อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 88 อัลฟ่าในฝัน
ตอนที่ฉันได้แปลงร่างเป็นครั้งแรก ตัวฉันอ่อนแอสุดๆ
คัตสึมิคุง ชายที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้จนทำให้ฉันกลายมาเป็นจัสติสเรดด้วยความชื่นชมในตัวเขาและปรารถนาจะช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนจากพวกสัตว์ประหลาด
ทว่าพวกสัตว์ประหลาดมันก็แข็งแกร่งกันเหลือเกินจนฉันเกือบจะแพ้ทุกครั้ง
「ฮ่ะ!!」
คลื่นแสงสีน้ำเงินวิ่งผ่านความมืดมิด
พื้นที่แห่งความว่างเปล่าที่ชวนให้นึกถึงอวกาศ ฉันกำลังเคลื่อนตัวไปหานักดาบสาวที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับดาบที่ลุกโชนในมือ
เธอมีผมสีดำยาวถึงเอว สวมกิโมนิที่ตกแต่งด้วยลวดลายสีแดงของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง
ดาบภายในมือของเธอถูกซ่อนเอาไว้ด้วยแขนเสื้อกิโมโนที่ยาว การเคลื่อนไหวของเธอช่างดูลื่นไหล
「ดาบของเจ้ายังไม่มั่นคง」
「……!」
ฉันหลบการโจมตีที่เฉียดตายออกไปได้ทันจากทักษะที่มี
เสียงของโลหะปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ชุดที่ฉันใส่มีร่องรอยของการถูกฟันอยู่เต็มไปหมด
「การหลบหลีกของเจ้าช่างอ่อนหัด ขยับขาให้มันมากกว่านี้」
「คึก」
แกร๊ง! ดาบทั้งสองได้ปะทะกันจนเกิดเสียงดัง
ไม่หรอก ยังไม่จบ!
「จงระวังอุบายของศัตรูให้ดี」
หากฉันป้องกันไว้ไม่ทันฉันคงได้ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ แล้ว
แม้จะพยายามไล่ตามให้ทัน แต่อีกฝ่ายก็สามารถโจมตีสวนกลับมาถึง 7 ครั้งติดต่อกันได้ในชั่วพริบตา
「แฮกๆ!!」
ฉันที่สกัดการโจมตีติดต่อกันถึง 7 ครั้งถึงกับเหนื่อยหอบและปักดาบไว้กับพื้นเพื่อพยุงร่าง
ฉันค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพบว่าที่ศพของฉันอยู่ทั้งหมด 5 ศพนอนกองกับพื้นอยู่
「เจ้าได้เรียนรู้จากเราจริงหรือ? 」
「แฮก อาจารย์! แฮก ขอพักเดี๋ยว!!」
「คงมิได้」
ไม่คิดจะให้พักหายใจกันหน่อยหรือไง
จากนั้นอีกฝ่ายก็เข้ามาโจมตีฉันต่อด้วยแรงกดดันมหาศาล
———ชิ!? หลบไม่ทันแน่!
ดาบถูกเหวี่ยงโดยหมายจะฟันคอของฉัน
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบได้ทัน หรือดึงดาบในมือขวากลับมา
ทว่านี่ก็เป็นโอกาสในการเข้าหาอีกฝ่ายเช่นเดียวกันเพราะหญิงสาวอยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว
จะออกหัวหรือก้อยก็ต้องมาลองวัดกันดู สิ่งที่ฉันเลือกจะทำก็คือ…!!
「……คุ」
ฉันใช้แขนซ้ายของตัวเองเข้าไปรับดาบที่หมายจะปั่นคอของฉันแทน
「———」
แม้ว่ารู้สึกได้ถึงความร้อนของดาบที่ฉีกเนื้อของฉันเป็นชิ้นๆ แต่จิตใจของฉันก็ไม่ได้สั่นคลอน
เพราะเป้าหมายคือคอของศัตรูตรงหน้า
วินาทีต่อมาที่ฉันกำลังจะเหวี่ยงดาบตัดหัวของอีกฝ่าย หัวของฉันก็ถูกตัดทิ้งไปพร้อมกับแขนซ้ายก่อนจะลอยล่องไปมาในอากาศ
「ได้ยัง———ไง!? 」
「……เฮ้อ เหมือนทุกครั้ง นักรบที่เราเป็นผู้เลือกทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้นะ」
ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
เธอพุ่งเข้าไปจับหัวของฉันที่หมุนไปมาอยู่ในอากาศมาไว้ในมือ———อัลฟ่า แกนพลังงานที่ขับเคลื่อนสูทของฉัน
「โฮ่ย นี่เจ้าฟังเราอยู่หรือเปล่า อากาเนะ? 」
「ฟะ ฟังอยู่ค่ะ ฉันฟังอยู่……!」
สาวสวยในชุดกิโมโนที่สวยงามถือดาบในมือถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง ก่อนจะจ้องฉันที่เหลือเพียงแค่หัว
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักที่จะหัวขาดในห้วงมิติแห่งฝันนี้
ไม่สิต้องบอกว่าคุ้นเคยแล้ว
「เราสงสัยจริงๆ ว่าเมื่อใดเจ้าจะเรียนรู้การต่อสู้แบบทำไมลายตนเสียที เฮ้อ」
「อ่ะ เอ่อ ท่านอาซาฮี ไม่สิ อาจารย์ มันเป็นไปตามสัญชาตญาณต่างหาก ว่าแต่…ช่วยเอาหัวฉันกลับไปใส่ร่างได้ไหมคะ? 」
ถึงจะเป็นฝัน แต่การเหลือแค่หัวมันก็ลำบากในหลายๆ ด้าน
ทันใดนั้นพื้นที่สีดำก็ถูกแทนด้วยท้องฟ้าที่คราม พื้นที่โดยรอบถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงาม โดยมีคฤหาสน์ไม้สมัยเก่าปรากฏขึ้นข้างหลัง———จากนั้นเธอก็ค่อยๆ เดินไปนั่งที่ระเบียง
「เราไม่เข้าใจเลยจริงๆ เมื่อไหร่เจ้าจะใช้หัวในการต่อสู้เสียบ้าง เราจะต้องพูดเรื่องนี้กับเจ้าอีกสักกี่ครั้งกัน? 」
「ฉันก็รู้หรอกค่ะ แต่ว่า……」
「ไม่เลย เจ้ามิได้เข้าใจสิ่งใดนอกจากเสียหัวของตัวเองกับหัวของอีกฝ่าย หรือเป้าหมายในการต่อสู้ของเจ้าคือการสะสมหัวของอีกฝ่าย? เจ้ามีรสนิยมเช่นนั้นหรือ? 」
「ใครบอกว่าฉันชอบกันคะ!? 」
「โฮ่ๆ เราล้อเล่น เรารู้หรอกว่าสิ่งที่เจ้าชอบจริงๆ นั้นคือรอยเลือดที่ติดมากับหัวที่ขาดต่างหาก ไม่ไหวๆ เจ้าปีศาจกระหายเลือด!」
「นั่นเรียกว่าเข้าใจเหรอคะ!? 」
เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็มีอารมณ์ขัน
การพูดคุยของพวกเราเกิดขึ้นภายในฝันซ้ำแล้วว้ำเล่า
ทว่าเมื่อตื่นขึ้นฉันก็จะลืมเลือนเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะกลับมาจำได้เมื่อนอนหลับ
「เอ้า หมุนๆ ไปมา」
「ว้าย!? ทำไมมาเหวี่ยงหัวฉันไปมาล่ะคะ!? 」
「หัวเจ้านี่เหมือนลูกเคมาริเสียจริง เด้งไปมาแถมยังชอบส่งเสียงอีก」
ว่ากันตามตรง อาจารย์คนนี้นิสัยแย่ชะมัด
แม้ว่าความสามารถในการสั่งสอนของเธอจะเป็นของจริง แต่นิสัยที่ชอบตัดหัวของฉันมาทารุณเล่นเพราะรู้ว่าในฝันไม่มีทางตายนี่แย่สุดๆ
「ตัวเราก็มิได้เป็นอะไรไปมากกว่าแก่นแท้ ของชุดที่เจ้าผู้คู่ควรสวม การที่เรามาฝึกฝนตัวเจ้าในฝันเช่นนี้อันที่จริงเจ้าควรขอบคุณเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ข้าก็มิได้เล่นกับหัวของเจ้าเหมือนที่ทำกับร่างเจ้านี่ เอ้าโฮร่าๆ 」
「หยุดเตะร่างของฉันไปมาได้แล้วค่ะ!! อึก!? 」
ท่านอาซาฮีใช้เท้าของตัวเองเตะร่างของฉันที่หัวเสียไป
แน่นอนว่าฉันยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่มาจากร่างของฉันอยู่บ้าง ความอัปยศที่ได้รับหลักพ่ายแพ้นี้มันอะไรกัน
「ยังไงตอนเจ้าตื่นขึ้นก็มิสามารถจำเรื่องใดๆ ได้อยู่แล้ว ดังนั้นคงมิใช่เรื่องใหญ่」
「ถึงจำไม่ได้ท่านก็ควรละอายใจหน่อยเถอะค่ะ!」
「เจ้าช่างพูดจาเสียงดังเสียจริง」
ฉัน คิราระ และอาโออิต่างก็จำเรื่องพวกนี้ได้เมื่อฝัน
อย่างไรก็ตามประสบการณ์ที่พวกเราได้จากฝันมันก็ถูกประทับเอาไว้บนร่างของพวกเราโดยไม่รู้ตัว และผลของการฝึกฝนก็แสดงให้เห็นในตอนที่สู้กับพวกสัตว์ประหลาด
….แอบน่ากลัวเหมือนกันนะที่ฉันแกร่งขึ้นโดยไม่รู้ตัวตอนตื่น
「แต่ว่าเจ้านี่มันช่างอ่อนหัด อ่อนหัดเสียเหลือเกิน」
「มะ หมายความว่ายังไงกัน!」
「ทั้งที่เราคิดว่าในที่สุดเจ้าก็สามารถพาชายที่เจ้าหลงรักเข้าบ้านมาได้แล้วแท้ๆ แต่กลับมิคิดจะทำสิ่งใดเลย ช่างน่าผิดหวัง」
อะ อึก
เธอคงกำลังพูดถึงคัตสึมิคุงที่นอนหลับอยู่คนละห้องกับฉัน
เนื่องจากว่าเป็นการมาแบบไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เขาจึงต้องนอนฟูกที่ปูไว้ในห้องของพ่อ
ท่าทางท่านอาซาฮีจะไม่ถูกใจนัก
「เจ้ามิได้คิดจะย่องเข้าไปหาคนรักยามค่ำคืนเลยหรือ」
「นั่นมัน……」
「คงจะมิได้จะบอกว่าแม้โอกาสจะมาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เจ้าก็ยังหวาดกลัวนะ หากเป็นเช่นนั้นทั้งเจ้ากับคิราระก็คงใช้ไม่ได้แบบเดียวกัน โง่เง่าเสียจริง」
ทำไมฉันถึงได้โดนด่าเป็นชุดๆ แบบนี้ละ!!
ท่านอาซาฮีได้กลายมาเป็นแกนพลังของงานสูทที่พวกเราจัสติสครูเซเดอร์ทั้ง 3 คนใช้ เธอจึงรู้เรื่องของพวกเราทั้ง 3 ผ่านฝัน
ถึงแม้ประธานจะทำการแบ่งพลังของแกนกลางนี้ออกเป็นสามส่วนแล้วแต่เธอก็ยังสามารถเชื่อมโยงพวกเราทั้งหมดได้โดยมีฉันเป็นศูนย์กลาง
「หากเป็นเช่นนี้ บางทีอาโออิเองก็…ไม่สิ ถึงจะเป็นตัวเราก็มิสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่นางคิดได้ คงไม่แปลกหากนางจะทำอะไรที่น่าขนลุก」
「ท่านเห็นอาโออิเป็นตัวอะไรกันคะ……」
ถึงเธอจะเป็นเพื่อนของฉันแต่นิสัยของเธอก็ค่อนข้างแปลกจริงๆ
หากให้เทียบแล้ว น้องสาวของเธอดูจะเข้าใจอะไรง่ายกว่าเยอะ
「เอาเถอะ โย้ช」
ท่านอาซาฮีโยนหัวของฉันกลับไปยังร่างที่ถูกท่านย่ำยีเมื่อกี้
ในที่สุดหัวกับตัวก็กลับมาอยู่ที่เดิมเสียที
「อันที่จริงเราเองก็สนใจชายผู้นั้นเช่นเดียวกัน」
「คัตสึมิคุงเหรอคะ? 」
「อื้ม พูดกันตามตรงหากว่าตัวเราเป็นฝ่ายที่เข้ากันได้กับเขา แทนที่จะเป็นแฝดอัลฟ่าทั้งสอง เรื่องราวคงน่าบันเทิงใจกว่านี้มาก….」
มาคิดไปคิดมาเหมือนว่าอัลฟ่าแต่ละคนก็จะสนใจเขาไปเสียหมดเลยไม่ใช่เหรอ?
ตอนที่ฉันเจอกับเธอครั้งแรก เธอก็ได้พุ่งเข้ามาฟันฉันจนทำให้ฉันตื่นจากฝัน
「ส่วนถ้าถามว่าเจ้ากับเขาต่างกันเช่นไรก็คงจะเป็นเขาคือเพศชาย」
「มันไม่ดูผิวเผินไปหน่อยเหรอคะ!? 」
มันควรจะมีเหตุผลที่สำคัญกว่านี้สักหน่อยสิ?!
「หากให้เลือกระหว่างข้าวเกรียบที่เปียกน้ำกับคัสเตลลาเจ้าก็คงจะเลือกอย่างหลังมิใช่หรือ? ตัวเราก็เช่นนั้น」
「ที่พวกฉันถูกเทียบเป็นข้าวเกรียบเปียกไปแล้วเหรอคะ!? 」
โหดร้ายเกินไปแล้ว…!!
หากเทียบกับคัตสึมิคุงที่แข็งแกร่งตั้งแต่แรก เราก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยหัดเดิน
ในขณะที่รู้สึกหดหู่ ท่านอาซาฮีก็วางศอกไว้ตรงเข่าแล้วมองไปบนฟ้าด้วยสายตาอันเศร้าโศก
「โอเมก้าของเรานั้นคือเทพแห่งโรคภัย กว่าเราจะรู้สึกตัวว่าพลาดไป ตัวเขาก็ได้กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายที่กลืนกินชีวิตของผู้บริสุทธิ์นับไม่ถ้วนไปเสียแล้ว……」
「บะ แบบนี้นี่เอง……」
「เจ้าเองก็คงรู้สึกมิพอใจเหมือนเราใช่ไหม การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเรื่องสถานการณ์ที่มิต่างอะไรกับการคลุมถุงชน แถมฝ่ายชายยังไม่สนใจเราแล้วเอาแต่เข่นฆ่าคนผู้คน」
「ฉันก็คงไม่ชอบจริงๆ ค่ะ……」
เหมือนกับเป็นฝันร้าย
ฉันพอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของอัลฟ่าและโอเมก้าบ้างแล้ว โชคชะตาของพวกเขาส่วนใหญ่จะจบไม่สวยนัก
「แม้จะเหลือเพียงแกนกลาง ทว่าการที่ได้กลับมายังโลกอีกครั้งก็นับว่าเป็นโชคชะตาที่น่าประหลาดใจเสียจริง เราเองก็มิอาจทราบได้ว่าดาวดวงนี้ถูกกวาดล้างไปแล้วกี่หนนับตั้งแต่ยุคสมัยของเรา ทว่า….คราวนี้มันคงจะต่างออกไป」
「ทำไมถึงพูดเหมือนกับท่านรู้ว่าโลกใบนี้มันเคยถูกกวาดล้างมาหลายรอบแล้วล่ะคะ? 」
「เจ้านี่ช่างดูสิ้นหวังเสียจริง เจ้าคิดหรือว่าชื่อของเรามันเหมือนกับคนที่มาจากดาวดวงอื่น หรือสติปัญญาของเจ้ามันจะหายไปเพราะความอยากในการบั่นคอผู้คน? 」
「อึก」
ฉันถูกตีหัวด้วยฝักดาบ
ใบหน้าที่เหมือนกับตุ๊กตายิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน ทางฉันก็อยากจะชักดาบเข้าไปฟันเธออยู่หรอก แต่ต้องอดทนเอาไว้เพราะฉันเป็นฝ่ายแพ้
「ตะ แต่ว่าหากถูกกวาดล้างไปแล้ว ทำไมพวกเราถึงจะใช้ภาษาหรือตัวอักษรเหมือนเดิมล่ะคะ?!」
「นั่นคือวิธีการที่เหล่าผู้รุกรานจะทำ พวกมันจะทำการหวนคืนเวลาให้ดวงดาวกลับไปยังจุดเดิมหรือไม่ก็ทำลายมันทิ้งเสีย….ส่วนการหวนคืนที่ว่าก็คือการหวนคืนยุคสมัยก่อนที่ตัวเราจะได้รับปัจจัยที่เรียกว่าอัลฟ่ามาครอบครองเพื่อให้กำเนิดอัลฟ่าตัวใหม่แทนตัวเรา」
ไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่เอาเป็นว่าพวกมันคงทำได้จริงแหละ
คิดแล้วก็น่ากลัวจริงๆ
「ทว่าในยุคสมัยของเรานั้น เราก็ได้ทำการสังหารโอเมก้าของตัวเองก่อนจะไปกำจัดเหล่าผู้รุกรานจากท้องฟ้าและรวบรวมหัวของพวกมันมากองไว้ดุจดั่งถ้วยรางวัล」
「หืม……」
「ดังนั้นคงบอกได้ว่าการกระทำของเจ้าคงไม่ต่างจากเราในอดีต」
ท่านอาซาฮีมองฉันด้วยสายตาลำบากใจนิดหน่อย
ยะ อย่าบอกนะว่าฉันได้นิสัยแปลกๆ มาก็เพราะ….หือ
ในขณะที่ฉันกำลังจะตอบกลับไป ฉันก็สัมผัสได้ว่าร่างของฉันกำลังโปร่งแสง
「เหมือนถึงเวลาที่เจ้าต้องตื่นแล้ว」
「ดูเหมือนจะเร็วกว่าปกติ…อึก?! อย่าบอกนะว่า….คัตสึมิคุงกำลังมาปลุกเราให้ตื่นจากฝันอย่างงั้นเหรอ?!」
ด้วยเหตุผลบางอย่างท่านอาซาฮีได้มองมาที่ฉันด้วยสายตาสมเพช
จะทำได้ก็แค่ตอนนี้แหละ สำหรับฉันน่ะ ไม่เหมือนกับคิราระหรอก
หากจับเขากดเลยคงจะไม่แปลกอะไรใช่ไหมนะ?
จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงคนกำลังเรียกชื่อของฉันอยู่ แล้วร่างกายของฉันก็เริ่มสั่นไหว
「คิราระ ตอนที่ฉันได้ยินเรื่องจากเธอก็คิดอยู่หรอกว่าจะทำยังไงกับยัยเยลโล่ลามกนี้ดี แต่ฉันขอถอนคำพูด….วันนี้แหละจะเป็นจังหวะของฉันบ้าง」
「เอ้า รีบตื่นเสีย」
「โอ้ย!? 」
ฉันถูกฝักดาบของเธอตีเข้าที่หัวอีกครั้ง
จากนั้นร่างกายของฉันก็หายไปจากมิติฝัน ถึงเวลาที่ต้องตื่นแล้ว
***
「อากาเนะ อากาเนะ……」
「อะ อื้ม」
ฉันลืมตาขึ้นเมื่อชื่อของฉันถูกเรียก
นี่มันไม่เช้าเกินไปหน่อยหรือไง….ไหล่ของฉันถูกเขย่าและชื่อของฉันก็ดังออกมาจากปากอีกฝ่ายไม่หยุด
คัตสึมิคุงอย่างงั้นเหรอ?! ฉันหันไปหาต้นเสียง
「คะ คัตสึมิคุง!? 」
「หากคิดว่าเป็นเขาละก็ผิดแล้ว เพราะคนที่มาปลุกเธอคือพี่สาวผู้นี้ต่างหาก!!」
「!!? 」
คนที่อยู่ตรงหน้าของฉันคือพี่สาวคนรอง จิเสะ
ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นพี่ตัวเองเข้ามาปลุกด้วยวิธีหยาบคาย
เอ๋? ทำไม? ได้ไง?
ในขณะที่ฉันตกใจกับสิ่งที่ไม่คาดคิด คัตสึมิคุงก็เปิดประตูห้องเข้ามาหาฉันที่นอนอยู่บนเตียง
ในอ้อมแขนของเขามีสุนัขซามอยอย่างคิโนโกะอยู่
「จิเสะซัง อากาเนะด้วย ตื่นแล้วเหรอ? 」
「อื้อ ฉันมาปลุกยัยนี่ให้ตื่นเองแหละ」
「เอ๋?」
คัตสึมิคุง มองมาที่ฉัน
「อ้า งั้นก็อรุณสวัสดิ์ อันที่จริงชิออนซังขอให้ฉันมาปลุกเธอน่ะ แต่เหมือนพี่เธอจะมาก่อนแล้วสินะ เป็นพี่น้องที่รักกันดีจริงๆ 」
「……」
「อาหารเช้าเสร็จแล้ว ตามลงมาได้เลย」
「แล้วเจอกันจ้าคัตสึมิคุง」
ฉันมองดูพี่ของฉันที่ยิ้มแล้วโบกมือให้คัตสึมิคุงซึ่งออกจากห้องไป
จากนั้นรอยยิ้มอันสดใสก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มอันบิดเบี้ยว
「ฮ่าๆๆๆ!! ยัยโง่!! ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทั้งที่ตัวฉันไม่มีผู้ชายมาเฉียดเลยสักคนหรอก!!」
「บัดซบ วันนี้ความสัมพันธ์พี่น้องของเราจบกันนนนนน!!」
「โอ้ย คิดจะทำบ้าอะไรยะยัยน้องโง่!!」
「ฉันจะทำให้เธอได้ชดใช้ โทษของการย่ำยีจิตใจสาวน้อยมันหนักนัก!!」
จากนั้นมันก็ลามไปเป็นการทะเลาะกันใหญ่โตของพี่น้อง
แล้วการต่อสู้ของพวกเราก็จบลงเมื่อแม่เข้ามาหาแล้วฟาดพวกเราไปคนละดอก
อย่างไรก็ตามเหมือนพี่สาวคนโตของฉัน คุรุมิพยายามจะสร้างความประทับใจกับคัตสึมิคุงด้วยการตื่นเช้ากว่าเขา ทว่าเขากลับตื่นก่อนเธอซะงั้น ก็เดินคอตกไปด้วยความพ่ายแพ้แทน
…ปัญญาอ่อนชะมัด
***
เนื่องจากเป็นวันเสาร์ฉันจึงไม่ต้องไปโรงเรียน
ฐานใหม่ของจัสติสครูเซเดอร์ก็ยังสร้างไม่เสร็จ จะให้ไปห้องฝึกก็ไม่ได้
ถึงจะได้อยู่บ้านกับคัตสึมิคุงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับเขาดี
หากจะออกไปเที่ยวข้างนอกก็ต้องปลอมตัวแถมยังต้องได้รับอนุญาตจากประธานอีก
「จริงเหรอเนี่ยที่ร่างของโอคาพีมันถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำมันตลอด? 」
「โฮ่ง」
ดูเหมือนว่าเขากำลังดูรายการสารคดีสัตว์อยู่
แอบอิจฉาคิโนโกะที่ได้นั่งบนตักเขาชะมัด
ทำไมตัวฉันถึงตกต่ำขนาดต้องมาอิจฉาสุนัขตัวเองกันนะ
「หืม」
ขณะที่มองดูใบหน้าของเขาจากข้างๆ ฉันก็หันไปเปิดโทรศัพท์ที่สั่นอยู่
ปรากฏว่าเป็นคิราระกับอาโออิติดต่อมา ฉันเลยตอบกลับไป
คิราระ : คัตสึมิคุงเป็นยังไงบ้าง?
อาโออิ : (# ゚Д゚)
อากาเนะ : ฉันโดนปลุกในตอนเช้าน่ะ
อาโออิ : อึก? ให้อภัยไม่ได้ ต้องบุกไปถึงบ้าน เดี๋ยวจะเอาซูชิไปเป็นมื้อกลางวัน
อากาเนะ : แต่คนที่มาปลุกดันเป็นพี่ซะงั้น ยกโทษให้ไม่ได้เด็ดขาด จะขอสาปส่งเธอไปให้หาแฟนได้ไปตลอดชีวิต
คิราระ : ฉันว่าเธอเองก็ไม่ต่างกันหรอก
อาโออิ : บัดซบ
「นี่ อากาเนะ」
「หือ? 」
ฉันหยุดดูแชทแล้วหันไปหาคัตสึมิคุง
「ตอนนี้สำนักงานใหญ่ที่ถูกทำลายเป็นยังไงบ้าง? 」
「ก็คิดว่ายังถูกปิดเอาไว้อยู่นะ ถึงชั้นใต้ดินจะยังปลอดภัยดี แต่เรื่องที่มันถูกใช้เป็นฐานของพวกเราก็หลุดหมดแล้ว」
「……งั้นเหรอ」
ฉันสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงถามเรื่องนี้กันนะ
「ถ้างั้น ฉันไปที่ห้องขังใต้ดินได้ไหม? 」
「คงต้องถามประธานก่อนนะ แอบเป็นห่วงเรื่องสายคนที่จับจ้องด้วยสิ…ว่าแต่ทำไมเหรอ? 」
「ก็ไม่รู้เหมือนกัน มันอารมณ์ประมาณว่าคิดถึงละมั้ง 」
ก็จริงว่าสถานที่นั้นเป็นสถานที่พิเศษสำหรับพวกเราเหมือนกัน
ห้องขังที่สร้างไว้เพื่อปกป้องเขาผู้เป็นอัศวินดำซึ่งพ่ายแพ้ให้กับพวกเรา
คราวนี้ไม่ใช่โทรศัพท์ แต่เป็นอุปกรณ์แปลงร่างที่ข้อมือฉันเตรียมติดต่อประธาน
「ฉันเองก็ว่างด้วยสิจะไปด้วยแล้วกัน」
「เธอด้วยเหรอ? 」
「อื้อ ยังไงก็คงต้องปลอมตัวกันสักหน่อย ส่วนทางเข้าระดับประธานคงมีเส้นทางลับที่หลบคนได้บ้างแหละ」
ฉันเองก็ไม่ได้ไปที่นั่นมาตั้งแต่ครั้งที่ถูกโจมตีแล้วเหมือนกัน
หลังส่งข้อความไปหาประธานเสร็จ ก็ทำได้เพียงรอการตอบกลับ
พวกเขาเองก็เหมือนจะยุ่งๆ คงต้องรออีกสักพัก…จะว่าไปการที่คัตสึมิคุงแสดงความต้องการของตัวเองออกมาแบบนี้แปลกใหม่ดีเหมือนกัน ใจจริงก็ไม่อยากจะให้เขารอประธานตอบกลับมาเลยสักนิด
「จริงสิ งั้นเรียกคิราระกับอาโออิมาด้วยดีไหม? 」
「……」
「อากาเนะ? 」
「อื้อ เดี๋ยวบอกให้……」
ถึงจะถูกชวนแต่เขาก็ไม่ได้บอกนี่เนอะว่าจะมีแค่พวกเราสองคน เหมือนอกหักเลยแฮะ
อากาเนะ : คัตสึมิคุงอยากจะไปสำนักงานใหญ่ หากพวกเธอติดธุระอะไรอยู่ไม่ต้องฝืนมาก็ได้
อาโออิ : คิดจะทำอะไรล้ำหน้าพวกเราเหรอ จะเตรียมตัวเดี๋ยวนี้
คิราระ : ถึงจะติดธุระก็จะไปย่ะ
อากาเนะ : พวกโลภมากเอ้ย…..
ฉันรู้สึกประหลาดใจกับการตอบกลับแบบทันทีทันใดของพวกเธอ
สงสัยคงต้องออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันข้างนอก
แม้ว่าคนจะเพิ่มขึ้นมา แต่การได้ออกไปไหนด้วยกันก็เป็นเรื่องน่าสนุก
พอบอกคัตสึมิคุงว่าทั้งสองคนจะมาด้วย ฉันก็ขึ้นห้องไปเปลี่ยนชุดเตรียมตัวออกไปข้างนอก
–จบ—
ไม่ใช่ว่าแกนกลางของพวกสาวๆ ไม่ตื่น แต่แค่คุยกันในฝัน ถือว่าเป็นตอนที่ได้รู้ว่าทำไมพวกสาวๆ ถึงเก่งและได้นิสัยแปลกๆ บางอย่างมาจากใครบางคน
ส่วนคำสาปแห่งอาราซากะที่ไม่มีชายใดมาเฉียดคงต้องติดตามต่อไป
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code