของกลุ่มโอเมก้าด้วยยังไงล่ะ” บาร์เทนเดอร์เข้ามากระซิบใกล้ๆภามเพื่อไม่ให้เสียงดังเกินไป เพราะเรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรพูดออกมา
“เอ๋? เคลื่อนย้ายกองทัพออกมาจากเขตปกครองแบบนี้ทางเมืองหลวงไม่ว่าอะไรรึ? แล้วที่บอกว่าตระกูลกลาเซียอยู่เบื้องหลังโอเมก้า อย่างนั้นก็หมายความว่าการมาเมืองฮาเวสตี้ในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องแค่ตามหาท่านหญิงละมั้ง?” คราวนี้ภามประหลาดใจจริง การที่หญิงสาวถูกลักพาตัวไปเพียงคนเดียว แต่กลับยกกองทัพจากแดนไกลออกตามหานี่มันชักจะไม่ปกติแล้ว
“องค์จักรพรรดิยังทรงพระเยาว์ พระราชมารดาหรือก็คืออดีตองค์จักรพรรดินีก็ทรงมาจากตระกูลกลาเซีย การเคลื่อนทัพของตระกูลกลาเซียจะมีปัญหาได้อย่างไร อาจจะอ้างว่าช่วยส่งทัพไปเสริมสงครามทางใต้ก็ได้ แต่เรื่องสำคัญอยู่ที่เมืองฮาเวสตี้นั่นล่ะ คงต้องมีการนองเลือดแน่นอน” ชายหนวดโค้งกล่าวตั้งแต่ต้นจนจบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และแววตาที่จริงจัง
สำหรับภามแล้วข่าวนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะที่ผ่านมาหลังจากพาตัวบีดีเลียมาอยู่ที่ฟาร์มพวกของเขาก็คาดเดาความเป็นไปได้ต่างๆนานาเอาไว้แล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าทางตระกูลกลาเซียจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ รวมทั้งตระกูลเฟลมเมียยังส่งทหารมาอีก นี่คงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่นอน
แม้จากเรื่องที่บาร์เทนเดอร์กล่าวมานี้จะเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ก็ทำให้เจ้าของธุรกิจใหม่อย่างภามต้องฉุกคิดระแวงขึ้นมาทันที เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับเหล่าขุนนาง ถึงจะเป็นเรื่องปกติที่มีคนเล่าขวัญนินทาแต่ข่าวจากทางเหนือลือมาถึงทางใต้รวดเร็วในเวลาไม่กี่วันได้อย่างไร
อีกอย่างคือตั้งแต่ต้นบาร์เทนเดอร์วัยกลางคนเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นพูดคุยขึ้นมาก่อน โดยที่เน้นพูดไม่เน้นรับฟังเหมือนบาร์เทนเดอร์ทั่วไป นี่เป็นเรื่องที่แปลกเกินกว่าจะบอกว่าแค่เป็นข่าวลือปกติได้ เหมือนว่าคนตรงหน้าจะรู้ว่าภามต้องสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษอย่างแน่นอน
ซึ่งเจ้าของฟาร์มเองก็คาดเดาไม่ได้จริงๆว่าบาร์เทนเดอร์รู้ว่าตนอยากฟังเรื่องอะไรได้ยังไง หรือเขาจะสุ่มเล่าเรื่องกับคนที่มาจากเมืองนั้นๆที่ตนรู้ อีกอย่างข่าวเหล่านั้นเขาไปรู้มาจากที่ไหนกันถึงได้ฟังดูน่าเชื่อถือมากทีเดียว หลังจากกลั่นกรองเรื่องราวสักพักภามก็ถามกลับออกไป
“สรุปแล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าจุดประสงค์ของการเคลื่อนทัพมายังเมืองฮาเวสตี้ ของสองตระกูลใหญ่นั่นเพื่ออะไรกันแน่?” ชายหนุ่มกล่าวถามไปตามตรง
“เรื่องนั้นข้าไม่อาจทราบ แต่จากข่าวมากมายก่อนหน้านี้ก็พอจะคาดเดาได้ว่าพวกเขาจะมายึดเมืองฮาเวสตี้ไปเป็นของตัวเอง หรือก็คือล้มล้างตระกูลเรโคลเต้นั่นล่ะขอรับ” น้ำเสียงที่จริงจังของบาร์เทนเดอร์บ่งบอกว่าเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ
“อืม…แล้วที่เจ้าเล่าให้ข้าฟังตั้งแต่ต้นนี้จุดประสงค์จริงๆคืออะไรกันแน่? คงไม่ใช่แค่ต้องการข้อมูลของเมืองฮาเวสตี้เป็นการแลกเปลี่ยนหรอกนะ” คราวนี้ภามถามถึงความจริง เมื่อแน่ใจแล้วว่าบาเทนเดอร์หนวดโค้งขึ้นจนเกือบม้วนคนนี้มีความต้องการอะไรบางอย่าง
“หึๆ ข้าเคยเห็นท่านที่เมืองฮาเวสตี้ พวกทหาร และพ่อค้ามักกล่าวชื่นชมถึงท่านเสมอ ที่สำคัญอีกอย่างครูใหญ่ได้ส่งจดหมายมาให้ข้า เขาบอกว่าท่านกำลังรวบรวมคนอยู่ใช่หรือไม่ ท่านภาม”
MANGA DISCUSSION