ณ ร้านค้าไวน์วีตาเร่
แม้การค้าขายภายในเมืองฮาเวสตี้จะซบเซาลงตามฤดูกาล แต่ผู้คนก็ยังคงต้องกินต้องใช้เป็นเรื่องปกติ และยังมีสินค้าหลายชนิดที่ขายดีเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้ ซึ่งเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างไวน์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ร้านแห่งนี้จึงมีลูกค้าเข้าออกไม่ขาดสาย
“ยินดีต้อนรับคุณลูกค้าเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าท่านต้องการไวน์แบบไหน สามารถสอบถามจากข้าได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะเจ้าคะ” พนักงานสาวน่ารักอัธยาศัยดีกล่าวต้อนรับชายชราชาวบ้านแต่งกายพื้นๆคนหนึ่ง ที่เดินเข้ามาพร้อมด้วยท่าทางงกๆเงิ่นๆ
“คือข้าก็ไม่ได้มีเงินมากมายนะแม่หนู ไม่รู้ว่าพอจะแนะนำไวน์แดงราคาถูกสักถังให้ข้าได้หรือไม่? ข้าจะเอาไปใช้ในงานเลี้ยงฉลองที่ได้หลานชายคนแรกน่ะ” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ แม้ว่าตัวเองจะเป็นลูกค้าก็ตาม
“ยินดีเลยเจ้าค่ะ เช่นนั้นเชิญคุณลูกค้านั่งรอที่บาร์ก่อน ทางร้านเรามีไวน์ระดับมาตรฐานถึง 3 ชนิดให้ท่านได้ลองชิมฟรีเจ้าค่ะ และที่สำคัญไม่ต้องห่วงเรื่องรสชาติ คุ้มค่ากับราคาที่ท่านจ่ายแน่นอน” พนักงานต้อนรับนำพาลูกค้าไปที่บาร์หรูของร้านเพื่อให้เขาได้ทดลองเลือกชิมสินค้า
ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้ร้านไวน์วีตาเร่ทุกสาขาทั่วทั้งอาณาจักรฟาร์เมียมีลูกค้ามากมาย และมีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่ง นั่นก็คือ Service Mind หรือการบริการที่มาจากความจริงใจ และบริการอย่างดีเท่าเทียมกันทุกชนชั้น คนทุกคนสามารถเข้ามาซื้อสินค้าได้อย่างไม่เคอะเขิน
แต่ถ้าพูดถึงไวน์อันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรฟาร์เมียก็ต้องมาจากร้านวีตาเร่เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเคาน์เตอร์บาร์สำหรับต้อนรับลูกค้าระดับ VIP ของร้านก็ต้องมีอยู่ด้วยแน่นอน ซึ่งบาร์พิเศษของร้านสาขาเมืองฮาเวสตี้นี้ก็ตั้งอยู่บนชั้นสองของร้านนั่นเอง
“ซีเครต บล็อง (Secret Blanc) อย่างนั้นเหรอ?” หญิงสาวสูงศักดิ์กล่าวออกมาด้วยสงสัยเล็กน้อยหลังจากที่ได้ทราบชื่อของไวน์ขาวขวดหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเธอ
“ทำไมเจ้าถึงทำหน้าอย่างนั้นล่ะบีดีเลีย? นี่คือสุดยอดไวน์ที่เทียบได้กับ วีตาเรีย รูจ (Vitaria Rouge) ไวน์แดงประจำตระกูลของข้าเลยนะ ถึงข้าบอกไปว่ามันดีแค่ไหนอย่างไรเจ้าก็คงไม่เชื่อ ลองชิมเลยดีกว่า คุณพ่อบ้านก็เชิญด้วยนะขอรับ” ฮาคิมแนะนำไวน์ตัวใหม่ที่เพิ่งส่งมาถึงร้านให้กับบุตรสาวเจ้าเมือง พร้อมกับรินไวน์ให้เธอ และผู้ติดตามชราด้วยตัวเอง
คนทั้งสองรับรู้แต่แรกแล้วว่าไวน์ขาวในแก้วนี้ คือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอาได้สร้างสรรค์ขึ้นมาจากผลผลิตในฟาร์มลึกลับกลางหุบเขาของภาม แต่ด้วยความเป็นชนชั้นสูงที่เคยลิ้มรสชาติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตรงหน้ามาหลากหลายยี่ห้อ และรู้ว่าไวน์ที่ดีต้องผ่านเวลาการบ่มยาวนานหลายปี
แต่เมื่อไวน์ขาวแก้วนี้เป็นสิ่งที่ฮาคิมผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์แนะนำ และคะยั้นคะยอให้ดื่มให้ได้ บีดีเลีย และอัลเฟรดจึงลิ้มรสด้วยความหวังในรสชาติ และเลิกกังวลว่าไวน์ที่หมักบ่มมาเพียงแค่ 1 เดือนจะระคายเคืองลิ้น ซึ่งเพียงพวกเขาเริ่มดมกลิ่นแรกสัมผัสตามวิธีการดื่มไวน์แล้วก็ถึงกับตื่นตะลึง
“กลิ่นหอมนี้มัน…ช่างหอมยิ่งนัก” มือที่หญิงสาวจับก้านแก้วไวน์ถึงกับสั่นสะท้าน ด้วยกลิ่นหอมของเครื่องดื่มจากผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานลูกสีเขียวๆ ที่ผ่านการหมักบ่มอย่างพิถีพิถัน จิตใจของเธอแทบจะล่องลอยออกไปดุจลอยอยู่บนท้องฟ้า
“โอ้! กลิ่นช่างหอมละมุนยิ่งนัก ข้าไม่เคยได้กลิ่นไวน์ที่หอมเช่นนี้มาก่อน” อัลเฟรดพ่อบ้านมากประสบการณ์ก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เพียงแต่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
“นี่ทั้งสองคนอย่างเพิ่งมัวแต่ชื่นชมกลิ่นอยู่เลย ลองชิมสักทีสิ แล้วก็นี่ ชีสลูน่าซองค์ถ้าทานคู่กันก็จะได้รสชาติที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว” พ่อค้าหนุ่มยังคงโฆษณาความดีงามของสินค้าใหม่ไม่หยุด
“ฮะๆๆ นี่เราเป็นเพื่อนกันนะ ดูเจ้าจะอยากขายของมากเกินไปรึเปล่า?” บีดีเลียยังคงไม่รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เพื่อนนำเสนอแถมยังแซวเขากลับ แต่ชายชราด้านข้างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเขารีบจิบไวน์ตามคำแนะนำของฮาคิมทันที
อัลเฟรดที่ได้จิบไวน์รสเลิศเข้าไปแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของชายชราแสดงอาการเคลิบเคลิ้มออกมาอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวผู้เป็นเจ้านายถึงกับตกใจที่พ่อบ้านเจ้าระเบียบถึงกับเสียอาการแบบนี้
“อัลเฟรด! เป็นอะไรไปรึ?” หญิงสาวรีบถามทันที
“คะ…คุณหนู เอิ่ม…ท่านต้องลองด้วยตัวเองขอรับ” เมื่อพ่อบ้านชราได้สติจากเสียงเรียก จึงหันกลับไปบอกเธอ
“อืม” บีดีเลียตอบกลับไปสั้นๆ เพราะเธอมั่นใจในคำยืนยันของพ่อบ้าน แล้วก็ยกแก้วไวน์กลื่นหอมนั้นขึ้นดื่ม
แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ซีเครต บล็อง ก็กลายเป็นที่รู้จักทั่วทั้งอาณาจักรฟาร์เมีย และทำให้ความวุ่นวายเข้ามาหาอดีตทหารจากต่างโลกมากกว่าเดิม ความสงบสุขที่หวังไว้ก็คงต้องเลื่อนเวลาออกไปอีกนาน
ณ ฟาร์มลึกลับกลางหุบเขา
ห้องเย็นใต้ดินที่อยู่หลังบ้านของภาม ที่ไม่ค่อยได้เก็บของอะไรตั้งแต่ที่เขาซื้อตู้เย็นมาใช้ แต่ในตอนนี้กลายเป็นห้องสำหรับเก็บถังไวน์ที่ผลิตเสร็จแล้วแทน หลังจากการหมักบ่มได้ที่แล้วเพียงแค่ขนขึ้นเกวียนไปส่งตามนัดหมายเท่านั้น ส่วนในขั้นตอนการบรรจุขวดเพื่อขายนั้นเป็นหน้าที่ของฮาคิม
และในพื้นที่ข้างๆกันนั้นก็ยังมีอาคารไม้หลังใหม่ถูกสร้างขึ้น มันคือโรงผลิตไวน์นั่นเอง อาคารนี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่ทำงานหลักของมีอา หญิงสาวผู้เป็นทายาทตระกูลวีตาเร่ผู้ผลิตไวน์อันดับหนึ่งของอาณาจักร แต่แน่นอนว่าการผลิตไวน์ปริมาณมากนี้ต้องมีผู้ช่วยหลายคน
“ฮ่าๆๆ พี่เมโลเอ้กระโดดเร็วๆเข้าสิเจ้าคะ เห็นไหมว่าข้าทำได้ตั้งเยอะแล้ว!” แอนเน่เด็กสาวตัวน้อยน่ารักกระโดดโลดเต้นเหยียบย่ำอยู่ท่ามกลางกองลูกวิติสสีเขียวสูงถึงเข่าของเธอ ซึ่งทำให้เสื้อผ้าที่สวมใส่ ไม่สิ ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษเนื้อ และน้ำของมัน
“โอ๊ย! แอนเน่ข้าเหนื่อยแล้วนะ แถมยังสกปรกไปทั้งตัวอีกด้วย พี่มีอาเจ้าคะ ปกติข้าเห็นคนช่วยกันทำตั้งเยอะแยะ นี่ท่านให้เพียงข้ากับแอนเน่แค่สองคนมาคั้นน้ำวิติสมากมายพวกนี้แล้วเมื่อไรจะเสร็จกันถังใหญ่เท่าห้องขนาดนี้! ให้อามินกับพี่เดนิสมาช่วยด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ” เด็กสาวผมแดงบ่นโวยวายกับผู้ดูแลการผลิตไวน์ที่กำลังเขียนเอกสารอยู่ใกล้ๆ
“หืม? นี่ข้าก็เคยบอกเจ้าไปแล้วยังไงล่ะเมโลเอ้ การคั้นน้ำวิติสที่มีคุณภาพนั้นต้องใช้หญิงสาวพรหมจรรย์เท่านั้น จะให้พวกผู้ชายมาช่วยมาช่วยได้ยังไงกันล่ะ นี่ก็เป็นถังสุดท้ายแล้วนะที่จะทำเป็นรุ่นพิเศษ หลังจากนี้ข้าก็จะใช้เครื่องที่ท่านภามนำมาแทนแล้ว เจ้าก็อดทนหน่อยเถอะ” มีอากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มมีความสุขที่ผลงานของตัวเองเป็นไปได้ด้วยดี
“โธ่! อย่างน้อยพี่มีอาหรือพี่วานีลก็มาช่วยข้าอีกแรงไม่ได้หรือเจ้าคะ แอนเน่ที่กระโดดเล่นอยู่นั่นก็ไม่ค่อยได้งานเท่าไร อย่างไรพวกท่านทั้งสองก็เป็นหญิงพรหมจรรย์เหมือนกันถึงอายุจะเยอะเกินไปหน่อยก็เถอะ” เมโลเอ้ยังบ่นออกมาด้วยความเซ็ง แต่นั่นกลับทำให้ผู้ฟังอย่างหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนต้องถึงกับหนังตากระตุก
“หึ! เมโลเอ้ เจ้ารีบทำต่อให้เสร็จเลยนะ ถ้าไม่เสร็จวันนี้ไม่ต้องกินข้าว!” มีอาตะโกนออกมาด้วยความโมโหแล้วก็เดินจากไปไม่สนใจเด็กสาวทั้งสองอีก
ในแปลงปลูกองุ่น หรือลูกวิติสที่คนในโลกนี้เรียกกัน ภามกำลังเดินเช็กดูหัวน้ำหยดที่ต่อสายมาเป็นทางยาวตลอดแนวแปลงปลูก พร้อมกับตรวจดูผลผลิตใหม่ที่กำลังเจริญเติบโต ซึ่งก็คือผลวิติสแดงนั่นเอง
“ท่านภาม นี่ท่านถึงกับต้องมาตรวจหัวน้ำหยดทุกหัวเลยหรือเจ้าคะ? ข้าคิดว่ามันค่อนข้างเสียเวลามาก แทนที่เราจะได้ไปทำงานในส่วนอื่น” วานีลที่เดินตามหลังชายหนุ่มมาติดๆได้กล่าวถามเมื่อเห็นความพิถีพิถันในการทำงานของเกษตรกรหนุ่ม
“พวกหัวน้ำหยดจะตันง่ายกว่าหัวสปริงเกอร์ วิติสที่มีคุณภาพพอจะนำไปขายได้ในราคาดีก็ต้องดูแลแบบนี้แหละ ถ้ามันไม่ได้น้ำอย่างพอดีล่ะก็ ขนาด และรสชาติก็จะไม่ได้มาตรฐาน แล้วที่ทำนี่ยังถือโอกาสตรวจดูผิวภายนอกไปด้วย เพราะในรอบนี้เราจะนำมันไปขายสดๆยังไงล่ะ” เจ้าของฟาร์มหนุ่มตอบกล่าวด้วยหวังในสินค้าใหม่ของตัวเอง
MANGA DISCUSSION