เวลาประมาณห้าโมงเย็น หลี่จื้อก็มาถึงด้านล่างของบริษัทฉัน "คุณหญิงลู่"
ฉันเข้าไปในรถแล้ว ทำให้เขาต้องมารับฉันอีกรอบ ฉันรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย "รบกวนคุณแล้ว เลขาหลี่"
"เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ ประธานลู่ให้ผมพาคุณไปแต่งหน้าทำผมก่อน อีกครึ่งชั่วโมงชุดจะตามมา"
ฉันตื่นตระหนกเล็กน้อย "งานเลี้ยงอะไรกัน ใหญ่โตมากเลยเหรอ?"
ด้านหน้าคือไฟแดง หลี่จื้อจึงหันกลับมามองฉัน "คือว่าคุณหญิงลู่ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วประธานลู่ได้ร่วมเซ็นต์สัญญากับทางฝั่งยุโรป"
เรื่องสัญญานั้นฉันเคยได้ยินลู่จือสิงพูดถึงอยู่ครั้งหนึ่ง ในเวลานั้นมีบริษัทคู่แข่งภายในประเทศถึง17บริษัทและมี7บริษัทที่มีสถานะใกล้เคียงกับเฟิงเหิง ภายในนั้นคู่แข่งนั้นเฟิงเหิงก็ยังไม่ได้ถือว่าเป็นตัวเต็ง แต่ผลประโยชน์ของความร่วมมือนั้นสามารถคิดเป็นร้อยละ 20% ของมูลค่าการซื้อขายของเฟิงเหิง วันนี้ได้เซ็นต์สัญญาก็ควรแล้วแก่งานเลี้ยงฉลอง
ฉันเข้าใจโดยถ่องแท้และพยักหน้ารับรู้
หลังจากแต่งตัวแล้ว ฉันมองตัวเองในกระจกและรู้สึกว่าผู้คนต้องพึ่งพาเสื้อผ้าไม่ใช่การแต่งหน้า
แม้ว่าฉันอาจจะไม่ได้สวยอะไรมากนัก แต่ว่าโดยปกติแล้วเวลาไปทำงานฉันก็แต่งหน้าธรรมดาง่ายๆ แต่ไม่มีวันไหนเหมือนกับวันนี้ ฉันอยู่ในชุดที่ลู่จือสิงมอบให้กับฉัน ฉันรู้สึกราวกับภาพลวงตาว่าฉันเป็นลูกสาวของคนดังท่านใดท่านหนึ่ง
หลี่จื้อเดินเข้ามาเขาเหลือบมองฉันเห็นได้ชัดว่าเขานั้นดูประหลาดใจเล็กน้อย "คุณหญิงลู่สวยจริงๆ"
"ขอบคุณ"
ผู้หญิงชอบที่ได้รับการชื่นชม เครื่องสำอางบนใบหน้าฉันนั้นน่าพอใจเป็นอย่างมาก แทบอดใจรอไม่ไหวอยากให้ลู่จือสิงได้เห็นฉันในลักษณะเช่นนี้
สำหรับงานเลี้ยงฉลองคืนนี้ เฟิงเหิงได้จัดเลี้ยงในโรงแรมระดับห้าดาวของเมืองA
ทันทีที่รถมาถึงหน้าประตู ลู่จือสิงก็มารับฉัน
ก่อนหน้าที่จะมาถึงฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้เห็นงานเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่พร้อมด้วยพรมสีแดงเกือบสิบผืนฉันก็รู้สึกประหม่าในทัที
"ซูยุ่น"
ประตูรถถูกเปิดออก ลู่จือสิงยืนอยู่หน้าประตูรถในชุดสูทสีขาว ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องมองมาที่ฉัน ภายในดวงตาคู่นั้นมีความตกตะลึงและทำให้ฉันรู้สึกเขินอาย เห็นว่าเขาจ้องมองฉันและไม่พูดอะไรฉันจึงกระแอมแกล้งเตือนเขา "อะแฮ่ม ลู่จือสิง"
ดวงตาของเขาเคลื่อนไหวและพยายามระงับอารมณ์จากนั้นเขาก็ยื่นมือมาหาฉันและจับมือฉันไว้แน่น "ไม่ต้องตื่นเต้น"
เมื่อได้ยินเสียงที่สงบและนุ่มนวล ฉันก็ไม่รู้สึกกังวลอีกต่อไป
ความสัมพันธ์ระหว่างลู่จือสิงและฉันนั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสื่อ แต่ในวันนี้ได้ถูกเขาพามายังลานเปิดตัวเช่นนี้ สายตาของทุกคนจ้องมองมาที่เราทั้งสอง
แต่เนื่องด้วยว่ามีลู่จือสิงอยู่ด้วยจึงไม่มีใครกล้าที่จะกล่าวอะไร
งานเลี้ยงฉลองกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ลู่จือสิงขอให้ฉันขึ้นไปบนเวทีกับเขา ฉันรู้ว่าเขานั้นตั้งใจจะเปิดตัวฉันและความประหม่าที่หายไปเมื่อครู่นั้นก็ได้กลับมาอีกครั้ง
แต่เขาจับมือฉันแน่นมาก คงเป็นเพราะเขารู้สึกประหม่าและนิ้วหัวแม่มือของเขานั้นก็ถูหลังมือของฉันอย่างปลอบประโลม เราทั้งสองคนนั้นยืนอยู่บนเวทีแล้วไฟก็สว่างขึ้นฉันรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในความฝัน
ลู่จือสิงนั้นเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและค่อนข้างหยาบคาย เขาบอกทุกคนอย่างตรงไปตรงมาว่าฉันคือภรรยาของเขา ทุกวันนี้ฉันรู้สึกขอบคุณตัวฉันเองมากที่ทนต่ออารมณ์ของเขาได้
คำพูดของเขานั้นง่ายดายและกระชับใจความ หลังจากพาฉันลงจากเวทีแล้วเขาก็ชมเชยพนักงานอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็พาฉันออกมา
"ยังประหม่าเหรอ?"
ในตอนที่ฉันเดินลงมานั้นฉันรู้สึกว่าในการสอบเข้าวิทยาลัยฉันยังไม่เคยประหม่าขนาดนี้มาก่อน เมื่อได้ยินคำพูดของลู่จือสิงฉันก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาอย่างไม่พอใจ "ทำไมคุณไม่บอกฉันล่วงหน้า?"
ราวกับว่าเขามีความสุขมาก "บอกคุณล่วงหน้าแล้วจะเป็นการเซอร์ไพรส์ได้อย่างไร"
ภายในใจของฉันนั้นรู้สึกความหวานนั้นอิ่มเอมแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ "คุณทำแบบนี้ฉันก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ฉันยืนนิ่งแข็งทื่อเป็นต้นไม้อย่างไรอย่างนั้น"
"ต้นไม้แข็งทื่อสวยได้เท่าคุณเหรอ?"
ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าลู่จือสิงจะพูดคำหวานๆเหล่านี้ เมื่อได้ยินแบบนั้นหัวใจของฉันเหมือนเต็มไปด้วยน้ำผึ้งหวานๆ
ลู่จือสิงพาฉันไปพบกับผู้บริหารระดับสูงของหลายบริษัท มีบริษัทคู่ค้าเข้ามาพูดคุยกับเขาและเขาก็ปล่อยให้ฉันเดินออกมาหาอะไรทานด้วยตัวเอง
ฉันคิดว่าฉันไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนักและคิดว่าการอยู่ข้างเขาอาจส่งผลต่อการสนทนาของพวกเขาด้วยฉันจึงออกมาหาอะไรทานน่าจะดีกว่า
ตอนที่กำลังแต่งหน้าฉันได้กินเค้กไปสองชิ้น ซึ่งเวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่าแล้ว และในเวลานี้เค้กสองชิ้นนั้นก็ถูกย่อยไปหมดแล้ว ฉันหาสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อที่จะกินอาหารแต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะพบเจอกับหยาวตันตัน
"ซูยุ่น!"
เธอมาพร้อมกับไวน์แดงหนึ่งแก้ว วันนี้หยาวตันตันสวมชุดสีดำเปิดแผ่นหลังกว้างของเธอ เธอเดินมาหาฉันอย่างหยิ่งผยองและโกรธเคือง "เธอภูมิใจมากสินะ?!"
ตอนนี้ทุกคนในงานเลี้ยงรู้ว่าฉันเป็นใครและได้ยินที่หยาวตันตันพุ่งเข้ามาถามฉันด้วยความโกรธ ผู้คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยกำลังจับตามองฉันและหยาวตันตันอย่างไม่คลาดสายตา
ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอที่นี่เพราะอาจทำให้ลู่จืงสือเสียชื่อได้ ฉันเหลือบมองเธอและคิดจะทักทายเธอเพื่อเลี่ยงการทะเลาะวิวาท "เธอคิดมากไปแล้วหยาวตันตัน"
พูดจบฉันก็หันหน้าหนีและกำลังจะเดินจากไป แต่เธอกลับคว้ามือฉันเอาไว้ "แล้วเธอจะหนีอะไร? ฉันจะบอกข่าวดีให้ฟัง ฉันท้องแล้ว!"
ฉันกลับไม่ตกใจในเรื่องที่เธอท้อง ตรงกันข้ามฉันกลับแปลกใจที่เธอกับถันฮ่าวอวี่ไม่มีการรับรองใดๆออกมาเลยและเธอสามารถพูดคำว่าท้องได้อย่างมั่นใจ ฉันล่ะชื่นชมจริงๆ
ฉันข่มอารมณ์ด้วยท่าทีเย็นชา "โอ้ งั้นฉันก็แสดงความยินดีกับพวกคุณด้วย"
ฉันไม่รู้ว่าหยาวตันตันหงุดหงิดอะไร จู่ๆใบหน้าของเธอก็บูดบึ้ง "เธอภูมิใจอะไร แต่งงานกับน้าของฉันแล้วมันยังไงเหรอ อย่างไรก็ตามเธอมันก็แค่คนเก่าของถันฮ่าวอวี่ก็เท่านั้นแหละ เหอะ!"
คำพูดของหยาวตันตันนั้นจะมากเกินไปแล้ว กล้าพูดเรื่องแบบนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร!
มีบริกรคนหนึ่งเดินผ่านฉันมาพร้อมกับถาดไวน์แดง ฉันเอื้อมมือไปหยิบไวน์แดงมาหนึ่งแก้วทันที จากนั้นก็สาดบนใบหน้าของหยาวตันตัน
ไวน์แดงไหลรินลงบนใบหน้าของหยาวตันตัน ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นและมองไปยังสีหน้าที่เย็นชาของเธอ "หยาวตันตัน ฉันเป็นน้าของเธอ ไวน์แดงแก้วนี้ไว้สำหรับสั่งสอนคนที่ไม่เคารพผู้อาวุโส!"
"กรี๊ด!" หยาวตันตันกรีดร้องพร้อมกับทำท่าปิดหู ไม่รู้ว่าเกิดอาการประสาทอะไรขึ้นมา เธอหยิบมีดและส้อมบนโต๊ะอาหารข้างๆเธอขึ้นมาจากนั้นเธอก็โยนใส่ฉัน
ฉันโมโหมากและยกมือขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีดนั้นโดนใบหน้าของฉัน
"กรี๊ด—-"
หยาวตันตันกรีดร้องอีกครั้ง ฉันก็คิดว่าเธอเป็นผีบ้า ได้ยินเพียงเสียง เพล้ง เท่านั้น เธอดึงผ้าปูโต๊ะของโต๊ะอาหารและเดินโซซัดโซเซถอยหลังไปสองสามก้าวและล้มลงกับพื้นในที่สุด
ฉันมองภาพฉากตรงหน้า ก่อนที่ฉันจะหัวเราะเยาะ ฉันเห็นหยาวตันตันนอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดมาก "ลูกของฉัน ลูกของฉัน!"
เมื่อเห็นร่างกายของหยาวตันตันมีเลือดออก ฉันก็ตกตะลึง
"ฮ่าวอวี่! มาช่วยฉันเร็ว ช่วยฉัน ซูยุ่นฆ่าลูกของเรา!"
ถันฮ่าวอวี่ปรากฎตัวออกมาจากฝูงชน หยาวตันตันจับมือของเขาและชี้มาที่ฉันตลอดเวลา
ผู้คนรอบข้างก็มุงดูและชี้มาที่ฉัน ฉันยืนอยู่ตรงนั้นและมีอาการเสียสูญเล็กน้อย ในเวลานี้จู่ๆมือของฉันก็ถูกคว้าเอาไว้ "เกิดอะไรขึ้น?"
MANGA DISCUSSION