ณ ที่ทำการสมาคมการค้าโอเมก้า
ภายในห้องทำงานห้องใหญ่ที่สุดของตึกแห่งนี้ พ่อค้าชราร่างอ้วนผู้แต่งกายหรูหราบนใบหน้าของเขาแสดงออกได้ถึงความโกรธเคืองเดือดดาลที่พร้อมจะระเบิดออกได้ทุกเมื่อ ชายผู้นี้ก็คือฮาเซลหัวหน้ากลุ่มการค้าโอเมก้าที่กำลังก่นด่าผู้หญิงผมดำที่คุกเข่าตรงหน้าของเขา
“เรื่องง่ายๆเพียงแค่แอบติดตามเป้าหมายเจ้ายังทำพลาด แถมยังทำให้เกิดความวุ่นวายในเมืองอีก นี่มันอะไรกัน นักฆ่ามืออาชีพอย่างพวกเจ้าทำไมถึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้!” ฮาเซลถึงกับต้องหอบเหนื่อยกับคำด่าทออันยาวเหยียดตลอด 20 นาทีที่ผ่านมา หญิงสาวที่คุกเข่าอยู่จึงมีโอกาสได้พูดบ้าง
“ขออภัยเจ้าค่ะนายท่าน ดูเหมือนว่าเป้าหมายจะรู้ตัวก่อนหน้า จึงแอบถอดกล่องเวทย์ติดตามนั่นออก ซึ่งไม่รู้ว่าเหตุใดมันถึงไปอยู่ที่ทำการเจ้าเมืองได้ และพวกทหารก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกข้าจะติดตามกล่องนั่นไปจึงตรวจตราเป็นพิเศษ ซึ่งข้าคาดว่าเพราะความสะเพร่าของชายหลังค่อมทำให้ถูกจับได้ และซ้อนแผนกลับมาเจ้าค่ะ” ด้วยความเป็นมืออาชีพของเธอจึงใจเย็นรอเจ้านายระบายอารมณ์ออกมาให้หมดเสียก่อนจึงค่อยอธิบายเหตุผล
“เฮ้อ! อืม…ดูเหมือนจะเป็นจริงอย่างเจ้าว่า ข้าไม่น่าให้มือสมัครเล่นไปทำงานแบบนี้เลย ว่าแต่เจ้าพลาดให้ทหารพวกนั้นจับได้อย่างไรกัน ทั้งที่ผ่านมาด้านการแฝงตัวเจ้าถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในองค์กรไม่ใช่เหรอ?” ชายชราสงบสติอารมณ์ลงแล้วก็วิเคราะห์ที่มาที่ไปตามเหตุการณ์ได้บ้าง
“พวกนั้นคือหน่วยเทพอัคคีของท่านหญิงเรโคลเต้เจ้าค่ะ เป็นทหารที่มีฝีมือ และถูกฝึกฝนความสามารถเฉพาะทางที่หลากหลาย เมื่อถูกสั่งให้มาจับตาพวกเราจึงสามารถจับพิรุธได้ อีกอย่างคนในหน่วยของข้าที่พลาดนั้นก็เพิ่งเข้ามาใหม่ยังทำงานได้ไม่เข้ากันเท่าไรเจ้าค่ะ” หญิงสาวผมดำรายงานข้อมูลทั้งหมดตามจริงเพื่อให้ชายหัวล้านพิจารณา
“อืม…คนจากสาขาหลักสินะ ไม่เว้นแม้แต่นักฆ่าที่มองว่าสาขาเมืองฮาเวสตี้นั้นอ่อนด้อยกว่าตัวเอง หึ! โชคดีที่ท่านเวเบอร์ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ คิดว่าต่อไปคงไม่มีหน่วยเทพอัคคีมาวุ่นวายแล้วล่ะ แต่เจ้าเมืองก็มีคำสั่งคุมเข้มมากขึ้น การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักฆ่าก็ยากเย็นมากขึ้นส่งผลกระทบถึงเราโดยตรง” ฮาเซลกล่าวสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่นักข้าสาวฟัง แล้วเขาก็เงียบไปเหมือนกำลังคิดเรื่องสำคัญอยู่
ผ่านไปสักพักพ่อค้าชราร่างอ้วนก็เดินคิดไปจนถึงริมหน้าต่างห้อง เขามองทอดสายตาไปไกล ตึกที่สูงสามชั้นนี้ถือว่าสูงกว่าอาคารส่วนใหญ่ในเมืองแห่งนี้ ฮาเซลจึงเห็นแทบจะทั่วทั้งเมืองฮาเวสตี้ ในใจของพ่อค้าผู้ผ่านโลกมามากนั้นเต็มไปด้วยความโลภไม่สิ้นสุด เขาต้องการเป็นใหญ่เมืองนี้นั่นเอง
แต่ยังมีทั้งสมาคมการค้าหลักของเมืองฮาเวสตี้ และตระกูลใหญ่อย่างวีตาเร่คอยขัดขวางอิทธิพลกลุ่มโอเมก้าของเขาอยู่ เป้าหมายอันสูงสุดของเขาไม่ใช่เพียงครอบครองระบบการค้าของเมืองแห่งนี้ แต่คือการขึ้นเป็นหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มโอเมก้า ผู้ครอบครองระบบเศรษฐกิจของทั้งจักรวรรดิกาลอเรีย
หัวหน้าสมาคมการค้าโอเมก้าสาขาภาคตะวันออกอย่างฮาเซลที่มีความทะเยอทะยาน โลภมาก และกระหายอำนาจ เขาจึงจัดการหลายๆเรื่องด้วยความเด็ดขาด ชายชรายังคงทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง และเอามือไพล่หลังไว้อย่างนั้น แล้วก็กล่าวกับหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่เบื้องหลัง
“การครอบครองฟาร์มนั่นให้เร็วที่สุดถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เรญ่า จัดการเจ้านักฆ่าตัวต้นเหตุนั่นซะ ถ้ามันไม่พร้อมจะทำงานกับเราก็ไม่จำเป็นจะเลี้ยงไว้! ส่วนเจ้าหลังค่อมเคลย์นั่นก็ให้ไปเอาตัวเมียของมันมาให้ข้า เป็นค่าชดเชยความผิดพลาดของมัน!” ชายชราเผยแววตาโหดเหี้ยมออกมา แม้ว่านักฆ่าสาวที่คุกเข่าอยู่จะไม่เห็นแต่เธอก็รู้สึกได้
‘ไม่คิดเลยว่ารังสีอำมหิตจะมากมายเพียงนี้ นี่เขาเป็นเพียงพ่อค้าจริงหรือ? แม้แต่ข้าเองที่เป็นนักฆ่ายังต้องรู้สึกกลัวขึ้นมา’ เรญ่ากำลังสั่นสะท้าน และคิดกังวลอยู่ในใจ
ฮาเซลที่เห็นว่าลูกน้องของตนเงียบไปจึงหันกลับมาดู ก็รู้สึกแปลกใจที่เธอยังคงนั่งเงียบอยู่แบบนั้นจึงได้เอ่ยเรียกขึ้น
“เรญ่า เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?” เสียงไม่ดังไม่เบาของเจ้านายทำให้หญิงสาวได้สติ
“เอ่อ…ข้ารับทราบแล้วเจ้าค่ะนายท่าน” หญิงสาวตอบรับคำสั่งตามปกติ
“อ้อใช่…ข้าลืมไปอีกอย่าง ในเมื่อเป้าหมายรู้ตัวแล้วมันอาจจะไม่เข้ามาส่งของในเมืองอีก เจ้าจงไปติดตามพวกลูกน้องของฮาคิมที่สมาคมการค้าแทนก็แล้วกัน ข้าเชื่อว่ามันจะต้องพาเราไปถึงฟาร์มนั่นได้แน่นอน แต่ก็ต้องระวังพวกทหารเอาไว้ด้วย” ชายชราจดจ้องไปที่ลูกน้องตรงหน้าพร้อมกับสั่งการ
“รับทราบเจ้าค่ะ ข้าจะทำงานนี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอน” เรญ่าตอบรับอย่างมั่นใจ และสุดท้ายเธอก็ขอตัวจากไปเพื่อทำงานต่อ แต่ในคราวนี้ใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความกังวลสับสนอันมากมาย หญิงสาวเริ่มรู้สึกแล้วว่าการรับใช้ชายชราต่อไปนั้น อาจนำภัยมาสู่ตนมากกว่าความเจริญก้าวหน้า
ณ ฟาร์มกลางหุบเขาลึกลับ
ยามเมื่อพระอาทิตย์ตกดินในหุบเขากว้างใหญ่แห่งนี้ถือว่าเป็นบรรยากาศที่งดงามที่สุดสำหรับเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในฟาร์มแห่งนี้ แต่พวกเขาในวันนี้กลับสัมผัสได้ถึงความเศร้าหมองหม่นในเวลานี้ด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากที่ทั้งสี่คนกลับมาจากการจับม้าป่าแล้ว
แม้จะได้ม้ามาถึง 20 ตัว แต่ภามก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากมายนอกจากจัดการพาพวกมันเข้าไปไว้ในคอก ทางด้านวานีลกับเมโลเอ้ก็ไปทานอาหารเย็นที่โรงอาหารตามปกติ แต่พวกเธอก็รีบกินรีบเก็บไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ส่วนมีอาก็ต้มมาม่าทานอยู่ในบ้านคนเดียวไม่พูดคุยกับใคร
บรรยากาศแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในฟาร์มแสนสุขแห่งนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยสักนิด ทั้งเด็กทั้งคนแก่ต่างก็รู้สึกได้ว่าทั้งสี่คนนั้นดูมีอาการซึมเศร้า สามสาวที่ต่างแยกย้ายเข้าห้องตัวเองแล้วปิดล็อกประตูไว้ไม่ให้ใครเข้ามาไม่อาจให้คำตอบใครได้ คงเหลือเพียงแค่ชายหนุ่มเจ้าของฟาร์มคนเดียวเท่านั้น
ที่คอกม้านั้นภามอาสาที่จะทำงานคนเดียวไม่ให้ใครช่วย นั่นยิ่งทำให้อลันผู้ช่วยคนสนิทของชายหนุ่มเป็นกังวล เขาจึงต้องปรึกษากับคนอื่นๆ นั่นก็คือเมมี่ อองรี และเลนก้า
ณ โรงอาหารพนักงาน
“ข้าไม่เคยเห็นท่านภามเป็นเช่นนี้มาก่อน ข้าถามไปตรงๆว่าเขาเป็นอะไรก็ยังไม่ตอบ ได้แต่ไล่ให้ข้าออกมาบอกว่าอยากอยู่คนเดียว มันแปลกมากๆนายท่านของเราก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้าเรื่องไม่หนักหนาสาหัสเขาคงไม่เป็นแบบนี้” ชายวัยกลางคนเล่าออกมาด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้มใจ
“ตอนที่ข้าไปตามคุณหนูมีอาก็เช่นกัน นางล็อกประตูบ้านไม่ให้ข้าเข้าไป แล้วก็นั่งกินบะหมี่สำเร็จรูปอยู่คนเดียวไม่พูดไม่จาอะไรเลย เรียกก็ไม่ตอบ” เมมี่แม่ครัวประจำฟาร์มในวันนี้เธอทำซุปเห็ดที่ได้จากการเสี่ยงออกไปเก็บนอกฟาร์มมาก็อยากให้ทุกคนได้ชิม จึงไปชวนแม้ค้าสาวแต่เธอก็ไม่สนใจเลยสักนิด
“แม้แต่เมโลเอ้ที่ปกติจะตื่นเต้นกับอาหารใหม่ๆ แถมซุปเห็ดวันนี้ก็อร่อยมากอีกด้วย ยังกินไปแบบซึมๆไม่พูดไม่จาสักคำ ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆไม่รู้ว่าไปติดโรคคิดมากจากวานีลมาหรือไง” อดีตบารอนอองรีที่เห็นลูกสาวคนเล็กท่าทางไม่ปกติก็คิดมากเช่นกัน
“ส่วนวานีลที่เมื่อเช้ากลับมาร่าเริงแล้ว ตอนนี้ก็กลับมาซึมเศร้าอีกครั้ง ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เลนก้าเกิดความวิตกกังวลตามมาด้วยอีกคนเมื่อลูกๆของมีอาการแปลกๆ
‘แต่อย่างน้อยทุกคนก็กินอาหารได้ตามปกตินะขอรับ ไม่ได้ถึงขั้นกินข้าวไม่ลงเสียหน่อย’ เสียงเล็กๆดังขึ้นมาในหัวของผู้กร้านโลกทั้งสี่คน ทั้งหมดตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆก็ได้ยินเสียงแต่ไม่เห็นตัว แม้จะรู้ว่าเป็นเสียงของใครก็ตาม
เจ้ามังกรน้อยตัวเขียวขนนุ่มๆลอยลงมาจากด้านบนเพดานแล้วหยุดยืนอยู่กลางโต๊ะต่อหน้าพวกเขาทั้งสี่คน
“กี้!” แพนดั้นทำหน้าอ้อน แล้วก็ร้องออกมาเบา
‘ข้าขอทานซุปหน่อยนะขอรับ แล้วจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง’
MANGA DISCUSSION