หนึ่งเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก
อากาศทั่วทั้งเทือกเขาแม็กซิมัสนั้นหนาวเย็นเป็นอย่างมาก สายลมแรงจากทิศเหนือพัดพาความเย็นสะท้านกระจายไปทั่วดินแดน ต้นไม้ต่างก็ผลัดใบเพื่อเก็บกักความชื้นภายในลำต้นเพื่อไม่ให้ระหายออกไปจนเหลือเพียงกิ่งก้านแห้งๆดุจดั่งไร้ชีวิต
เหล่าสัตว์น้อยใหญ่รวมทั้งมอนสเตอร์ต่างหาที่พักพิง บ้างก็อพยพลงใต้ บ้างขุดรูขุดโพรงอยู่เพื่อการจำศีล และอีกหลายชีวิตก็ต้องตายลงจากความอดอยาก หรือไม่ก็เป็นอาหารของสัตว์นักล่าผู้หิวโหย จะมีก็เพียงดินแดนลับแลหุบเขาลึกลับที่ไม่เคยเปลี่ยนผันฤดูกาล ที่ตั้งของฟาร์มอันเขียวขจี และอุดมสมบูรณ์
เวลา 12.00 น.
ภายในศาลาหลังเล็กท่ามกลางสนามหญ้าด้านข้างแปลงผักสวนครัว เกษตรกรหนุ่มเจ้าของฟาร์มในวันนี้เขาแต่งตัวด้วยชุดใหม่ มันคือเสื้อคลุมไหมสีน้ำเงินที่ตัดเย็บอย่างประณีต กางเกงสีดำ และรองเท้าหนังสีดำมันเงา มันไม่ใช่ความต้องการของเขาหรอกที่จะแต่งกายแบบนี้ แต่เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ
รอบบริเวณสนามหญ้าแห่งนี้ตกแต่งด้วยธงราวสีสันสดใส โต๊ะวางอาหารตัวยาวที่คลุมด้วยผ้าสีขาวประดับริบบิ้นสีฟ้าดูสะอาดตา ทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่มมากมาย เสียงเพลงที่ดังออกมาจากลำโพงตัวใหญ่สองตัว การสนทนาด้วยความสนุกสนานจากสมาชิกภายในฟาร์มทำให้บรรยากาศดูมีความสุข
วันนี้เป็นวันที่ไวน์สูตรใหม่ได้เปิดตัวเป็นวันแรก แต่มันไม่ใช่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ภามต้องการฉลองให้กับความสำเร็จสำหรับความเหน็ดเหนื่อยของทุกๆคนเท่านั้น เพราะหลังจากการลอบติดตามจากกลุ่มโอเมก้า ภาม และสมาชิกในฟาร์มก็ไม่ได้เข้าเมืองฮาเวสตี้อีกเลย
อย่างมากที่พวกเขาได้เดินทางไป ก็คือลำธารสายเล็กอันเป็นจุดส่งสินค้าให้กับคนของฮาคิมเท่านั้น แถมบรรยากาศในปลายฤดูใบไม้ร่วงนั่นก็ช่างแห้งแล้งเหน็บหนาว ไม่น่าไปไหนทั้งสิ้น เดินเล่นในฟาร์มกว้างใหญ่ของตัวเองยังรู้สึกเพลิดเพลินเสียมากกว่า แต่ทุกคนก็ย่อมมีความเบื่อหน่าย โดยเฉพาะเจ้าของฟาร์ม
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะท่านภาม?” หญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อนในชุดกระโปรงสุ่มสีฟ้าผู้งดงามยืนรอคำตอบจากชายหนุ่มเจ้าของฟาร์ม
“อื้ม…หอมมาก พอได้ทานคู่กับเนื้อปลานี้แล้วยิ่งเข้ากันได้ดีเลยล่ะมีอา นี่เจ้าแอบไปปรับสูตรอะไรรึเปล่า ข้าจำได้ว่ารสชาติที่เราสรุปกันครั้งสุดท้ายมันไม่ใช่แบบนี้” ภามชื่นชมในรสชาติของไวน์ แต่เขาก็ต้องแปลกใจที่มันไม่เหมือนเดิมถึงมันจะดีขึ้นมากก็เถอะ
“นั่นเป็นเพราะไวน์ขวดนี้เป็นสูตรพิเศษที่ข้าทดลองทำไว้เองเจ้าค่ะ ที่เลือกขวดนี้มาให้ได้ลองชิมเป็นเพราะว่าข้าได้ปรับจากสูตรที่จะขายอีกทีหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าเพียงเพิ่มเวลาการหมักอีกเล็กน้อยก็ได้รสชาติที่แตกต่าง และยังมีคุณภาพขนาดนี้ ข้าคิดว่าจะทำสูตรนี้ขายด้วยในราคาที่แพงกว่าเจ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าสดใส ดูเหมือนว่าเธอจะดีใจมากที่ได้ค้นพบไวน์สูตรใหม่นี้
“แหมๆ สมกับเป็นแม่ค้าจริงๆเลยนะ แค่เพิ่มเวลาหมักนิดเดียว แต่ต้นทุนการผลิตเท่าเดิม แล้วเพิ่มราคาขาย กำไรจะเพิ่มมาเท่าไรก็ไม่รู้ แล้วเจ้าว่ายังไงล่ะวานีลอร่อยไหม?” ภามแซวหญิงสาวผมสีน้ำตาลกลับเล็กน้อย แล้วก็หันไปถามหญิงสาวผมแดงมัดมวย กุลสตรีผู้สง่างามในชุดกระโปรงสุ่มสีขาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
วานีลที่นั่งหลับตา ส่วนปากของเธอกำลังเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ เหมือนกับว่าเธอกำลังดื่มด่ำกับรสชาติของมัน หลังจากที่หญิงสาวกลืนสิ่งนั้นลงไปแล้วก็ได้ลืมตาขึ้นมา
“อร่อย! อร่อยมาก มันเป็นรสชาติที่ข้าไม่เคยรับรู้มาก่อน ด้วยความหวาน หอมคล้ายเลมอนของไวน์ขาวแก้วนี้ ผสานเข้ากับรสอ่อนนุ่ม และหอมมันคล้ายน้ำนมของชีสลูน่าซ็องนี้มันทำให้ข้าได้นึกถึงงานปาร์ตี้ที่แสนอบอุ่น และมีความสุข อ้า! เพียงแค่ได้ทานมันก็เหมือนว่าได้วิ่งเล่นอยู่ในสวนแห่งสวรรค์” กล่าวพร่ำเพ้อพรรณนาด้วยแววตาเปล่งประกายเสร็จ วานีลก็ลุกขึ้นหมุนตัวไปมาเหมือนกับกำลังเต้นรำในงานเลี้ยงหรูอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งภาม และมีอาถึงกับอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น ทั้งสองไม่คิดว่ากุลสตรีเรียบร้อยอย่างวานีลจะลุกขึ้นมาพร่ำเพ้อต่อหน้าคนอื่นโดยเฉพาะในที่สาธารณะเช่นนี้ ยิ่งชายหนุ่มจากต่างโลกผู้ที่ชอบกินลาบดิบเป็นชีวิตจิตใจแต่บอกใครไม่ได้อย่างเขา ไม่อาจเข้าถึงรสชาติของการกินชีสคู่กับไวน์ได้เลย
การเต้นรำพร่ำเพ้อของวานีลสร้างความประหลาดใจให้กับคนอื่นๆเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงวิ่งเข้ามาดู และกล่าวถามเรื่องราวจากทั้งสองด้วยความสนใจ แต่มีอาก็ได้ไปช่วยเมโลเอ้จับตัววานีลก่อนที่หกล้มไปด้วยความไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรเลย
บรรยากาศตรงหน้ายังคงสร้างเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานผ่อนคลายให้สมาชิกฟาร์มกลางหุบเขาได้เป็นอย่างมาก ชายหนุ่มเจ้าของฟาร์มที่ไม่ชอบความวุ่นวายก็ค่อยๆปลีกตัวออกมา แต่เขาก็ยังคงแอบดูทุกคนด้วยใจที่อิ่มเอมมีความสุข
ภามไม่คิดเลยว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อน หญิงสาวทั้งสองต้องเกิดความขัดแย้งอันมีสาเหตุมาจากตัวเขา แต่พอมาถึงวันนี้กลับกลายเป็นเพื่อนสนิทกันดังเดิม ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะย้อนคิดไปถึงเรื่องราวเมื่อคราวนั้น หลังจากที่กลับมาจากการจับม้าป่า
ในตอนนั้นภามเองได้แต่กังวลไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดีที่มีสาวสวยถึงสองคนมาชอบเขา ตัวเขาเองที่ปิดใจไม่มองใครมานานนับสิบปี แถมยังหมกมุ่นกับงาน ใช้ชีวิตกับภารกิจแนวหน้าที่เสี่ยงตายอยู่ทุกๆวัน ภาพความสูญเสียของเพื่อนร่วมรบในหน่วย และการฆ่าคน มันทำให้หัวใจเขาแทบจะตายด้าน
เมื่อได้กลับมาใช้ชีวิตเรียบง่าย แล้วมีคนมาแอบชอบมันจึงเป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด โชคดีที่เหล่าผู้มีประสบการณ์ทั้งสี่คนมาให้คำแนะนำกับภาม รวมทั้งวานีล และมีอาด้วย ทุกอย่างเลยจบลงง่ายดายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ผู้อาวุโสที่สุดในฟาร์มได้กล่าวย้ำกับเขา
“ท่านภาม ตั้งแต่รู้จักกันมาจนถึงตอนนี้ แม้ท่านจะบอกว่ามีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่ายในฟาร์มแห่งนี้ แต่การกระทำของท่านมันไม่ใช่เลย ท่านยังคงมีความทะเยอทะยาน นั่นก็เพราะจิตใจของท่านยังคงไม่ได้รับการเติมเต็ม ข้าอยากให้ท่านเปิดใจทำความรู้จักกับทั้งสองคนนั้น แม้สุดท้ายท่านไม่ได้รักใคร อย่างน้อยท่านก็ยังได้เพื่อนที่รู้ใจนะ” อองรีกล่าวอย่างจริงจัง ซึ่งภามก็ยังจำมาได้จนถึงวันนี้
แต่สิ่งที่อดีตบารอนได้กล่าวมานั้นก็ทำให้ภามสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง
‘แล้วไอ้ความทะเยอทะยานนี่ดับได้ด้วยความรักงั้นเหรอ? แล้วทะเยอทะยานแล้วมันไม่ดีเหรอ? มันเกี่ยวอะไรกับการเปิดใจด้วยวะ?’ จนปัจจุบันชายหนุ่มจากต่างโลกยังคงไม่เข้าใจในคำพูดเหล่านั้นอยู่ดี แต่เขาก็ได้เริ่มที่จะเปิดใจคุยกับหญิงสาวทั้งสองแล้วจากคำแนะนำ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคุยกับผู้หญิงพร้อมกันสองคนนี่มันผิดรึเปล่านะ?
ณ เมืองฮาเวสตี้
เวลานี้เมืองศูนย์กลางการค้าด้านตะวันออกของอาณาจักรฟาร์เมีย เริ่มมีความเงียบเหงามากขึ้น เนื่องจากไม่ค่อยมีสินค้าเกษตรเข้ามาขาย ผู้คนในฤดูกาลนี้ส่วนใหญ่จะได้กินอาหารประเภทพืชหัวที่ทิ้งใบตามฤดูเป็นส่วนมาก นอกจากเสบียงที่เก็บเกี่ยวไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้
ท่ามกลางผู้คนในตลาดยามเที่ยงที่มีไม่มากนัก ชายวัยกลางคนแต่งตัวโทรมๆกำลังนั่งขายหัวมันที่ขุดมาจากป่า มันพวกนี้ทั้งเล็ก และจืดชืด แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปแล้วถือเป็นอาหารปกติที่ทานกันทุกวัน จนมีการนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งคาวหวานเลยทีเดียว
“มันป่าจ้า มันป่า สดๆใหม่ๆเพิ่งไปขุดมาเมื่อเช้าจ้า” พ่อค้าซอมซ่อประกาศเรียกลูกค้าเสียงดัง แต่ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจเขาสักเท่าไร
“นี่ลุง มาขายของเอาป่านนี้ใครมันจะมาซื้อล่ะ ลุงต้องมาเช้าๆสิ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาบอกพ่อค้าที่ตะโกนเรียกลุกค้าอยู่คนเดียว
“เอ๋? อย่างนั้นหรอกรึ ข้าก็ว่าทำไมคนถึงน้อยจัง เอ้อ! เจ้าหนุ่มข้าสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ในกายเจ้า เจ้าสนใจมาเป็นศิษย์ข้ารึไม่?” พ่อค้าซอมซ่อหนวดเครารุงรังถามด้วยรอยยิ้ม
MANGA DISCUSSION