อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 74 โจมตีสายฟ้าแลบ จุดเริ่มต้นของความวุ่ยวาย
คัตสึมิคุงรู้เรื่องของจัสติสครูเซเดอร์แล้ว
ไม่สิ อันที่จริงก็เป็นเรื่องของเวลามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ตอนนี้ก็คาดเดาว่าเขาอาจจะได้ความทรงจำบางส่วนกลับมาเพิ่มแล้ว หรือไม่ก็มีใครสักคนบอกกับเขา
จะให้ไปถามหาความรับผิดชอบจากครอบครัวของเยลโล่ก็ไม่ได้ด้วย
แต่ที่สำคัญเลยคือการแทรงแซงของรูอิน
ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่มีอะไรรับประกันว่ายัยโรคจิตนั่นจะทำอะไรกับเขาหรือเปล่า
「ผ่านมาได้ 5 วันแล้วตั้งแต่เขาคุยกับคิราระ ทว่าการแทรงแซงของรูอินก็ยังไม่เกิด นับว่าปลอดภัยได้ละมั้ง」
แต่ฉันก็ไม่คิดจะปล่อยผ่านอย่างไม่ระวังหรอก
นี่คือเรื่องลับสุดยอด คนที่จะเข้ามาติดต่อกับเขาได้ก็ต้องจำกัดเอาไว้
แม้จะรู้สึกผิด แต่ชิราคาวะคุงไม่ควรจะรู้เรื่องพวกนี้เด็ดขาด
เพราะเธอมีความสัมพันธ์กับเขามากเกินไป
『คะ คัตสึมิคุง!! ฉะ ฉันจะฆ่าพวกเอเลี่ยนให้หมด!! คมดาบสังหาร!!!』
เรดก็ต้องตัดออกเพราะสภาพจิตใจและอารมณ์ของเธอที่เหมือนของขาด อาจจะสร้างปัญหาให้คัตสึมิคุงได้
『คัตสึมิคุง….รุ่นพี่…ไม่สิถ้าเติมคาแร็กเตอร์เพื่อนสมัยเด็กไปด้วยน่าจะดี』
บลูก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมาเสียจนฉันไม่ไว้ใจว่าเธอจะทำอะไรบ้างหากเจอเขา
ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่ทำไมฮีโร่ของดาวโลกมันถึงได้มีบุคลิกอันตรายแบบแปลกๆ ได้นะ
มองอีกมุมหนึ่งก็คงต้องบอกว่าหากพวกเธอไม่มีสิ่งเหล่านี้คงไม่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ของดาวดวงนี้ได้หรอก
「ทว่าการที่มีคนปกติสามารถอยู่ในหมู่พวกผิดปกติได้ ก็นับว่าผิดปกติแหละ」
งานของจัสติสครูเซเดอร์มักจะเต็มไปด้วยเรื่องเสี่ยงตาย
แม้จะเฉียดตายมาหลายครั้งแต่จิตวิญญาณของพวกเธอแต่ละคนก็ไม่ได้อ่อนแอลงเลย
ดังนั้นเยลโล่ที่มักจะถูกล้อเสมอว่าเป็นคนปกติไม่มีอะไรเด่น แท้จริงแล้วอาจจะซ่อนความผิดปกติสุดแสนพิศดาลเหมือนเรดกับบลู
「……ออกไปเลยแล้วกัน」
ฉันลุกจากเก้าอี้ในห้องทำงานแล้วสวมชุดสูทที่แขวนอยู่
ตอนนี้ฉันกำลังจะตรงไปยังบ้านอามัตสึกะที่คัตสึมิคุงอาศัยอยู่
การนัดออกมาคุยข้างนอกก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง แต่สายตาคนผู้คนอาจจะจับจ้องเอาได้ ดังนั้นไปคุยที่นั่นจะดีที่สุด
「ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปด้วยตัวเอง…ในฐานะเพื่อนของเขาคงปล่อยไปไม่ได้ ขอโทษทีนะSagittarius ไว้ฉันจะมาคุยกับนายทีหลัง」
สูทสีทองขอบขาวถูกเก็บเอาไว้ที่ตู้ของห้องวิจัย
เมื่อฉันวางมือลงไปที่สูท อนุภาคสีทองก็เริ่มเคลื่อนไหวมาติดกับปลายนิ้วของฉัน
ฉันสัมผัสได้ว่ามันกำลังจะทะลวงผ่านนิ้วของฉันเข้าไปในร่าง ฉันก็รีบดึงมือกลับมาทันที
「ให้ตายสิ ไม่คิดจะยอมรับฉันจริงด้วย….แค่สัมผัสก็กะจะฆ่ากันแล้วหรือไง….」
เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำงานของสูทคือการสร้างอนุภาคโลหะพิเศษขึ้นออกมาจากแกนกลางของสูท ถ้าให้เรียกง่ายๆ ก็ประมาณนาโนแมชชีนแหละ
Sagittarius เป็นสูทต้นแบบของแท้ที่ฉันใช้ในการสร้างสูทของจัสติสครูเซเดอร์และสูทของอัศวินดำ จริงอยู่ว่าฉันทำการปรับปรุงมันหลังระเบิดมันทิ้งไปครั้งก่อน แต่ปัญหาที่ฉันเจอก็ไม่เปลี่ยน….มันไม่ยอมรับฉัน
「หากฉันคิดจะใช้มันคงต้องเตรียมใจพอตัว」
หากไม่เตรียมตัวให้ดีร่างของฉันได้โดนมันกินเอาแหง
แค่จัสติสครูเซเดอร์กับอัศวินดำไม่พอจะสู้กับพวกลำดับสูงๆ หรอก
หากมีสิ่งที่ฉันทำได้ฉันก็จะทำ
ว่าแล้วฉันก็เดินออกจากห้องวิจัย
「นี่คือความรับผิดชอบของฉันที่ทำให้คัตสึมิคุงและพวกสาวๆ ต้องสู้กัน」
ขณะที่มองทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกดินระหว่างเดินออกจากสำนักงาน ฉันก็เจอกับชิราคาวะคุงที่ทางเดิน
「เป็นไงบ้างชิราคาวะคุง? 」
「……อื้อ」
ไม่เหลือสินะ
ดูเหมือนเธอจะแทบไม่ออกมาทำงานส่วนของเธอเลย สภาพร่างกายก็ดูโทรม
แทบไม่ต่างกับคนใกล้ตายเลยวุ้ย
คัตสึมิคุง คือครอบครัวคนแรกของชิราคาวะคุง…ไม่สิซิกม่า
แม้มันจะเป็นของปลอม แต่สำหรับเธอมันจริงเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
「ได้นอนหลับพอไหมเนี่ย? 」
「ไม่ค่อย……」
「อาหารล่ะ? 」
「ตอนเที่ยงกินข้าวได้แค่ 2 ชาม….」
……เรียกว่าไม่พอได้ป่าวฟะ?
ไม่สิถึงรูปร่างจะเหมือนเด็กมอปลายแต่ข้างในก็เป็นเด็ก 1 ขวบนี่หว่า
แต่การที่เด็ก 1 ขวบกินไป 2 ชามมันก็นับว่าเยอะแล้วไหม
「ชิโระเองก็เหมือนจะไม่ค่อยสบายนะ」
「อื้อ….ตอนที่ดูวิดีโอของคัตซึนกับฉันก็มีสภาพแบบนี้แหละ」
「ทำไมเหมือนเธอกำลังไล่กลับไปดูความทรงจำตอนอยู่กับแฟนเก่าเลยฟะ…」
นั่นคือสิ่งที่ฉันเห็น
ชิโระจับได้ว่าคัตสึมิคุงอยู่กับเยลโล่ก็เลยไปหาเขาด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องเซกลับมาเพราะเขาจำชิโระไม่ได้เลย
คู่หูที่เคยต่อสู้ด้วยกันมาลืมตัวเอง สำหรับฉันมันก็ปวดใจแหละ
「คัตซึน…ฉันจะได้เจอเขาอีกไหมนะ….」
「……」
บอกตามตรงว่าทนดูไม่ไหวเลยวุ้ย
ถึงเธอจะดูเป็นผู้ใหญ่บ้างแล้ว แต่ภายในของเธอก็ไม่ต่างกับเด็ก
จะให้ปฏิบัติกับเธอเหมือนที่ทำกับเรด บลูก็ไม่ได้
….เห้อช่วยไม่ได้ เห็นทีต้องบอกกับเธอจริงๆ
「เราเจอคัตสึมิคุงแล้ว」
พอฉันพูดจบ ชิราคาวะคุงที่เดินคอตกก็เงยหน้าขึ้นมามองฉัน
「นั่นเรื่องจริงเหรอ? คงไม่ใช่มุกตลกห่วยแตกของนายหรอกนะ? 」
「ไม่ได้ล้อเล่นนะเออ อันที่จริงฉันรู้ว่าเขาอยู่ไหนตั้งแต่วันที่เขาหายตัวไปแล้ว…ขอโทษที่เก็บไว้เป็นความลับ」
「เอ่อ…อื้อ…ฉันเข้าใจว่านายก็คงมีเหตุผลของนาย」
ทั้งที่ทำใจเอาไว้แล้วว่าจะโดนต่อยสักหมัด แต่เหมือนชิราคาวะคุงจะเข้าใจ
「ฉันกำลังจะไปเจอกับเขา」
「งะ งั้นฉันก็จะไปด้วย……」
「เรื่องนั้นคงไม่ได้หรอก」
สำหรับคัตสึมิคุงแล้ว ชิราคาวะคุงคือคนที่เคยอาศัยอยู่ด้วยกันแบบครอบครัว
ฉันไม่มั่นใจว่าหากเขาเจอกับชิราคาวะคุงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คงต้องเลี่ยงความเสี่ยง
「เพราะเขายังจำเรื่องของเธอไม่ได้เลย」
「……อึก」
「แต่ฉันจะหาทางให้พวกเธอได้เจอกันเอง ดังนั้นทนเอาไว้ก่อน」
「……อืม」
ฉันโล่งใจที่เธอยอมรับมันได้
หากเป็นชิราคาวะคุง ฉันคงไม่ต้องห่วงเรื่องที่เธอจะคุมตัวเองไม่ไหว
จากนั้นฉันก็ตรงขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังผืนดิน
「รอเดี๋ยว」
「หือ? อะไรอีก? 」
「คือ ตอนนี้คัตซึนอยู่ที่ไหนเหรอ? คงไม่ใช่ต่างประเทศใช่ไหม? 」
……。
「……เธออย่ารู้เลย……」
「เอ๋ ทำไมล่ะ? 」
「เพราะชีวิตของเยลโล่คงไม่ปลอดภัย」
「……เอ๋? 」
「ไกปู!!」
ก่อนที่จะถูกถามอะไรเพิ่มฉันรีบวิ่งขึ้นลิฟต์ทันที
หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง
ใครจะรู้ว่าเรื่องที่ฉันพูดจะหลุดตอนไหน ดังนั้นรีบไปดีกว่า
***
ครอบครัวอามัตสึกะ มีสมาชิกด้วยกัน 5 คน ได้แก่ พ่อโอมะ แม่โคโยมิ ลูกสาวคนโต คิราระ นานากะลูกสาวคนรอง โคตะน้องชายคนเล็ก
มองดูแบบนี้ก็เหมือนจะเป็นครอบครัวปกติ แต่ของจริงไม่ใช่เลยสักนิด
ครอบครัวของเธอรู้ว่าคิราระเป็นเยลโล่ดังนั้นความคิดของพวกเขาจึงไม่มีคนทั่วไปเด็ดขาด
「…หวังว่าจะไม่โดนอิทธิพลแปลกๆ กลืนกินน้า」
ฉันเดินทางมาถึงบ้านอามัตสึกะด้วยแท็กซี่ หลังตั้งสติถอนหายใจ ก็กดอินเตอร์คอมหน้าบ้าน
นี่คือการคุยกับคัตสึมิคุงที่ยังความทรงจำไม่กลับมาเต็มร้อย
ถึงเขาจะจำฉันไม่ได้แต่เยลโล่กับอัลฟ่าน่าจะช่วยในส่วนนี้ไหว
『ค่ะ』
ประตูบ้านถูกเปิดออกแล้ว เยลโล่ในชุดธรรมดาก็เดินออกมารับ
พอเห็นหน้าของฉันแล้วเธอก็เหลือบมองไปทางด้านหลัง
「ทำอะไรของเธอ」
「ไม่ได้ถูกแอบตามมาสินะ? 」
「ไม่ต้องห่วง ไม่น่ามีใครทำแบบนั้นหรอก…มั้ง」
ใครจะไปรู้ฟะ
ท้ายที่สุดแล้วการคาดเดาการกระทำของพวกคนประหลาดก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี
ยิ่งสำหรับบลูหากเธอบอกว่าตัวเองไม่ใช่ชาวโลกแต่เป็นชาวดาวพิลึกอะไรสักอย่างยังเข้าใจได้ง่ายกว่าอีก
「ฉันอธิบายเรื่องนี้ให้คนที่บ้านฟังแล้วตอนนี้พวกเขาออกไปทานข้าวนอกบ้านกันอยู่」
「……แบบนั้นคงดีกว่าจริงๆ 」
「คัตสึมิคุงกับอัลฟ่ารออยู่ด้านในค่ะ」
ฉันเดินไปทางห้องนั่งเล่นตามที่เยลโล่นำทาง
แล้วก็พบว่ามีคัตสึมิคุงยืนกอดอกรอโดยมีอัลฟ่าอยู่ข้างๆ ซึ่งจ้องมองฉันด้วยสีหน้ารังเกียจ
「คัตสึมิคุง ถึงนายจะทำฉันไม่ได้…แต่ก็ขอให้ฉันได้พูดเถอะ… ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ」
「!」
เช่นเดียวกับครั้งแรกที่พวกเราเจอกัน ดวงตาอันแสนบริสุทธิ์ที่ตั้งใจฟังเรื่องราวของอีกฝ่าย
จากนั้นพวกเราก็นั่งกันที่เก้าอี้เพื่อพูดคุย
「คาเนะซากิซังสินะครับ? 」
「เรียกเรมะเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องสุภาพอะไร」
「…เรมะ….น่าแปลกแฮะทำไมพอเรียกแบบนี้แล้วมันสะดวกปากกว่าจริงๆ 」
…ท่าทางความทรงจำของเขาเหมือนจะถูกผนึกเอาไว้แบบหลวมๆ ไหมนะ?
อาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้ปิดผนึกเอาไว้ดีฉันเลยรู้สึกว่าความทรงจำของเขามันค่อยๆ ไหลออกมาทีละนิด
แม้จะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความทรงจำมากนัก แต่อาการแบบนี้คงไม่น่าสร้างอันตรายอะไรให้กับเขาเท่าไหร่
「ฉัน เรมะ คาเนะซากิ เป็นประธานของบริษัทคาเนะซากิ」
「หรือว่าจะเป็นบริษัทเดียวกับที่ส่งฮอไปช่วยจัดการสัตว์ประหลาดแม็กม่า…」
「ตามนั้น พวกเราส่งไปจริง」
「แบบนี้นี่เอง……」
สัตว์ประหลาดแม็กม่า….นั่นอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดตัวแรกเลยที่ทำให้พวกเราเข้าใกล้อัศวินดำได้มากกว่าเก่า
ว่ากันตามตรง ตัวฉันในอดีตไม่ได้ตั้งใจจะติดต่อกับเขาแต่ความอันตรายของเจ้านั่นมันสูงเกินไปจริงๆ
ทว่าหลังจากได้เห็นเขาพูดคุยตอบโต้กับคนของกองกำลังป้องกันตัวเองที่ต้องเข้าสู้กับสัตว์ประหลาดแล้ว ฉันก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขานี่แหละคือคนที่คู่ควร
「ส่วนเบื้องหลังของการเป็นประธานบริษัทก็คือ……」
「ก็คือ……」
「ผู้บัญชาการสูงสุดของเหล่าจัสติสครูเซเดอร์ และคนพัฒนาสูทที่นายใช้อยู่ยังไงล่ะ!!」
「ผู้บัญชาการสูงสุด?! นอกจากนี้คนพัฒนาสูทเหรอ….」
คัตสึมิคุงมองหน้าฉันสลับกับสิ่งที่อยู่ในแขนของเขา
ฉันพยักหน้ารับ
「ใช่แล้ว! ฉันคือคนที่สร้างอุปกรณ์แปลงร่างที่นายใช้!!」
「อะไรกัน?!…โห้ย อัลฟ่า คิราระ คนคนนี้น่าทึ่งกว่าที่พวกเธอบอกฉันซะอีก!!」
「「ไอ้โรคจิตเนี่ยนะ? 」」
「โรคจิต!? 」
「โรคจิตก็เชี่ยแล้วเฟ้ย!!」
อัลฟ่ากับเยลโล่พูดอะไรออกมา!!
ทำไมถึงมองว่าฉันเป็นพวกโรคจิตไปได้ฟะ!! เสียมารยาท!!
「ฉันขอโทษเรื่องที่แอบเข้าไปขโมยสูท…」
「นั่นมันเรื่องของอดีต!! แถมตอนนี้ฉันทำการอัปเกรดเพื่อนายโดยเฉพาะเลยด้วย หรือก็คือมันเป็นไอเท็มชั้นยอดที่สร้างขึ้นมาเพื่อนายคนเดียวยังไงล่ะ!!」
แทนที่จะบอกว่าถูกขโมยไป ต้องบอกว่าโปรโตได้เลือกเขายังดีเสียกว่า
『ถึงจะไม่พอใจ แต่ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ฉันพูดได้』
「งั้นเหรอ……」
ฉันไปทำให้หล่อนไม่พอใจตอนไหนกัน?
เอาเป็นว่าตอนนี้ก็เริ่มสร้างบรรยากาศให้คัตสึมิคุงผ่อนคลายลงแล้ว
「เรมะเป็นคนพัฒนาสิ่งนี้เหรอ? 」
「ใช้แล้ว ของใหม่ที่ใช้เป็นไงบ้างล่ะ? 」
「ร่างกายเคลื่อนไหวได้ดีกว่าสูทอันเก่า แต่ก็ยังมีความรู้สึกประมาณว่ามันไม่ได้ดั่งใจอยู่บ้าง」
….หมายความว่าตัวของเขาในตอนนี้ก็เริ่มจะก้าวข้ามพลังของโปรโตสูทไปแล้วสินะ?
บางทีอาจจะเป็นเพราะอัตราความเข้ากันได้ของสูทละมั้ง
「ถ้าแบบนั้นก็ดี แปลว่าฉันยังมีช่องให้ปรับปรุงหรือพัฒนาสูทให้สูงกว่าเก่า」
「……ว่าแต่ พวกเรามีความสัมพันธ์กันยังไงเหรอ? 」
ความสัมพันธ์สิน้า…
ถึงจะซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้อธิบายออกมาเป็นคำพูดยากเย็นอะไร
「เพื่อนของนายน่ะ」
「เพื่อนเหรอ? 」
「หลังเอาชนะไฟนอลบอสของโลกเสร็จ นายก็ตัดสินใจเข้าสู่ศึกตัดสินกับพวกสาวๆ แล้วก็พ่ายแพ้ จากนั้นนายก็มอบตัว」
เขาเริ่มนึกสิ่งที่อยู่ในหัวตาม
ไหนจะมีเรื่องที่เขาคอยปกป้องอัลฟ่าจากภัยคุกคามนอกโลกอีก
「จากนั้นนายก็เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตประจำวันปกติพร้อมกับ 3 สาว เยลโล่ตรงนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นแน่นอนว่าอัลฟ่าเองก็คอยซ่อนตัวอยู่เคียงข้างนายเสมอ」
「……ชีวิตปกติ….」
เมื่อความทรงจำทั้งหมดของเขากลับมา เขาคงจะได้รู้ว่าสิ่งที่เขาพยายามทำมาทั้งหมดมันคุ้มค่าหรือไม่
「…แล้วอยากจะให้ฉันทำอะไรต่อล่ะ? 」
「ช่วยต่อสู้เคียงข้างพวกเราอีกครั้ง」
「กับพวกคิราระเหรอ? 」
เขาหันไปมองเยลโล่ที่นั่งข้างๆ ทางเยลโล่ก็พยักหน้าให้
「ภัยคุกคามต่อจากนี้มันน่ากลัวกว่าพวกสัตว์ประหลาดบนโลกมาก」
「……ไอ้พวกลำดับดวงดาราอะไรนั่นสินะ」
「อ้า ฉันได้ยินว่าพวกมันมาติดต่อกับนายแล้วนี่」
พวกเซไคเซ็นไต
แทบจะขำไม่ออก ไอ้พวกโรคจิตที่ตามหาศัตรูแห่งความยุติธรรมเพื่อทำลาย ตอนนี้พวกมันเป็นศัตรูกับพวกเราแล้ว
ปัญหาก็คืออุปกรณ์และเทคโนโลยีที่พวกมันใช้อาจจะอยู่ในระดับเดียวกับจัสติสครูเซเดอร์ ไม่ก็สูงกว่า
「อันที่จริงเรื่องนี้ก็ยังไม่ได้บอกคิราระกับอัลฟ่าด้วย…แต่เหมือนฉันจะได้เจอกับลำดับที่ 3 และ 6 แล้วน่ะ」
「อะไรกัน…!? 」
「แต่พวกเขาบอกว่าไม่มีเจตนาจะเป็นศัตรูกับฉัน ทว่าลำดับที่ 3 นั่นแข็งแกร่งสุดๆ 」
พวกหลักเดียวเจอกับคัตสึมิคุงแล้ว?!
ยิ่งไปกว่านั้นหมายความว่ายังไงกัน ไม่มีเจตนาเป็นศัตรู?
「แต่การที่มีคนแข็งแกร่งกว่าเจ้านั่นอีกถึง 2 คนฉันก็รู้แล้วว่าศึกหลังจากนี้ไม่ง่ายแน่นอน นอกจากนี้…..」
「……? หืม? 」
「เปล่า……」
หลังเขาจ้องมองไปที่อัลฟ่าเหมือนมีอะไรในใจสักอย่าง เขาก็หันมาหาฉัน
「เอาเป็นว่าฉันเชื่อใจนาย ถึงจะไม่รู้เหตุผลแต่ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถไว้ใจนายได้แน่นอน คงจะมาจากตัวฉันก่อนเสียความทรงจำละมั้ง」
「คัตสึมิคุง……」
「สิ่งที่ฉันเห็นชัดเจนตอนนี้ภายในความทรงจำพวกนั้นก็คือ ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้…..」
หลังพูดคัตสึมิก็มองไปยังมือของตัวเองแล้วพูดต่อ
「ฉันรู้สึกว่าฉันจะสามารถจำเรื่องของคัตสึมิ โฮมุระและคัตสึกิ ชิราคาวะได้แน่นอน ดังนั้น….ฉันขอยอมรับข้อเสนอมของนาย」
เปลี่ยนแปลงตัวเองได้
ฉันดีใจจริงๆ ที่คำนี้ออกมาจากปากของเขา
หรือก็คือมันเป็นข้อพิสูจน์ว่าความพยายามของเรดและคนอื่นๆ ไม่ได้สูญเปล่า
「นายนี่บริสุทธิ์จริงๆ!!」
「เรมะ!? 」
ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดมันออกมา แต่การพูดคุยยังไม่จบ
ตอนนี้คงต้องหาทางฟื้นความทรงจำของคัตสึมิคุงกลับมา
ก่อนอื่นต้องหาทางฟื้นความทรงจำของคัตสึมิคุง
เรื่องนี้อาจจะขอความช่วยเหลือจากอัลฟ่าได้ แต่รูอินคนพยายามเข้ามาแทรกแซงอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่จากที่เขาพูดก็น่าจะเหมือนกับว่ารูอินกำลังรอจังหวะที่จะให้ความทรงจำสมบูรณ์ของเขากับมาเมื่อมีเงื่อนไขถูกต้อง แถมน่าจะอีกไม่นานแล้วแน่ๆ
「โอ๊ะ ขอโทษทีนะที่เผลอพูดอะไรแปลกๆ ออกไป」
「อะ อื้อ……? 」
「นายไม่ต้องคิดมากหรอก หมอนี่เป็นแบบนี้แหละ」
「ใช่ เขามักจะทำอะไรแปลกๆ เสมอ」
『เป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยน』
「พวกเธอ หยุดลดความน่าประทับใจในตัวฉันลงได้แล้วเฟ้ย อิจฉาล่ะสิยัยพวกนี้?!」
หยาบคายจริงๆ
เอาเถอะ
「งั้นจากนี้ ฉันว่าจะให้เรดกับบลูได้เจอกับนายบ้าง」
「พูดถึงเรดกับบลู คงจะเป็นพวกพ้องของคิราระที่ฉันเคยเจอตอนนั้นสินะ….คิราระ อัลฟ่า? ทำไมหน้าของพวกเธอดูซีดๆ ล่ะ」
「ปะ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก……」
ฉันเข้าใจว่าพวกเธอรู้สึกยังไง แต่เรื่องของคัตสึมิคุงต้องมาก่อน
อันที่จริงฉันก็เป็นหนึ่งในคนที่ซ่อนเขาไว้ คงต้องเตรียมใจไว้บ้างแฮะ
「สองคนนั้น———」
「อึก นี่เรมะ」
「หือ? 」
อยู่ดีๆ ดวงตาของคัตสึมิคุงก็ดูเฉียบคมขึ้นแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
วินาทีต่อมา คลื่นสีฟ้าก็ได้แผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน ก่อนจะได้ยินเสียงระเบิดกังขึ้นพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่ตามมา
———อึก เกิดอะไรขึ้นกัน!?
แย่แล้วแบบนี้ต้องรีบตรวจสอบสถานการณ์ทันที!!
「ประธาน!」
「เออ รู้แล้วฉันจะรีบตรวจสอบเดี๋ยวนี้แหละ!!」
ฉันเดินไปตรงหน้าต่างแล้วต่อสายไปยังสำนักงานใหญ่ ทว่าสายกลับต่อไม่ติด
ทั้งที่พนักงานซึ่งประจำอยู่สำนักงานใหญ่จะทำงานสลับกันเสมอเพื่อเฝ้าระวังพวกเอเลี่ยน การติดต่อไม่ได้แบบนี้จึงแปลกสุดๆ
สิ่งเดียวที่ฉันเดาได้ก็คือ….
「สำนักงานใหญ่ถูกโจมตี……!」
หากเป็นไปตามที่ฉันคิด คลื่นสีฟ้าที่สะท้อนไปทั่วท้องฟ้าคงจะเกิดจากการปะทะกันของสนามพลังงานกับอาวุธฝ่ายศัตรู
มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นั่นฟะ!!
ฉันเปลี่ยนคลื่นสัญญาณแล้วติดต่อกับคนอื่นแทน
「จัสติสครูเซเดอร์!! ตอนนี้สำนักงานใหญ่ถูกโจมตี!!」
『หา แล้วประธานปลอดภัยดีไหมคะ!? 』
『งั่มๆๆ อึก….เหตุฉุกเฉินสินะ』
เรดและบลูตอบกลับมา
「โชคดี..ไม่สิ น่าเสียดายที่ฉันออกมาข้างนอกพอดี!! ตอนนี้กำลังจะรีบกลับไป พวกเธอรีบไปช่วยพวกพนักงานแล้วก็จัดการศัตรูซะ!!!」
『『ค่ะ!!』』
「แล้วก็———」
「เรมะ」
ก่อนจะรู้ตัวคัตสึมิคุงก็มายืนอยู่ข้างๆ ฉัน
ชิบ คัตสึมิคุง อย่าสิ
ถ้านายมาพูดเอาตอนนี้เสียงมันจะเข้าไปในเทอร์มินัล——
『คาเนะ ซากิเรมะ…กำลังซ่อนอะไรจากพวกเราอยู่หรือเปล่า? 』
『ริน・เพียว・โด・ชา……ไค..…แค้น……แค้น……แค้น……!』
「โฮ่ยๆ」
ชิบผายยยยยย?! ยัยพวกนี้รู้เข้าจนได้สินะ แล้วน้ำเสียงที่ส่งผ่านมาซึ่งเต็มไปด้วยความแค้นนี่มันอะไรกัน?!
แล้วคำที่ยัยบลูพูดนี่อิหยังฟะ!
ฉันขนลุกเกินกว่าจะพูดอะไรกับพวกเธอต่อก็เลยตัดสายไปทันที!!
「ฉันจะรีบไปสำนักงานใหญ่ก่อนละ」
「อ่ะ อ้า นั่นสินะ ถ้าเป็น Type 1 น่าจะเร็วกว่าฉันด้วย เยลโล่ รีบตามเขาไป!!」
「เข้าใจแล้วค่ะ คัตสึมิคุง ออกทางหน้าต่างได้เลย!!」
คัตสึมิคุงกับเยลโล่กระโดดออกหน้าต่างที่เปิดอยู่
ภายในสวนที่ล้อมรอบด้วยกำแพง ทั้งสองเปิดการทำงานอุปกรณ์แปลงร่างทันที
『CHANG → TYPE 1!!!!』
「ไปกันเลยโปรโต!」
『ลุยกันเลย คัตสึมิ!!』
『CHANGE → UP RIGING!! SYSTEM OF JUSTICE CRUSADE!! VERSION 2.0!!』
「ทางนี้ก็แปลงร่างเสร็จแล้วเหมือนกัน!」
ไรเดอร์สีดำ โปรโต 1 และเซ็นไตสีเหลือง จัสติสเยลโล่พร้อมปฏิบัติการ
เมื่อเยลโล่แปลงร่างเสร็จเธอก็ทำการเอื้อมมือไปกดปุ่มเรียกยานที่ติดอยู่ตรงมือซ้าย
「อัศวินดำคุง นายไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะเรียกยานออกมาแล้วตามไป!!」
「ไม่ต้องหรอก แบบนั้นช้าไป」
「แต่ว่า……กรี๊ด!? 」
คัตสึมิคุงอุ้มเยลโล่เอาไว้ในอ้อมแขน!?
「แบบนี้จะเร็วกว่า ไปกันเถอะ」
「อะ อึก?! ถึงจะเคยจินตนาการแล้วเตรียมใจเอาไว้แล้วก็เถอะ หวะ หวาๆๆๆ!? 」
คัตสึมิคุงกระโดดพุ่งขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับอุ้มเยลโล่เอาไว้ในอ้อมแขน
ตัวของเขาตอนนี้เหมือนกำลังวิ่งอยู่ในอากาศ รอยเท้าของเขาเกิดเป็นออร่าสีแดงขึ้นในทุกจุดที่เขาเหยียบลงไป
「……พวกเราก็รีบไปกันเถอะอัลฟ่า」
「คิราระ……」
「หมดเวลามาอิจฉาแล้วเฟ้ย!!」
หากคัตสึมิคุงกับพวกจัสติสครูเซเดอร์กำลังไป ฉันก็คงเบาใจได้หน่อย
แต่ปัญหาก็คือ…หืม?!
มีเสียงเรียกเข้า
「โอโมริคุงสินะ!! อธิบายมาซะมาเกิดอะไรขึ้น!!」
……。
……พวกที่บุกมาคือเซไคเซ็นไต?!
ให้ตายสิ ทำไมพวกระยำต้องมาในจังหวะแย่ๆ ด้วยฟะ!
「หา ชิราคาวะคุง?! คนเดียว?! เห้ย หยุดเธอไว้เดี๋ยวนี้เลย เอ้า ชิบ สายตัดไปเฉยๆ!!」
อยู่ดีๆ ก็เกิดสัญญาณรบกวนแล้วสายก็ตัดไป
「ประธาน เกิดอะไรขึ้นกับฮาคัว?!」
「ตอนนี้อาจจะยัง แต่สถานการณ์เลวร้ายสุดๆ!! 」
คู่ต่อสู้คือพวกระดับสูง
ไม่มีทางที่ชิราคาวะคุงซึ่งไม่คุ้นกับสนามรบจะสู้กับพวกเขาได้เลย
ขอร้องล่ะ คัตสึมิคุง เร็วเข้า!!
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code