อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 50 ต้องรวย
ตอนที่ 50 ต้องรวย
“เสี่ยวเยาเยา ข้าจะช่วยเอ็งดูแลดอกเถียนซินให้เอง”
“ค่ะ อาจารย์ใหญ่คะ ทุกคนได้พบกับเย่ว์จือกวงหรือยัง”
“เขานั่งอยู่ข้างๆ ข้านี่แหละ และยังมีสาวน้อยถังถังอีกคน”
“ถังถังเองก็ไปถึงแล้วเหรอคะ เธอบอกว่าเธอจะโฆษณาผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านเราฟรี อาจารย์คะ เธอเป็นดาราชั้นนำ ทันทีที่โฆษณาออกมายอดสั่งซื้อจะต้องพุ่งขึ้นอย่างแน่นอน หนูได้บอกให้ลุงมู่อี้สำรองสินค้าไว้ในคลังล่วงหน้าแล้ว”
“ตกลง”
“พรุ่งนี้อวี๋เซิง เถียนเถียน และซย่ามั่วก็จะไปที่นั่นด้วย ถ้ามีอะไรต้องจัดการบอกพวกเขาได้เลยนะคะ”
“เยาเยา เอ็งวางใจเถอะ ทุกคนในหมู่บ้านเราล้วนฟังเอ็ง เรื่องค้าขายพวกเราทำไม่เป็น แต่เรื่องผลิตเอ็งไม่ต้องกังวลเลยจริงๆ”
“อาจารย์ อาจารย์แม่คะ ทุกคนเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ด้วยนะ แค่จิบชา เล่นหมากรุก นอนอาบแดดสบายๆ ไปก็พอ”
ใบหน้าของซย่าโหวโซ่วปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์
“เสี่ยวเยาเยา อย่ามองว่าพวกเราเป็นคนแก่แล้วจะเคลื่อนไหวไม่สะดวกสิ แม้พวกเราจะแก่แล้ว แต่ร่างกายก็ยังฟิตอยู่นะ ดีกว่าคนรุ่นหลังหลายคนเยอะ!”
“หนูรู้ค่ะอาจารย์เล็ก ถ้าทุกคนไม่ไปแย่งงานพวกคนหนุ่มสาว ทุกอย่างก็ยังโอเคค่ะ”
อาจารย์แม่เล็กพูดแทรกขึ้นอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกว่า “เสี่ยวเยาเยา ถึงเราจะอยากแย่งงานมาทำ แต่มองไปทั้งหมู่บ้านดูสิใครบ้างจะกล้าให้พวกเราทำงาน หลานๆ เหลนๆ พวกนั้นจับตาดูพวกเราทั้งวัน”
ตระกูลซย่าโหวเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกจอมยุทธ์โบราณ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสำนักที่จนแสนจน เพราะพวกเขาสนใจแต่ฝึกวรยุทธ์ และแทบไม่เข้าใจเรื่องทางโลกเลย
พวกเขายังคงรักษาจิตใจให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ ไม่ว่าโลกภายนอกจะมีสีสันสวยงามแค่ไหน พวกเขาก็ยังคงยึดมั่นในหัวใจของตน ไม่เคยลืมความตั้งใจเดิม
อย่างไรก็ตาม มู่เถาเยาทนมองความยากลำบากระหว่างการฝึกฝนของศิษย์พี่ไม่ได้
เห็นๆ อยู่ว่าสามารถทำเงินแม้จะฝึกวรยุทธ์ควบคู่ไปด้วย ทำไมถึงดื้อรั้นทำอยู่อย่างเดียว
นอกจากนี้ การหมกมุ่นกับบางสิ่งจะทำให้พวกเขาติดอยู่ที่คอขวด ยากจะก้าวหน้าต่อไป
หาอะไรให้พวกเขาทำ เพื่อให้มีรายได้และทำชีวิตให้ดีขึ้น แม้พวกเขาจะไม่รู้สึกว่าการดื่มชาหยาบๆ กินอาหารพื้นๆ และสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อสากระคายผิวเป็นเรื่องไม่ดี แต่ถ้ามีเงินก็จะช่วยให้พวกเขารู้สึกมั่นคงและมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น!
เช่นเดียวกับตอนที่เธอและอาจารย์ใหญ่เก็บอาจารย์เล็กกลับมาครั้งแรก ไม่ใช่ว่าอาจารย์เล็กก็ถูกบังคับให้อยู่ต่อเพราะไม่มีเงินจ่ายค่ายาหรอกเหรอ!
หากคนที่ช่วยชีวิตอาจารย์เล็กไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นคนไม่ดี ตระกูลซย่าโหวคงตกอยู่ในอันตรายทั้งตระกูลแล้ว
ด้วยอุปนิสัยของอาจารย์เล็ก เขาจะต้องตอบแทนบุญคุณอีกฝ่ายอย่างแน่นอน และถ้าคนเลวคนนั้นคุกคามตระกูลซย่าโหว บังคับให้พวกเขาทำเรื่องเลวร้ายโดยอาศัยบุญคุณจากการช่วยชีวิต แม้ว่าอาจารย์เล็กจะไม่ยอมทำตาม แต่เขาก็อาจยอมปลิดชีพตัวเองเพื่อคืนชีวิตแก่บุคคลผู้นั้น
ด้วยวิธีนี้ ลูกชายหลานชายของตระกูลซย่าโหวจะต้องตามไปล้างแค้นคนร้ายที่ฆ่าผู้นำตระกูลของพวกเขาแน่ และชื่อเสียงของตระกูลซย่าโหวก็จะป่นปี้ ถูกทำลายลงในที่สุด!
เพื่อป้องกันสิ่งไม่คาดคิดที่เกิดจากการไม่มีเงิน ดังนั้นจะต้องมีเงินสะสมไว้ให้มากๆ
ตระกูลซย่าโหวหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอกมาหลายชั่วอายุคนแล้ว มู่เถาเยาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเกลี้ยกล่อมพวกเขา ชักแม่น้ำทั้งหนึ่งร้อยแปดสาย กลยุทธ์หลอกล้อใดๆ ล้วนถูกขุดมาใช้ทั้งสิ้น
พูดได้ว่าถ้าพวกเขาไม่เป็นฝ่ายพูดออกไปก่อนก็ไม่มีใครในโลกรู้ว่าพวกเขาออกมาจากการหลบซ่อนแล้ว พูดได้ว่าถ้าพวกเขายังอยู่ในเขตหมู่บ้านเถาหยวนซาน ไม่ใช่ว่าก็ยังจะเป็นการเร้นกายเหมือนอย่างเดิมเหรอ ยังไงสถานที่นี่ก็ห่างไกลจากโลกภายนอกนัก อีกอย่างชาวบ้านก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นตระกูลลับ…
ในท้ายที่สุด มู่เถาเยาเลือกปล่อยหมัดฮุกโดยพูดว่าถ้าพวกเขาย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน เธอจะชี้แนะวรยุทธ์ให้กับพวกเขา คนกลุ่มใหญ่ถึงได้ตัดสินใจยอมย้ายออกมา
ตอนนี้พนักงานส่วนใหญ่ในโรงงานต่างๆ นอกจากชาวบ้านหมู่บ้านเถาหยวนซานที่ตั้งรกรากอยู่ที่นี่แต่เดิม ล้วนเป็นคนจากหมู่บ้านข้างเคียงและสำนักตระกูลซย่าโหว
เนื่องจากที่นี่เป็นพื้นที่ภูเขาห่างไกล หมู่บ้านรอบๆ จึงยากจนมาก อีกทั้งชาวบ้านยังไม่มีความรู้ วิถีความเป็นอยู่ต่างๆ จึงยังคงเป็นแบบหยาบกระด้าง
ตัวอย่างเช่น การทิ้งขยะ การถ่มน้ำลาย การสบถ ฯลฯ ยังดีที่ความมีเมตตา ความศิวิไลและมั่งคั่งร่ำรวยของหมู่บ้านเถาหยวนซานกระตุ้นพวกเขาได้ผล ส่งผลให้ชาวบ้านหมู่บ้านรอบๆ เริ่มเกาะกลุ่มกันบังเกิดเป็นความสามัคคีและเกิดแรงกระตุ้นขึ้น
เนื่องจากพวกเขาทุกคนเห็นว่าทุกครัวเรือนในหมู่บ้านเถาหยวนซานล้วนอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่และมีรถยนต์ขับ!
ด้วยเหตุนี้ฟันเฟืองแรงงานจึงแข็งขันและขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว
“ตาแก่…”
ถังถังโผล่เข้ามาในหน้าจอและเรียกมู่เถาเยาอย่างตื่นเต้น
เย่ว์จือกวงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เธอเหลือบมองไปที่ถังถังทันที
น้องสาวของเขาทั้งบอบบางและนุ่มนิ่ม เหมือนตาแก่ตรงไหนไม่ทราบ!
แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมชายคนที่ชื่อเย่ว์จือกวงนี้ถึงมองเธอด้วยสายตาแผดเผาแบบนั้น แต่การเรียกเด็กสาวตัวเล็กๆ ว่าตาแก่ต่อหน้าอาจารย์ของเธอก็ไม่ใช่เรื่องสุภาพเท่าไร
ดังนั้นหลังจากตะโกนเรียกไปครั้งหนึ่ง ถังถังก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันทีว่า “เสี่ยวเยาเยา วันนี้ฉันไปที่โรงงานของเธอมาแล้วนะ มันน่าประหลาดใจมากจริงๆ นี่พวกเธอยังอยากเพิ่มหุ้นส่วนอยู่อีกไหม ฉันอยากหุ้นด้วยนะ!”
“ไม่” มู่เถาเยาปฏิเสธโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว
เธอต้องการรักษาผลประโยชน์ให้ชาวบ้านและสำนัก ไม่อยากให้ใครเข้ามาร่วมแบ่งปันเงินปันผลนี้
“มื้อกลางวันและมื้อเย็นวันนี้ฉันได้ลองดื่มไวน์องุ่นและไวน์ดอกไม้ที่ผลิตขึ้นในหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้วนะ อร่อยมากจริงๆ! รสชาตินุ่มลิ้นมากกว่าไวน์ทั้งหมดที่ฉันเคยดื่มมาเลย!”
เย่ว์จือกวงที่นั่งอยู่ข้างๆ พยักหน้าเห็นด้วย
น้องสาวของเขาน่าทึ่งมาก!
วันนี้ทั้งวัน หลังจากที่เขาเก็บรวบรวมข้อมูลและทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับน้องสาวของเขาทั้งหมด ก็รู้สึกขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสามคนและชาวบ้านในหมู่บ้านทุรกันดารแห่งนี้จากใจจริง
เขาอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทน แต่ดูเหมือนหมู่บ้านนี้จะไม่ต้องการอะไรจากเขาเลย
“พี่ช่วยโฆษณาให้เรา อยากดื่มเท่าไหร่ก็ดื่มได้เลยไม่คิดเงิน”
“ตกลง!” ดวงตาของถังถังหรี่เป็นเส้นโค้งเล็กๆ
“อิ๋ง…เสี่ยวเยาเยา ฉันอยากอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานต่ออีกสองสามวันและหารือเรื่องร่วมมือทางธุรกิจกับพวกเธอ” เย่ว์จือกวงดันใบหน้าหล่อเหลาของเขาไปตรงหน้าจอโทรศัพท์ของอาจารย์ใหญ่หยวนเหยี่ย
เหล่าอาจารย์และอาจารย์แม่ “…”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังคุยกับลูกศิษย์อยู่ โอเค้?
“…ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจละก็คุยกับอวี๋เซิง เถียนเถียน และซย่ามั่วได้เลยค่ะ พวกเขาจะไปถึงที่นั่นวันพรุ่งนี้”
“ได้” เย่ว์จือกวงสมปรารถนาของเขาแล้ว
หยวนเหยี่ยหยิบโทรศัพท์และเดินหลบไปด้านข้าง
เขายังคุยกับลูกศิษย์คนดีไม่จบเลย แต่ละคนพูดแทรกเข้ามาทำไม!
“เสี่ยวเยาเยา ผักสดๆ ที่มู่อี้ส่งไปให้ เอ็งกินหมดแล้วหรือยัง ให้อาจารย์ส่งไปให้ใหม่ไหม”
“ยังกินไม่หมดเลยค่ะ หนูไม่ค่อยได้ทำกับข้าวกินเอง ส่วนใหญ่จะไปกินที่บ้านศิษย์พี่และศิษย์พี่หญิง หรือไม่ก็ออกไปกินข้าวเย็นกับเพื่อน”
“แล้วมื้อเที่ยงล่ะ ไม่ไปกินข้าวที่บ้านอาจารย์อาเล็กของเอ็งบ้างเหรอ เขาอยู่ในโรงเรียน สะดวกจะตาย!” เจ้าศิษย์น้องเล็กโทรมาบ่นให้เขาฟังจนหูชาหมดแล้ว!
“…หนูยังไม่มีโอกาสไปเลยค่ะ” ก็เพราะบ้านอาจารย์อาเล็กอยู่ในโรงเรียนนั่นแหละเธอถึงไม่ไป
“ได้ อาโซ่ว ถังหยวน พวกเอ็งมีอะไรอยากพูดกับเยาเยาอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีแล้วก็ปล่อยให้เธอไปพักผ่อนเถอะ”
อาจารย์เล็กและภรรยารีบรับโทรศัพท์มาทันที
ถังถังตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า ‘ถังหยวน’ สองคำนี้
เธอจำได้ว่าลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องของบรรพบุรุษตระกูลเธอมีชื่อว่า ‘ถังหยวน’
ญาติผู้น้องของบรรพบุรุษเธอ ถังซ่งถูกฆ่าตายโดยยาพิษที่เขาทำ ภรรยาของเขาไว้ทุกข์ให้เขาสามปีตามประเพณี จากนั้นก็ออกจากตระกูลถังไปพร้อมกับลูกสาวในวัยหกขวบ ก่อนจะแต่งงานใหม่ในสามปีต่อมา
ก่อนแต่งงานใหม่ ย่าทวดถังยังพาลูกสาวของเธอถังหยวนกลับมาที่ตระกูลถัง เพื่อให้เธอเลือกว่าจะติดตามแม่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่หรือเลือกที่จะอยู่กับคนตระกูลถัง
ถังหยวนในวัยเก้าขวบย่อมเลือกติดตามแม่ไปเป็นธรรมดา
พ่อของเธอเสียชีวิตเมื่อเธออายุสามขวบ และเธอออกจากตระกูลถังไปเมื่ออายุหกขวบ นับแต่นั้นมาก็อยู่กับแม่ของเธอมาโดยตลอด ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการอยู่ในตระกูลถังเพียงลำพัง
หลังจากที่ได้เข้าสู่ครอบครัวใหม่ ปู่ทวดของเธอได้ไปเยี่ยมย่าทวดถังและลูกสาวเป็นระยะๆ เมื่อเห็นว่าพวกเธอสบายดี และคุณย่าถังก็ตัดใจจากแม่ของเธอไม่ลงเสียที ดังนั้นปู่ทวดจึงไม่ไปรบกวนชีวิตใหม่ของพวกเธออีกต่อไป และปล่อยให้พวกเธอได้ใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุข
อย่าถามว่าเธอเคยเห็นหน้าคุณย่าถังหยวนคนนี้มาก่อนหรือเปล่า แม้แต่พ่อเธอยังไม่เคยเห็น
ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่อาจอาศัยเพียงชื่อและอายุที่ใกล้เคียงกันระบุตัวว่าอาจารย์แม่เล็กของตาแก่คือคุณย่าของเธอเอง
มีคนมากมายในประเทศเหยียนหวง และคนที่ใช้ชื่อซ้ำกันก็มีอยู่ถมไป