อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 65 ความทรงจำที่ไม่ควรแตะต้อง
ฉันเกลียดตัวเองจริงๆ
เพราะฉันอ่อนแอ พี่ฮาคัวเลยต้องออกไปสู้แทน
แม้ว่าเธอจะสามารถเอาชนะเอเลี่ยนได้แต่ความจริงที่ฉันทำให้พี่ต้องตกอยู่ในอันตรายมันก็ไม่เปลี่ยน
ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก
『กรี๊ดดดดด』
หนึ่งสัปดาห์หลังจากถูกเอเลี่ยนบุก
อพาร์ตเมนต์ที่พวกเราอาศัยอยู่ถูกเอเลี่ยนโจมตี ฉัน พี่ อัลฟ่าเลยตัดสินใจมาพักอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของจัสติสครูเซเดอร์ชั่วคราว
ตอนนี้ห้องที่ฉันได้มาพักคือห้องที่เหมือนกับห้องขังก่อนหน้านี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ฉันรู้สึกสงบใจแปลกๆที่ได้อยู่ห้องนี้
ระหว่างนี้ฉันก็เฝ้าดูพี่ซึ่งแปลงร่างเป็นอัศวินขาวกำลังฝึกซ้อมอยู่ภายในสนามฝึกด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก
「ดูเหมือนว่าการแปลงร่างของชิราคาวะคุงจะคล้ายกับนายแค่บางส่วนนะ」
「แปลว่ามีความต่างระหว่างพวกเราสองคนด้วยเหรอ?」
「ชิราคาวะคุงใช้แกนพลังงาน 2 แกนในการแปลงร่าง ซึ่งคือของชิโระแล้วก็ขอรุ่นผลิตจำนวนมากอีก 1 」
รุ่นผลิตจำนวนมาก?
ชิโระไปหาของแบบนั้นมาจาก…อ๋อ…จริงสิ
「ตอนที่ผมเจอเอเลี่ยนครั้งแรก ชิโระได้กินแกนพลังงานของอีกฝ่าย…บางทีน่าจะเป็นแกนนั้นแหละ」
「แกนพลังงานสูทของผู้หญิงที่ชื่อว่าแอ็กซ์สินะ」
ตอนนี้พวกจัสติสครูเซเดอร์ไม่อยู่ มีแค่เพียงเรมะกับพนักงานไม่กี่คน
แอ็กซ์งั้นเหรอ…
สำหรับฉันเธอถือว่าเป็นศัตรูที่น่าจดจำ…..
「เหมือนเธอจะมีความแค้นอะไรบางอย่างที่ผมทำความเข้าใจไม่ได้เลยสักนิด หรือพวกเราเคยทะเลาะกัน ก่อนที่ผมจะเสียความทรงจำ?」
「เอ่อ….เรื่องนั้นฉันก็ไม่แน่ใจ แต่อย่างน้อยการต่อสู้กับเธอก็ถือว่าเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของอัศวินขาว」
เขาไม่รู้เหรอ……。
ความเกลียดชังที่เธอส่งมาให้ฉันมันเกินกว่าที่คนปกติจะทำด้วยสิ
น่าจะต้องมีประเด็นใหญ่มากๆระหว่างฉันกับเธอแหง
「กลับเข้าประเด็นดีกว่า ดูเหมือนอัศวินขาวที่ชิราคาวะคุงใช้จะเรียกว่า ซิกม่าฟอร์ม ซึ่งใช้แกนพลังงานสองอันในการทำงาน โดยมีแกนพลังงานรุ่นผลิตจำนวนมากเป็นแกนหลัก」
「หมายความว่า……」
「หมายความว่าจากนี้ไปเธอสามารถแปลงร่างโดยไม่จำเป็นต้องใช้ชิโระยังไงล่ะ」
「เรมะ!」
ฉันอดไม่ได้ที่จะเรียกชื่อของเขา
เขาที่ได้ยินก็ยิ้มให้กับฉันก่อนพูดขึ้น
「ฉันเข้าใจนายน่า ส่วนตัวก็ไม่คิดจะให้ชิราคาวะคุงออกไปสู้หรอก หากสถานการณ์มันไม่จนมุมถึงขนาดไม่มีทางออกจริงๆ อย่างน้อยก็คิดว่าให้เธอมีอาวุธติดมือสักหน่อยอะไรทำนองนั้นมากกว่า」
「ถ้านายว่างั้นละก็……」
「ตอนนี้ที่ฉันต้องการคือเก็บข้อมูลต่างหาก ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลให้มากหรอก」
หลังจากที่ได้ยินเรมะบอกฉันก็เบาใจลง
「แต่ว่าน่าแปลกจริงๆแฮะสำหรับพลังในการจำลองสร้างสิ่งของ ของชิโระ ไม่เคยคิดเลยว่ามันะพัฒนาไปถึงขึ้นกลายเป็นของที่เหมือนกับพวกจัสติสครูเซเดอร์ใช้ได้……」
「ไม่ใช่ว่าเทคโนโลยีต่างดาวก็ทำได้ประมาณนี้หมดเหรอคะ?」
เรมะส่ายหัวไปมาให้เสียงของโอโมริซังซึ่งเป็นฝ่ายเก็บข้อมูลพูดแทรกขึ้นมา
「เปล่าเลยโอโมริคุง นี่น่ะเป็นความสามารถเฉพาะตัวของชิโระ ดูดซับและสร้างขึ้นมาใหม่ ยิ่งชิโระเข้ากระบวนการนี้วนซ้ำไปมามากเท่าไหร่ มันก็จะสามารถวิเคราะห์และสร้างของมาชดเชยส่วนที่ขาดให้กับผู้ใช้งานได้….เป็นเข็มขัดที่น่าทึ่งชะมัด」
『ชิโระ———!? อะไรนะ ทำให้มันดีกว่านี้หน่อยเหรอ!? เดี๋ยว อย่ามาปล่อยไฟฟ้าอัดใส่กันสิยะ!?』
「แถมยังเลี้ยงชิราคาวะคุงด้วยมือด้วยเท้าอีก S ชะมัด」
พี่ที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาสภาพอนาถจนฉันกังวล
ควรบอกให้ชิโระเบามือกับพี่สักหน่อยจะดีไหมนะ
ในขณะที่คิดพลางกอดอก คนที่อยู่ข้างๆฉันก็ยื่นขนมมาให้
「เอาหน่อยไหม คัตสึกิ?」
「อะ อ้อ ขอบคุณครับ กราทซัง」
กราทซัง อดีตเอเลี่ยนบุกโลกได้ยืนกล่องใส่ไทยากิมาให้ฉัน
ในอดีตเขาได้ปลอมตัวเป็นโอโมริซังมาที่สำนักงานใหญ่ แต่ตอนนี้ปรับความเข้าใจแล้วมาทำงานร่วมกันแล้ว
ฉันรับไทยากิมาก่อนพูดขอบคุณ
「ไม่ต้องขอบคุณ หากนายไม่มีแรง กำลังรบปกป้องโลกจะน้อยลง」
「……อ่อ ครับ」
ถ้าฉันหายไปก็จะเหลือเพียงแค่จัสติสครูเซเดอร์ที่ต้องออกไปสู้
ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันอ่อนกว่าพวกเธอในแง่ของความสามารถ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากจะปล่อยภาระทั้งหมดให้กับพวกเธอ
「….หือ? ทำหน้าซะจริงจังเชียว ฉันไม่ได้จะกดดันอะไรนานนะ…ยังไงก็รีบๆกินซะเถอะ ของหวานมันช่วยทำให้จิตใจสบายขึ้นด้วย」
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของเขา แล้วยัดไทยากิเข้าปาก
ระหว่างที่เพลิดเพลินกับไทยากิถั่วอยู่เต็มปาก โอโมริซังก็บ่นขึ้นมา
「เอ๋?! นัตสึ นี่เธอชิงตัดหน้าฉันที่กำลังจะเอาไทยากิไปให้คัตสึกิคุงกินเหรอ!!」
เธอสังเกตเห็นวาฉันกำลังกินไทยากิอยู่จึงพูดขึ้น
เป็นของที่เธอตั้งใจจะเอาให้ฉันแต่แรกแล้วเหรอ?
กราทที่ได้ยินก็ตอบกลับอย่างไม่แยแส
「ฉันก็นึกว่าเป็นของที่ให้ฉันแล้วซะอีก บอกแล้วนี่ว่าถ้าอันไหนเป็นของเธอก็ให้เขียนชื่อติดเอาไว้ด้วย」
「แต่ฉันก็ทำโต๊ะแยกของพวกเราให้แล้วไหม วางบนโต๊ะฉันก็ต้องของฉันสิ เธอรู้อยู่แล้วแต่ก็ยังเมินใช่ไหม?!」
โอโมริซังกับกราทซังท่าทางสนิทสนมกันแฮะ
ในขณะที่ฉันยิ้มให้กับความสัมพันธ์ของทั้งสอง เรมะก็เรียกฉัน
「คัตสึกิคุง เกี่ยวกับโปรโต….」
「ครับ เห็นว่าเทอร์มินัลพังไปเพราะเรื่องคราวก่อน ได้ยินว่าเธอสบายดีนี่ครับ…หรือเกิดอะไรขึ้น?」
「อ้อ ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ข้อมูลก็ไม่สูญหายได้ หากติดตั้งโปรแกรมลงในอุปกรณ์ใหม่ก็ไม่มีปัญหา」
แต่ท่าทางของเรมะดูจะแปลกไปนิดหน่อย ก่อนจะดึงเอากล่องที่อยู่ข้างตัวออกมาให้ฉันดู มันเป็นนาฬิกาสีดำที่เหมือนกับอุปกรณ์แปลงร่างของอากาเนะและคนอื่นๆใช้กัน
「ที่จะพูดคือเธอดูซึมๆนี่แหละ」
「ซึม?」
「เธอซึมไปเพราะถูกทำลายคราวก่อนน่ะ ก็เลยโวยวายให้ฉันหาทางทำอะไรก็ได้ให้อยู่เคียงข้างนาย นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยของนายเลยตั้งใจว่าจะให้ของแปลงร่างอื่นไว้เผื่อนอกจากร่างของอัศวินขาวด้วยคงดี」
สรุปคือคราวนี้เธอมาในร่างของ โปรโตเชนเจอร์ X ที่ฉันใช้คราวก่อนสินะ?
「แต่ผมใช้มันไม่ได้เต็มที่นะ」
「ก็ถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับนายละกัน ด้วยพลังขับเคลื่อนมันก็น่าจะพานายหลบหนีออกมาได้」
「บะ แบบนี้นี่เอง……」
แน่นอนว่าหากพิจารณาถึงพลังของสูท พลังมันคงพอจะพาฉันหลบหนีไหว
ฉันจึงรับโปรโตเชนเจอร์ X มาพันไว้รอบแขน ก่อนที่แสงสีแดงจะสว่างขึ้นมาจากนาฬิกา
『คัตสึกิ……』
「โปรโต เป็นอะไรหรือเปล่า?」
『……ฉันจะ ปกป้องนายเอง』
….ท่าทางเธอจะกังวลจริงสินะ
แม้จะเป็นความผิดของฉันเองที่ล้มป่วย
แต่การที่โปรโตถูกเอเลี่ยนทำลายทิ้งโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยคงสร้างแผลใจพอสมควร
ไว้ค่อยหาเวลาเปิดอกคุยกันเพื่อปลอบน่าจะดี
「คงได้เวลาสมควรแล้ว ชิราคาวะคุงก็ดูท่าจะไม่รอด」
『หิวแล้วอ้า……!』
「เอ่อ กราทซัง ผมขอไทยากิเพิ่มได้หรือเปล่า?!」
「ตามสบาย」
「ไม่ใช่ของเธอแต่แรกละไหม….」
พอเห็นสภาพของพี่ที่หมดแรงหลังแปลงร่าง ฉันก็รีบเอาไทยากิสองชิ้นลงไปยังสนามฝึก
หลังจากเอาไทยากิให้พี่ที่หมดสภาพเพราะความหิวโหยเสร็จ ฉันก็กลับไปยังห้องขังที่ฉันอาศัยอยู่ในสำนักงานใหญ่
โครงสร้างห้อง 4 เหลี่ยมไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ พอฉันเดินเข้าไปก็พบกับของใช้ ต้นกระบองเพชรและแผ่นหนัง
จะบอกว่ายุ่งเหยิงก็ไม่เชิง ยังไงดีล่ะ….ห้องมันดูมีชีวิตชีวาจนแทบไม่เชื่อว่าเป็นของที่เจอได้ในสำนักงานใหญ่ของจัสติสครูเซเดอร์
「……เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ อัลฟ่า」
「……」
ภายในห้องนั้นมีอัลฟ่ากำลังนอนหงายอยู่บนเตียง
จะว่าเข้าผิดห้องก็ไม่น่าใช่
หรือจะเผลอหลับไประหว่างรอฉันกันนะ
「ช่วยไม่ได้สินะ」
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วยิ้ม ก่อนจะห่มผ้าห่มให้กับเธอ ทว่านั่นกลับทำให้เธอตื่นแทน
「อึก……หาววว คัตสึมิ……」
เอาอีกแล้ว
ถึงฉันจะพยายามไม่ใส่ใจนัก แต่หลายครั้งคนอื่นก็เรียกฉันว่าคัตสึมิ
ไม่รู้ว่าทักผิดคนหรือหน้าตาของฉันมันไปเหมือนกับคนคนนั้น
「ความทรงจำของนายกลับมาแล้วสินะ…ดีใจจัง」
「……หา?」
ความทรงจำกลับมา?
คำพูดที่อัลฟ่าเผลอหลุดปากออกมาทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูกไปพักหนึ่ง
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะรู้จักฉันก่อนจะเสียความทรงจำ
แต่การที่เรียกฉันด้วยชื่อซึ่งต่างออกไปมันหมายความว่ายังไง
「รู้ไหมว่านายลืมฉันไปนานแค่ไหน…..……」
「คัตสึมิ..ฉันน่ะเหรอ……?」
「……เอ๋ พูดอะไรของนายกัน คัตสึมิก็คือคัต…สึ…」
『อัลฟ่า!!!』
「มิ……อึก?」
โปรโตตะโกนออกมา
ในที่สุดอัลฟ่าก็รู้สึกตัวจริงๆสักที ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังออกจากฉัน
สีหน้าของเธอแย่ราวกับว่าเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรให้ฉันรู้ฟัง
「ค-คัตสึกิ คือว่า…ฉันอธิบายได้นะ…!!」
「ฉันเป็นใครกันแน่ ก่อนที่จะเสียความทรงจำ……? อึก」
รู้สึกปวดหัวชะมัด
ราวกับว่ามาอะไรบางอย่างทะลักออกมาภายในหัว
ฉันคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเอามือจับหัวไว้
——แบบนี้ก็ดี
「……หือ?」
วินาทีต่อมา อยู่ดีๆเสียงของรูอินซังก็ดังขึ้นในหัวแล้วมันก็เป็นวินาทีเดียวกับที่โปรโตเชนเจอร์ X ซึ่งติดตรงแขนกระพริบขึ้นพร้อมเสียงไซเรนที่บอกว่าเอเลี่ยนบุก
พวกมันโผล่มาแล้ว
ฉันหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติ ก่อนจะหันไปคุยกับอัลฟ่า
「อัลฟ่าฉันไม่ได้คิดจะโกรธอะไรเธอหรอกนะ」
「……อื้อ」
「ฉันเข้าใจดีว่าเธออาจมีเหตุผลให้ต้องปิดบัง…แต่หลังจบเรื่องคราวนี้ ได้โปรดบอกมันกับฉันที」
「……เข้าใจแล้ว」
……ถือว่าเป็นอันตกลง
หลังปรับอารมณ์ได้ ฉันก็เตรียมออกเดินทางไปลุยกับพวกเอเลี่ยน
『โฮ่ๆ สวัสดีชาวโลกทั้งหลาย! ฉันมีชื่อว่าเกาส์ ลำดับแห่งดวงดาราที่ 44!! วันนี้ฉันอยากจะขอจับพวกแกทุกคนเป็นตัวประกันสักหน่อยน่ะ!!』
『ก็เข้าใจดีว่าพวกแกอาจจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ว่ามันวิกฤตขนาดไหน ดังนั้นฉันจะทำการอธิบายให้อย่างสุภาพและเข้าใจง่ายกว่าเดิม!!』
『มนุษย์โลกที่อยู่ในรัศมี500 เมตรจากศูนย์กลางตอนนี้ถูกขังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว』
『แต่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตหรอก แทนที่จะเรียกว่าตัวประกัน ควรเรียกว่าพยานมากกว่า!!』
『พยานของการต่อสู้ที่จะถูกบันทึกลงไปในหน้าประวัติศาสตร์ของจักรวาลแห่งนี้ หวังว่าพวกแกจะทำหน้าที่เหยื่อล่อเจ้าพวกนั้นออกมาได้นะ!!』
『ไอ้เจ้าขี้ก็อปนั่น! สงสัยแค่ระเบิดห้องทดลองจะยังไม่พอบัดซบ!!』
「เรมะ! เกิดอะไรขึ้น!?」
ฉันขับ Lupus Striker แล้วติดต่อสำนักงานใหญ่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ระหว่างบินอยู่บนฟ้า
ตามข้อมูลที่ได้รับมา ดูเหมือนเอเลี่ยนจะยึดพื้นที่ส่วนใจกลางเมืองเอาไว้และสร้างสนามพลังพิเศษขึ้นรอบๆ
『อีกฝ่ายตั้งใจจะล่อพวกนายออกมาน่ะ!』
「มีตัวประกันด้วยเหรอ!?」
『ถึงตอนนี้จะยังไม่เกิดความสูญเสีย แต่ถ้าไปช้าการสังหารหมู่ได้เริ่มบรรเลงแหง!!』
ก็แปลว่าทางที่ฉันกำลังมุ่งไปมีกับดักรออยู่สอนะ
ถึงจะรู้ แต่ฉันก็ยังเลือกจะเข้าไป!!
「อัศวินขาว!」
「เรด!」
พวกเรดกับคนอื่นๆตามมาสมทบ
「……」
พวกเธอเองก็คงจะรู้จักตัวตนจริงๆของฉันสินะ?
อยู่ดีๆความสงสัยนี้ก็เกิดขึ้นมา ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่เวลาเหมาะสมก็เถอะ ว่าแล้วก็รีบเร่งเครื่องมุ่งไปยังที่เกิดเหตุ
ใกล้จะถึงแล้ว
ทว่าพอฉันเข้าไปใกล้ก็พบว่า ทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยโดมสีดำ
「บลู!」
「จะเป่าทิ้ง」
บลูกระโดดออกจากยานแล้วยิงกระสุนพลังงาน จนทำให้โดมกลายเป็นรูเพื่อเข้าไปข้างใน
ภายในนั้นถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด มีเพียงแค่เสียงไฟข้างทางและร้านค้าที่พอจะทำให้มองเห็น
「….ความรู้สึกน่าขนลุกชะมัด เหมือนกับตอนนั้น」
「บังเอิญจังเด้ ฉันก็เหมือนกัน」
ในขณะที่เรดกับเยลโล่พูดอะไรออกมา พวกเราก็เดินทางมาถึงจุดที่สว่างที่สุด
『นั่นมัน จัสติสครูเซเดอร์นี่นา!!』
『อัศวินขาวก็มาด้วย!!』
『ได้โปรด!! พยายามเข้าล่ะ!!』
『ชะ ช่วยพวกเราด้วย!!』
『ลุยมันเลย! อัศวินขาว!!』
พวกเรามาถึงจุดที่ผู้คนถูกขังเอาไว้ด้วยโดมอีกชั้นและไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ พวกเขาส่งเสียงออกมาปะปนกันเต็มไปหมด
「ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างกับโดมนี่」
「เรื่องนั้นมันก็จริง แต่เราคงต้องหาทางทำอะไรกับศัตรูตรงหน้าก่อน」
ว่าแล้วก็เห็นร่าง 3 ร่างปรากฏตัวขึ้น
2 ใน 3 สวมชุดคลุมสีดำเอาไว้ ส่วนอีกคนอยู่ในร่างของไรเดอร์สีน้ำเงิน คนที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี
「คอสโม่」
「คู่ต่อสู้ของนายคือฉัน อัศวินขาว」
ูคู่ต่อสู้ที่ฉันเคยพ่ายแพ้ให้
เธอยืนกอดอกราวกับรอการมาถึงของฉันตั้งแต่แรก ในจังหวะนั้นเอง ก็มีร่างของคนสวมสูทสีทองปรากฏขึ้นที่จอซึ่งติดอยู่ตรงตึก
『สูทนั่นมัน SAGITTAEIUS?!』
「ประธานรู้จักด้วยเหรอ?」
『จะไม่รู้จังได้ยังไงกันล่ะ…ทั้งที่คิดว่ามันระเบิดไปพร้อมกับห้องทดลองแล้วแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเก็บกู้ขึ้นมาซ่อมแล้วดัดแปลงสินะ…!! 』
หมายความว่ายังไงกัน?
『ในที่สุดก็มาถึง! อัศวินขาว จัสติสครูเซเดอร์!!!』
「แกคือเกาส์สินะ」
『ต้องขออภัยที่ไม่สามารถปรากฏตัวตรงๆได้ เพราะการต่อสู้———』
ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ เรดก็เหวี่ยงดาบพังจอทิ้ง
ทว่าถึงจะทำลายไปได้จอหนึ่งจนไม่เหลือชิ้นดี แต่จอภาพก็ใช่ว่าจะมีอันเดียวเสียหน่อย
『ฮ่าๆๆ ก็เพราะแบบนี้ไง ทันทีที่ฉันปรากฏตัวขึ้นคงถูกพวกแกฟันเป็นชิ้นๆแน่นอน ดังนั้นมันก็ต้องดูเชิงกันสักหน่อย!!』
เกาส์พูดต่อ ส่วนเรดกับคนอื่นๆก็ทำได้เพียงยืนฟังอย่างหัวเสีย
ในขณะที่ฉันกำลังตั้งท่าเตรียมรับมือกับการโจมตีที่อาจจะเข้ามา ฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนกับฟ้าร้องดังขึ้น
ไฟที่อยู่ตามถนนเริ่มกระพริบไปมาติดๆดับๆ
「……อะไรกัน?」
มีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา
ในขณะที่ฉันสังหรณ์ใจไม่ค่อยจะดี ฉันก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างส่องแสงออกมาจากส่วนที่มืดมิดของอาคาร
กระแสไฟฟ้าจำนวนมากได้กระจายตัวออกมา ก่อนจะพุ่งไปตกลงยังจุดที่คอสโม่ยืนอยู่
「อู้วววว……!」
ร่างกายของมันคล้ายกับทากที่มีแขนขา สวมชุดคลุมยางเอาไว้
แม้สภาพร่างจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ความแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาค่อนข้างชัดเจน
「ระ เรด ไอ้เจ้านั่นมัน…」
「อย่างที่เธอคิด ก็แปลว่าไอ้เจ้าพวกที่ยืนอยู่ข้างหลังนั่นก็น่าจะเป็นศัตรูที่พวกเรารู้จัก 」
『เมื่อมากันครบแล้ว ก็ขอแนะนำตัวละครสักหน่อย!!』
เมื่อได้ยินเสียงของเกาส์ เอเลี่ยนสองตัวที่ใส่ชุดคลุมอยู่ก็ถอดชุดคลุมออกเพื่อเผยตัวตน
ควันเริ่มเลยฟุ้งขึ้นมาจากร่างที่ถอดชุดลคุม
เดี๋ยวนะทำไมหนึ่งในสองคนนั่นมันถึงคล้ายกับฉันและพวกจัสติสครูเซเดอร์จังฟะ
『กลิตเตอร์ผู้กลืนกินแสง! สัตว์ประหลาดของดาวโลกที่จัสติสครูเซเดอร์เคยเอาชนะได้!』
「……」
กลิตเตอร์ที่ว่านี่คือสัตว์ประหลาดที่เยลโล่เคยจัดการสินะ?!
อย่าบอกนะว่ามันชุบชีวิตสัตว์ประหลาดดาวโลกขึ้นมาหมด?!
ฉันมองไปทางเยลโล่ที่กำลังมองกลิตเตอร์พร้อมกับกำขวานในมือแน่น
「บักหัวขวดนี่ฟื้นคืนชีพแล้วเหรอ!!」
「เยลโล่ อย่าใช้คำหยาบ อันนั้นคือหน้าที่ของเรด ลืมแล้วเหรอ?」
「เดี๋ยวเถอะ อย่าพูดเหมือนกับว่าคำพูดหยาบคายเป็นสิ่งที่ฉันพ่นออกมาเป็นปกติสิยะ」
จากนั้นเรดก็หันไปหาเกาส์ที่ฉายอยู่บนจอ
「แต่จากที่เห็นคงไม่ได้ฟื้นสติของมันกลับมาโดยสมบูณ์สินะ?」
『ก็อย่างที่คิด อย่างน้อยฉันก็ไม่เลือกจะคืนสติให้กับพวกที่มีปัญหาด้านความคิดความอ่าน』
「……งานช้างละสิ」
ฉันไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดบนโลกมากนัก แต่เท่าที่ฉันรู้คือกลิตเตอร์เคยต่อสู้กับพวกจัสติสครูเซเดอร์มาก่อน
ดังนั้นพวกเธอจึงน่าจะเข้าใจลักษณะนิสัยของมันได้เป็นอย่างดี ได้ยินว่ามันเป็นพวกต๊องเลยอ่านทางง่าย แต่การที่ไม่ได้เอาสติหรือนิสัยเก่ามันกลับมาด้วย การรับมืออาจจะลำบากกว่าเดิม
「แล้วไอ้ตัวข้างๆนั่นล่ะ?」
『น่าเสียดาย ถึงฉันจะเป็นคนปลุกมันขึ้นมา ก็ไม่รู้จักชื่อจริงๆหรอก บางทีลองไปถามอัศวินดำอาจจะได้คำตอบนะ ว่าไหม?』
「……งั้นก็แปลว่าไม่มีข้อมูลสินะ」
สัตว์ประหลาดตัวนั้นมันมองไปรอบๆก่อนจะหยุดสายตาลงที่ฉัน
「จ้องฉันอยู่เหรอ……?」
ทำไมกันล่ะ
ทว่าเกาส์ก็ยังไม่ได้พูดจบ
『ต่อมาคือแขกที่น่าสะพรึงกลัวอีกตัว! สัตว์ประหลาดทากไฟฟ้า!!』
「อู้วววว! ช่าาาาาาา!」
สัตว์ประหลาดทากไฟฟ้าปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา
พลังไฟของมันแรงมากเสียจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่รอบๆปล่อยควันดำออกมา ไฟรอบพื้นที่ก็เกิดการติดๆดับๆอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเกาส์ได้เอาสติของมันกลับมาด้วยไหม แต่ท่าทางมันจะโกรธจัดเลย นอกจากนี้มันก็จ้องมองมาทางฉัน….อีกแล้วเหรอฟะ
『โอ๊ะโอ รู้สึกว่ามันจะมีความสัมพันธ์กับนายนะ อัศวินขาว』
「……พูดอะไรของแก?」
『คุคุคุ……』
ในระหว่างที่กำลังจ้องตาอีกฝ่าย สัตว์ประหลาดรูปร่างควันก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกฉันโดยไม่บอกกล่าว
เป็นกลุ่มควันสีฟ้า
ในจังหวะที่มันเคลื่อนไหวไปมา ดวงตาของมันก็โผล่ขึ้นมาภายในกลุ่มควันนั้น
ฉันทำการต่อยอัดใส่มัน ทว่าการโจมตีก็ทะลุร่างควันของมันไป———จากนั้นดวงตาของมันก็ส่องแสงออกมา
『จะเกิดอะไรขึ้นกันน้า』
「อัศวินขาว!」
เกาส์พูดออกมาอย่างสนุกสนาน
แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เรดพุ่งเข้ามาขวางระหว่างฉันกับสัตว์ประหลาดควัน——— ตอนนี้เธอรับผลของพลังมันไปเต็มๆแทนฉัน
「เรด!!」
ฉันรีบดึงเธอให้ออกมาห่างจากสัตว์ประหลาดตัวนั้นทันที
ชิ ไม่ทันระวังไปซะได้!
ทำบ้าอะไรของฉันกันฟะ!
「เป็นอะไรหรือเปล่า!」
「โดนเข้าให้แล้วสิ!」
「เรด……?」
「อึก ไม่เป็นไรหรอก….เพราะเจ้านั่น บางทีอาจจะเป็น….」
ฉันถามอาการของเรดก่อนที่เธอจะค่อยๆลุกขึ้นยืน
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เป็นอะไรแต่ตัวตนของสัตว์ประหลาดควันนั่นคืออะไรกันนะ
คอสโม่กับพวกที่เหลือก็เหมือนจะไม่เคลื่อนไหวอะไร….
『อะ อ๊ะ อา……』
「หือ?」
ควันสีน้ำเงินของมันค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างบางสิ่ง
ร่างเนื้อค่อยๆปรากฏขึ้นมาจากควันจนกลายเป็นมนุษย์
『เอาล่ะ แสดงให้ฉันเห็นหน่อยซิ! ความสามารถในการสร้างร่างปลอมของคนที่เป้าหมายรัก! สัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งดูหมิ่นผู้ที่ตายไปแล้วเอ๋ย!』
「….บลู เยลโล่ ไอ้ตัวนี้มันเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่เขาเคยเล่าให้พวกเราฟัง」
「การโจมตีทางกายภาพบ่ได้ผล ไม่สิ ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น…」
「ความทรงจำที่มันได้ไปจากเรดคืออะไรต่างหาก」
พวกเธอพูดออกมาและเริ่มตั้งท่าระวังตัว ไม่รีบโถมเข้าไปโจมตีเหมือนปกติที่ทำ
ร่างที่มันเปลี่ยนไปจนเสร็จกลายเป็นชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าอยู่
「ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง」
ชายหนุ่มผมสีดำ สวมเสื้อคลุมสีดำทับเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์
เนื่องจากใบหน้าถูกชุดคลุมปิดเอาไว้อยู่ แต่เขากำลังพูดอยู่กับพวกเรดไม่ผิดแน่
「อากาเนะ・・・」
「「「……อึก!!」」」
ฉันถึงกับพูดไม่ออก
มันรู้ชื่อจริงของเรด
เขาเปิดชุดคลุมออกจนได้เห็นใบหน้าชัดๆ
มันเป็นใบหน้าที่ฉันคุ้นเคยเสียเหลือเกิน
「ฉันเหรอ……?」
「ทั้งที่บอกว่าฝากที่เหลือด้วย แต่ทำไมโลกมันถึงอยู่ในสภาพนี้ได้ล่ะ บอกฉันทีสิ อากาเนะ คิราระ อาโออิ」
ใบหน้าที่แท้จริงของฉันถูกเปิดเผยให้ทุกคนได้เห็น
ร่างนั้นกำลังพูดกับเรดและคนอื่นๆอย่างสบายๆ
「ทั้งที่ฉันเอาตัวเข้าแลก แต่โลกก็ยังตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี」
「ทำไมกันล่ะ?」
「พวกเธอพลาดอะไรไปจนทำให้โลกต้องมาอยู่ในสภาพนี้ 」
「ดูตอนนี้สิ」
「ดูคนพวกนั้นสิ」
「ดูตัวฉันสิ」
「ทำไมเธอถึงต้องทำให้ฉันกลับมาเสี่ยงชีวิตอีก?」
อะไรของมัน…ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด
พวกเธอทำให้ฉันต้องมาเสี่ยงชีวิตเหรอ?
ฉันถึงกับปล่อยมีดในมือทิ้งและหันไปหาเรดกับคนอื่นๆ พวกเธอเองก็หันมาหาฉันแถมยังไม่มีทีท่าจะเคลื่อนไหวอะไรเลย
『แบบนี้นี่เอง เรด จากที่เห็นดูเหมือนว่าเธอคิดว่าเขาคนนี้ตายไปแล้วสินะ』
「……」
เกาส์พูดกับเรดที่นิ่งเงียบอย่างตื่นเต้น
ไม่รู้เพราะอะไรแต่พวกเธอดูเหมือนจะแสดงสีหน้าแย่สุดๆออกมากันทุกคน
『ช่างโหดร้ายเสียจริงๆ แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ข้างเธอ แต่เธอกลับไม่คิดดว่านั่นคือเขาเลยสักนิด』
「……」
『นี่นะเหรอ สิ่งตอบแทนสำหรับคนที่เสี่ยงชีวิตป้องกันการรุกรานเมื่อ 6 เดือนก่อน ช่างน่าเสียดายชะ——』
ดาบของเรดได้ทำการฟาดฟันจอที่ติดอยู่รอบๆทิ้งจนหมดเพื่อไม่ให้เกาส์พ่นอะไรออกมาได้อีก
เมื่อจอภาพถูกทำลายจนหมด เธอก็เก็บดาบเข้าฝักโดยไม่พูดอะไรออกมา
「เรด หมายความว่ายังไงกัน?! ทำไมฉันถึงกลายเป็นคนตาย….」
「อัศวินขาว」
เธอพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
ก่อนจะเอามือมาวางไว้บนไหล่ของฉัน
「ยังไงนายก็คือนาย」
「เอ๋……?」
「ฉันเข้าใจดีว่านั่นทำให้นายสับสน แต่ฉันก็จำเป็นต้องบอกนายให้ชัด ฉันไมได้คิดว่านายตายไปแล้วจริงๆ ต้องบอกว่ามันคือการสั่งจิตของฉันในการคุมอารมณ์มากกว่า」
จากนั้นสัตว์ประหลาดอีก 2 ตัวก็เริ่มเคลื่อนไหว
บลูกับเยลโล่ได้พุ่งออกไปสกัดมันทันที
ฉันที่เห็นแบบนั้นก็ตั้งใจจะไปช่วยพวกเธอ แต่เรดก็เอามือจับแก้มของฉันเอาไว้เพื่อให้หันไปมองเธอ
「ในช่วงที่นายหายไป ฉันก็ตั้งใจจะสู้แทนนายเสมอ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรหรือคิดแบบไหน ฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าจะปกป้องโลกใบนี้แทนนาย นั่นคือสิ่งที่ฉันตั้งใจเอาไว้」
「……ตั้งใจเอาไว้?」
「อื้อ ฉันจะสู้ต่อไปเพื่อโลกใบนี้…เพื่อที่สักวันหนึ่งนายจะได้ไม่ต้องต่อสู้อีก」
หลังพูดจบเธอก็ก้าวออกไปข้างหน้าแล้วชักดาบออกมา
เป้าหมายของเธอคือสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนฉัน
……。
เฮ้อ นั่นสินะ
ถึงจะสับสนอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวค่อยมาสะสางทีหลังละกัน
「เรด」
「หือ?」
「ไม่จำเป็นต้องยั้งมือเพราะว่าเป็นฉันหรอกนะ…!」
「อะ……อื้อ เข้าใจแล้ว!」
จะมาห่วงเรื่องใบหน้าของตัวเองถูกเปิดเผยก็ไม่ใช่เรื่องแล้ว
เพราะฉันเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิดขึ้น
เมื่อเห็นเรดเข้าหา ตัวฉันอีกคนก็แอบขนลุกชะมัด
「อากาเนะ นี่เธอคิดจะโจมตี——」
ยังไม่ทันได้พูดจบ เรดก็ทำการใช้ฝักดาบฟาดเข้าไปที่ร่างของตัวปลอมจนกระเด็นไปอัดกับตึกข้างๆ
…เอ่อ ถึงจะบอกว่าไม่ต้องยั้งมือ…แต่พอเห็นตัวเองถูกอัดมันก็รู้สึกแปลกๆวุ้ย
『หุบปากของแกซะ』
『อากาเนะ ทำกันได้นะ…คิดจะทำร้ายฉันจริงๆเหรอ?』
『อย่ามาเรียกชื่อของฉัน』
『———เธอเองก็ไม่ต่างจาก———พ่อกับแม่ฉันสินะ……?』
『……อึก』
เมื่อการต่อสู้ของเรดเริ่มขึ้นแล้ว ฉันก็สูดหายใจเข้าออกเพื่อสงบสติ
พวกสัตว์ประหลาดบนโลกปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจัสติสครูเซเดอร์
เพราะคู่ต่อสู้ของฉันมันถูกกำหนดเอาไว้แล้วตั้งแต่มาถึง
「ขอโทษที่ปล่อยให้เธอรอนะ คอสโม่」
「……ถึงจะไม่เคยคิดว่าต้องมาเจอกันในที่แบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้」
ถึงเวลาเผชิญหน้ากับไรเดอร์สีน้ำเงิน คอสโม่
ฉันรู้ดีว่าเป้าหมายของเธอคือการต่อสู้กับฉัน
ดังนั้นคงไม่จำเป็นต้องพูดคุยถามอะไรกันให้มากความแล้ว
「มาเริ่มกันเลย」
『MIX!』
『RED!』『BLUE!』
「ฉันก็ตั้งใจแบบนั้นแหละ!」
『COME ON!!』
ฉันเปิดการใช้งานมิกซ์ไดรฟ์เวอร์ ส่วนทางคอสโม่เองก็ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยออร่าสีดำ น้ำเงิน
การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
***
ทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
คุกที่ห้อมล้อมไปด้วยตึกระฟ้าและแสงสว่างจากไฟฟ้า เสียงของการปะทะกันเกิดขึ้นหลายจุด
การต่อสู้ของจัสติสครูเซเดอร์และสัตว์ประหลาดดาวโลก
การต่อสู้ของอัศวินขาวกับคอสโม่
ฉันนั่งดูสิ่งที่เกิดขึ้นจากข้างบนตึก พร้อมกับระงับความตื่นเต้นที่อยู่ภายในใจ
「น่าสนุกจริงๆ เลยน้า」
ตอนนี้ฉันอยู่ในร่างสูทมีชมพูดวงตาสีเขียว
การต่อสู้ตรงหน้าช่างดูเพลิดเพลิน ฉันมองมันพลางควง Steam Gun ในมือไปมา
「น่ารักจริงๆ จิตใจที่ไม่เอนอ่อนนั่น แค่เห็นก็หลงรักแล้วสิ」
แม้จะถูกความจริงถาโถมซัดเข้าใส่ แต่จิตใจของเขาก็ไม่ได้ถูกสั่นคลอนแม้แต่น้อย
ความมุ่นมั่นในการต่อสู้กับศัตรูและการเตรียมใจก็พร้อมไปเสียหมด
แม้จะยังขาดประสบการณ์อยู้บ้างแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
เพราะเมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพลังทั้งหมดก็จะกลับมารวมเป็นหนึ่ง
「ตั้งตอรอเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ฟุฟุ หวังว่าจะถึงเวลาเร็วๆ น้า 」
——เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
「หืม? 」
ฉันเอียงหัวสงสัยเมื่อได้ยินเสียงจากข้างในหัว
ฉันเอนตัวลงนอนแล้วตอบเสียงนั้น
「หยุดร้องไห้ได้แล้วเหรอ โมโมโกะ? 」
——ตอบฉันมา
ร่างมนุษย์โลกที่ฉันเอามาใช้งานมีชื่อว่า โมโมโกะ คาเซอุระ
อายุ 19 ปี
มีความเข้ากันได้กับฉันสูงมาก ก็เลยต้องใช้เวลานิดหน่อยในการแย่งชิงร่างมา
「อะไรกัน พอได้เห็นอัศวินดำคนโปรดที่เธอชื่นชมแล้วเกิดมีความหวังเหรอ? 」
——……。
「ตอนนั้นเธอตกใจน่าดูเลยนี่ที่พวกเขาอายุน้อยกว่าเธออีก」
สงสัยจะพูดถูก
ตอนนี้เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ อารมณ์ก็เหมือนมองร่างตัวเองกำลังเคลื่อนไหวในมุมบุคคลที่ 3
แต่มันก็ดีกับฉันตรงที่เธอเป็นเพื่อนคุยในช่วงเบื่อๆ ได้
แถมตอนนี้ก็โวยวายน้อยลงแล้วด้วย
นับว่าน่ายินดีๆ
「แต่ที่ฉันรอดมาได้ก็เพราะเธอน้า ตอนนั้นที่ฉันเสียบเข็มขัดใส่เขา ถ้าไม่ได้เธอหยุดเอาไว้ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง」
——……อุ
「เธอพยายามต่อต้านอย่างสุดแรงจนดึงฉันกลับเข้ามาในร่างของเธอแทน…ช่างน่าสงสารจริงๆ 」
ในตอนที่ฉันตั้งใจจะสิงร่างของคัตสึมิ โมโมโกะก็ได้ใช้พลังเฮือกสุดท้ายของเธอตะโกนออกมาจนการลอบโจมตีของฉันไม่สำเร็จ
แต่ในจังหวะที่ฉันเข้าไปสำรวจข้างในตัวเขา ก็จะบอกโชคดีแล้วไหมนะที่ถูกดึงออกมาก่อน
——ฉันไม่คิดจะยอมแพ้หรอกนะ
「เฮ้อ ไม่ชอบใจเลยจริงๆ สิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้เร็วเนี้ย คงจะดีกับฉันกว่านี้หากเธอเป็นพวกจิตอ่อนน้า」
พวกมนุษย์โลกนี่ยุ่งยากชะมัด
อย่างไรก็ตาม การที่โมโมโกะเชื่อแบบนั้นก็อาจจะมีเหตุผล
เพราะจัสติสครูเซเดอร์อาจจะหาทางแยกฉันกับเธอออกจากกันก็ได้
แต่ผลลัพธ์จะเป็นแบบนั้นจริงไหมก็ไม่มีใครรู้
「ไม่ใช่ว่าเธอเตรียมใจที่จะถูกฆ่าตายไปพร้อมกับฉันแล้วหรอกนะ? 」
——เรื่องนั้นไม่มีวันซะหรอก
「พูดซะมั่นใจเชียว」
——เพราะพวกเขาคือฮีโร่ยังไงล่ะ
「หือ? 」
ฉันตกใจจริงๆ ที่เธอตอบกลับอย่างไม่ลังเล
ช่างเป็นความฝันที่ดูเด็กน้อย
เพราะพวกเขาเป็นฮีโร่เนี่ยนะ? จะเพ้อก็ขอให้เป็นตอนนอนเถอะ
——ใครๆ ก็รู้กันดีว่าพวกเขาคือฮีโร่แห่งความยุติธรรม
——ฉันมั่นใจว่าปลายทางของเธอถูกกำหนดให้พ่ายแพ้นานแล้ว
「……ให้ตายเถอะ ข้างบนนี้หนาวชะมัด จะป่วยไหมเนี้ย」
ฉันผลักจิตสำนึกของโมโมโกะลงไปในห้วงจิต
เห้อ ไม่สบอารมณ์เลย
ถึงต่อจากนี้คงมีเรื่องสนุกรออยู่อีกเยอะ แต่แอบหัวเสียนิดหน่อยแฮะ
「เห้อ เมื่อไหร่จะถึงตาฉันสักทีน้า」
ฉันยิ้มระหว่างมองไปยังพิษที่หยดออกมาจากกรงเล็บที่แหลมเหมือนหนามซึ่งงอกออกมาจากแขนขวาของฉันระหว่างเฝ้ามองการต่อสู้
รีบๆ ถึงตาฉันสักที
ฉันทนแทบจะไม่ไหวแล้ว
***
『MIX FORM!! COMPLETE! YEAH!!』
『ARMOR:ZONE!! JOKER FORM!!!』
ทันทีที่แปลงร่างเสร็จ ฉันกับคอสโม่ก็พุ่งเข้าปะทะกันกลางถนนทันที
เธอพูดออกมาด้วยความดีใจก่อนจะแลกหมัดกับฉัน
「อึก ฮ่าๆ! ตอนนี้พลังของพวกเราทัดเทียมกันแล้วสินะ! อัศวินข้าว!!」
「เดี๋ยวฉันจะแสดงให้เห็น จนเธอขำไม่ออกเอง…!!」
Flare Calibur II ปรากฏขึ้นในมือฉัน
อีกฝ่ายก็งัดใบมีดอันแหลมคมออกมาจากแขนตัวเอง แล้วเข้าปะทะกันต่อ
เสียงของโลหะกระทบกันดังไปมา แม้อีกฝ่ายจะมีพลังทำลายเหนือจากฉันไปนิดหน่อย แต่ความเร็วและความสามารถของพวกเราค่อนข้างกินกันไม่ลงแล้ว
「แต่ปัจจัยที่จะตัดสินน่ะมันคือนี่ต่างหาก…!!」
ความหลากหลาย!!
หลังปะทะกันไปมาหลายครั้ง ฉันก็ถอยไปหนึ่งจังหวะเพื่อหลบการโจมตีก่อนจะงัดเอาLiquid Shooter IIออกมาในมือซ้ายแล้วยิ่งสวนกลับไปในมุมอับ
「อะไรกัน!? 」
คอสโม่ใช้แขนของตัวเองป้องกันเอาไว้ได้ทันก่อนถอยออกไป ระหว่างที่ฉันสาดกระสุนใส่คอสโม่ ฉันก็โยนFlare Calibur II ทิ้งแล้วเปลี่ยนโหมดของมิกซ์ไดรฟ์เวอร์
『COLOR CHANGE!!』
『YELLOW!』『BLUE!!』
เกราะครึ่งหนึ่งได้เปลี่ยนจากแดงเป็นเหลือง
Lightning Crusher II ปรากฏขึ้นในมือขวา ก่อนจะพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูง
กระแสไฟฟ้าได้กระจายออกไปรอบๆ พร้อมกับอัดเข้าบนร่างของคอสโม่
「ทำกันได้นะ!!」
「อึก」
ในจังหวะที่เขาประชิดกัน เธอกัดฟันแล้วคว้าแขนของเหวี่ยงไปมา ก่อนจะคว้างออกไปอัดเข้ากับอาคารแห่งหนึ่ง
ฉันพยายามลุกขึ้นยืนเมื่อถูกแรงกระแทกอัดใส่
「ตาฉันบ้าง!!」
「!」
『SLASH EXECUTION!!』
ใบมีดเคลือบพลังงานรูปจันทร์เสี้ยวปล่อยคลื่นออกมาหมายจะสังหารฉัน
ไม่ยอมง่ายๆ หรอกเฟ้ย…!!
『DEADLY MIX!!』
『YELLOW! BLUE DUAL POWER』
『MIX! DUAL SHOOT!!』
กระสุนพลังงานพิเศษที่ยิงจากLiquid Shooter IIถูกปกคลุมไปด้วยกระแสไฟฟ้าเข้าปะทะกับใบมีดจนผลของมันหักล้างกันเอง
ฝุ่นควันได้เกิดขึ้นจากการปะทะ คอสโม่ไม่รอช้าพุ่งเข้ามาหมายโจมตีฉันต่อทันที
「ฉันจะฆ่านายให้ได้!!」
「แล้วทำไมถึงอยากฆ่าฉันขนาดนั้นฟะ!!」
「เพื่อที่ฉันจะได้กลายเป็นฉันยังไงล่ะ!!」
「ลองคิดถึงมุมฉันที่ต้องถูกฆ่าเพราะเรื่องนี้บ้างสิเห้ย!!」
ตอนนี้เธอกำลังเร่งความเร็วไปมาด้วยการพุ่งดีดตัวผ่านอาคารไปมา ทางฉันก็ไม่รอช้าใช้พลังของเยลโล่ตามไป
「ย้ากกก!!」
「ฮ้าาาา!!」
ฉันกับเธอปะทะกันไปมาจนเกิดกระแสไฟฟ้าและออร่าสีน้ำเงินปะทุขึ้นทุกครั้ง
「ฉันต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญในการมีชีวิตอยู่ของฉัน ดังนั้นนายช่วยตายเพื่อฉันซะ!!」
「พิสูจน์บ้าบออะไรของเธอฟะ…!!」
ยัยนี่พูดอะไรออกมา
อารมณ์ที่อธิบายไม่ได้นี่มันอะไร
ฉันพยายามตั้งสติก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองโมโหไปกับความคิดบิดเบี้ยวของอีกฝ่าย
จากนั้นก็ทำการขว้างLightning Crusher IIใส่คอสโม่ ทางเธอเองก็ใช้แขนของตัวเองในการป้องกันการโจมตีนั้นได้ เมื่อปิดระยะห่างเสร็จ ฉันก็ใช้หมัดชนกับหมัดของเธออย่างสุดแรง
「อย่ามาล้อกันเล่นนะเห้ย……!!」
แรงปะทะทำให้พวกเรากระเด็นออกจากกัน แต่เหมือนคราวนี้จะเป็นทางคอสโม่ที่แพ้พลังแล้วกำลังพยายามลุกขึ้นยืนใหม่
「เธอเป็นพวกบ้าที่ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่หรือตาย เว้นเสียแต่จะได้พิสูจน์ให้คนอื่นได้เห็นเนี่ยนะ ถามจริง?!」
「อะไรของนาย……!!」
「หากเธอยังไม่เข้าใจถึงเรื่องนี้ ฉันก็จะสอนเธอจนกว่าจะเข้าใจเอง!!」
ฉันหมุนด้ามจับของมิกซ์ไดรฟ์เวอร์
รูเล็ตได้หมุนไปมาเพื่อเปลี่ยนเป็นร่างใหม่
『COLOR CHANGE!!』
『YELLOW!』『BLACK!』
คอสโม่เข้ามาโจมตีฉันแต่ฉันก็ใช้แขนอีกข้างในการรับมือ ก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นเหลืองดำ
มันคือร่างที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ฉันจะนึกออกตอนนี้ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นร่างที่สุดอันตรายด้วยเพราะพลังทำลายล้าง
ฉันเหวี่ยงLightning Breaker IIด้วยมือข้างเดียวเพื่อให้อีกฝ่ายป้องกัน ก่อนจะใช้ Gravity Buster ยิงอัดเพื่อใส่จนถอยออกไป
「อั๊ค โถ่เว้ย……!? 」
「เป็นอะไรไปล่ะ แสดงพลังที่เธอมีก่อนหน้านี้ให้ฉันดูสิ!!」
「หุบปากน่า! อยากได้นักก็จัดให้!!」
『WILD 1!!』
พุ่งหายไปในประตูมิติก่อนจะปรากฏตัวขึ้นข้างหลังของฉันพร้อมกับใบมีดที่แขน ออร่าสีฟ้าของมันมีพลังพอจะทำลายฉันได้แน่นอน แต่ฉันก็คว้าแขนของเธอเอาไว้ได้ด้วยมือขวา
「บ้าน่า!? 」
「ตกใจอะไรของเธอ? ถ้ารู้ว่าจะมาแนวนี้อยู่แล้วก็ต้องป้องกันไว้ไหม」
เมื่อคว้าแขนของเธอได้ฉันก็ใช้Gravity Buster ยิงอัดใส่เธออีกที
คอสโม่ที่เห็นก็พยายามจะหลบ แต่ระยะเผาขนขนาดนี้ไม่มีทางอยู่แล้ว ร่างของเธอถูกกระสุนพลังงานยิงอัดเข้าอีกดอกจนกระเด็นออกไป
「อ-อึก!!」
เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วสร้างประตูมิติจำนวนมากเพื่อพุ่งไปมา
ทางฉันที่เห็นแบบนั้นก็ทำเพียงแค่ยืนเฉยๆ
จังหวะนี้ต้องตอบโต้ด้วยความสงบนิ่ง ท่าทางอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วว่าฉันก็สามารถใช้พลังนี้ได้เหมือนกัน
ฉันค่อยๆ ยก Gravity Buster เล็งไปข้างหน้าที่ไม่มีใครอยู่
ในจังหวะที่คอสโม่กำลังวาร์ปไปยังประตูมิติถัดไป ฉันก็สร้างของตัวเองขึ้นมาก่อนเพื่อบังคับให้เธอมาโผล่ตรงหน้าฉันแทน
「บ้าน่า———!? 」
「ถ้ารู้วิธีในการใช้งานมัน เธอก็ควรจะรู้วิธีในการตอบโต้มันด้วยนะ」
เมื่อโดนยิงอัดเข้าไปอีกครั้ง การแปลงร่างของคอสโม่ถูกปลดออกก่อนกลิ้งไปมากับพื้น
ฉันที่เห็นแบบนั้นก็ทิ้ง Gravity Buster ไปแล้วมองสถานการณ์รอบๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
『หยุดทำให้เขาแปดเปื้อนได้แล้ว ถึงฉันจะต้องตาย ฉันก็จะฆ่าแกให้ได้…!!』
『ถึงจะมองไม่เห็น แต่ตราบใดที่ความแหยงและเซนเซอร์แม่เหล็กไฟฟ้าทำงานอยู่ก็บ่มีปัญหา』
『ไม่มีใครบอกเหรอว่าแกเหมือนปลิงทะเล อุ ขอโทษทีทากนี่เนอะ』
พวกสาวๆ ก็กำลังรับมือกับศัตรูที่ค่อนข้างตึงมือ
「ยังยืนไหวไหม คอสโม่? 」
「คิดจะเห็นใจกันหรือไง……!」
คอสโม่พยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
สภาพของเธอในตอนนี้นับว่าแย่เอามากๆ แต่เหมือนเธอก็ยังพยายามจะแปลงร่างอีกรอบ
ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้เป็นศัตรูกับเราแท้ๆ
แต่ว่า….
「ตัวเธอก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่」
「หือ? 」
「ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับในตัวเองสักทีล่ะ? 」
ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมคอสโม่ถึงอยากให้คนอื่นยอมรับตัวเธอ
แล้วทำไมการฆ่าฉันมันถึงกลายเป็นวิธีการในการยอมรับไปได้
อย่างไรก็ตามฉันเชื่อว่าเธออาจจะแค่ต้องการใครสักคนมายอมรับในตัวเธอที่ไม่ยอมรับในตัวเอง
「ตัวฉัน……」
คอสโม่เหมือนกำลังจะคิดอะไรบางอย่างได้
แต่ในขณะที่สับสนแล้วเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับฉัน กระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินก็ช็อตท่วมร่างของเธอ
「อะ อึก……!? 」
「อะไรกัน!? 」
คอสโม่เริ่มแสดงความทรมานออกมาให้เห็น
ราวกับว่าเป็นการตอบสนองต่อสิ่งนั้น สูทที่ดูน่าขนลุกเริ่มประกอบขึ้นบนร่างของเธอ
——เหนื่อยหน่อยนะ คอสโม่
「อ๊าคคคคค!? 」
มีรอยแตกร้าวเกิดขึ้นตรงหัวเข็มขัด
ดูทรงไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการแน่นอน มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในตัวของเธอ
「ไม่นะ…ฉันไม่ต้องการแบบนี้…ถ้าเป็นแบบนี้เอโลจะ….」
——เหนื่อยแกแย่เลยสินะ ที่ต้องมาช่วยพัฒนาคัตสึมิของฉัน
「มะ ไม่นะ…ได้โปรด อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ….ท่าน…รู…」
——ทีนี้ก็หายไปได้แล้ว
มือของเธอสั่นและพยายามจะเปิดการใช้งานท่าพิเศษโดยขัดกับเจตจำนงของเธอ
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าฉันไม่หยุดเธอเอาไว้ละก็แย่แน่
『WILD 3!!』
『DEADLY MIX!!』
『YELLOW! BLACK! DUAL POWER』
คอสโม่กระโดดเข้ามาเตะฉันพร้อมกับชุดสูทที่ดูใกล้จะแตกสลาย
ฉันก็ตอบสนองกลับไปด้วยการหมุนตัวเตะที่เคลือบด้วยออร่าสีดำจากแรงโน้มถ่วงและกระแสไฟฟ้า
J O K E R
E X E C U T I O N
「!」
M I X
D U A L
B R E A K
「ย๊ากกกก!!」
พลังทำลายล้างที่แสนรุนแรงเข้าปะทะกันจนประกายไฟสีดำพวยพุ่งไปรอบๆ
「โอ้วววว!!」
ฉันจะถอยไม่ได้เด็ดขาด….ในที่สุดพลังของฉันก็เอาชนะเธอได้สำเร็จ จนทำให้เธอล้มลงกับพื้น แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉันพุ่งเข้าไปหาเธอเพื่อดึงเอาเข็มขัดที่ติดตรงเอวออกมา
「ออกมาเดี๋ยวนี้!!」
ทันทีที่เข็มขัดถูกดึงออก การแปลงร่างของเธอก็ถูกยกเลิกก่อนจะตรวจสอบอาการของเธอ เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะเป็นไรก็วางเธอลงกับพื้นเหมือนเดิม
「……ยังมีชีวิตสินะ」
เพราะหัวของเธอถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าจนมิด ฉันก็เลยไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่เธอยังหายใจอยู่เท่านั้นก็ก็เพียงพอแล้ว
ถึงจะรู้ว่าปล่อยเธอนอนแบบนี้มันจะไม่ใช่เรื่องดี แต่ว่า….
『กรอ!!』
「เอ๋!? 」
หัวเข็มขัดของคอสโม่ที่ถูกดึงออกมาแปลงร่างเป็นสิงโตแล้วกระโดดไปหาคอสโม่ที่หมดสติอยู่
เห็นแบบนี้แล้วเหมือนกับชิโระชะมัด ในระหว่างที่กำลังคิดแบบนี้อยู่ดวงตาของสิงโตสีน้ำเงินก็ส่องแสงออกมาจนเกิดเป็นประตูมิติขึ้น แล้วมันก็ลากคอสโม่ที่หมดสติอยู่เข้าไปข้างใน
「……เห้อ ก็แล้วไป」
ในสถานการณ์ปัจจุบันฉันไม่มีเวลามากังวลเรื่องของเธอมากนัก
ก่อนอื่นก็ต้องไปช่วยพวกเรดสู้กับสัตว์ประหลาดของดาวโลก
「ว่าไง คัตสึมิคุง♪」
「หือ!? 」
ก่อนจะหันกลับไปตามเสียงเรียก ฉันก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นที่หลัง
มีบางอย่างกำลังแทงเข้ามาในร่างของฉันผ่านชุดสูท การมองเห็นของฉันเริ่มพร่ามัว ก่อนจะคุกเข่าลงไปกับพื้น
「เป็นเพราะเหนื่อยจากการต่อสู้กับคอสโม่หรือเพราะนายประมาทกันน้า? 」
「ฮิลด้า……!!」
ไรเดอร์สีชมพูปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า
แม้จะไม่เห็นทั้งตัวแต่ก็รับรู้ได้ด้วยเสียงว่าเป็นเธอ
ฮิลด้ามองมาที่ฉันซึ่งขยับตัวไม่ได้ แล้วแสดงให้เห็นถึงพิษที่ค่อยๆ ไหลออกมาตรงมือขวาของเธอ
「ก็จริงอยู่ว่าอีกเดี๋ยวเข็มขัดนายคงล้างพิษให้ แต่งานของฉันก็เสร็จแล้วเหมือนกัน!」
「ทำได้ดีมากฮิลด้า」
คนที่โผล่มาข้างๆ ฮิลด้าคือเกาส์ เอเลี่ยนที่ปรากฏตัวบนจอภาพก่อนหน้านี้ ซึ่งเขายังคงใส่สูทสีทองนั่นเหมือนเดิม
ข้างหลังของเขาก็มีใครไม่รู้ตามมาอีก 3
ซึ่งทั้ง 3 สวมชุดคลุมสีดำเอาไว้ จากนั้นเกาส์ก็ออกคำสั่งกับพวกมัน
「เผยตัวตนซะ」
『ฮ๊าาาา』
「……ขอแนะนำให้รู้จักบอดี้การ์ดของฉัน」
ทั้งสามร่างได้ปลดชุดคลุมออก
สัตว์ประหลาดที่ทั้งตัวทำมาหากหินลาวา
สัตว์ประหลาดที่แขนขาสร้างมาจากพายุหมุนวนไปมา
สัตว์ประหลาดที่ติดบางอย่างคล้ายกับบีมแคนนอนตรงแขนและหัว
2 ใน 3 พุ่งตรงเข้าไปหาจัสติสครูเซเดอร์ที่กำลังต่อสู้อยู่
『สัตว์ประหลาดเลเซอร์?! …โลกาแล้วก็ห้วงอากาศ?! มันสร้างร่างโคลนของเจ้าพวกนี้ด้วยเหรอ!!』
「ดูเหมือนว่าสัญญาณการสื่อสารจะกลับมาแล้วสินะ กำลังรออยู่เลยโกลดี้ 」
ก่อนที่จะรู้ตัว สัญญาณสื่อสารก็กลับมา เสียงของเรมะดังขึ้นในหน้ากากฉัน
ท่าทางเกาส์เองก็จะได้ยินเสียงนั้นด้วย
『SAGITTAEIUS ทำไมถึงกลายเป็นแบบนั้น!!』
「เป็นสูทที่เหมาะกับฉันมากเลยใช่ไหมล่ะ」
『คึก ไอ้เอเลี่ยนจีนแดงไร้หัวคิด…!! ขโมยของชาวบ้านไปยังไม่พอ นี่แกทำอะไรกับ SAGITTAEIUSของฉันกันฟะ!!』
「ฉันไม่คิดจะเสียเวลากับแกด้วยสิ เพราะว่าแกน่ะอยากจะช่วยซื้อเวลาให้อัศวินขาว…ไม่สิ คัตสึมิ โฮมุระฟื้นตัวใช่ไหมล่ะ แผนแค่นี้ฉันดูออกน่า」
คัตสึมิ โฮมุระ? นั่นชื่อของฉันเหรอ?
ช่างเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูเลยสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงคิดว่านั่นคือชื่อจริงของฉัน
……ร่างกายขยับไม่ได้เลยสักนิด
ความรู้สึกชามันลามไปทั่วตัว หากสู้กันตอนนี้ฉันแพ้แน่
「ในที่สุดแผนของฉันก็มาถึงจุดสุดท้าย ฮิลด้า รางวัลของเธอก็คือการที่ฉันจะแสดงอะไรที่น่าสนใจให้เห็นเอง」
「ชักอยากจะเห็นแล้วสิ」
ฮิลด้าเดินออกไปนั่งเฝ้ามองสถานการณ์ตรงซากปรักหักพัง
「พวกมนุษย์โลกเองก็จะได้กลายเป็นพยานในเรื่องราวครั้งนี้ อ้า ทุกอย่างมันช่างสมบูรณ์แบบ」
พวกมันวางแผนอะไรอยู่กันแน่……?
แม้ฉันจะอยู่ในสภาพที่คุกเข่า เกาส์ก็ยังระวังตัวไม่เข้าใกล้ฉัน จากนั้นสัตว์ประหลาดที่แปลงร่างเป็นฉัน ตัวที่เคยสู้กับเรดก็ปรากฏตัวขึ้น
「วันนี้คือวันตายของฉัน」
「หา? 」
「ฉันมาถึงขีดจำกัดของวิทยาศาสตร์แล้ว ใช่แล้ว อย่างที่โกลดี้บอก ฉันเป็นเพียงพวกขี้ขลาดที่สร้างได้แค่ของเลียนแบบ」
อะไรของมัน……?
「ฉันจึงอยากจะหาความหมายให้กับการตายของฉัน เพราะฉันไม่ได้เหมือนพวกผู้รุกรานคนอื่นที่เอาแต่ต่อสู้กันอย่างไร้สติ…ฉันต้องการความตายที่มีความหมาย」
เกาส์พ่นอะไรที่ไม่เข้าใจออกมา
เมื่อหันไปหาฮิลด้า ก็พบว่าเธอกำลังเอานิ้วชี้ไปตรงหัวตัวเองแล้วหมุนมันไปมาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ ยัยนี่ก็พอๆ กันสินะ
「ต้องขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับโอกาสที่ท่านมอบให้กับผม ด้วยการเสี่ยงชีวิตและความเสียสละนี้จะต้องเป็นประโยชน์ให้กับท่านอย่างแน่นอน ขอเกียรตินี้แด่ท่าน———ท่านรูอิน———」
「……หา? รูอิน? 」
ทำไมชื่อนี้ถึงออกมาจากปากมันได้ล่ะ?
เสียงของหญิงสาวที่อยู่ในหัวฉัน….
มันออกมาจากปากของเกาส์ได้ยังไงกัน?
ความตกใจนั้นมันเหมือนค้อนที่เข้ามากระแทกหัวของฉัน
「แกคิดจะทำอะไรกันฉันกันแน่? 」
「ปลุกแกให้ตื่นขึ้นมายังไงล่ะ———จัดการเลย」
ร่างควันสีน้ำเงินได้จ้องมองมาทางฉัน
ในจังหวะ
มันเริ่มส่องแสงออกมาก่อนจะกะพริบซ้ำๆ จนดูผิดปกติไปจากตอนที่มันโจมตีเรด
『ไอ้นั่นมัน!? 』
「พลังในการอ่านความทรงจำส่วนลึกของเป้าหมาย โกส ปีศาจที่เปิดเผยความมืดและบาดแผลภายในใจของเป้าหมาย」
สัตว์ประหลาดตัวนั้นแยกร่างออกเป็นสองร่างแล้วก็ล้มลงไปกับพื้น
ทันใดนั้นเองก็มีบางอย่างคล้ายกับน้ำกระเด็นใส่หน้ากากฉัน
『ชิบ คัตสึกิคุง! อย่าดูมันนะ!! รีบหลับตาเดี๋ยวนี้!!』
เสียงของเรมะดังขึ้นภายในหน้ากากของฉัน
ฉันค่อยๆ เอามาไปสัมผัสกับของเหลวที่กระเด็นมา ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเทา
「เลือด……? 」
เลือดสีแดงกระเด็นมาติดที่ตาขวาของฉัน
แย่แล้ว
อย่าคิดจะมองเชียวนะ
นึกอะไรไม่ออกเลย
แต่อย่าได้มองมันเด็ดขาด
เห็นเห็นแล้วจะย้อนกลับไปไม่ได้แล้วนะ
ฉันจะไม่ใช่ตัวของฉันเองอีกต่อไป
「แฮก แฮก แฮก……」
หายใจไม่ออก
แม้จะพยายามสูดอากาศเข้าปอดเท่าไหร่ มันก็ไม่พอ ฉันล้มลงไปกับพื้นก่อนที่การแปลงร่างจะถูกปลด
ท่ามกลางเสียงเรียกของอากาเนะและผู้คนที่เฝ้ามองซึ่งถูกขังอยู่ ฉันค่อยๆ คลานไปตามพื้น สายตาของฉันจ้องมองไปยังทั้งสองร่างที่นอนอยู่ เหตุการณ์ในวันนั้นมันกลับมา
พ่อกับแม่ที่มองฉันด้วยสายตาอันเกลียดชัง
***
สัตว์ประหลาดที่เปลี่ยนร่างเป็นคัตสึมิคุง
คงจะเป็นโกสที่เคยได้ยินมา
สัตว์ประหลาดที่มีพลังสุดโกงอย่างการแปลงร่างเป็นคนที่ตายไปแล้วของเป้าหมายและทำการกลืนกินอีกฝ่าย
คัตสึมิคุงเล่าเรื่องการเอาชนะมันให้ฟังเหมือนกับไม่ใช่เรื่องยากอะไร…แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นเลยสักนิด
ฟันเท่าไหร่ก็ไม่ตาย
ในขณะที่ฉันกำลังหาทางจัดการมัน มันก็หายไปแล้วมีสัตว์ประหลาดอีกสองตัวปรากฏขึ้น
「คู่ต่อสู้ของแกคือข้า……!」
สัตว์ประหลาดตัวใหม่ที่โผล่ออกมาคือตัวที่ฉันเคยเจอมาก่อน
สัตว์ประหลาดห้วงอากาศ———สัตว์ประหลาดระดับผู้บริหารที่ครั้งหนึ่งมันตั้งใจจะทำลายชั้นบรรยากาศของโลก แต่ก็ถูกพวกฉันต้อนจนมุม
ส่วนอีกตัวคือสัตว์ประหลาดเลเซอร์ ตรงนี้หากเป็นอาโออิคงจะรับมือได้ไม่ยาก แต่เจ้าห้วงอากาศหากปล่อยให้มันได้ใช้พลังนานๆ เข้าคนที่อยู่รอบๆ คงได้ตายกันหมดแหง
「ถึงตอนนั้นฉันจะแพ้ให้กับพวกแก แต่ปาฏิหาริย์แบบนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีก เรด!!」
「คิดหรือไงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นเพียงปฏิหาริย์!!」
ฉันใช้ดาบฟันการโจมตีที่เข้ามาของฉัน
เอาเถอะยังไงก็รู้จุดอ่อนของมันแล้ว
「ในตอนที่แกควบคุมอากาศอยู่ แกจะไม่สามารถทำให้ร่างกายของตัวเองเป็นอากาศได้สินะ? 」
「อึก!? 」
ฉันเอามือจับไปที่ปลอกดาบแล้วก้มตัวลงเล็กน้อย
「——เตรียมตัว」
「พูดอะไรของแก!!」
จาก 0 ถึง 100 ในพริบตา
ฉันเลียนแบบเทคนิคที่อัศวินดำเคยใช้ จนมันกลายมาเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของฉัน เร่งพลังถึงขึดสุดในพริบตาของการโจมตี
「———」
ฉันพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกับชักดาบออกมา
ประกายแสงปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา
「……」
ฉันพุ่งผ่านตัวของสัตว์ประหลาดห้วงอากาศไปก่อนจะเก็บดาบเข้าฝัก
ก่อนที่มันจะรู้ตัวว่าฉันพุ่งผ่านมันไป การต่อสู้กับมันก็จบลงแล้ว
「หือ ไม่เห็นจะรู้สึกอะ———」
「ไม่หรอก มันจบแล้ว」
「หา……อะ? 」
ร่างกายของมันค่อยๆ ไหลจากตำแหน่งเดิมเป็นเส้นทแยงตั้งแต่หัวจรดเท้า
การฟันที่ทำให้มันไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย และก่อนที่มันจะรู้สึกตัวชิ้นส่วนร่างกายของมันก็ค่อยๆ บิดเบี้ยว
「ไอ้ ปีศาจ……」
ร่างของมันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ทันที
เมื่อเห็นว่ามันถูกกำจัดไปแล้ว ฉันก็ถอนหายใจออกมาแล้วตั้งสติใหม่
…ต้องรีบตามไปช่วยคิราระกับอาโออิ
『จัสติสครูเซเดอร์!! รีบไปช่วยคัตสึมิคุงเดี๋ยวนี้เลย!!』
「คึก」
เมื่อได้ยินเสียงของประธานที่ดูร้อนรนสุดๆ ฉันก็รีบวิ่งไปหาคัตสึมิคุงทันที
เขากำลังตกอยู่ในอันตราย!
ฉันเข้าใจความหมายของน้ำเสียงที่ประธานส่งออกมาอย่างชัดเจน
「อัศวินขาว!!」
การแปลงร่างของเขาถูกปลด?!
เมื่อฉันพยายามจะวิ่งเข้าไปหาเขา ก็มีแส้ที่คล้ายหางแมงป่องฟาดขวางทาง
ฉันชักดาบออกมาฟัน แต่ปืนของไรเดอร์สีชมพูที่ยิงกระสุนออกมันไล่ต้อนฉัน
「อย่ามาขวาง!!」
「โถ น่ากลัวจังเลย」
ฉันไม่รอช้าพุ่งเข้าไปฟันอีกฝ่ายทันที แต่ฮิลด้าก็สามารถรับมันเอาไว้ได้
…แข็งแกร่ง
อย่างที่อาโออิบอก พลังของยัยนี่ไม่ตรงกับลำดับที่มันอยู่เลยสักนิด
「กำลังจะเข้าช่วงสำคัญแล้ว เธออย่ารีบมาขวางกันจะได้ไหม? 」
「———」
ฉันไม่สนใจและฟันใส่อีกฝ่ายซ้ำๆ ยิ่งฮิลด้าบอกแบบนี้ฉันยิ่งต้องรีบ
ทว่าระหว่างนั้นเอง เกาส์ที่สวมชุดเกราะสีทองอยู่ ก็กางแขนออกแล้วพูดขึ้น
『จงดูให้ดี! ตัวตนที่แท้จริงของชายคนนี้ที่พวกแกเรียกว่าฮีโร่!! ความลับที่ทุกคนกำลังสงสัย!!』
นอกจากเสียงของเขา มันก็ได้ทำการฉายภาพที่คัตสึมิคุงกำลังล้มลงอยู่กับพื้นให้ทุกคนได้เห็นด้วย
『ชายคนนี้ มีชื่อว่า คัตสึมิ โฮมุระ หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อของ เด็กแห่งปาฏิหาริย์ในเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน!!!』
「 เด็กแห่งปาฏิหาริย์? 」
มันคิดจะเผยตัวจริงของเขาเหรอ?!
สายตาของคัตสึมิคุงตอนนี้ได้มองไปยังร่างทั้งสองที่จมกองเลือดกับพื้น
ร่างของทั้งสองเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ได้รับบาดเจ็บจนแขนขาหันไปคนละทาง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานที่จะทำความเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายคือโกสแน่นอน
「นี่มัน……」
「อดีตของเขาไง・・・・」
เจ้าของสองร่างนั้นคือคนรักที่เสียไปของคัตสึมิคุงเหรอ?
แต่ฉันไม่เคยเห็นหน้าพวกเขามาก่อนเลย….ไม่สิ หากเป็นเมื่อ 10 ปีก่อน หรือว่านั่นจะเป็นพ่อกับแม่ของเขา?!
แน่นอนว่าฉันไม่รู้ถึงอดีตของเขา
แม้ฉันจะอย่างสร้างความสัมพันธ์กับเขาให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้อยากขุดความทรงจำพวกนี้ของเขา
『ทำไมถึงเป็นแกที่รอดอยู่คนเดียว!!』
『ทำไมแกไม่รีบๆ ตายไปซะล่ะ!!』
「……หา? 」
พ่อกับแม่ของเขาพ่นคำพูดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังใส่เขา
「ไม่จริง…เป็นไปไม่ได้!! พ่อกับแม่ไม่มีทางจะพูดแบบนี้…!!」
เมื่อได้ยินเสียงพูดราวกับหัวใจกำลังแตกสลายของคัตสึมิคุง ใบหน้าของพ่อกับแม่เขาที่เปื้อนเลือดก็ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยว
『แกก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง? 』
『ว่าพวกเราอยากให้แกตายใจจะขาดแค่ไไหน』
『นึกให้ออกสิ』
『นึกมันให้ออก』
「หุบปาก อย่ามาหลอกกันเสียให้ยาก ไอ้สัตว์ประหลาด…!!」
『แกชอบแฮมเบิร์กใช่ไหมล่ะ』
『แกงกะหรี่ด้วย』
『เซ็ทกลางวันสำหรับเด็ก』
『เป็นเด็กที่จิตใจดี』
『เมื่อสมัยยังเด็กก็ร่าเริง และชอบเจ็บตัวกลับมาบ้านเสมอ』
『ลูกชายที่สุดแสนล้ำค่าเพียงคนเดียวของพวกเรา』
……อึก!
มันพูดอาหารจานโปรดของเขาออกมาได้หมด
ความใส่ใจในอดีตแม้กระทั่งเรื่องอาหาร กลับกลายเป็นความจริงอันแสนโหดร้ายและน่าเศร้าให้เขากลับไปเผชิญ
สัตว์ประหลาดตัวนั้นได้พูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมและดูทรมานมากกว่าเดิม
『แต่นั่นมันก็เป็นเพียงอดีตไปแล้ว!!』
『ทำไมถึงได้กลายเป็นแกคนเดียวที่มีชีวิตรอดล่ะ!!』
『ดีใจไหมล่ะที่ได้กลายเป็นเด็กแห่งปาฏิหาริย์?!』
『ทำไมถึงไม่ตายแทนพวกฉันไปซะ!!』
『ไอ้ปีศาจ!』
『เป็นเพราะแกพวกเราถึงต้องเจ็บปวด!!』
『สนุกกับการเห็นพวกเราค่อยๆ ตายไหม?!』
『ถึงพวกเราจะตายแกก็ทำได้เพียงนอนดูเฉยๆ 』
นี่มันไม่ใช่คำพูดของสัตว์ประหลาดนั่นแน่
ทำไมฉันรู้สึกว่านั่นคือคำพูดจริงๆ ที่พวกเขาเคยพูดกันล่ะ
「ไม่นะ ฉันน่ะ……」
『สุดท้ายก็ร้องไห้!』
『คิดว่าร้องไปแล้วจะช่วยอะไรได้เหรอ?!』
「ฉัน……」
『แกมันไม่ใช่ลูกของฉัน』
『ฉันไม่เคยคลอดเด็กอย่างแกออกมา』
ราวกับนั่นคือคำพูดปิดฝาโลง เรี่ยวแรงของคัตสึมิคุงได้หายไป
ทามกลางความเงียบงันที่ทุกคนในที่แห่งนี้จ้องมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่ดีๆ คัตสึมิคุงก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
「มาแล้ว เขากำลังกลับมาแล้ว ในที่สุดฉันก็จะได้เจอกับเขาสักที」
น้ำเสียงของฮิลด้าเต็มไปด้วยความยินดี
ฉันเข้าใจความหมายในคำพูดเธอทันที
แต่ทำไม ฉันถึงไม่มีความสุขเลยนะ
「เฮ้อ」
เขาเอามือถูหัวตัวเองด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวก่อนจะส่งสายตาแสนน่ากลัวไปทางสัตว์ประหลาดที่แปลงร่างเป็นพ่อกับแม่ซึ่งอยู่ตรงหน้าของเขา
「…มามุกเดิมเลยนะเอ็ง จะกี่ทีก็น่าขยะแขยงชะมัด แล้วทำไมถึงโผล่มาได้อีกฟะ? 」
『คัตสึมิ นี่แก———』
「หุบปากเว้ย น่ารำคาญชิบไอ้โกสนี่」
เขาพุ่งไปต่อยโกสอย่างมันลังเลก่อนกระทืบซ้ำ
โกสที่ถูกเหยียบอยู่ก็กลับไปเป็นร่างควัน ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาแล้วสลายไปในอากาศ
มันเกิดอะไรขึ้นกัน
ชายคนนี้คือสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับคัตสึกิคุงอย่างสิ้นเชิง
「เฮ้อ รู้สึกแย่ชะมัด ปวดหัวไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? 」
เขามองไปรอบๆ ขณะเอามือกุมหัวตัวเองไว้
สายตาที่มองไปรอบๆ ไม่ใช่สายตาที่อ่อนโยนเหมือนคัตสึกิคุง แต่เป็นสายตาที่ดุร้ายซึ่งพวกฉันรู้จักเป็นอย่างดี
「จำได้ว่าฉันเอาชนะเจ้าแม็กม่ากับทากไฟฟ้าได้แล้วไม่ใช่เหรอฟะ…เดี๋ยวนะ พวกเซ็นไต มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย? 」
ชิโระถูกปลดออกจากหัวเข็มขัด จากนั้นเขาก็สะบัดหัวไปมา
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจชิโระและมองไปยังสัตว์ประหลาดที่อยู่รอบตัวเขาก่อนจะถอนหายใจออกมา
「อัลฟ่า!! เธออยู่ไหน!!」
ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา
เขาได้เรียกชื่อของใครบางคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้
พอเห็นแบบนั้นเขาก็ทำสีหน้าแปลกใจ
「………อัลฟ่าหายไปไหนกันเนี่ย ทั้งที่เกาะฉันอย่างกับจะสิงกันตลอดแท้ๆ? 」
เดี๋ยวนะ ความทรงจำของเขามันแปลกๆ ไปไหม?
นี่เขาจำได้ถึงตรงไหนกันแน่
「ตื่นแล้วเหรอ อัศวินดำ」
「……แกเป็นใคร」
「โห ดูท่าจะยิ่งกว่าที่คิดอีก」
เกาส์เดินไปคุยกับเขา
ท่าทางเขาจะสนใจปฏิกิริยาของคัตสึมิคุงพอตัว ก่อนจะพูดต่อ
「ฉันก็เป็นศัตรูของแกไงล่ะ อัศวินดำ ตอนนี้——」
「เออ แกไม่ต้องพูดอะไรละ」
「……หา? 」
「ตราบใดที่เป็นศัตรูฉันก็ไม่สนหรอกว่าจะยังไงต่อ」
เขายกแขนซ้ายขึ้นด้วยท่าทางเซ็งๆ
ก่อนจะเปิดการใช้งาน โปรโตเชนเจอร์ X ที่พันอยู่ตรงมือซ้ายของเขาอย่างไม่ลังเล
『ARE YOU READY? 』
「นั่นมัน? 」
ฉันถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นเขาเริ่มใช้งานโปรโต
ทางเกาส์ก็เหมือนจะไม่ได้ว่าอะไรและมองดูการแปลงร่างของเขา
「……มาลุยกันสักยก」
『NO ONE CAN STOP ME!!!!』
ทันในนั้นเอง สนามพลังก็แผ่กระจายออกไปรอบตัวเขา
เสียงที่ส่งออกมาจากโปรโตดูจะร่าเริงกว่าปกติราวกับเป็นสัญญาณบอกว่า ชายที่แข็งแกร่งและไร้ความปรานีที่สุดฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ว
แต่มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉันรู้สึกกังวลว่าความวุ่ยวายหลังจากนี้มันจะขนาดไหนกันนะ
***
มนุษย์ที่อยู่บนจุดสูงสุดแห่งการใช้หมัดยัดใส่ศัตรู
ตอนนี้เขากำลังตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำในอดีต
『TYPE 1! ACCELERATION!!』
เสียของเด็กสาวน้องออกมาด้วยความดีใจราวกับเฉลิมฉลองการคืนชีพของเขา
ชุดเกราะสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆ สนามพลังงาน
พื้นที่รอบๆ ที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ถูกสนามพลังอันสว่างจ้าดั่งแสงดาราปกคลุม
ชุดเกราะสีดำก่อตัวขึ้นในสนามพลังก่อนจะเริ่มเข้าไปประกอบที่ร่างของเขา ต่อด้วยเกราะสีเงินมาซ้อนอีกชั้น
『EVOLUTION!!』
『STRONG!!』
『INVINCIBLE!!』
『SUPER!!』
เสียงของโลหะประกอบกันดังขึ้น
เกราะเสริมสีเงินเข้าไปติดตรง แขน ขา หลัง และคอของเขา
จากเซโร่ สู่ วัน
จากศูนย์สู่จุดเริ่มต้น
ร่างที่เขาใช้ตอนนี้คือร่างจุดสูงสุดเท่าที่ฉันเคยเห็น มันทำให้ทั้งสัตว์ประหลาดและคนรอบๆ ที่เห็นต่างตกตะลึง
『CHANGE → TYPE 1!!』
ดวงตาสีแดงเข็มปรากฏขึ้น หมายเลข 1 ถูกสลักเอาไว้ตรงอกของเขา ประกายแสงจ้าระเบิดขึ้นราวกับบอกว่าการแปลงร่างเสร็จสิ้นแล้ว
ไรเดอร์สีดำเงินปรากฏกาย
อัศวินดำ ไรเดอร์ที่ครั้งหนึ่งเคยเอาชนะสัตว์ประหลาดบนโลกด้วยหมัดของเขา เขาเริ่มจ้องมองไปที่มือของตัวเองด้วยดวงตาสีแดงก่ำสะท้อนความมืดมิด
「…เหมือนจะต่างจากปกติแฮะ」
『ว่าไงคัตสึมิ』
「เอ๋? มีเสียงด้วยเหรอ…」
『คิดไปเองแหละ』
「……คิดไปเองก็บ้าละหล่อน」
คัตสึมิคุงคนเดิมกลับมาแล้ว…!!
แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกไปกับชุดสูทที่ถูกเรมะดัดแปลง แต่เขาก็ค่อยๆ ลงขยับตัวไปมา ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในพริบตา
「อุ!」
สิ่งที่หลงเหลือมีเพียงเส้นสีแดงตัดกับท้องฟ้าอันมืดมิด
พอฉันรีบมองตามเส้นนั้นไปก็พบว่า ส่วนท้องสูทสีทองของเกาส์ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับร่างของเขาที่ลอยลิ่วไปในอากาศ
「———อั๊ค? 」
เกาส์ทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ ร่างของเขาตอนนี้ลอยไปมาในอากาศพร้อมกับเศษซากชุดเกราะที่แตกกระจาย
แล้วร่างของคัตสึมิคุงล่ะ เมื่อฉันรีบหาเขาก็พบว่าตอนนี้เขากำลังกระชากแขนซ้ายของโลกาออกมาก่อนจะอัดมันซ้ำจนตัวแหลกเป็นเสี่ยงๆ
รวดเร็วเสียจนมองไม่เห็นแม้แต่ฝุุ่น
เส้นสีแดงที่พุ่งผ่านไปมามันก็คือผ้าพันคอพลังงานที่เป็นกลไกขับเคลื่อนซึ่งออกมาจากส่วนคอของเขานั่นเอง
『อึก มาแล้วโว้ย โปรโตวันสเปกสูงสุด!! นี่สิ นี่แหละร่างสุดยอดของอัศวินดำ!! พลังที่อยู่เหนือฟิสิกส์ พลังที่แหกกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่ฉันเคยเผชิญมา ฮ่าๆๆ ทันทีที่เส้นทางสีแดงนั้นพุ่งไป ก็เป็นจุดจบเข้าผู้รุกรานที่อยู่ปลายทาง!!』
『ประธาน หนวกหูค่ะ หุบปากได้แล้ว!!』
『เรมะ ถ้าไม่เงียบ ฉันจะกินนาย』
『เอ่อ ขอโทษครับ……』
ฉันเองก็ตั้งใจจะบ่นว่ารำคาญ แต่เหมือนโอโมริซังกับกราทจะดุแทนไปแล้ว
แต่ก็อย่างที่ประธานบอก พลังของเขาน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ขนาดตัวฉันยังมองตามการกระทำของเขาไม่ทัน….
「เหมือนจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าปกตินิดหน่อยแฮะ」
『แค่มากกว่าปกตินิดหน่อยเองเหรอ? 』
ฉันได้ยินเสียงของประธานที่แสดงความประหลาดใจออกมา
ถึงเขาจะพูดแค่นั้นฉันก็พอเข้าใจได้ว่า ความสามารถคัตสึมิคุงในตอนนี้ยังเหนือกว่าโปรโตเซโร่ที่ใช้อยู่สินะ?
『อ๊ากกกก!? 』
โลกาพยายามดึงพลังออกมาจากผืนดินและเปลี่ยนร่างของมันให้กลายเป็นลาวาสีแดง ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีคัตสึมิคุง
เห็นแบบนั้นฉันเลยตะโกนเตือนเขา
「อันตราย อัศวินดำคุง!!」
「……? 」
เขาหันกลับไปแล้วยัดหมัดใส่อีกฝ่ายจนท้องของโลกาเป็นรูโหว่ ก่อนจะหันมาคุยกับฉัน
「ไม่ใช่ศัตรูเหรอเธอน่ะ? 」
「ว่าแล้วเชียวความทรงจำของเขามัน……」
「หือ เธอว่าอะไรนะ? ……。……!」
ทันใดนั้นเองก็มีสัตว์ประหลาดทาก เลเซอร์ กลิตเตอร์ พุ่งเข้าโจมตีเขาในเวลาเดียวกัน
「มีตัวไม่คุ้นหน้าโผล่มาด้วยวุ้ย แต่ก็ช่างหัวมันสิฟะเข้ามาพร้อมกันให้หมดเลยพวกเอ็งอ่ะ!!」
「โอ้วววว!!」
「อุ้ววววว!!」
บีมถูกยิงออกมาจากแขนและหัวของสัตว์ประหลาดเลเซอร์
กระแสไฟฟ้าแรงสูงเหมือนสายฟ้าฟาดออกมาจากทากไฟฟ้า
…แบบนี้แย่แน่!
ฉันเลิกสนใจฮิลด้าที่กำลังจับตามองคัตสึมิคุงอยู่ ก่อนจะวิ่งไปป้องกันประชาคนทั่วไปแทน
「บลู เยลโล่ ปกป้องทุกคนอย่าให้ได้รับอันตราย!!」
「จัดไป!」
「อื้อ」
ในขณะที่การโจมตีของพวกมอนสเตอร์โถมเข้าหาคัตสึมิคุง คลื่นเส้นสีแเงก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากคอของสูทเขาอีกครั้ง
เขายกหมัดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังขึ้นและปลดปล่อยมันออกมาอย่างรวดเร็ว
กระแสไฟฟ้าและเลเซอร์ที่พุ่งเข้าหาเขาถูกเป่าออกไปเหลือเพียงความว่างเปล่า
「ถามจริง……!? 」
「นี่น่ะเหรอ พลังของโปรโตวัน……? 」
เพียงแค่การปล่อยหมัดก็สามารถสร้างพลังทำลายล้างได้ขนาดนี้ลยเหรอ….
「ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์แต่เอาเป็นว่าต้องเก็บเจ้าพวกนี้ให้หมดก่อนสินะ」
คัตสึมิคุงหมุนแขนตัวเองไปมา แล้วชี้ไปทางสัตว์ประหลาดทากไฟฟ้า
「เริ่มจากแกก่อนเลยละกันเจ้าทาก」
「!? 」
「เพราะแกน่าจะอึดกว่าเพื่อนด้วยสิ ดังนั้นยัดให้จมดินก่อนน่าจะดี」
เอ่อ นั่นเป็นเหตุผลได้ด้วยเหรอ……!?
แต่ฉันก็เชื่อว่าหากเป็นเขาในตอนนี้ต้องไหวแน่ พริบตาเดียวร่างของเขาก็หายไป———พอรู้ตัวอีกทีหมัดของเขาก็เข้าไปซัดหน้ากริตเตอร์ที่ยืนงงอยู่เสียแล้ว
「เอ๋!? 」
ไหนบอกว่าจะจัดการทากก่อน?!
ในขณะที่ฉันกำลังประหลาดใจ กลิตเตอร์เองก็เหมือนจะตกใจไม่ต่างกัน ก่อนกระอักเลือดออกมา
「ดะ เดี๋ยวสิ อัศวินดำ ทำไมถึงเป็นฉันไปได้วะ?! อุก」
「……ไอ้นี่ก็ฟื้นฟูร่างได้เหมือนกันเหรอ? 」
จำไม่ได้เหรอ?
ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นกลิตเตอร์พยายามเข้าไปหลอกให้คัตสึมิคุงเชื่อว่าเป็นพวกพ้องของฉัน ก่อนจะความแตกแล้วโดนเขากระทืบจนวิ่งมาหาพวกเราแทน….เป็นไปได้หรือเปล่าที่ทางกลิตเตอร์เองก็เหลือความทรงจำบางอย่างอยู่ในจิตใต้สำนึกที่โดนผนึกอยู่?
คัตสึมิเอียงหัวสงสัยให้กับท่าทางของกลิตเตอร์ที่ยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่นานนักเขาก็เลิกสนใจแล้วกระซวกท้องอีกฝ่ายทิ้ง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดทากและเลเซอร์
「ตาพวกแกบ้างละ」
เขาดึงแขนของกลิตเตอร์ออกมาก่อนจะรัวหมัดยัดใส่หัวสัตว์ประหลาดเลเซอร์จนแหลกเป็นเสี่ยงๆ แล้วใช้แขนที่ดึงมาฟาดร่างของมันทิ้งไปเหมือนลูกเบสบอล
พอเสร็จจากตรงนั้นเขาก็พุ่งไปจับคอของสัตว์ประหลาดทากแล้วเหวี่ยงหมัดจนเกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้นถึง 6 ครั้ง
「อุ..อุ้ววว……!!」
「ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเอ็งเก็บไฟฟ้าไว้เท่าไหร่ แต่ถ้ายัดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คองม่องไปเอง!!」
「อึกกกกก!? 」
ทันทีที่เขาปล่อยมือจากคอของมัน พลังงานสีแดงก็ปะทุขึ้น จนเกิดเสียงดังไปทั่ว
「อุ!? อุ้วววว!? 」
แล้วเส้นสีทางก็ปรากฏขึ้นก่อนจะถีบสัตว์ประหลาดทางขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นมันก็เด้งไปมาราวกับถูกอะไรโจมตีอยู่
การโจมตีต่อเนื่องเกิดขึ้นกลางอากาศ พอสังเกตให้ดีๆ มันคือการที่คัตสึมิคุงใช้เท้าอันทรงพลังของเอาถีบมันขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายดูดซับพลังงานไฟฟ้าจากในเมือง
「คิดเหรอว่าจะปล่อยให้ฟื้นฟูได้?!」
นับแทบไม่ทันแล้วว่าเขาโจมตีใส่อีกฝ่ายไปกี่ที
เพราะแม้ฉันจะเค้นสายตาสุดๆ ในการมองก็ยังแทบจับอะไรไม่ได้เลย!
「ม่ายยยย!!」
「เดี๋ยวมันคิดจะหนีเหรอ!!!」
กลิตเตอร์ที่ไม่สามารถทำอะไรอัศวินดำได้เลยส่งเสียงกรีดร้องออกมาแล้ววิ่งหนีจากจุดปะทะ ในขณะที่เห็นสภาพของทากไฟฟ้านอนชักดิ้นชักงอจนทั้งร่างกลายเป็นสีดำ
ทางฉันเองก็ตั้งใจจะตามมันไป แต่เนื่องจากมันดูดซับเอาแสงรอบตัวของมันจนไม่เหลือ เลยหายไปในความมืดที่ฉันมองไม่เห็น!
แพ้แล้วหนีนี่หว่า!!
แต่มันน่าจะหนีไปได้ไม่ไกล หากฉันรีบตามไปละก็….!!
「อุ อุ้ว……!? 」
「เอ๋」
ก้อนสีดำบางอย่างร่วงลงมาตรงหน้าของฉัน
พอสังเกตดูดีๆ ก็พบว่านั่นคือร่างของสัตว์ประหลาดทากไฟฟ้าที่พลังฟื้นฟูของมันไม่เหลือแล้ว ก่อนที่ร่างของมันจะกลายเป็นอนุภาคแสงแล้วหายลับไป
ขนาดสัตว์ประหลาดทากก็ยังถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย….
「นี่เธอ ไอ้อีกตัวล่ะไปไหนแล้ว? 」
ก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัว คัตสึมิคุงก็เข้ามากใกล้ฉันก่อนถามคำถาม
ฉันก็เลยชี้ไปยังทิศทางที่มันหนีไป เขาที่เห็นก็ถอนหายใจออกมา
「…….ให้ตายสิ」
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับหัวของกลิตเตอร์ที่ติดมือเขามาด้วย
แม้ร่างของมันจะเป็นสัตว์ประหลาดแต่ถ้านับแค่ส่วนหัวมันก็คล้ายกับพวกเซ็นไตอย่างเราจริงๆ นั่นแหละ
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะสามารถไล่ล่ามันได้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่คิดว่าตัวเองก็พัฒนามาไกลแล้วแท้ๆ สุดท้ายหนทางที่จะไล่ตามเขาทันก็ยังห่างไกล
「สมกับเป็นนายจริงๆ 」
「พวกเธอ….สีเหลืองแล้วก็สีน้ำเงินตรงนั้น ไม่ใช่ศัตรูสินะ อื้อ จากที่เห็นก็น่าจะอย่างงั้น….เอาเป็นว่าฉันขอไปจัดการเจ้าแม็กม่าก่อนละกัน!」
หลังจากโยนหัวของกลิตเตอร์ทิ้งไปแขนของเขาก็คว้าอะไรบางอย่างที่พุ่งมาจากด้านหลังได้ ก่อนจะบดขยี้มันทิ้ง
พอสังเกตดูก็พบว่าเป็นการโจมตีเคลือบพิษจากฮิลด้าที่กำลังอยู่ในสภาวะพรางตัว
เมื่อเห็นถึงพลังของอัศวินดำที่แม้กระทั่งการลอบโจมตีก็ไม่ได้ผล ฮิลด้าก็หัวเราะออกมา
「ฮ่าๆๆ ….อันตรายสุดๆ เลยน้า อัศวินดำ…ยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก」
「ที่บ้านไม่สอนเหรอว่ากินพิษเข้าไปแล้วท้องจะเสีย」
นั่นมันใช่ประเด็นเหรอ!?
「งั้นแกก่อนก็ได้สินะ……!? 」
ไม่ได้นะ หากเขาฆ่าฮิลด้าทิ้งร่างของผู้หญิงที่โดนยึดได้ตกอยู่ในอันตรายด้วยแน่!!
ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขาพร้อมจะโจมตีอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล ดังนั้นจึงต้องรีบหยุดเขาไว้ก่อน
「เดี๋ยวก่อน อัศวินดำคุง!! เธอคนนั้นกำลังถูกสิงอยู่!!」
「หา? 」
แค่พริบตาเดียว หมัดของเขาก็ไปหยุดอยู่ตรงปลายจมูกของฮิลด้า
เมื่อเห็นว่าได้โอกาส ฮิลด้าจึงปล่อยควันออกมาจากปืนของเธอแล้วรีบหลบหนีจากจุดนั้นทันที
「คิดว่าฉันจะปล่อยหนีเหรอ……」
ฮิลด้าได้หายไปแล้วจนไม่เหลือร่องรอยใดๆ แต่สายตาของอัศวินดำคุงกลับจ้องไปยังตึกระฟ้าที่อยู่ห่างไกลแทน
「ก่อนอื่นคงต้องไล่ตามไปแล้วลองงัดไอ้เข็มขัดนั่นออกมาก่อนสินะ」
ราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายหนีไปที่ไหน เขาเริ่มเตรียมตัววิ่งไล่ตามทันที
ท่าทางการหลบหนีของฮีลด้าจะพ้นสายตาของเขาจริงๆ ทว่า
『อ้ากกกกก!!』
โลกากรีดร้องออกมาด้วยความโมโห สัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังค่อยๆ ฟื้นฟูร่างที่ถูกอัศวินดำคุงทำลายขึ้นมาใหม่ด้วยอารมณ์ที่เดือดกว่าเก่า
อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหากปล่อยเอาไว้คนธรรมดาได้ตายกันหมดแหง!!
「ย้า!!」
ฉันพุ่งเข้าไปฟันมันทันที
แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่บลูและเยลโล่โจมตีใส่มันด้วยกระสุนพลังงานและขวาน
「อ๊าคคค」
「อย่าให้มันทำอะไรได้เด็ดขาด」
โลกาพยายามต้านการโจมตีของพวกเราเอาไว้
โกลาพยายามจะเพิ่มพลังไปด้วยการมุดไปรวมกับผืนดิน ทว่าเส้นสีแดงที่เป็นการเคลื่อนไหวของคัตสึมิคุงก็พุ่งเข้าไปหามันอย่างรวดเร็วก่อนจะขัดขวางไม่ให้มันทำได้สำเร็จ
การฟัน กระสุนพลังงาน ขวานสายฟ้าและการโจมตีจากหมัดระดมอัดใส่โลกา
『อะ อะ อ้า!! ตัว ข้า คือโลกา สัตว์….อ๊าคคค…』
ทว่าแม้มันจะโดนไปมากขนาดนี้ มันก็ยังสามารถดูดซับพลังงานจากผืนดินแล้วลุกขึ้นมาใหม่ไหว โดยไม่สนใจขวานที่สับคาไหล่ของมันอยู่
ตราบใดที่มันอยู่บนผืนดิน มันก็สามารถเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ!!
ยานของพวกเราจอดอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เห็นทีคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลากมันไปปล่อยในทะเลเหมือนที่เคยทำก่อนหน้า
「นี่ ฉันขอยืมไอ้นี่หน่อยนะ」
คัตสึมิคุงชี้ไปยังขวานของเยลโล่
ใช่แล้วขวานที่ยังคาอยู่ตรงไหล่ของโลกา เขาดึงมันออกมาแล้วฟาดใส่โลกาเต็มแรงจนร่างของมันลอยไปในอากาศ
「แกนี่เหมือนจะโวยวายกว่าครั้งที่เจอก่อนหน้านี้อีกนะ เอ้า」
เขาเหวี่ยงขวานที่ห่อหุ้มด้วยพลังงานสีแดงด้วยมือข้างเดียว
ร่างของโลกาที่ปลิวไปบนท้องฟ้าถูกขวานนั้นขึ้นตามไปสับ แขน ขาของมันได้หลุดออกจากร่างจนเหลือแต่ลำตัวเปล่าที่ไร้ซึ่งการป้องกัน
「โอ้วววว!!」
การโจมตีที่ไม่มีอะไรมาหยุดได้ทำการทะลวงร่างของโลกาจนแทบไม่เหลือสภาพเก่า
สภาพของมันตอนนี้เหลือเพียงแค่ใบหน้าครึ่งเดียวพร้อมกับร่างกายที่ยับเยิน แต่มันก็ยังพยายามจะพ่นคำพูดออกมา
『ตัวข้าคือโลกา!! สัตว์ประหลาดแห่งดาวโลก!! ตัวแทนของโลกที่จะมากำจัดพวกแก…!!』
「เอ่อ จะพ่นอะไรก็พ่นไปแล้วตายซะ」
เขาปล่อยขวานของเยลโล่ทิ้งแล้วกำหมัดเอาไว้แน่น
หมัดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานของโปรโตวัน มันรวมกันอยู่ตรงหมัดจนเป็นสีแดงเข้ม
นี่แหละความแข็งแกร่งของไรเดอร์ที่ถูกเรียกว่าอัศวินดำ
ด้วยการโจมตีนั้น มันได้ทะลวงร่างของมันจนแกนกลางที่ซ่อนอยู่ภายในร่างของมันถูกทำลายไปด้วย
『อ๊ากกกกก!? 』
โลกาส่งเสียงกรีดร้องแล้วระเบิดหายไป
ทว่าสิ่งที่เขาทำมันยังไม่จบ แม้จะทำลายโลกาไปได้แล้ว เขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกันเส้นสีแดงที่ตามไป
อะไรกัน?!
โดมสีดำที่ปกคลุมทั่วเมืองเอาไว้ได้ถูกทำลายลง
「ได้ยังไงกัน……? 」
「จากที่ฉันเห็น เขาน่าจะใช้หมัดเพียวๆ ต่อยใส่แล้วจบงานเด้」
「หมัดยิงบีม จุดสูงสุดแห่งวิทยาศาสตร์….」
อาโออิน่าจะเกินเยียวยาไปแล้วฉันเลยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด
อัศวินดำได้ร่อนลงมาที่พื้น แล้วเดินไปยังจุดหนึ่งของสนามรบ
「เหมือนจะเหลือแกคนเดียวทียังหายใจตรงนี้นะ」
「น่าทึ่งจริงๆ สมแล้วที่เป็นอัศวินดำ」
ร่างของเกาส์ที่ร่วงลงมากับพื้นได้ขาดครึ่งออกจากกัน
ทว่าเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่กระแสไฟฟ้าที่ช็อตไปมาตามร่างของเขาก็น่าจะบอกให้ชัดเจนว่าสภาพของเขาไม่สู้ดีนัก
「เป็นพลัง ที่ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดเอาไว้ นี่ตัวฉัน จะไม่สามารถ เอาชนะ โกลดี้ ได้จริงๆ สินะ…」
「……」
「แต่แค่นี้ มัน ก็เพียง พอแล้ว ….ฉันได้ปลุกแก…ขึ้นมา ตามที่ท่านผู้นั้นสั่ง ก็เป็นเกียรติ สำหรับ ฉัน 」
แสงสว่างได้หายไปจากดวงตาของเกาส์
แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สูทแปลงร่างที่เขาได้แตกสลายออกเป็นอนุภาค เหลือเพียงนาฬิกาตรงแขนซ้าย
『นักวิทยาศาสตร์ขี้ขลาดที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเลียนแบบเหรอ ถึงจะให้อภัยการกระทำของมันไม่ได้ แต่เหมือนเนื้อแท้จะต่างจากที่ฉันคิดแฮะ』
ประธานพูดขึ้นหลังเห็นสภาพของเกาส์
จากนั้นคัตสึมิคุงก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
「เห้อ ถึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่…แต่ตอนนี้กลับบ้านดีกว่า」
หา!? เล่นใหญ่ขนาดนี้ยังคิดกลับบ้านอีกเหรอ!?
จากที่ฉันเห็นว่าเขาจำอัลฟ่าได้ ก็แปลว่าความทรงจำของเขาตอนนี้น่าจะถึงแค่ก่อนรู้จักกับพวกเรา
ด้วยนิสัยและท่าทางการแสดงออกของเขาที่เจอกับพวกเราครั้งแรก นับว่าไม่ธรรมดาเลย หากเราเผลอพลาดอะไรไปมีหวังเรื่องซับซ้อนกว่าเดิม
ทว่าฉันก็ต้องตัดสินใจรั้งเขาไว้แม้จะทำให้เขาอารมณ์เสีย เพราะไม่รู้จะได้เจอกันอีกไหม
「เอ่อ อัศวินด———」
「ดะ เดี๋ยว!? กรี๊ดดดด!? 」
ประตูมิติปริศนาเปิดขึ้นเหนือหัวของเขา
จากนั้นก็มีคนส่งเสียงกรีดร้องออกมา ก่อนจะล้มทับคัตสึมิคุง
พอเขาเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่านั่นคือหญิงสาวผมสีดำ ใช่แล้ว อัลฟ่า
「อะไรของเธอเนี่ยอัลฟ่า」
「อ่ะ เอ่อ คือ ว่า แบบ ฉันรอนายกลับมาอยู่ที่ห้องเงียบๆ อย่างที่นายบอกนะ แต่ก็มีประตูมิติเปิดขึ้นที่ใต้เท้าของฉัน จากนั้น…」
เอ๋? ได้ยังไงกัน?
อัลฟ่าพูดเหมือนพยายามหาข้อแก้ตัวกับคัตสึมิคุง
「หา? ไม่เห็นจะจำได้ว่าฉันบอกให้เธอทำอะไรแบบนั้น」
「……คัตสึมิ? 」
「หา อ้อเธอสงสัยเหมือนกันสินะว่าทำไมสูทมันถึงแปลกๆ ไปจากเดิม ฉันเองก็แปลก———โฮ่ยเดี๋ยวเถอะ!? 」
「คัตสิมิ!!!!! ยินดีต้อนรับกลับน้าาาาาา ฉันรอนายมานานเหลือเกินนนนน!!」
เธอเข้าไปสวมกอดคัตสึมิคุง……!?
อัลฟ่าตอนนี้ได้พุ่งเข้าไปกอดเขาโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างเลย
ไม่นานนักเสียงรัวชัตเตอร์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของผู้คน
『สาวสวยคนนั้นเป็นใครกัน..?!』
『นะ น่ารักชะมัด……』
『พวกเขามีความสัมพันธ์ยังไงกันนะ…? 』
เพราะสถานการณ์เริ่มสงบลงแล้ว ผู้คนก็เลยตั้งสติกันได้เหรอ?!
ไม่ว่าจะเพราะอะไร แต่ตอนนี้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มุ่งเป้าไปยังอัลฟ่าที่โดดเกาะคัตสึมิคุงแล้วส่งเสียงร้องออกมา
「ถึงจะไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร แต่เอาเป็นว่ารีบออกจากที่นี่กันเถอะ!!」
「อื้อ!!」
「….ทำไมเธอถึงดูว่าง่ายกว่าปกติจังฟะ? เป็นหวัดหรือเปล่าเนี้ย?? 」
เขาหันกลับมาหาพวกเราพร้อมกับอุ้มอัลฟ่าที่กำลังอารมณ์ดีสุดๆ อยู่
ก่อนที่จะทำท่าเหมือนสับสนนิดหน่อย แล้วส่ายหัวไปมา ก่อนยกมืออีกข้างที่ว่างขึ้น
「เอ่อ…แล้วเจอกันนะ จัสติสครูเซเดอร์」
「หา? 」
「……เดี๋ยวสิ? ทำไมนายถึงฮู้จักพวกเรา……ดะ」
「อัศวินดำคุง!! รอเดี๋ยว——」
เขาเอามือกุมหัวตัวเองไว้เหมือนกำลังทนกับความเจ็บปวด ก่อนจะกระโดดจากจุดที่อยู่ไปพร้อมกับอัลฟ่าในอ้อมแขน
เพื่อไม่ให้อัลฟ่าได้รับผลจากการพุ่งที่แรงเกินไปเขาจึงได้เตะไปตามตัวอาคารแทนที่จะพุ่งขึ้นไปข้างบนทีเดียวเลยจากพลังของโปรโตวัน
สุดท้ายเขาก็หายลับไป
「……ประธาน」
『จากที่ฉันเห็นอาจจะมีความผิดปกติระหว่างความทรงจำทั้งสองของเขา หากมีโอกาสหรือจังหวะดีๆ ก็อยากจะตรวจสอบอยู่หรอก แต่ปัญหาแรกที่ต้องทำตอนนี้คือหาว่าเขาหนีไปอยู่ที่ไหนต่างหาก』
「ประธานก็หาได้ไม่ใช่เหรอ? 」
『ไอ้เรื่องนั้นฉันก็อยากจะบอกว่าสบายหายห่วงหรอก เพราะว่าที่โปรโตเชนเจอร์ X ฉันได้ติดอุปกรณ์ตามตัว…….』
「ประธาน? 」
พอฉันถามประธานที่อยู่ดีๆ ก็เงียบไป ไม่นานนักเขาก็ตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นๆ
『คือว่า….โปรโตมันเข้ามาปิดระบบตามตัวน่ะ….』
「อิตาประธานโง่เอ้ย!!」
「บ่ได้เรื่อง」
「เอเลี่ยนเสียของ」
『ฉันก็พยายามแล้วนะเห้ย!! แต่เอาเป็นว่าพวกเธอไปเก็บสูทของเกาส์กับชิโระกลับมาที่ฐานด้วยละกัน!!』
นึกไม่ถึงเลยว่าโปรโตจะปิดระบบตามตัว….
ไม่สิแต่หากถึงนึกเรื่องที่เกิดขึ้นมา ฉันก็พอจะทำความเข้าใจได้….
『โฮก……』
「ชิโระ ตอนนี้พวกเรากลับไปที่สำนักงานใหญ่กันก่อนเนอะ? 」
『หงิง……』
ชิโระอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงมาก
มันค่อยๆ ย่ำเท้าเข้ามาหาฉัน และนอนลงบนฝ่ามือของฉันทั้งที่ปกติไม่ยอมให้ใครจับเลยแท้ๆ
ฉันแน่ใจว่ามันไม่น่าจะพังอะไร แต่คงเป็นเรื่องของสภาพจิตใจมากกว่า
「เห็นทีว่าพวกเราคงต้องจัดการควบคุมพื้นที่ให้เสร็จก่อน เพื่อจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก」
ฉันทำการเก็บกวาดเศษซากของพวกสัตว์ประหลาดและเอเลี่ยนให้หมดจด เพื่อจะได้ไม่มีใครสามารถชุบชีวิตพวกมันให้กลับมาได้อีก
คัตสึมิคุง…..เขาได้จากพวกเราไปอีกแล้ว….
……。
「อัลฟ่าาาาาา……」
「เรด เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเด้」
「ไว้ค่อยหารือกันทีหลัง」
ฉันไม่รู้ว่าเธอโผล่มาจากประตูมิติได้ยังไง
แต่ที่ฉันไม่พอใจสุดๆ ก็คือการที่เธออยู่ในอ้อมแขนของคัตสึมิคุงแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุขนี่แหละ
**** สารานุกรมสัตว์ประหลาดท้ายตอน
สาเหตุที่สัตว์ประหลาดทากไฟฟ้าโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเพราะคนเข้าใจผิดว่ามันคือทากไฟฟ้า ทั้งที่ความจริงมันคือปลิงทะเล
————-
Note 1 : คัตสึมิกลับมาแล้ว!!
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code