ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่335 ใจเต้น
ส่วนหลังจากวันที่สิบ ไม่ใช่ว่าเผยเยี่ยนไม่อยากพาอวี้ถังไปด้วย แต่ใต้เท้าอูตั้งแต่รู้ว่า
สกุลเผยตั้งใจช่วยเหลือทุนทรัพย์ในการจัดเทศกาลโคมไฟ ก็เริ่มไปมาหาสู่เผยเยี่ยนบ่อยครั้ง
เผยเยี่ยนไม่อยากให้อวี้ถังพบคนนอก จึงทําได้เพียงอดกลั้นรั้งอวี้ถังให้อยู่ในเรือน ด้วยเหตุนี้ใน
ยามที่ปรึกษาเรื่องจัดงานเทศกาลโคมไฟกับใต้เท้าอู บางครั้งเขาก็อดเผยท่าทีหงุดหงิดออกมา
ไม่ได้
ใต้เท้าอูไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ คิดเพียงว่าเผยเยี่ยนไม่ค่อยชอบเรื่องยิบย่อยพวกนี้
เท่าใด ไม่กี่วันให้หลัง เขาที่หัวไวจึงไม่ไปรบกวนเผยเยี่ยนอีกแล้ว ให้เผยเยี่ยนสามารถพาอวี้ถัง
ไปเที่ยวเล่นดีๆ ได้
รอจนเก็บโคมไฟ ท้องฟ้าก็เริ่มโปร่งใส ลมพัดโชยกระทบผิวหน้าอย่างอบอุ่น ไม่มีไอ
หนาวเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
อวี้ถังไปหาเถ้าแก่ใหญ่ถงซื้อเทียนหมา เหอโส่วอู และโสมคน บรรจุใส่กล่องไม้ ให้ชิง
หยวนนําไปให้ทางนายหญิงรอง
พวกนางตัดสินใจเดินทางไปซานตงวันที่ยี่สิบ สัมภาระข้าวของจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว
รอเพียงเซ่นไหว้ท่านผู้เฒ่า ก็จะออกเดินทาง
คุณหนูห้าสกุลเผยมีสีหน้าอาลัยอาวรณ์ กอดแขนอวี้ถังเอ่ยกับนางซํ้าไปซํ้ามา “ถึง
เวลานั้นท่านต้องพูดกับอาสามดีๆ ไปเยี่ยมพวกเราที่ซานตง ท่านพ่อส่งจดหมายมาบอกว่า
เมื่อก่อนขุนนางหน่วยงานยุติธรรมของซานตงและอาสามเคยยื่นกระทู้กล่าวโทษกั๋วจื่อเจี้ย
นด้วยกัน เขาชื่นชมอาสามอย่างยิ่ง ครั้งนี้ท่านพ่อไปซานตง ได้รับความช่วยเหลือจากเขาไม่
น้อย ถึงเวลานั้นท่านต้องหาทางเป่ าหูอาสามพาท่านไปด้วยให้ได้เชียว”
คาดไม่ถึงว่าพวกขุนนางยังมีวิธีสานสัมพันธ์กันเช่นนี้?
มารร้ายในใจอวี้ถังเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก นางกลับเผยยิ้มบิดแก้มคุณหนูห้า
2667
คุณหนูห้าพาอวี้ถังไปยังห้องโถง
ด้านนายหญิงรองจัดเก็บข้าวของเสร็จแล้ว กําลังกลัดกลุ้มพวกนกแก้วที่เผยหงเลี้ยงไว้
ระบายกับอวี้ถังว่า “ก็ไม่รู้จะมีชีวิตรอดจนถึงซานตงหรือไม่”
อวี้ถังคิดว่าใครเลี้ยงคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ จึงถามหาเผยหงด้วยรอยยิ้ม “วิ่งไปที่ไหน
เสียแล้ว?”
งานเทศกาลโคมไฟ เด็กคนนี้พาผู้ติดตามไปซื้อโคมไฟกว่าสิบอัน เดินบนถนนใหญ่
ผู้คนนั้นต่างก็หลบหลีกราวกับเขาเป็นองค์ชายน้อย ยามที่เผยเยี่ยนเห็นตอนนั้นไม่ได้พูดอะไร
กลับมอบให้เผยหม่านเป็นคนดูแลเขา นอกจากจะให้เผยหม่านเป็นคนไปส่งครอบครัวของนาย
หญิงรองที่ซานตงแล้ว ยังให้เผยหม่านคอยให้ความช่วยเหลือเผยหง
ก็ไม่รู้ว่าเผยหม่านจะสามารถควบคุมเด็กน้อยผู้นี้อยู่หรือไม่!
นายหญิงรองถอนหายใจ เอ่ยว่า “ถูกพ่อบ้านใหญ่พาไปที่เรือ เย็นนี้พวกคนงานต้องขึ้น
เรือแล้ว”
เพราะไปซานตง ระยะทางค่อนข้างไกล สกุลเผยจึงนําเรือเสากระโดงสามต้นลํานั้นที่
จอดอยู่ท่าเรือเสาซีให้นายหญิงรองใช้เดินทาง
อวี้ถังไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
เมื่อก่อนยามที่เผยเซวียนอยู่ เผยหงนั้นเชื่อฟังไม่น้อย ผลปรากฏว่าพอเผยเซวียนไป
เผยหงก็คล้ายกับแมวที่ถูกปล่อยออกจากกรง เล่นสนุกก่อเรื่องวุ่นไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ท่านแม่เฒ่าก็กล่าวแล้ว หากไม่ก่อเรื่องตอนเด็กหรือจะให้ก่อเรื่องตอนเป็นผู้ใหญ่
กัน? ก่อเรื่องไม่สําคัญ สิ่งที่สําคัญคือจะไม่ก่อเรื่องซํ้าแบบเดิมอีก
อวี้ถังยังคงเห็นด้วยอย่างยิ่ง
2668
ทั้งสองคนคุยเล่นกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็ล่วงเลยถึงเวลาอาหารกลางวัน วันนี้เผยเยี่ยนไม่อยู่
เรือน
ต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว เผยเยี่ยนต้องเร่งรัดให้แต่ละสวนเริ่มเพาะปลูกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ช่วงนี้เขายุ่งอยู่บ้าง
อวี้ถังจึงไปกินข้าวกับนายหญิงรองและพวกคุณหนูห้ากับทางท่านแม่เฒ่า
นายหญิงรองหัวเราะร่า คิดว่าอวี้ถังเป็นเด็กดีไม่น้อย รู้จักไปอยู่เล่นเป็นเพื่อนท่านแม่
เฒ่าบ่อยๆ จึงเอ่ยว่า “ข้าไปแล้วในเรือนคงเงียบเหงามากกว่าเดิม ภายหลังเจ้าไปหาท่านแม่
เฒ่าให้มากหน่อยก็เพียงพอแล้ว”
ตามหลักแล้ว ท่านแม่เฒ่ายังมีเผยถงและเผยเฟย หลานชายทั้งสอง ทั้งเผยถงก็แต่ง
ภรรยาแล้ว ข้างกายท่านแม่เฒ่าควรจะมีความครึกครื้นจึงจะถูก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ท่านแม่
เฒ่ากลับงดเว้นการเข้าเยี่ยมของบ้านเผยโย่ว คาดว่านายหญิงใหญ่คงมีโทสะอยู่บ้าง จึงแสร้ง
ป่ วยอย่างรู้แล้วรู้รอดไป หลบอยู่ในเรือนไม่ออกมา ทําเอาสองพี่น้องเผยถงไม่รู้จะทําอย่างไรดี
เช่นกัน งานเทศกาลโคมไฟต่างก็ใช้ข้ออ้างเฝ้าไข้มารดา ไม่ออกไปเข้าร่วม
แม้จะกล่าวว่าอวี้ถังและกู้ซีอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่หลังจากพบกู้ซีในยามที่มาสวัสดีปี
ใหม่ท่านแม่เฒ่าในวันที่หนึ่งแล้ว อวี้ถังกลับไม่ได้เห็นหน้านางอีกเลย
นี่ก็นับว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการแต่งมาสกุลใหญ่กระมัง?
อวี้ถังขบขันในใจ พยักหน้าให้นายหญิงรองด้วยรอยยิ้ม เอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า “ข้าทราบ
แล้ว! พี่สะใภ้รองวางใจ ภายหลังข้าย่อมไปหาท่านแม่บ่อยๆ”
นายหญิงรองพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพอใจ
ทั้งสองคนเดินเคียงไหล่ไปหาท่านแม่เฒ่า
2669
คาดไม่ถึงว่าเข้าไปในบริเวณเรือนท่านแม่เฒ่า จะพบกับคนที่แต่งกายสุภาพคล้าย
บัณฑิตอายุประมาณห้าสิบปียืนอยู่กลางลานเรือน พวกเด็กรับใช้ยืนกํากับอยู่ที่นั่นด้วยเหงื่อชื้น
หน้าผาก ต่างก็มีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
นายหญิงรองและอวี้ถังล้วนแปลกใจอยู่บ้าง ลอบออกจากที่นั่นอย่างเงียบเชียบ เดิน
อ้อมเข้าไปทางด้านหลังเรือนแทน
จี้ต้าเหนียงคงได้รับข่าวแล้ว พวกนางเดินผ่านประตูเข้าไปก็พบจี้ต้าเหนียงทันที
นางเข้ามาต้อนรับ เร่งเอ่ยอธิบายว่า “เป็นผู้ช่วยของใต้เท้าจางผู้เฒ่าเจ้าค่ะ จะขอเข้า
พบท่านแม่เฒ่าให้ได้ ท่านแม่เฒ่าไม่พบ เขาก็ไม่ไป ลําพังนายท่านสามยังไม่อยู่ ไม่อาจดึงดัน
ไล่คนไป ทั้งไม่อาจทิ้งคนไว้ที่นี่เช่นกัน พวกเราล้วนไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรดี?”
ประเด็นหลักยังคงเป็นเพราะท่านแม่เฒ่าไม่อยากพบเขากระมัง!
อวี้ถังลอบขบคิดในใจ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอันใด ทําเพียงเอ่ยกับจี้ต้าเหนียงอย่าง
กังวลใจอยู่บ้าง “อย่างไรก็เป็นคนที่เคยรับใช้ใต้เท้าจางผู้เฒ่า จําเป็นต้องไว้หน้า แม้พวกเจ้าจะ
สร้างความลําบากให้เขา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจล่วงเกินจนเกินไปได้”
จี้ต้าเหนียงยิ้มขื่น เอ่ยว่า “พวกเราก็ทราบเช่นกัน แต่สุดท้ายนี่ก็ไม่ใช่วิธีที่ถูก หากนาย
ท่านสามสามารถกลับมาได้เร็วหน่อยย่อมจะดีที่สุด”
ขณะที่พูด พวกนางก็เข้าไปในห้องโถงท่านแม่เฒ่าแล้ว
ท่านแม่เฒ่าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แต่เห็นพวกนางยังคงทําตัวกระปรี้กระเปร่า
ขึ้นมา ให้คนนําลูกกวาดมาให้อวี้ถังและคุณหนูห้ากินเล่น
อวี้ถังขบคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่า เขินอายอยู่บ้าง กลับเป็นท่านแม่เฒ่า โบกไม้โบก
มืออย่างไม่คิดเช่นนั้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอายุมากกว่าอาตันไม่กี่ปีเท่านั้น ให้เจ้ากินก็กิน
เถิด”
2670
พวกอวี้ถังเผยยิ้มเข้าไปนั่งโอบล้อมท่านแม่เฒ่า แกะส้มลูกหนึ่งให้นาง ท่านแม่เฒ่าเพิ่ง
รับส้มมา ก็ได้ยินเสียงคนพูดอยู่ด้านนอก “นี่ท่านจะทําเรื่องลําบากไปไย? อาสามไม่อยู่ ท่านทํา
เช่นนี้ไม่ใช่ว่าสร้างความลําบากใจให้ท่านย่าหรอกรึ?”
เสียงของเผยถง
อวี้ถังและนายหญิงรองอดแลกเปลี่ยนสายตากันไม่ได้
นํ้าเสียงของผู้ช่วยคนนั้นลอยเข้ามาจากด้านนอก เพราะเอ่ยด้วยนํ้าเสียงราบเรียบ ใน
ห้องจึงได้ยินไม่ชัดว่าพูดอะไรบ้าง
ชั่วขณะนั้นแววตาท่านแม่เฒ่าก็แหลมปราดขึ้นมา ใบหน้านางมืดครึ้ม เงียบไปพักใหญ่
ก่อนจะเอ่ยว่า “เชิญคุณชายใหญ่และท่านเฉินผู้นั้นเข้ามาเถิด!”
เฉินต้าเหนียงลอบถอนหายใจ ไปเชิญทั้งสองคนเข้ามา
อวี้ถังและพวกนายหญิงรองไปหลบอยู่ในห้องหนังสือทางตะวันออก รอจนเผยถงและ
ท่านเฉินผู้นั้นไปแล้ว พวกนางจึงค่อยออกมา
ท่านแม่เฒ่าออกคําสั่งให้ตั้งโต๊ะอาหาร
อวี้ถังและนายหญิงรองอดแลกเปลี่ยนสายตากันไม่ได้ ล้วนครุ่นคิดในใจว่าควรจะกิน
อาหารกลางวันที่นี่ดีหรือไม่
ท่านแม่เฒ่ากลับเอ่ยว่า “ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า! พวกเจ้ากินข้าวกับข้าที่นี่ ในใจของข้าจะ
รู้สึกดีขึ้นบ้าง”
อวี้ถังและนายหญิงรองขานรับด้วยรอยยิ้ม พยายามเล่าเรื่องตลกขบขันในเรือนขึ้นมา
อยากให้บรรยากาศเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง
ใบหน้าของท่านแม่เฒ่าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
2671
อวี้ถังขบคิดว่ารอเผยเยี่ยนกลับมาแล้วต้องบอกกล่าวกับเขาเสียหน่อย ให้เผยเยี่ยนหา
วิธีส่งผู้ช่วยคนนี้ของสกุลจางออกไป ไม่อย่างนั้นมาขอร้องบ่อยๆ เช่นนี้ คงทําให้ทุกคนลําบาก
ใจอยู่บ้าง
คาดไม่ถึงว่าวันนั้นเผยเยี่ยนจะกลับมาเกือบรุ่งสาง ยามที่กลับมาใบหน้ายังเต็มไปด้วย
ความเหนื่อยล้า
อวี้ถังคิดว่าเขาคงรีบเดินทางกลับมาในคืนนั้น จึงสงสารอย่างยิ่ง รีบหยัดกายขึ้น
ปรนนิบัติเปลี่ยนผ้าสางผมให้เขา ออกคําสั่งให้ชิงหยวนยกนํ้าแกงไก่ตุ๋นโสมเข้ามาหนึ่งถ้วย
เผยเยี่ยนไม่ได้เอ่ยอันใด จวบจนผลัดผ้าล้างหน้าล้างตา บนร่างไม่มีไอเย็นจากนํ้าค้าง
ยามคํ่าคืนแล้ว ยามนี้จึงค่อยกอดอวี้ถังแน่น เอ่ยว่า “ให้ข้ากอดสักพักหนึ่ง”
คล้ายกับถูกจู่โจม ทั้งกะทันหันอยู่บ้าง
อวี้ถังไม่อยากจะถามอะไรทั้งนั้น กระชับกอดเผยเยี่ยน ยังตบไหล่เขาเบาๆ คล้ายว่า
เป็นเช่นนี้จะลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความอบอุ่นให้เขาได้ แม้ว่าชิงหยวนจะยกนํ้าแกงไก่เข้ามา
อวี้ถังก็ไม่ได้หลบหลีกเขินอายเหมือนวันปกติ กลับสั่นศีรษะให้ชิงหยวนเบาๆ บอกเป็นนัยให้
นางวางไว้ที่โต๊ะ รอจนนางออกไป ก็เอ่ยอย่างอ่อนโยนกับเผยเยี่ยน “อยากจะดื่มนํ้าแกงไก่เสีย
หน่อยหรือไม่? รองท้องก่อน จะได้หลับสบาย รอฟื้นฟูกําลังแล้วค่อยว่ากัน”
เผยเยี่ยนพิงร่างของอวี้ถังอยู่พักใหญ่ ยามนี้ค่อยเอ่ยเสียงแผ่วว่า “อืม” กลับไม่ได้หยัด
กายขึ้นแต่อย่างใด
อวี้ถังทําได้เพียงกอดเผยเยี่ยน ก่อนจะจัดแจงเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง ไปยกนํ้า
แกงไก่มา
เผยเยี่ยนดื่มรวดเดียวจนเกลี้ยง
ก็ไม่รู้ว่าพักจนหายเหนื่อยแล้ว หรือนํ้าแกงถ้วยนี้ทําให้คนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาจริงๆ สีหน้า
ของเผยเยี่ยนจึงดีขึ้นไม่น้อย แต่ยังคงไม่ต้องการจะพูดคุยกับอวี้ถัง
2672
อวี้ถังยังคงสามารถเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้
ชาติก่อน ยามที่นางรู้ว่าแปดถึงเก้าในสิบ สกลุหลี่อาจจะเป็นฆาตกรทําร้ายคนทั้ง
ครอบครัวของนาง นางก็ไม่อยากจะพูดสักประโยคเหมือนกัน
นางคอยปรนนิบัติให้เผยเยี่ยนพักผ่อน
เผยเยี่ยนหลับตาลง คล้ายว่าหลับเพราะอ่อนล้าอย่างยิ่ง แต่อวี้ถังใกล้ชิดสนิทสนมกับ
เขาไม่น้อย ได้ยินเสียงลมหายใจของเขาก็รู้ว่าเขายังไม่ได้หลับ ทั้งไม่อยากพูดคุย
นางจับมือเขาแน่น เอ่ยเสียงเบาว่า “นอนเถิด! ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่ หากมีคนมา ข้าจะเรียก
เจ้าเอง”
เผยเยี่ยนจับมืออวี้ถังกลับอยู่สองครั้ง ลมหายใจสั้นๆ ค่อยเปลี่ยนเป็นยาวนาน ล่วงสู่
นิทราไป
อวี้ถังถอนหายใจยาวเหยียด ยามนี้จึงค่อยพบว่าเสื้อผ้าตัวเองล้วนชื้นเหงื่อไปหมด
นางตะลึงไปเล็กน้อย
ดูเหมือนว่านางจะเป็นห่วงเผยเยี่ยนกว่าที่ตัวเองคิดไว้เสียอีก…
เปลี่ยนเป็นอวี้ถังที่นอนไม่หลับแทน
แต่เผยเยี่ยนยังคงตื่นเช้ากว่าที่อวี้ถังคาด
เขาเอ่ยว่า ‘อรุณสวัสดิ’ ด้วยรอยยิ้มให้อวี้ถัง ใบหน้าขาวผ่องนั้นมีกําลังวังชาขึ้นมา มอง ์
ไม่เห็นความเซื่องซึมเมื่อวานแม้แต่น้อย คล้ายกับเปล่งประกายท่ามกลางแสงแดดของรุ่งอรุณที่
สาดส่อง
อวี้ถังผุดลุกขึ้นนั่งทันที รู้สึกว่าราวกับตัวเองฝันไป
2673
เผยเยี่ยนบีบจมูกของนางด้วยรอยยิ้ม เอ่ยว่า “รีบตื่นเร็ว! แดดจะไหม้ก้นอยู่แล้ว ยังดีที่
ท่านแม่ให้เจ้าไปน้อมทักทายแค่ทุกวันที่หนึ่งและสิบห้า ไม่อย่างนั้นสภาพเจ้าเช่นนี้ ย่อมถูกคน
นินทาว่าเป็นสะใภ้ที่ขี้เกียจแน่”
เขายิ่งเป็นเช่นนี้ อวี้ถังก็ยิ่งไม่กล้าถาม
กลัวว่าจะกระตุ้นเรื่องที่เสียใจของเขาขึ้นมา กลัวว่าเขาจะไม่พร้อมจะตอบคําถาม กลัว
ว่าเขาจะไม่อยากเอ่ยถึงอีก กลัวว่าเขาไม่พอใจ…ทั้ง ‘ความกลัว’ เช่นนี้ยังไม่เหมือนกับ ‘ความ
กลัว’ ของเมื่อก่อน
‘ความกลัว’ เมื่อก่อน คือคิดว่าอย่างน้อยข้าหาวิธีง้อเจ้าก็เพียงพอแล้ว
แต่ ‘ความกลัว’ ในตอนนี้ แค่คิดก็รู้สึกปวดใจ ทั้งยังเป็นความปวดใจที่ไร้ทางจะหายใจ
ต่อ
อวี้ถังทาบมือที่หน้าอกตัวเอง
เผยเยี่ยนเห็นก็ถามอย่างกังวล “เป็นอะไรรึ? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
“อ่อ” อวี้ถังเอ่ย “ไม่ใช่ ข้าลุกขึ้นเร็วเกินไป จึงมึนงงอยู่บ้าง”
เผยเยี่ยนยิ้มบาง เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นมากินข้าวเช้า อีกเดี๋ยวพวกเราไปพบท่าน
แม่ด้วยกัน เจ้าค่อยกลับมานอนต่อก็เพียงพอแล้ว”
ใจของอวี้ถังยังคงเต้นไม่หยุด
จบกัน นางสงสารเผยเยี่ยน ถึงขั้นที่ไม่อยากให้เขาเป็นกังวลเรื่องตัวเอง!
นาง…คงชื่นชอบเผยเยี่ยนแล้วกระมัง!