องค์หญิงหมอเทวะ - ตอนที่ 77 : ขอเชิญร่วมงานเลี้ยงล่าสัตว์
องค์หญิงหมอเทวะ World-shaking First Daugh…
บทที่ 77 : ขอเชิญร่วมงานเลี้ยงล่าสัตว์
ในตําหนักหยางอี้ของวังหลวง
“ฝ่าบาท หมอเฉินและคุณหนูซูมาแล้ว พะย่ะค่ะ”
ขันที่น้อยเดินเข้าไปในห้องโถงและกระซิบ เพราะกลัวว่าจะรบกวนองค์จักรพรรดิเซียโฮวรุยที่กําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนม้านั่งตัวยาว
นางสนมฉินเอนกายทิ้งม้านั่งและนวดขาให้องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุย เมื่อได้ยินคําพูดนั้น สนมฉินก็เผยให้เห็นการสั่นไหวของสีหน้าที่แข็งกร้าวในดวงตาที่สวยงามของนาง
องค์จักรพรรดิเชียโฮวรุยลืมตาขึ้นและพูดด้วยเสียงแหบ “ปล่อยพวกเขาเข้ามา”
พะย่ะค่ะ”
นางสนมฉันมองไปที่องค์จักรพรรดิเซียโฮวรุยด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทเพค่ะ คุณหนูซูมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ หม่อมข้าเชื่อว่านางจะช่วยให้พระองค์ทรงฟื้นตัวได้เพค่ะ”
องค์จักรพรรดิเซียโฮวรุยหมดสติในระหว่างการแข่งขันของซูมู่เก๋อและจางเยว่เมื่อสามวันก่อน ในเวลานั้น พระสนมฉินชี้แนะเป็นอย่างยิ่งว่าให้ซูมู่เก๋อควรปฏิบัติต่อองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุย แต่เซี่ยโฮวโม่ก็หยุดนางไว้
สนมฉันคิดว่ามันจะสร้างความรําคาญต่อองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้เรื่องนี้ และท่าทีของพระองค์ที่มีต่อนางไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม สนมฉินก็ยังรู้สึกไม่พอใจกับปฏิกิริยาของเขาเพิ่มมากขึ้น และที่ได้ดูแลองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยมาเป็นอย่างดีในทุกวัน
เมื่อเห็นว่าทัศนคติขององค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยที่มีต่อนางไม่แตกต่าง ในที่สุดนางก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม สนมฉินไม่พอใจซูมู่เก๋อที่นางแสดงท่าทีต่อหน้านางและแสดงต่อพระองค์ลับหลังนาง!
ไม่นาน หมอเฉินและซูมู่เก๋อก็เดินตามกันเข้ามาในห้องโถง
เมื่อรู้ว่าซูมู่เก๋อต้องปฏิบัติต่อจักรพรรดิกับเขาเมื่อวันวานนั้น รองเสนาบดีสํานักหมอหลวง หมอเฉินโกรธมากจนโยนโสมร้อยปีลงพื้นทันที
แต่มันเป็นคําสั่งขององค์จักรพรรดิ หมอเฉินไม่มีความกล้าที่จะฝ่าฝืนรับสั่งของจักรพรรดิอย่างโจ่งแจ้ง
“ขอถวายบังคม ฝ่าบาท”
สนมฉินช่วยองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยลุกขึ้นนั่ง และองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยโบกมือให้ทั้งสองคนอย่างอ่อนแรงเพื่อให้พวกเขาลุก
“ไม่จําเป็นต้องรับใช้ข้าที่นี่ กลับไปพักผ่อนเถอะ” องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยมองไปที่สนมฉินและรับสั่งออกมา
สนมฉินยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของนาง แต่จับมือไว้ในแขนเสื้อ “เพค่ะ ฝ่าบาท โปรดอภัยให้หม่อข้าด้วยเพคะ หม่อมข้าขอทูลลา”
หลังจากสนมฉินจากไป ขันที่อีก็ปิดประตูห้อง เหลือเพียงสี่คน
ในห้อง
องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยมองไปที่ซุมู่เก้อและหมอเฉิน “จากนี้ไป ซูมู่เก๋อ เจ้าจะรักษาข้าร่วมกับหมอเฉิน เจ้าเข้าใจไหม?”
ซูมู่เก๋อก้มหัวลง “น้อมรับพระบัญชาเพค่ะ ฝ่าบาท”
“อืม”
เพียงแค่ซูมู่เก๋อจะทําการตรวจองค์จักรพรรดิเซียโฮวรุย หมอเฉินก็ปิดท้องของเขาด้วยเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด
“โอ๊ย! เจ็บ…”
ขันที่อีเลิกคิ้วและทําได้เพียงแค่ก้าวเข้าไปหาเพื่อช่วยพยุงหมอเฉิน “หมอเฉิน ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
หมอเฉินขมวดคิ้วด้วยใบหน้าเหี่ยวย่นราวกับดอกเบญจมาศที่ขาดน้ํา “อูยยย โปรดอภัยแก่หม่อมข้าด้วยพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท จู่ๆหม่อมข้าก็ปวดท้อง หม่อมข้ากลัวว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร พะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยหายใจออกอย่างหนักและพูดกับซูมู่เก๋อ “ไปดูหมอเฉินที่”
“เพคะ”
ซูมู่เก๋อเดินไปหาหมอเฉินที่จ้องมองนางอย่างลับๆ เขาคิดว่ามันปกปิดได้ดี แต่ซูมู่เก๋อยังคงมองเห็น
นางเอื้อมมือไปจับชีพจรของเขา เมื่อพิจารณาจากชีพจร กระเพาะอาหารของเขาเย็นและมีอาการอักเสบเล็กน้อย
เมื่อเห็นซูมู่เก๋อปล่อยมือของหมอเฉินแล้ว องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
“ฝ่าบาท เพค่ะ หมอเฉินเป็นไข้หวัด ซึ่งส่งผลต่อกระเพาะอาหารของเขา หม่อมข้าเกรงว่าเขาจะต้องพักฟื้นสักสองสามวัน เพค่ะ”
เมื่อได้ยินคําพูดนั้น หมอเฉินก็คุกเข่าต่อหน้าองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยทันที “ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ โปรดยกโทษให้หม่อมข้าด้วย มันอาจเป็นความหนาวเย็นในวันนี้และหม่อมข้าก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก…”
“ลืมมันไปซะ อยู่บ้านเพื่อพักผ่อนวันนี้และกลับมาเมื่อเจ้าดีขึ้น”
หมอเฉินคํานับซ้ําๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ “ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาท พะย่ะค่ะ”
จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปโดยได้รับความช่วยเหลือจากขันทีน้อยสองคน
“เนื่องจากหมอเฉินไม่สบาย เจ้าจึงรักษาข้าด้วยตัวเอง”
”เพคะ”
“หม่อมข้าเอาตัวอย่างเลือดของฝ่าบาทเมื่อสามวันก่อนเพื่อทําการวินิจฉัย ได้รับการยืนยันแล้วว่าพิษอยู่ในร่างกายของฝ่าบาท ทรงได้รับมาเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งปี เพค่ะ”
องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยมองด้วยใบหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์ใด “ดําเนินการต่อไป”
“ อาหารและชาประจําวันของพระองค์ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนส่งถึงพระองค์เพค่ะ หากมีปัญหาใดๆคนเหล่านั้นคงไม่สบายดีในตอนนี้”
ขันที่ไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิเซียโฮวรุยถูกวางยาอย่างไร พวกเขาให้ความสําคัญกับรายละเอียดมากมาย
“ในความคิดของหม่อข้า เราควรหาสาเหตุที่แท้จริงของการเป็นพิษก่อนที่จะล้างพิษของพระองค์เพค่ะ”
องค์จักรพรรดิเซียโฮวรุยพยักหน้า “ข้าได้ทําการตรวจสอบอย่างลับๆแล้ว แต่ไม่พบสิ่งใด”
ซูมู่เก๋อไม่แปลกใจกับคําตอบเช่นนี้ นางคาดไว้แล้วว่าชายคนนี้ต้องเป็นใครสักคนที่สามารถวางยาพิษองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยได้ โดยไม่มีร่องรอยใดๆ
“หม่อมข้าจะเริ่มการรักษาต่อฝ่าบาทตั้งแต่วันนี้ไปเพค่ะ หม่อมข้าหวังว่าฝ่าบาทจะร่วมมือกับหม่อมข้าอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มผลการรักษาให้ได้มากที่สุด”
องค์จักรพรรดิเซียโฮวรุยมองนางด้วยความสนใจ “เจ้าหมายความว่าข้าควรฟังเจ้าในช่วงเวลานี้ใช่ไหม?”
ซูมู่เก๋อรีบพูดว่า “โปรดอย่างทรงถือโทษหม่อมข้าเลย เพค่ะ หม่อมข้าแค่หวังว่าฝ่าบาทจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ความร่วมมือในการควบคุมอาหาร และพักผ่อนเพื่อให้พระองค์ทรงฟื้นตัวได้เร็วขึ้นเพคะ”
“ได้ ข้าสัญญากับเจ้า”
คําสัญญาของผู้ป่วยที่จะร่วมมือกับการรักษาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด สําหรับแพทย์
ซูมู่เก๋อนำออกหลายรายการ
“ต่อไปนี้เป็นสูตรยารักษาสําหรับฝ่าบาทเพค่ะ ตลอดจนบันทึกย่อบางส่วนและขั้นตอนการรักษาของหม่อมข้า”
ขันที่อีรับมันมาจากซูมู่เก๋อและส่งมอบให้องค์จักรพรรดิเซียโฮว
หลังจากอ่านจบ องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยก็หัวเราะออกมาดังๆ
“สาวน้อย เจ้าเป็นคนรอบคอบมาก”
“ตามขั้นตอนที่เจ้าเขียนไว้ ในสามวันแรกข้าจะทําการอาบน้ําด้วยตัวยาก่อนใช่หรือไม่”
“เพค่ะ ฝ่าบาท”
องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยยิ้มให้กับขันที่อีและส่งรายการชื่อยาให้เขา “รับไป? รีบเตรียมมัน!”
เมื่อเห็นองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยอารมณ์ดี ขันทีอีก็ยิ้มรับมัน และเดินออกไป “พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ขันทีอีไปที่สําหนักหมอหลวงในพระราชวังด้วยตนเอง และสั่งให้ชงยาตามใบสั่ง หลังจากทําทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็ดูแลยาที่จะนําไปใส่อ่างอาบน้ําที่จะนําไปไว้ในพระราชวังหยางอี้
“ในช่วงสามวันแรก ฝ่าบาท พระองค์จําเป็นต้องดึงฟื้นฟูเส้นลมปราณและเส้นเลือดในร่างกายของพระองค์ เพื่อให้ง่ายขึ้นต่อการล้างพิษในภายหลัง เพค่ะ”
เนื่องจากการอาบน้ํายาเป็นขั้นตอนเดียวในช่วงสามวันแรก ซูมู่เก๋อจึงออกจากห้องโถงทันทีที่องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยออกมาจากอ่างอาบน้ํา
เดินเล่นนอกโถงหยาง ซูมู่เก๋อมองไปรอบๆในสวนเล็กๆ ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง และใบไม้ที่ร่วงหล่นดูเหมือนจะอ้างว้างเล็กน้อย
แต่หลังจากข้ามโค้งครึ่งวงกลม นางก็ตาสว่างขึ้นทันที
“ดอกไม้บานสะพรั่งมากมาย”
เมื่อได้ยินคําพูดของนาง ขันทีน้อยที่เดินไปข้างหน้าก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูซู องค์จักรพรรดิชอบกล้วยไม้สีขาวข้างสระว่ายน้ํามาก พระองค์จะไปดูด้วยตนเองทุกวัน”
ซูมู่เก๋อเหลือบมองกล้วยไม้สองสามกลุ่มโดยไม่สนใจมากนัก
“คุณหนูซู คุณหนูซู เดี๋ยวก่อน”
ขณะที่ซูมู่เก๋อกําลังติดตามขันที่ออกจากวัง นางก็ถูกนางกํานัลในวังหยุดกลางคัน
สาวใช้ตัวน้อยวิ่งไปหานางและทักทายนางในขณะที่อ้าปากค้าง “คุณหนูซู มันดีมากที่ได้พบท่าน วันนี้องค์หญิงของเราเป็นห่วงท่าน นางต้องการเชิญท่านเข้าร่วมงานเลี้ยงล่าสัตว์ในวันที่ 1 ของเดือนจันทรคติถัดไป นี่คือคําเชิญเจ้าค่ะ”
ในขณะที่พูด นางกํานัลตัวน้อยใส่คําเชิญไว้ในมือของซูมู่เก๋อ และหันกลับมาเพื่อลานาง ก่อนที่นางจะได้เห็นมันอย่างชัดเจน
ซูมู่เก๋อรู้สึกว่านางกํานัลในวังคนนี้ค่อนข้างคุ้นเคย แต่ก็ไม่สามารถนึกมันออกได้ในเวลาเพียงครู่นั้น นางจะเป็นใช่นางกํานัลในวังขององค์หญิงเก้าหรือไม่?
“คุณหนูซู มันจะมืดแล้ว” ขันทีเตือนนางด้วยเสียงต่ํา
ซูมู่เก๋อมองดูพระอาทิตย์ที่กําลังจะตกดิน ประตูวังหลวงจะถูกล็อคหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน และเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปโดยไม่มีตราประทับ
ซูมู่เก๋อเลิกสงสัยและตอบรับคําเชิญ หากนางไม่ต้องการไปร่วมงาน นางก็สามารถแสร้งทําเป็นปวยในวันนั้น
“ไปกันเถอะ”
ซูมู่เก๋อขึ้นรถและกลับไปที่คฤหาสน์ซู ทันทีที่นางลงจากรถม้า สาวใช้สองคนก็ทักทายนาง
“คารวะ คุณหนูใหญ่”
ซูมู่เก๋อมองไปที่พวกเขาและพบว่าพวกเขาเป็นสาวใช้หลักของซูหลุน ซูอันและรัวชิน
ทั้งสองไม่รอที่นี่โดยไม่มีเหตุผล พวกเขาต้องถูกซูหลุนส่งมา “ว่าอย่างไร?”
ทั้งสองค่อนข้างไม่พอใจกับท่าที่เฉยเมยของซูมู่เก๋อ แต่เมื่อพิจารณาสถานะที่เพิ่มขึ้นล่าสุดของนาง พวกเขาตอบได้เพียงยิ้มๆว่า “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินหลินมาที่นี่เพื่อขอบคุณ ตอนนี้นางอยู่ในห้องโถงใหญ่พร้อมกับนายหญิงของเราเจ้าค่ะ”
“ฮูหยินหลินอยู่ที่นี่” ซูมู่เก๋อรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็สมเหตุสมผล หลังจากออกใบสั่งยาให้กับคฤหาสน์หลิน นางไม่ได้ไปที่นั้นมาสองสามวันแล้ว
“ใช่เจ้าค่ะ ใต้เท้า ขอให้ท่านไปพบหลังจากกลับมา”
ซูมู่เก๋อพยักหน้า “ข้ารู้”
เมื่อเห็นซูมู่เก๋อถือชุดเครื่องมือแพทย์ ซูเหลียนจึงยื่นมือเข้ามา ช่วยนางถือมัน แต่ถูกซูมู่เก๋อหลีกเลี่ยง
“ไปเรียกเยวู่่มาพบข้าที่นี่”
ซูมู่เก๋อปฏิเสธซูเหลียนเผยความขุ่นเคืองในดวงตาของนาง หลังจากรั่วซินขยิบตาให้นางแล้ว นางก็ไปที่ลานดอกท้ออย่างไม่เต็มใจ เพื่อส่งข้อความ
ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงห้องโถงใหญ่ เยว่รูก็วิ่งกระหืดกระหอบมา
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว”
ซูมู่เก๋อรู้สึกขบขันที่เห็นใบหน้าเล็กๆของนางแดงก่ํา และยื่นมือที่ถือชุดเครื่องมือแพทย์ให้นาง
“รอข้างนอกสักพัก”
“เจ้าค่ะ”
ทันทีที่ซูมู่เก๋อมาถึงนอกห้องโถงใหญ่ สาวใช้ตัวน้อยก็เข้าไปรายงาน
“นายหญิง คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
นางอันกําลังคุยกับฮูหยินหลิน เมื่อได้ยิน นางก็พูดด้วยรอยยิ้ม “รีบไปเชิญคุณหนูเข้ามา ฮูหยินหลินรอนางมาสักพักแล้ว”
คําพูดของนางอันฟังดูล้อเล่น แต่จริงๆแล้วเป็นการตําหนิซูมู่เก๋อว่าไม่สุภาพ ทําให้แขกต้องรอนาน
อย่างไรก็ตาม ฮูหยินหลินรู้สึกสนุกสนานเกินกว่าที่จะใส่ใจอะไรเกี่ยวกับพิธีการดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น ซูมู่เก๋อยังไปรักษาองค์จักรพรรดิในพระราชวัง
เมื่อเข้าไปในห้องโถง ซูมู่เก๋อเห็นฮูหยินหลินนั่งอยู่ในที่นั่งแขก และมองนางด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นการแสดงออกของฮูหยินหลิน นางก็รู้ว่าอาการของแม่ทัพหลินจะต้องดีขึ้น
ซูมู่เก๋อก้าวไปข้างหน้าเพื่อคํานับ แต่ถูกฮูหยินหลินหยุดไว้ทันที
“ไม่เป็นไร อย่ามีมารยาทมากเกินไป ในวันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อขอบคุณ”
เมื่อเห็นฮูหยินหลินสุภาพกับซูมู่เก๋อมาก นางอันก็นึกถึงท่าทีที่ดูดีกับนางในตอนนี้และรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ดูแข็งกระด้าง
“ขอบคุณความช่วยเหลือของท่าน คุณหนูซู เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว ข้ามาที่นี่วันนี้เพื่อแสดงความขอบคุณต่อท่าน”
ฮูหยินหลินขอให้สาวใช้นําของขวัญมาให้ เพื่อเป็นการขอบคุณ
ซูมู่เก๋อมองไปที่ของขวัญด้วยรอยยิ้มที่จริงใจกว่าบนใบหน้าของนาง “ฮูหยินหลิน ท่านเป็นคนสุภาพเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากคุยกับซูม่เบื่อไม่กี่ครั้ง ฮูหยินก็พร้อมที่จะจากไป
“โอ้ ข้าเกือบลืมบอกไปว่ามีงานเลี้ยงล่าสัตว์ทุกปีในเมืองหลวง ท่านกับมารดาของท่านยังไม่เคยเข้าร่วมใช่หรือไม่? ข้ามีคําเชิญสําหรับมารดาของท่านด้วย ให้นางได้มาร่วมสนุกกัน” ในขณะที่พูดฮูหยินหลินได้รับคําเชิญจากสาวใช้ของนางและส่งให้ซูมู่เก๋อ
ซูมู่เก๋อมองไปที่คําเชิญในมือของนาง ซึ่งแตกต่างจากคําเชิญที่นางได้รับในวัง
“มันอาจไม่ใช่การไปล่าสัตว์ ในฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศแจ่มใสและสดชื่นนี้ การออกไปพักผ่อนนอกบ้านก็เป็นเรื่องดี”
ซูมู่เก๋อเห็นความใจดีของฮูหยินหลินและตอบรับคําเชิญ
“ขอบคุณท่านมาก เจ้าค่ะ ฮูหยินแม่ทัพหลิน”
เมื่อเห็นฮูหยินหลินเชิญนางจ้าวแทนนาง นางอันโกรธมากจนกํามือแน่นและจิกเล็บลงไปในเนื้อโดยไม่รู้สึกเจ็บ
หลังจากเห็นฮูหยินหลินออกไป ซูมู่เก๋อก็กลับไปที่ลานดอกท้อ
เมื่อมองไปที่ร่างที่ซีดจางของซูมู่เก๋อ ทันใดนั้นนางอันก็ถอนยิ้มบนใบหน้าของนาง
นางสารเลว เราจะมาดูกันว่าแกจะภูมิใจได้นานแค่ไหน!