หลังจากที่ภามได้ถอดหน้ากากออกเพื่อเผยโฉมหน้าต่อฮาคิม ทำให้อดีตทหารต้องโดนพ่อค้าหนุ่มเทศนายาวด้วยความโมโหที่แอบมาแกล้งเขาจนหัวใจแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ซึ่งภามก็ได้แต่ยิ้มไม่ตอบโต้อะไร เพียงนั่งไขว่ห้างทำหูทวนลมไปชิลๆ
“แฮ็ก…แฮ็ก…แฮ็ก…” เจ้าของร้านไวน์หอบหายใจเหนื่อยอ่อนหลังจากก่นด่าเพื่อนไปเสียยกใหญ่
“อะแฮ่ม…ถ้าเหนื่อยก็พักดื่มน้ำก่อนนะ” ภามยังคงแซวเจ้าของร้านต่อด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าหลายๆคนจะไม่ค่อยได้เห็นเกษตรกรหนุ่มยิ้มสักเท่าไร แต่รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยจากการทรมานเพื่อนแบบนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฮาคิมอยากได้รับสักเท่าไร
“หึ! ภามเจ้ามาที่นี่เพื่อยั่วโมโหข้าเท่านั้นหรือไง มีธุระอะไรก็ว่ามา” ฮาคิมนั่งลงแล้วค่อยๆสงบสติอารมณ์ได้ในที่สุด และการที่เกษตรกรหนุ่มมาที่นี่ยามดึกแน่นอนว่าคงไม่ได้มาเที่ยว
“แล้วนี่เจ้าจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าข้าใส่ชุดอะไรอยู่ ทำไมมันดูประหลาดจัง อะไรทำนองนี้?” ภามยังคงทำหน้าตาระรื่น เหมือนกับว่าเขาอัดอั้นเก็บกดไม่ได้แกล้งใครมานาน
“หึ! ข้าเลิกตื่นเต้นกับตัวประหลาดอย่างเจ้าไปนานแล้วล่ะ” ฮาคิมกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่บอกบุญไม่รับอย่างไรอย่างนั้น
ณ งานเลี้ยง ที่ทำการเจ้าเมืองฮาเวสตี้
เสียงดนตรีไพเราะรื่นเริงดังไปทั่วทั้งอาคาร เหล่าชนชั้นสูง และแขกสำคัญกำลังสนทนาพร้อมกับรับประทานอาหารมื้อหลักกันแล้ว โต๊ะกลมถูกจัดเรียงรายไว้อย่างเรียบร้อยสวยงาม ซึ่งโต๊ะตรงหน้าเวทีถือว่าเป็นจุดเด่นของทั้งงานเลยก็ว่าได้ เพราะเต็มไปด้วยแขกสำคัญ
ดยุคเรโคลเต้ ท่านหญิงเรโคลเต้ ท่านหญิงเกลเลียน ท่านชายเฟลมเมีย ท่านชายกลาเซีย ผู้ช่วยเจ้าเมืองเวเบอร์ คหบดีบลู(ฮาเซล) มหาจอมเวทย์เกลเลียน คนเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้มีชื่อเสียงทั้งนั้น เพียงแต่ว่าอำนาจ และอิทธิพลของพวกเขามากน้อยต่างกันเท่านั้น
แน่นอนว่าการร่วมโต๊ะอาหารในครั้งนี้ มหาจอมเวทย์เป็นผู้เดียวที่แสดงท่าทางเฉยเมยออกมา แม้ว่าจะมีหลานสาวตัวเอง และเดอริกคอยคุยด้วยก็ตาม แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ทนต้องขอตัวลุกขึ้นไปที่อื่นก่อนที่ตัวเองจะระเบิดอารมณ์ออกมาต่อหน้าคนที่เข้าไม่ชอบหน้าบางคน
แต่สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนในโต๊ะเข้าใจได้ ด้วยนิสัยที่แปลกประหลาด และเอาแต่ใจของครูใหญ่ จึงไม่ได้คัดค้านอะไร โดยเฉพาะเจ้าเมือง ผู้ช่วยฯ และพ่อค้าอ้วน ที่ก็ไม่ได้ชอบหน้ามหาจอมเวทย์อยู่แล้วที่ต้องเชิญมาในงานนี้เพราะเขาเป็นบุคคลสำคัญเท่านั้น
“ท่านชายทั้งสอง และท่านหญิงอิลม่าอย่าได้กังวลไปนะขอรับ ท่านมหาจอมเวทย์ก็เป็นเช่นนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ท่านเจ้าเมืองก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพียงท่านมหาจอมเวทย์มางานเลี้ยงก็ถือว่าเป็นเกียรติกับทางเรามากแล้วขอรับ” เวเบอร์กล่าวอธิบายแทนเจ้านายของตน
“อ่า…ข้าเข้าใจอยู่แล้วไม่เป็นไรหรอก” เดอริกกล่าวยอมรับอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าต้องขออภัยแทนท่านลุงของข้าด้วยนะเจ้าคะท่านดยุค” อิลม่ารู้สึกอายเล็กน้อยที่ลุงของเธอชอบทำตัวเอาแต่ใจ
“ว่ากันว่าเหล่าอัจฉริยะนั้นมีความเป็นตัวของตัวเองสูง คงจะเป็นอย่างนี้กระมัง ข้าไม่กล้าถือสาสิ่งใดต่อท่านผู้ยิ่งใหญ่หรอกขอรับ แต่ตอนนี้ข้าก็ต้องขอตัวสักครู่นะขอรับท่านดยุค บังเอิญว่าพบคนรู้จักจะเข้าไปทักทายเสียหน่อย” เดเมียนกล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินไปทางโต๊ะของว่าง
การกระทำของท่านชายผมขาวแห่งตระกูลกลาเซียอันยิ่งใหญ่ ทำให้คนในโต๊ะประหลาดใจ เพราะไม่คาดคิดว่าคนที่มีชื่อเสียงด้านความเย็นชา และหยิ่งทะนงอย่างเดเมียนจะเข้าไปทักทายใครก่อน
ในสนามหญ้าด้านหลังอาคารที่ทำการเจ้าเมืองอันแห้งแล้งท่ามกลางฤดูกาลกันเย็นเยียบ ภายใต้แสงจันทร์นวลส่องสว่าง หญิงสาวผมขาวในชุดเกราะหนังสีดำจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อเชยชมความงามของรัตติกาลเพียงลำพัง แต่ความสงบก็ไม่อาจอยู่กับเธอได้นาน
“สเตล่า! มาๆๆ ดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ มัวแต่ยืนมองพระจันทร์อย่างกับไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ” ชายหนวดเครารุงรังกล่าวเสียงดัง
“ครูใหญ่? ท่านมาทำอะไรตรงนี้ ท่านควรจะอยู่ร่วมโต๊ะกับท่านเจ้าเมืองตามมารยาทนะเจ้าคะ” เลขาสาวหันมาต่อว่าเจ้านายด้วยความหงุดหงิดใจ
“ดยุคนั่นไม่ถือสาข้าหรอก เรียกว่าคงจะชินชาไปแล้วเสียมากกว่า เพราะนี่เป็นครั้งแรกจากงานเลี้ยงหลายๆครั้งเลยที่ข้าไปร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้านั่นนะจะบอกให้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าขอร้องล่ะก็ข้าจะไม่ยอมทนเด็ดขาด หึ!” ครูใหญ่แก้ตัวตามสไตล์ของตัวเอง
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดท่านจึงไม่ปฏิเสธไปตั้งแต่ทีแรกล่ะเจ้าคะ” หญิงสาวถามกลับด้วยความเอือมระอา
“ก็เจ้าบอกเองว่าไม่ให้ข้าปฏิเสธ เพราะมันเสียมารยาท ข้าก็เลยพาเจ้าดูเสียเลยไงว่าข้าตอนอยู่ในงานเลี้ยงของเจ้าเมืองนั้นเป็นยังไง จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกสินะที่เจ้าร่วมงานเลี้ยงของชนชั้นสูงในเมืองฮาเวสตี้ นั่นแน่เจ้าอยากมาที่นี่จริงๆสินะสเตล่า เจ้าปกปิดข้าไม่ได้หรอก ฮ่าๆๆ” ผู้อำนวยการโรงเรียนเวทมนตร์ยังคงแถไปเรื่อย และโยนความผิดไปให้ผู้อื่นด้วยความไร้จิตสำนึกเช่นเคย
“ฮึ่ยๆๆ! ถ้าข้าอยากมาจริงคงจะอยู่ในงานไม่ออกมาข้างนอกอย่างนี้หรอกเจ้าค่ะ!” สเตล่าเริ่มโมโหขึ้นมา แต่เธอก็ต้องพยายามเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ให้ต้องด่ากราดเจ้านายแสนเอาแต่ใจไปทั้งหมด
หลังจากได้เห็นสีหน้าอันโกรธเกรี้ยวของหญิงสาว ครูใหญ่กลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที เขาถึงกับแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับคนตรงหน้า
“แล้วเจ้าเป็นอะไรไปล่ะ ถึงออกมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียว บอกให้ข้าฟังได้หรือไม่?” ชายวัยกลางคนกล่าวถามหญิงสาวผู้เป็นเลขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยมาจากใจจริง
“คือ…ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ….ขอตัวก่อน” หลังจากสเตล่าได้เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของครูใหญ่ก็ทำให้เธอถึงกับตะลึงไปชั่วครู่ แต่ด้วยเรื่องที่หญิงสาวเก็บไว้ในใจไม่อาจบอกใครได้ เธอจึงต้องรีบจากไปก่อนจะถูกคาดคั้นจากเจ้านายจอมกวน
“เดี๋ยวสิ!” ครูใหญ่ตะโกนเรียกไล่หลังไป ส่วนหญิงสาวก็ไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อยเหมือนกับว่าไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เจ้านายที่มีความรู้สึกเป็นห่วงลูกน้องคนสนิทก็อยากจะตามไป เพียงแต่ว่า…
มหาจอมเวทย์สัมผัสได้ถึงพลังงานลึกลับบางอย่างที่เคลื่อนที่ไปมายากจะระบุตำแหน่ง นั่นจึงทำให้ผู้ห่มหนังเสือต้องละความสนใจก่อนหน้าไปโดยทันที และดวงตาของเขาต้องเบิกกว้างขึ้นเมื่อร่างสีดำค่อยๆปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าต่อหน้าเขาแต่กลับไม่อาจสัมผัสตัวตนได้เลย
“เจ้านายไม่ควรจะจีบเลขาตัวเองหรอกนะ ครูใหญ่” เสียงแหบแห้งกล่าวออกมาจากหน้ากากราชสีห์ดำทมิฬของชายที่โชว์กล้ามเนื้อแน่นในชุดรัดรูปสีดำ
“จะ…เจ้าเป็นใคร!” ครูใหญ่รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที การปรากฏตัวของบุคคลลึกลับที่ระดับมหาจอมเวทย์ไม่อาจสัมผัสได้ ย่อมเป็นตัวตนที่อันตรายอย่างแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง ณ มุมมืดของอาคารที่ทำการเจ้าเมือง หญิงสาวผมยาวสีขาวสะท้อนแสงจันทร์งดงามได้เข้ามานั่งหลบมุมเพียงลำพัง ตอนนี้จิตใจของเธอยังคงสับสน และเป็นกังวล แม้ว่าเจ้านายแสนประหลาดจะมาให้กำลังใจแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่อาจทำให้เธอหนีพ้นจากความจริงไปได้
‘ครูใหญ่นี่นะ จะปลอบใจกันเหมือนคนปกติหน่อยก็ไม่ได้ แต่เมื่อกี้พอเขาพูดแบบคนปกติเราก็รู้สึกแปลกๆเหมือนแฮะ เฮ้อ!’ หญิงสาวได้แต่บ่นในใจคนเดียว
“สเตล่า” เสียงชายหนุ่มกล่าวเรียกเธอมาจากมุมมืด
“…ท่าน!…ท่านชาย” หญิงสาวหันไปตามเสียงก็พบกับชายหนุ่มผมขาวในชุดขุนนางสีดำเข้าพอดี
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ในเมืองฮาเวสตี้แห่งนี้หรือ?” น้ำเสียง และสายตาที่เย็นชาออกมาจากเดเมียน กลาเซีย เพื่อถามไถ่หญิงสาวที่มีสีผมเหมือนกัน
“เอ่อ….คือ…ข้ามาเรียนที่นี่ และตอนนี้ก็ได้เป็น…เลขาของท่านมหาจอมเวทย์เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบออกมาด้วยท่าทาง และน้ำเสียงที่ประหม่าอย่างยิ่ง อีกทั้งสายตาของเธอก็กลับมองต่ำไม่กล้าสบตาฝ่ายตรงข้าม
“อ้อ…แบบนี้เองสินะ ถ้าอย่างนั้นข้าก็มีเรื่องบางอย่างจะคุยกับเจ้า สเตล่า กลาเซีย”
MANGA DISCUSSION