ท่ามกลางความมืดมิดที่มืดเสียจนไม่เห็นแม้แต่แสงเล็ดลอดมาแม้แต่เพียงนิดเดียว ไม่เห็นแม้แต่ฝ่ามือของตัวเอง ไม่เห็นแม้แต่พื้น หรือเพดาน ที่จริงก็คือไม่สามารถที่จะสัมผัสได้ถึงอะไรได้เลย รวมทั้งลมหายใจของตัวเอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” แต่เสียงของหญิงสาวยังคงเปล่งออกมากับตัวเองได้อย่างเสียงดังฟังชัด เธอกำลังสับสนกับภาพรอบตัว เธอยังคงจำได้ว่าเมื่อสักครู่ตัวเองยังหลบซ่อนตัวจากสัตว์ร้าย อยู่บนต้นไม้สูงท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนที่ไม่น่าจะมีใครเห็น จนกระทั่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนไหล่ของลิงยักษ์กล่าวทักทายเธอ
“สวัสดี…อีกครั้งนะ เรญ่า” เสียงชายหนุ่มที่ฟังสบายๆผ่อนคลายเรียกชื่อของหญิงสาวในความมืดมาจากที่ไกลๆ
“นั่นใคร!” หญิงสาวผมดำที่รวบผมสีดำเป็นหางม้าหันกลับไปด้านหลังตามเสียงเรียกนั้น
“เจ้า!” เรญ่าถึงกับตกใจเมื่อพบกับชายหนุ่มที่เข้ามาประชิดร่างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“อืม…ฮาเซลนี่ใช้งานนักฆ่าของตัวเองหนักเหมือนกันนะเนี่ย” ภามที่จับจ้องหญิงสาวกล่าวขึ้นในขณะที่กำลังพิจารณาใบหน้าของเธอในระยะใกล้ๆ โดยไม่สนใจสีหน้าตึงเครียดของเธอเลยสักนิด
“เจ้ารู้จักชื่อข้าได้อย่างไรกัน! หึ! ถึงเจ้าจะทรมานข้าอย่างไร ข้าก็ไม่บอกอะไรเจ้าทั้งนั้น!” นักฆ่าสาวมืออาชีพที่ตั้งสติได้แล้วก็กล่าวขัดจังหวะชิลๆของเกษตรกรหนุ่มทันที แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวของเธอ แต่มันก็ไม่อาจทำให้หญิงสาวเกรงกลัวได้
“หึๆๆ เจ้ามีจิตใจที่เข้มแข็งมากเลยนะ แต่มันก็ไม่ทันแล้วล่ะ ความลับในส่วนที่เจ้าเก็บไว้นั้นข้ารู้หมดแล้ว ถือว่าตัดสินใจได้ถูกที่จับหัวหน้าหน่วยนักฆ่าสาขาเมืองฮาเวสตี้เอาไว้ ดีกว่าพวกลูกน้องไม่ได้เรื่องของเจ้า ไม่รู้ว่าพวกนั้นหลงอยู่ในเทือกเขาแม็กซิมัสนี้จะมีชีวิตรอดไปได้อีกสักกี่วัน” ภามยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆเหมือนกับว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเพียงการเล่าเรื่องไร้สาระทั่วๆไป
สำหรับหญิงสาวผู้ฝึกฝนการเป็นนักฆ่ามาตั้งแต่เด็กนั้นรู้สึกแตกต่างโดยสิ้นเชิง ชายชาวบ้านตรงหน้ารู้เรี่องต่างๆมากกว่าที่คิด และที่สำคัญพวกของเธอยังเข้ามาติดกับดักของเขาเสียอีก
‘เราต้องถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้มีเวลาหาทางหนีออกไป’ เรญ่าได้แต่บอกย้ำกับตัวเอง
“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วอย่างไรล่ะ ว่าข้ารู้ความลับของเจ้าทั้งหมดแล้ว ทั้งรหัสลับ จุดนัดพบ แผนการ รายชื่อนักฆ่า และพ่อค้า รวมทั้งสายสืบของกลุ่มโอเมก้าภายในเมืองฮาเวสตี้ รวมไปจนถึงเขตปกครองภาคตะวันออกทั้งหมดของอาณาจักรฟาร์เมีย ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นนักฆ่าที่รู้รายละเอียดมากมายขนาดนี้” ท่าทางของภามยังคงสบายๆเหมือนพูดอยู่กับเพื่อนอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งนั่นทำให้เรญ่าทั้งตกใจ และเครียดหนักไปอีก สิ่งที่ภามพูดเหมือนกับว่าเขาอ่านใจเธอได้ แต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมานั้นจริงไหม เพราะหากสามารถรู้ว่าเธอเป็นนักฆ่าได้ ก็สามารถคาดเดาแผนผังระบบการทำงานขององค์กรคร่าวๆได้ ถ้าคนคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเช่นเดียวกับเธอ
ยิ่งมองดูใบหน้ายิ้มๆของชายหนุ่ม เรญ่าก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาตั้งใจจะกวนประสาท เพื่อให้เธอหลุดจากสติ และใช้อารมณ์ออกมา เมื่อรู้อย่างนั้นเธอก็ตั้งสติอีกครั้ง และเป็นคนตั้งคำถามกลับไปบ้าง
“เจ้ารู้ความลับขององค์กรข้าได้อย่างไร? และเมื่อรู้แล้วทำไมยังไว้ชีวิตของข้าอีก? เจ้าต้องการอะไรกันแน่ ภาม!” เรญ่าถามเข้าประเด็นทันที มันเป็นสิ่งที่เธอยากรู้ และน่าจะยังช่วยถ่วงเวลาได้อีกบ้าง
“ข้าใช้เวทย์อ่านใจขณะที่เจ้าสลบอยู่ และข้าอยากได้เจ้ามาเป็นพวกก็เลยไว้ชีวิตยังไงล่ะ” เกษตรกรหนุ่มกล่าวออกไปตามตรงเหมือนว่าคำตอบนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร
“ว่ายังไงนะ!” นักฆ่าสาวโพล่งตกใจออกมา เมื่อได้ยินคำตอบนั้น ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมรอบข้างถึงมืดมิดไปหมด และไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่อากาศรอบตัว แต่กลับเห็นภาพของฝ่ายตรงข้ามชัดเจน มันเป็นเพราะเวทมนตร์ เวทย์ที่คนธรรมดาอย่างเธอไม่อาจต่อต้านได้เลยจากความรู้ที่เคยศึกษามา
ท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่องยามค่ำคืนในปลายฤดูใบไม้ร่วงอันหนาวเหน็บ ขบวนเกวียนทั้งห้าคันออกเดินทางจากส่วนลึกที่สุดของป่าเพื่อกลับไปยังฟาร์มลึกลับ ระหว่างทางที่ผ่านมาได้สักครู่สองข้างทางกลับเต็มไปด้วยร่องรอยการทำลายล้างจากพลังมหาศาล
พื้นที่โล่งเตียนไร้ซึ่งต้นไม้ยักษ์ใหญ่ใดๆ พื้นที่หลายส่วนกลายเป็นร่องทางยาวดุจดั่งคลองขุดยาว เรียกได้ว่ารัศมีสองกิโลเมตรจากกลางป่าลึกแทบไม่เหลือชิ้นดี ที่ยังคงมีเส้นทางเกวียนกลับไปยังฟาร์มได้ก็ด้วยมังกรน้อยใช้พลังก่อคันดินขึ้นมาใหม่นั่นเอง แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฝีมือของเจ้ากอริลล่ายักษ์สามตา
เพราะลิงยักษ์สามตานั้นเป็นเพียงการแปลงร่างของมังกรมายาแพนดั้น เพื่อสร้างความเกรงกลัวให้กับกลุ่มนักฆ่าเท่านั้น แต่สภาพเละเทะไม่มีชิ้นดีนี้เป็นฝีมือของเจ้าป่าแห่งเทือกเขาแม็กซิมัสตัวจริง ชายหนุ่มผู้ขับเกวียนคันหน้าสุดไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ที่พาหญิงสาวผมดำผู้ไร้สติกลับบ้านไปด้วย
เที่ยงตรงวันต่อมา ณ ที่ทำการสมาคมการค้าโอเมก้า
ในห้องทำงานใหญ่ของหัวหน้าสมาคม ชายชราร่างอ้วนกำลังดื่มวิสกี้นั่งเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงานประจำตัวของเขา ส่วนด้านหน้านั้นมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยความนอบน้อมพร้อมกับสีหน้าที่เป็นกังวลเช่นกัน
“ปัง!” ฮาเซลทุบโต๊ะทำงานอย่างแรงด้วยความโมโห
“นายท่านใจเย็นลงก่อนขอรับ อีกเดี๋ยวคนของเราก็คงกลับมารายงานขอรับ” ชายที่แต่งกายเหมือนชาวบ้านทั่วไปกล่าว
“เรญ่าไม่เคยพลาดเรื่องการติดต่อ ถึงแม้งานจะติดปัญหาอะไรนางจะต้องส่งข่าวมาบ้างไม่มากก็น้อย งานนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้มันยังมีตัวแปรบางอย่างที่เรายังไม่รู้ ข้าถึงได้มองข้ามมันไป” พ่อค้าชรากล่าวย้ำกับลูกน้องที่ยืนอยู่
“ครั้งนี้งานอาจติดขัดอย่างที่นายท่านว่ามาจริงของรับ แต่ข้าคิดว่าท่านควรจะใจเย็นลงบ้าง เพราะเดี๋ยวก็จะถึงเวลาต้องไปงานเลี้ยงที่ที่ทำการเมืองแล้วนะขอรับ” ลูกน้องย้ำเตือนเจ้านายอีกครั้งเช่นกัน
“หึ! เจ้าก็คอยฟังข่าวอย่างใกล้ชิดแล้วกัน ถ้าเรญ่าพลาดเราจะได้ส่งคนไปสนับสนุนได้ทันที ไปได้แล้ว!” ฮาเซลที่พยายามสงบสติอารมณ์ก็กล่าวสั่งการลูกน้องไป
หัวหน้ากลุ่มโอเมก้าสาขาฮาเวสตี้หยิบจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่านดูอีกครั้ง มันทำให้เขาที่ใจเย็นลงแล้วเดือดดาลขึ้นมาอีกจนต้องขว้างแก้วเหล้าลงไปกับพื้นเพื่อระบายอารมณ์ นั่นก็เพราะข้อความในจดหมายนั้นได้เร่งให้เขาครอบครองฟาร์มลึกลับให้ได้โดยเร็วกว่าเดิมนั่นเอง
ณ ฟาร์มกลางหุบเขาลึกลับ
ที่โรงอาหารพนักงานสมาชิกทุกคนในฟาร์มยังคงมาทานอาหารกันเป็นปกติ แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือพวกเขาไม่ได้ยิ้มแย้มกันเช่นเคย บรรยากาศในเที่ยงวันนี้ยังหดหู่ยิ่งกว่าช่วงก่อนที่วานีลป่วยเสียอีก และที่สำคัญเจ้าของฟาร์มไม่ได้มาร่วมทานอาหารในมื้อนี้
เช่นเคยที่เด็กๆอย่างอามิน และแอนเน่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในป่าเมื่อวาน แต่มีเรื่องหนึ่งที่พวกเขารับรู้ก็คือการมาถึงของหญิงสาวแปลกหน้า ซึ่งภามอุ้มร่างที่สลบไสลนั้นเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา แต่เด็กทั้งสองคนก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าพวกผู้ใหญ่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแต่ไม่ยอมบอกนั่นเอง
“นี่ๆ พี่อามินเราลองไปถามท่านพ่อดูดีไหม ว่าผู้หญิงคนเมื่อคืนนั่นเป็นใคร” เด็กหญิงตัวน้อยกระซิบถามความเห็นจากพี่ชายของเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ท่านพ่อน่ะรึจะเล่าให้เราฟัง ลองไปถามพี่เมโลเอ้ หรือพี่วานีลจะดีกว่า” อามินกระซิบตอบกลับน้องสาว
“ข้าไปถามมาแล้ว พวกนางก็บอกว่าไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเพราะท่านลุงอองรีไม่ได้บอกอะไรมาก แค่บอกว่าเป็นคนที่ต้องจับตาดูไว้เท่านั้น ไม่ได้เป็นคนรักของท่านภามหรอกนะ” แอนเน่ยังพูดออกมาตรงๆประสาเด็ก
“โธ่! เรื่องนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว พี่มีอาก็อยู่ทั้งคนท่านภามจะกล้าไปมีคนรักอื่นได้ยังไง” อามินโพล่งออกมาเสียงดัง
“ใครว่า! เพราะมีท่านพี่วานีลอยู่ต่างหาก พี่อามินนี่ไม่รู้อะไรเลย!” แอนเน่เถียงกลับทันที ซึ่งนั่นก็ถึงกับทำให้คนรอบข้างต่างหันมาดูด้วยความประหลาดใจ
MANGA DISCUSSION