เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ - ตอนที่ 40 ทรงวัยวุฒิเปี่ยมพละกำลัง
“งั้นก็ดี ให้ข้าส่งเจ้าไปปรโลกเลยก็แล้วกัน!” กล่าวจบเคล็ดวิชายุทธขั้นแปดก็แผลงฤทธิ์ พลังวิญญาณของมู่หยวนโคจรออกเป็นมังกรวายุคลั่ง กวาดม้วนเข้าหาเฒ่าหมิงซาน ฝุ่นหินดินทรายสาดกระเซ็นจนกลายเป็นพื้นที่โล่งกว้างแถบหนึ่ง
ขจัดมารปัดเป่าความชั่วร้าย คืนความกระจ่างสู่ฟ้าดิน และแล้วช่วงเวลาตัดสินก็มาถึง!
มังกรวายุยาวร้อยจั้งยังไม่ทันเข้าใกล้ อาภรณ์บนร่างเฒ่าหมิงซานก็เริ่มฉีกขาด แผลเก่ายังไม่ทันประสานโลหิตเป็นต้องทะลักพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง ผิวหนังปริแตกกระดูกหักสะบั้น
“มีแต่ต้องใช้ชนชั้นกลั่นดวงธาตุเซ่นสังเวยให้กับธวัชหมื่นมาร จึงจะปลุกพลังความชั่วร้ายและทำให้ธวัชหมื่นมารสมบูรณ์ เช่นนั้นเจ้าก็ตายเสียเถอะ!”
สุ้มเสียงบางเบาจนไม่อาจสดับได้ยินลอยเข้าสู่โสตประสาทของเฒ่าหมิงซาน
ผู้ฝึกวิชาปีศาจย่อมไม่เห็นความถูกต้องอยู่ในสายตา ยามฆ่าคน ไม่ว่าจะเป็นคนอื่นหรือว่าตัวเองก็ล้วนไม่มีการลังเลทั้งนั้น
ธวัชหมื่นมารในเวลานี้เหลือขนาดเพียงแค่ฝ่ามือ ทั้งยังตกอยู่ในมรสุมคลั่งของมังกรวายุ ใกล้จะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
พรวด
ในตอนนั้นเอง เฒ่าหมิงซานถลกเนื้อหนังตัวเองจนเลือดกระฉูด เซ่นสังเวยให้กับธวัชหมื่นมาร
ทันใดนั้นบนผืนธงของธวัชหมื่นมารก็เกิดแสงสีเงินยวง ไอมรณะอันหนาแน่นแผ่ปกคลุมสุริยัน
“ธวัชหมื่นมารสมบูรณ์แล้ว ตายซะ!”
ภายในถ้ำ ความมืดอนธนการล่มสลาย แทนที่ด้วยกลุ่มควันร่างมนุษย์สายหนึ่งที่ผนึกตัวขึ้น
“ศาสตราบรรพกาลขั้นสูงสุด มีเพียงข้าที่มีคุณสมบัติถือครอง ไอ้ตัวโง่งม! ”
เงาดำพุ่งออกจากถ้ำ ในเวลานี้รัศมีพันเมตรถูกมังกรวายุกวาดกระหน่ำ จึงไม่มีใครตรวจจับร่องรอยของมันได้
ความไม่สบายใจพลันแตะทะยานถึงขีดสุด ฉินจิ่วเกอร้องเตือนมู่หยวนสุดเสียง “อาวุโสระวัง มีคนตลบหลัง! ”
มู่หยวนลอยตัวอยู่กลางอากาศ ท่าทางเปี่ยมความมั่นใจ เท้าเหยียบอยู่บนลานหยกสี่เหลี่ยมที่ผนึกขึ้นจากพลังวิญญาณ “เจ้าหนู เฒ่าหมิงซานถูกปราบลงแล้ว ผู้ฝึกวิชาปีศาจครั้งนี้ล้วนถูกกวาดล้างหมดสิ้น”
หางเสียงยังไม่ทันจางหาย ธวัชหมื่นมารที่มีขนาดเท่าฝ่ามือแหวกทะลวงมรสุมคลั่งออกมาก่อนยืดขยายจนมีขนาดยาวสิบจั้ง
เมื่อร่วงกระทบพื้น น้ำหนักหนึ่งหมื่นจินพลันทุบทำลายพื้นศิลาจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ภายใต้เชิงเขาที่กำลังสั่นไหว ไอพยาบาทเข้มข้นพลันหลอมรวม ก่อนที่ดวงตาสีดำอันชั่วร้ายข้างหนึ่งจะก่อตัวขึ้นจากอากาศธาตุ
กึงกึง
ตาดวงนี้ไม่มีม่านตา ไร้ความสมดุลทางหยินหยาง มีแต่ความมืดมิด รวมถึงเสียงกระแทกของหมื่นภูตผีที่กำลังทลายผนึกออกมา
“ไป! ”
มู่หยวนบงการมังกรวายุให้กวาดม้วนใส่ธวัชหมื่นมาร ต่อหน้ามังกรวายุที่คล้ายจะพัดม้วนไปถึงสวรรค์ ธวัชหมื่นมารแลดูเล็กจ้อยอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งดูเหมือนว่าแม้แต่หนึ่งกระบวนท่าก็ยังต้านไว้ไม่ได้
กระนั้นธวัชหมื่นมารก็ยังปักตรึงอยู่ที่เดิม นัยน์ตาทมิฬทะลวงผ่านความว่างเปล่า ไม่ครั่นคร้ามต่อลมมรสุมที่กระจายวนเต็มฟ้า เพียงพริบตาก็มาปรากฏอยู่ด้านหลังมู่หยวน
“การโจมตีทางจิต! ”
ในฐานะชนชั้นกลั่นดวงธาตุด้วยกัน มู่หยวนย่อมสัมผัสถึงพลังจู่โจมทางจิตได้อย่างแจ่มชัด
ชนชั้นกลั่นดวงธาตุแม้จะงอกอวัยวะที่ตัดขาดไปได้ แต่ถ้าจะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของจุดหลิงไถกลับไม่ใช่เรื่องง่าย จุดหลิงไถบาดเจ็บ คุกคามถึงชีวิต!
“บังอาจ! ”
เนตรมารมาอย่างปุบปับเกินไป อาวุโสมู่หยวนจึงทำได้แค่ใช้หลิงไถที่ผนึกขึ้นใต้ฝ่าเท้าต่างโล่ป้องกัน
หลิงไถมีรัศมีสิบจั้ง หนาหนักกว่าหมื่นจวิน* พลังวิญญาณไหลวนแน่นหนาคล้ายไม่มีวันหมด
ใช้หลิงไถต่างโล่ป้องกัน ผลลัพธ์ไม่อาจทราบ
เงามนุษย์ที่โผล่ออกจากส่วนลึกของถ้ำก็คือผู้นำของกลุ่มผู้ฝึกวิชาปีศาจในครั้งนี้ ระดับฝีมือของมันกลับไม่ด้อยไปกว่าอาวุโสมู่หยวน
“อาวุโสระวัง! ” ซ่งเล่อร้องเสียงแหลม ขณะกำลังจะพุ่งออกไป พลันสำเหนียกว่าขอเพียงชนชั้นกลั่นดวงธาตุทั้งสองแผ่รัศมีพลังออกมาแม้เพียงนิดเดียว แม้แต่ยอดยุทธพิสุทธิ์ไพศาลขั้นสูงสุดยังต้องแตกดับ
“จบกันคราวนี้” ฉินจิ่วเกอคราง ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ในแววตาของมันก็ฉายแววหวาดกลัวจับขั้วหัวใจขึ้นมา
มู่หยวนคือบุคคลลำดับหนึ่งของพวกมัน หากพ่ายแพ้ ฝ่ายนั้นจะฆ่าล้างบางเมืองซวนอู่หรือไม่
ตูมม
หลิงไถถูกเนตรมารเจาะทลาย แม้จะต้านเอาไว้ได้ แต่กลับไม่อาจต้านการจู่โจมทางจิต
พลังจิตแปรสภาพเป็นภูติวิญญาณนับแสนนับล้าน โดยมีเป้าหมายคือหว่างคิ้วของมู่หยวน ประกายวิญญาณส่องวาบ ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกกระแทกออกไป
สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ อาวุโสมู่หยวนมิอาจไม่ล่าถอยลงมา
“ตายซะ! ” เงาดำโบกธวัชหมื่นมารจนเห็นเป็นแค่เงาดำสายหนึ่ง แผ่นหลังของอาวุโสมู่หยวนก็ถูกฟาดกระแทกอย่างจัง
ระดับฝีมือกลั่นดวงธาตุขั้นสี่เหมือนกัน ต่างกันที่เงาดำปริศนาถือธวัชหมื่นมารอยู่ในมือ พลังโจมตีจึงเพิ่มพูลมหาศาล
ไหนจะไอพยาบาทที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำลายล้างนั่นอีก พลังทำลายจึงยิ่งป่าเถื่อนคลุ้มคลั่ง
“พรวดด”
อาวุโสมู่หยวนร่างดิ่งลงสู่พสุธาดุจนกยักษ์ไร้ปีก โลหิตฉีดออกจากปากดั่งคันศร พยายามขืนตัวไม่ให้ร่วงตกลงมา
ศาสตราบรรพกาลขั้นสูงสุด พลังอำนาจยิ่งใหญ่สุดไพศาล เมื่อตกอยู่ในมือของศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกัน พลังจึงยิ่งทวีความน่าประหวั่นพรั่นพรึงอีกอักโข
ที่ก่อนหน้านี้เฒ่าหมิงซานสามารถต่อสู้ข้ามระดับชั้นก็สืบเนื่องจากการหยิบยืมพลังของธวัชหมื่นมาร
และบัดนี้ธวัชหมื่นมารก็ได้รับการเซ่นสังเวยจนบรรลุถึงระดับพลังขั้นสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย
“อาวุโสประตูหายนะ มีดีเท่านี้เองน่ะรึ”
เงาดำปริศนาลอยตัวอยู่กลางอากาศ ดูเผินๆ เหมือนจะถูกลมพัดกระจายหายไปได้ทุกเมื่อ แต่กระนั้นกลับถือครองอำนาจในการสั่งเป็นสั่งตายชีวิตนับร้อยในที่นี้เอาไว้
เสียงหวีดแหลมเสียดแก้วหูดังกระแทกไปถึงหัวใจที่ไร้การป้องกันของทุกผู้คน เพียงแค่เปิดปากเอ่ยวาจา อวัยวะภายในของชนชั้นปราณสุริยันถึงกับเกิดการสั่นสะเทือนจนได้รับบาดเจ็บ
“งะ.. งั้นก็เข้ามา!”
ไม่กล้าเสียเวลาอีก อาวุโสมู่หยวนเริ่มตอบโต้ทันที
ไอวิญญาณในมือแปรสภาพเป็นเสาวิญญาณ ประดุจดั่งเสาเทวะที่ค้ำระหว่างฟ้าดิน ทันทีที่ปรากฏภูผาบรรพตพลันต้องส่ายไหว เนินเขาน้อยใหญ่ต้องพังราบเป็นหน้ากลอง
ปง
หยิบยืมพลังจากธวัชหมื่นมาร เงาดำปริศนาไม่แม้แต่จะขยับตัว มารอวตารหลายสิบตัวก็พุ่งฉวัดเฉวียนออกต้านเสาวิญญาณต้นนั้นไว้ พริบตาต่อมาก็เปลี่ยนเป็นกระบี่ทะลวงใจฟาดทลายปราการทั้งปวง
เผชิญกับอาวุโสมู่หยวน เงาดำปริศนายังคงลอยตัวอยู่กลางเวหา แต่ก็ไม่กล้าดูถูกอีกฝ่าย ตาจับจ้องการเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถอย่างถี่ถ้วน อาวุโสประตูหายนะ ทักษะฝีมือย่อมมิใช่ชั่ว ยังไม่ต้องพูดถึงยันต์เตือนภัยของประตูหายนะ หากไม่เร่งลงมือจัดการ ศัตรูที่มีฝีมือฉกาจกว่านี้อาจปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ
“เคล็ดกิเลนครองฟ้า!” อาศัยช่วงที่เงาปริศนากำลังต่อยุทธติดพันกับมู่หยวน ฉินจิ่วเกอย่อมไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือไป รีดเค้นพลังวิญญาณสำแดงเคล็ดวิชายุทธอีกคำรบ
เมื่อไม่มีใครขัดขวาง การเชื่อมโยงไอวิญญาณฟ้าดินเลยกลายเป็นเรื่องง่าย ไอวิญญาณในรัศมีหนึ่งร้อยลี้หมุนวนเข้าสู่ใจกลางฝ่ามืออย่างไม่หยุดยั้ง
ในเมื่อกล้าใช้ชื่อกิเลนครองฟ้า นอกจากพลังที่น่าหวาดหวั่นถึงขีดสุดแล้ว ฝ่ามือที่บงการฟ้าดินย่อมเป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
สัตว์ประหลาดเฒ่ากฎสรรพสิ่งในปีนั้นก็อาศัยกรอบร่างแห่งฟ้าดิน ฝากร่องรอยกฎเกณฑ์มหาวิถีเต๋าเอาไว้ ฉินจิ่วเกอจึงพอจะสำแดงเศษเสี้ยวแก่นพลังของเคล็ดวิชายุทธออกมาได้อย่างฝืดฝืน
ฝ่ามือขนาดใหญ่ทว่าพร่าเลือนปรากฏขึ้นเหนือฟากฟ้า ก่อนจะทาบทับลงยังเงาดำปริศนา
ภายในแผ่กลิ่นอายวิถีเต๋าธรรมชาติของเผ่ามนุษย์ออกมา แต่ที่มากกว่าคือพลังเทวะบรรพกาลของสายเลือดเผ่าอสูร
ครืนน
พฤกษาหักโค่น พสุธายุบลงเป็นเหวลึก หมู่คนกระเด็นปลิวลิ่ว บ้างลอยไปติดอยู่ตามกิ่งไม้
แม้ปราศจากรูปลักษณ์ชัดเจน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนดำรงคงอยู่ ใครได้ยลเป็นต้องพูดกันเป็นเสียงเดียวว่านั่นก็คือฝ่ามือที่ครอบคลุมฟ้าดินในระยะร้อยเมตร เปี่ยมอิทธิฤทธิ์สุดไพศาล!
“ธวัชหมื่นมาร อสุรกายคลั่ง!” ต่อหน้าหัตถ์ไร้ลักษณ์ที่มาอย่างปุบปับนี้ เงาดำปริศนาได้แต่ต้องเปลี่ยนกระบวนมารับมือเท่านั้น
อย่าบอกนะว่ายอดฝีมือของประตูหายนะมาถึงแล้ว?
สามารถผนึกหัตถ์สวรรค์ขึ้นจากอากาศธาตุโดยไร้ร่องรอย ทั้งยังรวมรั้งไอวิญญาณในรัศมีร้อยเมตรโดยรอบ สมควรเป็นยอดฝีมือชั้นกลั่นดวงธาตุขั้นหกขึ้นไป
หนี!
เงาดำปริศนาไม่กล้าสู้ต่อ แต่พอรับกระบวนจู่โจมนี้ กลับพบว่าหัตถ์สวรรค์ตรงหน้ากลับคล้ายลูกโป่งที่ปริบวมถึงขีดสุด หากแตะเพียงนิดเดียวพลังย่อมรั่วไหลแตกกระจายไปทุกแห่ง
เมื่อตระหนักว่าพลังที่แฝงอยู่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เงาดำปริศนาเป็นต้องลังเลขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าหากกำจัดอาวุโสประตูหายนะได้สักคน หลังกลับพรรคไปแล้ว ย่อมได้รับคุณูปการใหญ่หลวง
“ตัวชั่วช้า ยังไม่ไสหัวกลับไปอีก!” มู่หยวนที่ลงมาพักหายใจได้เฮือกหนึ่งอาศัยจังหวะนี้ระเบิดพลังออกดุจสายฟ้า ฉวยโอกาสที่เงาดำกำลังถอนใจประหนึ่งยอดยุทธผู้โดดเดี่ยวที่บรรลุถึงจุดสูงสุด กางฝ่ามือออกเป็นปากพยัคฆ์ ฉีกกระชากแขนของอีกฝ่ายจนหลุดออกมาครึ่งท่อนด้วยพลังกลั่นดวงธาตุขั้นสี่
“อ๊ากก!”
ท่อนแขนเน่าเปื่อยถูกกระชากออกมาทั้งยวง หากที่พรั่งพรูออกมากลับไม่ใช่เลือด แต่เป็นน้ำสีดำที่ส่งกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจออกมาแทน
นี่หรือมนุษย์ ศพเดินได้สิไม่ว่า!
“เป็นฝีมือเจ้านี่เอง!” เงาดำปริศนากวาดตามองหาตัวการ พลันสะดุดเข้ากับฉินจิ่วเกอที่ยืนเป็นไก่หลงในดงกระเรียนเข้าเต็มตา ไก่ตัวนี้หล่อหลงฝูง หล่อจนพระอาทิตย์เบื้องบนยังต้องหลีกทางให้
“ไม่ใช่ข้า” ฉินจิ่วเกอรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี พอเห็นว่าเงาปริศนากำลังจะมาเอาชีวิตตน จึงรีบสาดโคลนไปทางอื่นอย่างไม่ต้องคิด “เป็นมัน!”
ซ่งเล่อหน้าถอดสี แต่ก็เปลี่ยนเป็นหน้าดำคล้ำเขียวโดยพลัน รู้สึกไม่ต่างจากตกถังสียังถูกขี้ลูบหน้า
“ไม่ใช่ข้า เป็นมัน!” ซ่งเล่อเองก็ไม่โง่ รีบส่งต่อความซวยไปให้ผู้นำตระกูลซุนอย่างเผื่อแผ่
ในหมู่คนทั้งหมด หากกะดูคร่าวๆ จะพบว่ามีแต่ผู้นำตระกูลซุนที่บรรลุขอบเขตปราณสุริยันขั้นสูงสุดเพียงหนึ่งเดียว
ในเมื่อเป็นผู้ชราภาพ หากบอกว่าเป็นผู้มากความสามารถย่อมมีคนเชื่อถืออย่างแน่นอน
“ข้าไม่สน พวกเจ้าตายกันให้หมดนี่แหละ!” เงาดำปริศนาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า อาวุโสมู่หยวนก็ถูกมันทำลายหลิงไถจนบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว ตอนนี้ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับตัววู่วาม
อาวุโสมู่หยวนที่เห็นเงาดำพุ่งไปทางกลุ่มคนทั้งห้าพลันเบิกตากว้างจนหางตาแทบฉีกขาด แม้จะคั่งแค้นแต่ก็ไม่กล้าสอดมือขัดขวางเงาดำที่กำลังคลุ้มคลั่งปานขาดสติ
“ข้ายังไม่อยากตาย!” ผู้นำตระกูลซุนยกมือปิดบั้นท้าย หน้าแดงฉ่า
อาจหาญลงมือกับชนชั้นกลั่นดวงธาตุทั้งที่ตนเองอยู่เพียงปราณสุริยัน มันไม่ได้ขวัญกล้าถึงขนาดนั้น
“ตายเป็นตาย ชาติหน้าค่อยว่ากัน!” ซ่งเล่อยืดอกอย่างองอาจ พร้อมที่จะสละชีพเพื่อคงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์
“เกิดฤาเป็นสุข ตายใช่ว่าทุกข์” ฉินจิ่วเกอสอดประสานมือคล้ายกำลังท่องมนต์
พรรคหลิงเซียวก็ช่างใจไม้ไส้ระกำจริงๆ ระยะห่างเพียงร้อยลี้ แค่ขี่ม้าแผล็บเดียวก็ถึงแล้วแท้ๆ
ทุกที่ที่เงาดำพาดผ่าน ศิษย์บางคนที่ทนรับพลังกดดันจากชนชั้นกลั่นดวงธาตุไม่ไหวเป็นต้องร่างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งที่อีกฝ่ายเพียงแค่สั่งสมกำลังเท่านั้น
ฉินจิ่วเกอยืนขวางอยู่หน้าสุด บาดแผลขนาดเท่าฝ่ามือกระจายตัวอยู่ทั่วร่าง โลหิตไหลนองออกมาไม่หยุด สารรูปน่าสังเวชสุดเปรียบปาน
เงาดำปริศนาจับจ้องแพะอ้วนตรงหน้าด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม มือก็หยิบมีดประหารออกมา หมายจะสับเจ้าแพะอ้วนตัวนั้นให้เป็นชิ้นๆ
“ธวัชหมื่นมาร กลืนกิน!” ธวัชหมื่นมารปกคลุมสุริยันฟ้าดิน ท้องนภาสีครามบัดนี้ถูกบัดบังอยู่นอกสายตา เพียงชั่วลัดนิ้วมือสถานที่แห่งนี้ก็กลายสภาพไปเป็นขุมนรกบนดิน
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ อาวุโสมู่หยวนก็ยังไม่กล้าผลีผลามเข้าช่วย สถานการณ์จึงเข้าขั้นวิกฤติถึงขีดสุด!
ตรงหน้าฉินจิ่วเกอ ผู้ชราท่านหนึ่งปราฏขึ้นจากที่ใดไม่อาจทราบ ในมือถือไม้เท้าหัวมังกร หนวดเคราสีขาวยาวแตะจรดสะดือเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว
มันสวมอาภรณ์เนื้อหยาบเส้นผมบางแทบปลิว มือก็ลูบกิ่งไม้ที่เด็ดมาจากไหนสักที่ไปมา
สุขุมดั่งน้ำลึก ตระหง่านดั่งภูผา สายตาที่ใช้มองเงาดำตรงหน้า ราวกับมองหนอนแมลงอันไร้อารยะตัวหนึ่งเท่านั้น
“ตั้งใจต่อยตีแล้วเรียกค่าชดเชยลูกไม้พรรค์นี้ท่านอย่าทำเชียว มันไม่หลงกลหรอก!” ฉินจิ่วเกอพยายามต้านพลังกดดันของชนชั้นกลั่นดวงธาตุ ปากก็ตะโกนไปทางผู้ชราคนนั้น
นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นบรรพชนท่านไหนของตระกูลซุนหรือไม่ สถานการณ์ย่ำแย่ถึงขั้นนี้ยังจะงัดเอาลูกไม้พรรค์นี้ออกมาคลี่คลายวิกฤติอยู่อีก
เป็นตายร้ายดีผู้ฝึกวิชาปีศาจก็ยังเป็นผู้ฝึกวิชาปีศาจอยู่วันยังค่ำ ไม่มีวันที่พวกมันจะหันมารักเด็กเคารพผู้เฒ่าผู้ใหญ่ไปได้หรอก
หากผู้ชราท่านนั้นกลับไม่หยุดฝีเท้า แม้จะอยู่กลางสายลมกรรโชก กลับมีเพียงฝีเท้าของมันเท่านั้นที่ยังมั่นคงไม่สั่นคลอน
หนวดเคราขาวโพลนปลิวไสวตามแรงลม ไม้เท้าหัวมังกรปักย่ำลงดินเป็นจังหวะ ก่อนจะหยุดนั่งลงคั่นกลางระหว่างเงาดำและฉินจิ่วเกอ จากนั้นก็เริ่มเคาะเอาเศษดินเศษทรายในรองเท้าออกมา
“แก่ไม่เจียมสังขาร กล้าขวางทางข้า!” ธวัชหมื่นมารสูบกลืนเฒ่าชราสตรีและทารกมานับร้อย เงาดำโบกสะบัดธวัชมาร หมายจะทุบทำลายศีรษะผู้ชราให้แหลกละเอียด
สายลมโชยเมฆาพลิ้ว คนเคลื่อนไหวอย่างปลอดโปร่ง
ผู้ชราปรบมือเบาๆ คราหนึ่ง ไอมารมหาศาลที่พรั่งพรูเข้าหาราวพายุอสนีฟาดทลายก็คล้ายกับถูกดึงรั้งไว้ ประดุจดั่งถูกไอวิญญาณของพระโพธิสัตว์ย่อยสลายหายไป
“อะไรกัน!”
เงาดำแตกตื่นจนหน้าถอดสี การโจมตีของมันเมื่อครู่ เป็นการใช้ธวัชหมื่นมารออกด้วยพลังจู่โจมขั้นสูงสุด แม้แต่อาวุโสมู่หยวนเองยังไม่กล้าต้านรับ
ทว่าเมื่อมองไปยังผู้ชรานั้น พลังวิญญาณรอบกายยังคงเรียบนิ่งไร้ระลอกราวกับว่าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง จะเหนือไปกว่าการโจมตีระดับมหาเทพทะลวงฟ้าของมันได้อย่างไร?
เงาดำไม่เชื่อ ยิ่งไม่กล้าเชื่อเด็ดขาด
“หมื่นมารทลายฟ้า” เงาดำเผาแก่นโลหิตของตนเอง ของเหลวข้นสีดำเหม็นเน่าอย่างร้ายกาจพุ่งออกมาจากตัวมัน ฝั่งตรงข้ามซุกหัวหดหางเป็นเต่า ไม่ทราบที่แท้เป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่
*จวิน หน่วยวัดสมัยจีนโบราณ 1 จวิน เท่ากับหิน 30 ก้อน หรือราว 18 กิโลกรัม