ในขณะที่ผู้คนมากมายในห้องจัดเลี้ยงกำลังแยกย้ายจากรอบโต๊ะประธานหลังจากการแสดงความยินดีแล้วกลับไปเพื่อเต้นรำกันต่อ ซึ่งเป็นจังหวะที่ไม่มีใครทันที่จะเตรียมตัวทำอะไร รวมทั้งบีดีเลียที่จิตใจกำลังสับสน และกังวลอยู่ เสียงลึกลับก็ดังขึ้นในหัวของเธอ
‘บีดีเลียนี่ข้าเอง ภาม’ โทรจิตจากชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวในชุดแดง
‘ท่านภามอย่างนั้นรึ? ท่านใช้โทรจิตคุยกับข้าหรือ?’ หญิงสาวตั้งสติแล้วตอบกลับไปภายในใจ พร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาจากผู้คนไม่ให้ผิดสังเกต
‘ใช่แล้ว ข้าโทรจิตคุยกับเจ้าอยู่ ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังลำบากใจ ไม่อยากจะเป็นคู่หมั้นของผู้ชายหัวขาวคนนั้นหรือ?’ อดีตทหารเริ่มด้วยการตั้งคำถามเพื่อความแน่ใจ
‘เฮ้อ! แม้ว่าข้าจะไม่ได้รังเกียจท่านชายเดเมียน แต่ว่าข้าก็รู้ดีว่าตระกูลกลาเซียคือพันธมิตรสำคัญของกลุ่มโอเมก้า ข้าไม่อยากให้ตระกูลเรโคลเต้ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนั้น แต่สุดท้ายท่านพ่อก็ยอมจับมือเข้าร่วมด้วย ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ก็คงสายไปแล้วที่จะตัดความสัมพันธ์นี้’ หญิงสาวตอบกลับพร้อมสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างยิ่ง
‘อืม…แล้วถ้าข้าพาเจ้าหนีไปตอนนี้ จะถือว่าการหมั้นหมายนั่นเป็นโมฆะหรือไม่ล่ะ?’ ภามถามกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ
‘หึ…ท่านพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายที่จะออกไปจากที่ทำการนี่ ตอนนี้ระบบเวทมนตร์ป้องกันภัยถูกปรับปรุงใหม่ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลกลาเซียอย่างลับๆ แม้แต่มหาจอมเวทย์ก็บินออกไปไม่ได้ง่ายๆ อีกอย่างจอมเวทย์ลึกลับกว่า 10 คนที่ติดตามเหล่าคนสำคัญมาคงขัดขวางท่านไว้ก่อน’ บีดีเลียคิดอย่างตัดพ้อในโชคชะตา
จากคำพูดของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มฉุกคิดขึ้นมาถึงระบบเวทย์ป้องกัน และจอมเวทย์ที่ว่า เขาจึงเริ่มตรวจสอบสิ่งเหล่านั้นด้วยการขยายสัมผัสรับรู้ทันที แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าจอมเวทย์อีกหลายคนในห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่มีใครจับได้แน่นอน เพราะเขาเลือกใช้พลังจิต ไม่ใช่เวทมนตร์
ปรากฏแสงอ่อนๆหลากสีขึ้นหลายจุดรอบตัวของภามในจิตสมาธิอันมืดมิดของเขา จอมเวทย์ระดับสูงกว่าครูจอมเวทย์หลายๆคนในโรงเรียนลูน่าซองค์นับสิบคนกระจายอยู่ทั่วทั้งที่ทำการเจ้าเมือง ซึ่งจำนวนที่มากที่สุดรวมตัวอยู่ในบริเวณรอบงานเลี้ยง และภายในงาน
จะมีก็เพียงสองคนที่มีพลังโดดเด่น ก็คือจอมเวทย์ลึกลับที่นั่งอยู่ห้องข้างๆกับท่านชายเดเมียนเท่านั้น แต่ไม่ว่ายังไงหมดก็ไม่อาจเทียบเท่าอดีตทหารจากต่างโลกได้ ส่วนระบบเวทย์ป้องกันที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของที่ทำการแห่งนี้แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งจริง แต่ภามก็พบว่ามีถึง 3 วิธีที่จะหนีออกไปได้
ต้องบอกว่าภามสามารถรับรู้รูปแบบของวงเวทย์ได้เพียงสัมผัสทางจิต และมันคือโดมพลังเวทย์ที่จะครอบคลุมที่แห่งนี้ วิธีแรกที่จะออกไปก็คือเจาะทะลวงเพียงจุดเล็กๆเพื่อออกไป อย่างที่สองคือทำลายอักขระเวทย์ไม่ให้สร้างม่านพลังได้ และอย่างที่สามเทเลพอร์ตเคลื่อนย้ายข้ามมิติออกไปจากที่นี่
‘ฮะๆๆ บีดีเลียข้ามีวิธีพาเจ้าผ่านม่านพลังป้องกันไปได้ โดยที่จอมเวทย์พวกนั้นก็ตามไม่ทัน จะว่ายังไงล่ะ? ฟาร์มของข้ายินดีต้อนรับเจ้าอยู่แล้ว’ ภามยังคงเชิญชวนหญิงสาว เพราะในใจเขานั้นต้องการขัดขวางการเติบโตของกลุ่มโอเมก้าเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่ตัวของเขาจะพร้อมสู่สงครามในอนาคต
‘ตะ…แต่หากข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วใครจะคอยขัดขวางเวเบอร์ล่ะ? อีกอย่างตระกูลกลาเซียก็จะหาข้ออ้างเข้ามาแทรกแซงภายในเมืองฮาเวสตี้ได้มากขึ้น’ บุตรสาวเจ้าเมืองที่ตอนนี้ได้แต่เป็นกังวลจนคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออก
‘ข้าได้ยินจากฮาคิมก่อนมาที่นี่แล้ว พวกทหารหน่วยเทพอัคคีถึงกับโดนปลด และขับไล่ออกจากเมืองไป ส่วนอัลเฟรดก็ถูกส่งไปทำงานที่เมืองอื่น รวมทั้งคนรับใช้ของเจ้าทั้งหมดก็ถูกเปลี่ยน วันนี้เจ้าก็เลยมาที่งานนี้เพียงคนเดียวใช่ไหม ไม่ว่ายังไงสิ่งที่เจ้าบอกมามันก็ไม่อาจหยุดยั้งได้แล้วล่ะ’ ชายหนุ่มล่องหนกล่าวเข้าตรงประเด็น
‘เฮ้อ! ท่านนี่รู้ดีจริงๆเลยนะ ก็ได้ข้าจะไปกับท่าน แต่ท่านแน่ใจหรือไม่ว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบการค้าของท่านกับฮาคิม?’ หญิงสาวยังคงเป็นห่วง
‘ไม่มีหลักฐานยังไงก็เอาผิดไม่ได้ ถึงพวกเขาจะเชื่อมโยงเจ้ากับฮาคิมได้ แต่ไม่อาจเชื่อมโยงเจ้ากับข้าได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะนะ อย่างนั้นข้าจะเริ่มเลยก็แล้วกัน เจ้าแค่อยู่เฉยๆก็พอ’ ภามที่ล่องหนอยู่ในสเตลท์โหมดกล่าวจบ ก็ชี้นิ้วไปที่ลูกแก้วเวทมนตร์ที่เรืองแสงอยู่บนเพดาน แต่…
จู่ๆท่านชายเดเมียนที่นั่งอยู่ด้านข้างของบีดีเลียก็หันหน้ามามองที่หญิงสาว พร้อมกับกล่าวออกมา
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่? เห็นก้มหน้าเงียบไปเสียนาน?” แววตา และน้ำเสียงที่เย็นชากล่าวถามหญิงสาว แม้ว่าข้อความที่พูดมันจะฟังดูขัดแย้งกับการแสดงออกไปหน่อยก็ตาม แต่มันก็ทำให้เป็นจุดสนใจของคนทั้งโต๊ะ
“เอ๋? เอ่อ…คือข้ากำลัง…ตื่นเต้นอยู่เจ้าค่ะ ข้าไม่ทราบเรื่องหมั้นหมายนี้มาก่อน” บีดีเลียที่มองไปที่ใบหน้างดงามที่แสนเย็นชาของชายหนุ่มก็รู้สึกใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก เธอจึงเผลอหลุดพูดความจริงออกมาแม้จะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม ท่าทางเขินอายที่ชัดเจนนี้อีกเช่นกันที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ทีแรกพวกเขาคิดว่าบีดีเลียจะต่อต้านขัดขืนเสียด้วยซ้ำ แต่…
แววตาของเดเมียน กลาเซียกลับเปลี่ยนไป จากเฉยชากลับเป็นมองต่ำเหยียดหยามหญิงสาวว่าที่คู่หมั้นของเขาออกมาทันทีอย่างไม่ปิดบัง แม้ว่าคนอื่นจะไม่เห็น แต่บีดีเลียกลับเห็นมันเต็มสองตา จนรอยยิ้มน้อยๆเมื่อสักครู่กลายเป็นแน่นิ่งตะลึงงันไปแทน
และนั่นก็เป็นภาพสุดท้ายที่บุตรีแห่งดยุคได้เห็นก่อนที่ทุกอย่างรอบตัวจะมืดไปอย่างกะทันหัน
“ว้าย!” เสียงผู้หญิงหลายคนภายในงานร้องตกใจออกมา หลังจากที่ไฟดับ
“จุดตะเกียงเวทย์ขึ้นมาสิ!” เสียงของดยุคสั่งฝ่ายบริการ
“คุ้มกันท่านดยุค!” ทหารจากภายนอกห้องตะโกนสั่งการลูกน้องทันทีที่ไฟดับ ตามหน้าที่
“ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบด้วยนะขอรับ” ท่านชายเดอริกปลอบแขกในงานที่กำลังตกใจอยู่
“ตายเสียเถอะเวเบอร์!” เสียงตะโกนอย่างอาฆาตดังใกล้กับโต๊ะเจ้าภาพ
“เฮ้ย!” ผู้ช่วยเจ้าเมืองตกใจหลังจากได้ยินคำกล่าวอาฆาตตัวเขา
“ตุบ!” เสียงเหมือนบางอย่างถูกกระแทกอย่างแรง
เพียงครู่เดียวลูกแก้วเวทมนตร์ทั้งหมดบนเพดานก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งห้องจัดเลี้ยงกลับมามองเห็นได้ชัดเจนดังเดิม แต่มีบางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม จอมเวทย์นับสิบปรากฏตัว รวมทั้งทหารกว่า 30 คนเข้ามายืนล้อมตัวของชายผมสีม่วงอ่อนเอาไว้พร้อมกับหันอาวุธชี้ออกด้านเพื่อคุ้มกัน
“ท่านเวเบอร์เป็นอะไรหรือไม่ขอรับ?” อัศวินคนหนึ่งกล่าวถาม
“อะ…เอ่อใช่ ข้าไม่เป็นไร” ผู้ช่วยเจ้าเมืองสำรวจตัวเองด้วยความสับสนก่อนจะตอบกลับ
แต่ชายผมม่วงหน้าเจ้าเล่ห์กลับรู้สึกแปลกๆที่รอบข้างดูเงียบผิดปกติ เขาจึงหันมองรอบด้านเพื่อสำรวจดู เมื่อทุกคนในงานเลี้ยงจ้องมองมาที่เขา แถมเจ้าเมืองยังมองเขาด้วยสีหน้าตกตะลึงปนโมโห และในที่สุดเขาก็เข้าใจ นั่นเป็นเพราะทหารมาล้อมป้องกันให้แต่เพียงตัวเขาแค่คนเดียว
“อ้ะ…เฮ้ยพวกเจ้ามาล้อมข้าไว้ทำไมกัน เจ้าต้องไปคุ้มกันท่านดยุคสิ!” เวเบอร์รีบตะโกนบอกเหล่าทหารทันที
“ไม่ต้อง! เรื่องจบแล้ว พวกเจ้าไสหัวไปไหนก็ไป!” เจ้าเมืองฮาเวสตี้โกรธเกรี้ยวอย่างมาก เขาไม่นึกเลยว่าพวกทหารจะเข้าไปป้องกันผู้ช่วยของเขาเพียงคนเดียว ทั้งที่ปกติน่าจะมาล้อมรอบโต๊ะตามที่ฝึกฝนมามากกว่า ซึ่งพวกทหารก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“ทะ…ท่านเจ้าเมืองขอรับอย่าได้คิดมากไปเลย ไฟดับมันคงมืดมากพวกทหารเลยมองเห็นไม่ถนัด” เวเบอร์ได้แต่กล่าวปัดไปด้วยความรวดเร็ว
เรื่องราวยังไม่จบง่ายดายเพียงนั้น
“ท่านดยุคท่านควรมาดูทางนี้ก่อนดีกว่า” เสียงชายชราที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นข้างๆ
“หืม?…เจ้ากำลังทำอะ…ท่านชาย!เป็นอะไรไป” ดยุคมาเอลโพล่งตกใจเมื่อเห็นจอมเวทย์ชรากำลังประคองเดเมียนที่บาดเจ็บบนใบหน้า ถึงกับเลือดไหลออกมาเลยทีเดียว
“เมื่อครู่ท่านชายน่าจะถูกชกอย่างแรง ซึ่งคนที่จะทำได้ต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน” ชายชรากล่าว
MANGA DISCUSSION