อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] - ตอนที่ 718 หนานหนานถูกลักพาตัว
ตอนที่ 718 หนานหนานถูกลักพาตัว
ตอนที่ 718 หนานหนานถูกลักพาตัว
หนานหนานหลับใหลอย่างสะลึมสะลือ รู้สึกได้ว่าทั้งตัวลอยขึ้น ทั้งร่างอบอุ่นและเบาราวขนนก
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังมาจากในห้อง หนานหนานขมวดคิ้ว พลิกตัวห่อผ้าห่ม ส่งเสียงเบาๆ เผยให้เห็นน่องขาขาว จากนั้นก็หลับไปอีกครั้ง
คนชุดดำสองคนที่เดินมาข้างเตียงสบตากัน ไม่กล่าวอะไรก็ก้าวไปข้างหน้าม้วนผ้าห่ม เอาใส่ถุงกระสอบแล้วอุ้มเดินออกไป
หนานหนานตะลึง นี่มันอะไรกัน มีคนลักพาตัวเขาหรือ?
เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ ถูกคนยกขึ้นลง
ในตอนนั้นเขาตื่นเต็มตา ไม่ปวดศีรษะแล้ว สมองก็เริ่มแจ่มใสเป็นอิสระ
เขาเหยียดมือและเท้าออก คนด้านนอกหันหน้ามาแล้วตบถุงกระสอบ กล่าวเสียงเบา “ทำตัวดีๆ หน่อย”
หนานหนานบุ้ยปาก ลักพาตัวก็ลักพาตัวสิ ต้องหยาบคายเพียงนี้เลยหรือ
หนานหนานส่งเสียงฮึดฮัด เบิกตากลม โคลงศีรษะแล้วครุ่นคิด
แปลกจริง เขามาที่ดินแดนเหมิงยังไม่ได้ทำให้ใครขุ่นเคือง ทำไมต้องลักพาตัวเขาด้วย?
เอ่อ หรือจะเป็นเพราะตอนที่เขาออกไปเดินข้างนอก มีคนเห็นว่าเขาหล่อเหลา อ่อนโยน ใครๆ ก็รักก็ชอบ ดังนั้นจึงจะจับเขาไปขายหรือ?
หนานหนานพยักหน้า นี่แหละที่เป็นไปได้มากที่สุด อย่างไรเขาก็มั่นใจกับเรื่องนี้ที่สุดแล้ว
แต่นี่มันจะเกินไปแล้ว ในฐานะสินค้า พวกเขาไม่ควรแบกขึ้นหลังหรืออุ้มเขาดีๆ หรอกหรือ?
ยัดเขาใส่กระสอบเช่นนี้ ราคาของเขาอาจจะลดลงก็เป็นได้
หนานหนานถอนหายใจ รู้สึกว่าตนถูกประเมินค่าต่ำไป อีกเดี๋ยวจะต้องบอกผู้ซื้อว่าระหว่างทางเขาลำบากเพียงไหน ถูกทำให้ขุ่นเคืองเพียงใด ถูกปฏิบัติอย่างน่าสังเวชเพียงใด ถูกเฆี่ยนตีอย่างทุกข์ทรมานเพียงใด?
สั้นๆ ก็คือ เขาจะไม่ปล่อยให้พวกคนที่ลักพาตัวเขารอดไปง่ายๆ แน่
เฮ้อ การมีรูปหล่อนี่ช่างเป็นปัญหาจริงๆ นี่ดูเหมือนจะเป็นการลักพาตัวครั้งที่สี่ของเขาแล้ว ทั้งยังเป็นครั้งที่ถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายที่สุดด้วย เมื่อก่อนเขาจะถูกวางยาสลบ ตีจนสลบ หรือทุบจนสลบ จากนั้นก็พาขึ้นรถม้าหรือขึ้นเกี้ยว ครั้งนี้กลับต้องอยู่ในกระสอบ อีกทั้งยัง เหม็น มาก ด้วย
เหม็น มาก มาก
เหม็น มาก มาก
นี่แหละประเด็น
หนานหนานใช้มือบีบจมูกตนเอง ทำได้เพียงหายใจทางปากแล้ว
และไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะพาเขาไปที่ไหน เหมือนกับว่าจะเดินมาไกลแล้ว ถ้าอย่างนั้น… เขาหลับอีกรอบดีกว่า
หนานหนานหาว เอียงศีรษะและหลับไปอีกครั้ง
ขณะนั้นเองอวี้ชิงลั่วกลับอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หันหน้ามามองเย่ซิวตู๋ ถามอย่างไม่เข้าใจ “พวกเขาไปแล้วหรือ”
เย่ซิวตู๋เองก็ประหลาดใจ ฟังเสียงฝีเท้าก็จากไปแล้วจริงๆ
ว่ากันตามเหตุผล ถ้าหากอีกฝ่ายไม่เห็นเหมิงหลัวอวี้ในห้องข้างๆ นั้น จะต้องมาที่ห้องชิงเอ๋อร์อย่างแน่นอน ดังนั้นชิงเอ๋อร์จึงต้องเตรียมสิ่งของมากมายเอาไว้ในห้อง
แต่พวกเขาก็รออยู่ที่นี่มาครู่ใหญ่ กลับพบว่าคนพวกนั้นหยุดอยู่ที่ห้องข้างๆ พักหนึ่ง แล้วก็จากไปเลย
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นนั่งบนเตียง เม้มปาก “ไปกัน เราไปดูห้องข้างๆ กันหน่อย”
เย่ซิวตู๋ไม่คัดค้าน ลุกขึ้นแต่งตัว จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากห้องไป
ทั้งโรงเตี๊ยมเงียบสงัด ที่โต๊ะรับรองที่ชั้นล่างก็มีเพียงเสียงกรนเบาๆ ของพนักงานกะดึกเท่านั้น
อวี้ชิงลั่วเปิดห้องข้างๆ สายตากวาดมองรอบหนึ่ง ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว หันหน้ามองเย่ซิวตู๋แล้วกล่าว “ไม่มีผ้าห่ม”
คนพวกนั้นไม่มีทางเอาผ้าห่มแล้วจากไปเป็นแน่ ลูกน้องของเหมิงเคอคงไม่มีทางโง่ขนาดนั้น
เย่ซิวตู๋หยิบตะบันไฟออกมา จุดเทียนบนโต๊ะ และกวาดตามองรอบๆ ห้องทันที
คนเหล่านั้นเข้ามาทางประตู จากนั้นก็ออกไปทางหน้าต่าง ในห้องไม่มีอะไรหายไปเลย มีเพียงผ้าห่มบนเตียงเท่านั้นที่หายไป
การเคลื่อนไหวของคนพวกนั้นถือว่าเรียบร้อยมาก และไม่ได้ทิ้งร่องรอยที่เป็นประโยชน์ใดๆ
เย่ซิวตู๋ยื่นมือออกไปสัมผัสที่เตียง พบว่าบนเตียงนั้นเย็น
อวี้ชิงลั่วหรี่ตามองไปยังขอบหน้าต่างครู่หนึ่ง ที่ข้างขอบหน้าต่างมีรอยเท้าสองรอย แต่ล้วนเป็นรอยที่ใหญ่มาก น่าจะเป็นรอยเท้าของคนที่ฝีมือการต่อสู้ไม่แข็งแรงนัก คืนนี้ฝนตก เลี่ยงน้ำฝนได้ยาก
แต่แปลกเกินไปแล้ว คนพวกนั้นไม่ได้จับตัวเหมิงหลัวอวี้ไป แล้วเหตุใดจึงไปแล้วล่ะ
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในห้องครู่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าฟ้าใกล้สว่างแล้วก็ออกจากห้องไป
“เจ้าว่าในใจของเหมิงเคอผู้นั้นวางแผนอะไรไว้หรือ” อวี้ชิงลั่วนั่งบนเก้าอี้ เทน้ำใส่ถ้วยให้ตนเอง
เพียงแต่ว่าถ้วยยังไม่ถึงริมฝีปาก ก็ถูกเย่ซิวตู๋สกัดไว้เสียก่อน
อวี้ชิงลั่วจ้องเขาเขม็ง จากนั้นก็รินใส่อีกถ้วย
เย่ซิวตู๋เคาะนิ้วกับโต๊ะด้วยความเคยชิน “ไม่ว่านางจะมีแผนอะไร สรุปก็คือ ตอนนี้เป้าหมายของนางคือชีวิตของเหมิงหลัวอวี้ ขอเพียงหลัวอวี้ไม่อยู่ในมือนาง ทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหา”
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น
อย่างไรตอนนี้เหมิงหลัวอวี้ก็ปลอดภัยแล้ว นางเองก็ถือว่าได้กดดันเหมิงเคอถึงจุดหนึ่ง เทศกาลชิมสุราวันพรุ่งนี้ เหมิงเคอจะต้องข่มใจไว้ไม่ได้อย่างแน่นอน
อวี้ชิงลั่วยืดเอว ไม่ได้นอนทั้งคืน นางง่วงเสียจนตาเบลอไปหมดแล้ว
เย่ซิวตู๋ดื่มชาอีกครั้ง เห็นท่าทางหมดเรี่ยวแรงของนางก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ ดันนางไปที่เตียง “ไปนอนเสียหน่อย สองวันมานี้เจ้าดูไม่มีแรงเลย ข้าไม่อยากให้เจ้าไปยุ่งเรื่องวุ่นวายของจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่จริงๆ”
จุดประสงค์ในการมาดินแดนเหมิงของพวกเขาก็คือตามหาแม่นมเก๋อ ทางด้านเขานั้นก็พอมีเบาะแสบ้างแล้ว ใครจะไปรู้ว่าต้องมาเจอเรื่องของเหมิงหลัวอวี้ ถ้าหากไปเจอครอบครัวทั่วไปก็ว่าไปอย่าง แต่กลับเป็นเด็กจากจวนผู้อาวุโส และยังเป็น…เด็กที่มีปานรูปดอกไม้อีกด้วย
อวี้ชิงลั่วหาว โบกไม้โบกมือกล่าว “ไม่ล่ะ อีกเดี๋ยวข้าต้องไปจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ ตอนนี้นายน้อยเหมิงยังอ่อนแอมาก ให้เขาฟื้นตัวโดยเร็วที่สุดจะเป็นการดีกว่า” ดังนั้นก็จะให้เสี่ยวอวี้กับเขาได้มาพบกันเร็วขึ้นหน่อย
เย่ซิวตู๋หรี่ตา สองมือกอดอกมองนางอย่างเย็นชา “เจ้าจะไม่นอนจริงๆ หรือ”
อวี้ชิงลั่วตัวสั่นขึ้นมาในทันที “ไม่นอน… ทำไมหรือ?”
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจ มองท้องฟ้าที่สว่างไปกว่าครึ่ง ยื่นมือออกมาแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าของตน “ถึงแม้จะเช้าตรู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ตื่น คงไม่เป็นไรนัก”
อวี้ชิงลั่วถลึงตา มองเขาถอดเสื้อนอก จากนั้นก็เริ่มถอดชุดด้านใน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงตอบสนองคำพูดของเขา เด้งตัวขึ้นอย่างตกใจ ไม่กล่าวอันใดก็กลิ้งไปบนเตียงจากนั้นก็… นอนหลับ
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว เดินไปที่ข้างเตียงช้าๆ
“ข้านอนล่ะ ท่านอย่ามากวนข้า” ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว อีกเดี๋ยวข้างนอกก็จะมีคนเดินไปเดินมา ผนังห้องของคนยุคโบราณกันเสียงได้ไม่ดีนัก นอกเสียจากว่านางจะบ้าไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะยอมเชื่อฟังในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้หรือ
เย่ซิวตู๋เห็นท่าทางนางเช่นนั้นก็พอใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนทั้งคืน จึงกอดนางไว้แล้วหลับตา
ท้องฟ้าด้านนอกสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาสาย อวี้ชิงลั่วก็ยังคงนอนหลับอย่างสบายไม่ตื่นขึ้นมา
ประตูห้องที่เงียบมานาน ในที่สุดก็มีคนมาเคาะ หมอเฒ่าฉยงซานอยู่ด้านนอก ส่งเสียงดังเข้ามา “ลั่วลั่ว เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่?”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เดี๋ยวท่านอ๋อง ลูกท่านโดนลักพาตัวนะ พับโครงการทำน้องให้หนานหนานไปก่อน
ไหหม่า(海馬)