พักกลางวันฉันขอลางาน 2 ชั่วโมง ยังไม่ทานข้าวฉันก็เรียกรถไปยังสถานที่ที่จ้าวชิงหรานนัดเจอ
เมื่อลงจากรถแท็กซี่ ฉันก็ต้องขมวดคิ้ว ฉันไม่คิดว่าจ้าวชิงหรานจะนัดฉันให้มาเจอกันในโรงแรม
ฉันก็ไม่ใช่คนโง่ ตอนที่เข้าไปหาเธอ ฉันก็คอยระแวดระวัง และวางแผนเตรียมวิ่งหนีหากพบเจออะไรที่ผิดปกติ
ฉันไปตามเลขห้องที่จ้าวชิงหรานบอก เมื่อขึ้นไปชั้นเก้า ไม่นานนักฉันก็พบห้องนั้น
จ้าวชิงหรานบอกว่าเธอไม่สบาย จึงมานอนพักที่นี้ ประตูห้องเปิดแง้มอยู่ เหมือนจะให้ฉันเดินเข้าไป
ฉันผลักประตูเดินเข้าไป ไม่พบจ้าวชิงหราน แต่เป็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเปิดศึกกันอยู่
“เธอเป็นใคร?”
“ออกไป!”
ฉันพบว่าตัวเองเข้าผิดห้องแล้ว จึงวิ่งหน้าแดงออกไป ก่อนออกไปยังช่วยพวกเขาปิดประตูให้ด้วย
ถ้าฉันจำไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้นชื่อ ซินหมิงเยว่ เป็นคู่หมั้นคนก่อนของลู่จือสิง
ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ ขณะที่คิดจะกลับบริษัท จ้าวชิงหรานก็โทรเข้ามา: “ซูยุ่น เธอยังมาไม่ถึงอีกหรือ?”
พอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไป ฉันก็รู้สึกไม่พอใจ: “ฉันถึงแล้วค่ะ คุณอยู่ที่ไหน? คุณให้เลขห้องฉันมาผิดนะ หรือว่าจริงๆ แล้วเป็นกลลวงของคุณกันแน่?”
“เธอกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ ฉันอยู่ห้อง 0906!”
“ตอนนี้ฉันก็อยู่หน้าประตูห้อง 0906”
“ซูยุ่น อยู่นี่!”
ขณะที่พูด ประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามในแนวทแยงมุมก็เปิดออก แล้วจ้าวชิงหรานก็เดินออกมาจากข้างใน
ฉันเดินเข้าไปหา: “คุณจ้าว คุณดูเลขห้องได้ชัดเจนมาก!”
เธอมองอยู่ซักพักหนึ่ง: “ขอโทษที เมื่อวานฉันดื่มมากไปหน่อย ตอนนี้ยังไม่ตื่นดี เข้ามาซิ”
พูดเสร็จ ก็หันข้างให้ฉันเดินเข้าไป
ฉันมองจ้าวชิงหรานอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ จึงได้แต่โทษความซวยของตัวเอง
ภายในห้องมีกลิ่นเหล้าจริงๆ ฉันอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จ้าวชิงหรานเรียกให้ฉันนั่งลง
“นั่งซิ ซูยุ่น ฉันอยากเจอเธอมาตลอด แต่ไม่มีโอกาสเหมาะซักที”
ฉันมองไปที่เธอ ไม่อยากอยู่พูดจาไร้สาระ: “คุณจ้าว คุณมาพบฉันด้วยเรื่องของลู่จือสิงใช่มั้ยคะ?”
จ้าวชิงหรานหน้าเปลี่ยนสีทันที แตกต่างจากท่าทีอ่อนโยนแบบเมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้เธอมองฉันอย่างกระด้างกระเดี่ยงมาก : “ในเมื่อเธอพูดตรงขนาดนี้ ฉันก็จะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน”
เธอพูดแล้วก็มองฉันยิ้มๆ: “จือสิงคงจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไปปรากฏตัวในงานฉลองวันเกิดของคุณลุงซินะ?”
ใบหน้าฉันแข็งทื่อ แต่ตีสีหน้าทำเหมือนว่าไม่มีอะไร: “ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่ค่ะ”
จ้าวชิงหรานเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน: “หรือคะ? เธอไม่เข้าใจหรือไม่กล้ายอมรับกันแน่ วันนั้นเธอตั้งใจจะไปขอแต่งงานเพื่อยั่วโมโหคุณลุงลู่ซินะ เธอแต่งงานกับจือสิงก็เพราะคุณลุงลู่ใช่มั้ย”
จ้าวชิงหรานเตรียมการมาจริงๆ ด้วย ฉันขมวดคิ้ว: “คุณคิดจะทำอะไร?”
“เธอยอมรับหรือเปล่า ซูยุ่น ว่าเธอแต่งงานกับจือสิงเพราะมีเจตนาแอบแฝง!”
ฉันรู้สึกขำ: “มีเจตนาแอบแฝงแล้วอย่างไร คุณจ้าวมาพูดเรื่องเหล่านี้ในฐานะอะไรหรือคะ?”
เธอตัวสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ: “ซูยุ่น เธออย่าลำพองไป วันหนึ่งจือสิงจะต้องได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ!”
ฉันรู้สึกตื่นตระหนก แต่ไม่อยากให้เธอได้เห็นด้านที่อ่อนแอ จึงแสร้งทำเป็นใจเย็น: “งั้นรอให้ถึงวันนั้นค่อยมาคุยแล้วกันค่ะ!”
“ต้องทำอย่างไรเธอถึงจะยอมไปจากจือสิง?”
ฉันยืนขึ้นมองเธอจากข้างบนและยิ้มเย็นชาให้: “คุณพูดเองว่าฉันมีเจตนาแอบแฝงไม่ใช่หรือคะ รอให้ฉันได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ แล้วฉันจะไปจากเขาเองค่ะ ส่วนคุณ คุณจ้าว ฉันขอเตือนคุณสักหน่อยนะคะ คำว่ากิ๊กมันน่าขยะแขยงมากค่ะ”
ฉันมาพบจ้าวชิงหรานในวันนี้เดิมทีก็เพื่อให้เธอได้รับรู้ว่า ผู้ชายของฉันไม่ใช่ใครอยากได้ก็จะมาเอาไปได้
ฉันเห็นใบหน้าอันซีดเผือกของจ้าวชิงหรานก็รู้ว่าตัวเองได้บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ฉันเองก็ไม่อยากจะอยู่คุยไร้สาระต่อไปอีก
ก่อนแยกจากฉันได้เตือนสติจ้าวชิงหรานอีกครั้งว่า การตัดสินใจของลู่จือสิงได้แสดงให้เห็นว่าเธอไม่มีโอกาสใดๆ อีกแล้ว
เมื่อได้เห็นสีหน้าอันผิดหวังของจ้าวชิงหรานที่มองมา ฉันก็รู้สึกเหมือนได้ระบายความอัดอั้นใใจนช่วงหลายวันที่ผ่านมาออกไปแล้ว
หลังจากที่จัดการกับศัตรูหัวใจได้แล้ว ฉันก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้แต่ประสิทธิผลของงานก็ยังสูงขึ้นไม่น้อย วันนี้ทำโอทีแค่ครึ่งชั่วโมงก็กลับบ้านได้ ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ
หลังจากไปพบจ้าวชิงหรานมาแล้ว ฉันก็อยากเจอหน้าลู่จือสิงทันที เนื่องจากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ตามสื่อแวดวงธุรกิจล้วนแต่ออกข่าวของเขากับจ้าวชิงหราน ซึ่งทำให้ฉันอึดอัดไม่สบายใจมาก แต่กลับไม่มีที่ให้ตำหนิอะไรได้เลย
ตอนนี้ฉันคือภรรยาตามกฎหมายของลู่จือสิงแล้ว เป็นสถานะที่ไม่มีใครสามารถมาสั่นคลอนได้ ยิ่งไปกว่านั้นลู่จือสิงก็รักฉันด้วย
คิดมาถึงตรงนี้ ฉันก็เกือบจะวิ่งกลับบ้านเองแล้ว
ฉันอยากจะกลับไปกอดลู่จือสิงแล้วบอกเขาว่า แม้เราจะห่างกันแค่วันเดียว แต่ฉันก็คิดถึงเขามาก อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะมีลมฝนระดับพายุเฮอริเคนรอคอยฉันอยู่
“ลู่จือสิง?”
ภายในห้องมืดมาก ฉันนึกว่าลู่จือสิงยังไม่กลับบ้าน แต่พอเดินไปที่โซฟา กลับพบเขากำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น
ฉันหันไปเปิดไฟ พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าลู่จือสิงกำลังมองฉันอย่างอึมครึม: “กลับมาแล้วหรือ?”
“กลับมาแล้วค่ะ” ฉันตกใจกับสายตาของเขาที่มองมา รู้สึกได้ว่าน่าจะมีอะไรเกิดขึ้น จึงเดินเข้าไปหาเพื่อจะถามเขา แต่เขายื่นมือมาดึงฉันให้เข้าไปในอ้อมอกเขา แล้วพลิกตัวมากักตัวฉันไว้
ฉันตระหนักได้ว่ายามนี้ทั้งตัวของลู่จือสิงมีแต่ความเย็นชา สายตาที่มองฉันก็ราวกับน้ำแข็ง: “ซูยุ่น พูดออกมา ทำไมเธอถึงแต่งงานกับฉัน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ฉันก็ตกใจ แต่คิดว่าลู่เว่ยกั๋วไม่น่าจะเอาเรื่องไปบอกลู่จือสิงได้ ใจฉันจึงสงบลง แล้วเงยหน้ามองเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน: “คุณคิดว่าทำไมฉันถึงแต่งงานกับคุณหรือคะ?”
ลู่จือสิงส่งเสียง ฮึ ออกมาอย่างเย็นชา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า ก้มศีรษะลงไปเปิด จากนั้นจึงได้ยินบทสนทนาระหว่างฉันกับจ้าวชิงหรานที่คุยกันเมื่อกลางวันนี้
ฉันลนลานไปชั่วขณะ: “คุณฟังฉันพูดก่อนค่ะลู่จือสิง มันไม่ใช่แบบนั้นจริงๆนะคะ คุณฟังฉันพูดก่อน ฉัน……”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ซูยุ่น คุณหลอกผม หลอกจนเหมือนฉันเป็นคนโง่จริงๆ”
ขณะที่พูดเขาก็ปล่อยมือ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป
ฉันรีบลุกขึ้นไปดึงเขาไว้: “ลู่จือสิง คุณฟังฉันนะคะ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยค่ะ!”
ฉันกังวลใจจนร้องไห้ออกมา แต่เขากำลังโกรธมาก ไม่คิดจะฟังสิ่งที่ฉันพูดแล้วเอามือสะบัดฉันออก
“อ๊ะ…..”
ไม่คิดว่าเขาจะมีแรงมากขนาดนี้ เขาสะบัดตัวฉันไปโดนโต๊ะน้ำชา เอวกระแทกกับหน้าโต๊ะ ฉันเจ็บจนชาไปทั้งตัว
ลู่จือสิงหันกลับมามองฉัน ขมวดคิ้วราวกับลังเลใจว่าจะกลับมาช่วยพยุงฉันหรือไม่
ฉันใช้โอกาสนี้รีบเอ่ยปากออกไป: “ฉันเจ็บ ลู่จือสิง ฉันเจ็บมากเลยค่ะ!”
เขาไม่เดินต่อแล้ว แต่ก็ยังไม่ขยับตัว จากนั้นก็มองฉันจากด้านบนลงมา สายตามีแววประชดประชันและเยาะเย้ย: “ซูยุ่น หยุดเสแสร้งได้แล้ว ผมพูดจริงๆ คุณไม่ได้เล่นละครตบตามาครั้งสองครั้งแล้ว ทุกครั้งผมบอกกับตัวเองว่าบางทีครั้งนี้มันอาจจะจริงก็ได้ แต่ทุกๆครั้ง คุณแสดงได้ยอดเยี่ยมมาก ทุกครั้งล้วน………”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา จากความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ กลายมาเป็นความโกรธ ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยเชื่อฉันเลย!
ฉันพูดขัดจังหวะเขา: “ทุกครั้งคุณก็ไม่เคยเชื่อฉัน!”
ฉันอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วยืนขึ้น ตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า: “ลู่จือสิงคะ มีครั้งไหนที่คุณเคยเชื่อฉันบ้าง คุณรักฉันมั้ยคะ? ถ้าคุณรักฉัน ทำไมคุณถึงไม่เคยเชื่อฉันเลย ครั้งก่อนเรื่องของลูกก็เป็นแบบนี้ ครั้งนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อีก คุณคิดว่าตัวคุณเองถูกเสมอ! ถ้าฉันไม่รักคุณ คุณคิดว่าฉันแต่งงานกับคุณเพื่อความสนุกสนานอย่างนั้นหรือคะ?!”
น้ำตาไหลไม่หยุด ฉันยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนรักกันก็คือความไว้เนื้อเชื่อใจ แต่สิ่งนี้ราวกับไม่เคยมีอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับลู่จือสิงเลย
เขามองฉันด้วยใบหน้าแข็งทื่อ: “งั้นคุณบอกฉันมาซิว่านี่คืออะไร ซูยุ่น นี่เป็นสิ่งที่คุณยอมรับด้วยคำพูดของคุณเองเลยนะ!”
ฉันยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา แล้วมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย: “ใช่ค่ะ ฉันยอมรับด้วยคำพูดของฉันเอง แต่ฉันยอมรับหรือคะว่าฉันไม่ได้รักคุณ? ถึงฉันจะมีเจตนาแอบแฝงแล้วทำไมล่ะคะ ตอนที่ฉันเข้าหาคุณครั้งแรก ฉันต้องการล่อลวงคุณก็เพื่อแก้แค้นหยาวตันตันและถันฮ่าวอวี่ คุณก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ?”
แม้ว่าเรื่องจะมาถึงจุดนี้แล้วก็ตาม แต่ฉันก็ยังไม่คิดจะบอกให้เขารู้ในสิ่งที่คุณพ่อของเขาเคยกระทำ
ฉันคิดว่านี่คือความดื้อรั้นที่จะรักใครสักคน เห็นๆ อยู่ว่าเพื่อให้ทุกคนมีความสุข แต่ก็ยังอยากจะแบกรับเอาไว้กับตัวเองให้มากสักหน่อย
ความสัมพันธ์ของเขากับคุณพ่อเขาก็แย่อยู่แล้ว ฉันไม่อยากให้มันเลวร้ายลงไปอีกเพราะเรื่องนี้
ใบหน้าของลู่จือสิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังลังเลใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อฉันดี ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนอนน้อยผู้น่าสงสาร เขายอมเชื่อจ้าวชิงหราน แต่ไม่ยอมเชื่อฉัน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว
“เสียงท่อนนี้เป็นการบันทึกอย่างลับๆ ในช่วงที่ฉันไปพบกับจ้าวชิงหรานมาวันนี้ และข่าวของพวกคุณสองคนที่กระพือไปทั่วในช่วงที่ผ่านมาก็เช่นกัน ฉันอยากจะบอกว่า ฉันขอพูดแบบเร็วๆ แล้วกันว่า เพื่อสนองตอบความฟุ้งเฟ้อของฉันเอง ถ้าหากคุณสงสัยว่าฉันวางแผนจับคุณแต่งงานก็เพราะเหตุผลนี้ล่ะก็ ก็ดี ฉันจะบอกคุณว่า………..”
ฉันพูดแล้วก็เดินมาข้างหน้า จากนั้นก็ดึงคอเสื้อของเขาลงมา: “ฉันวางแผนเองค่ะ!”
เขาคงไม่คาดคิดว่าฉันจะพูดออกไปแบบนี้ เขาเรียกชื่อฉันอย่างเลื่อนลอย: “ซูยุ่น………”
ฉันปล่อยมือ มองเขา จากนั้นก็ร้องไห้ไปด้วยยิ้มไปด้วย: “คุณคงคิดว่าฉันเสแสร้งอยู่ใช่มั้ยคะ? งั้นก็ดี ตอนนี้ฉันไม่เสแสร้งแล้ว ฉันไม่อยากเสแสร้งแล้วค่ะ! คุณไปอยู่กับคนไม่เสแสร้งอย่างจ้าวชิงหรานเถอะค่ะ!”
พูดเสร็จ ฉันก็วิ่งผ่านตัวเขาออกไป วิ่งไปร้องไห้ไปตลอดทาง ฉันรู้สึกเจ็บที่ใจเหมือมีคนเอาเข็มเงินนับพันเล่มมาแทงใส่ เขาสงสัยอะไรก็ได้ แต่ทำไมเขาต้องสงสัยในความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขาด้วย?
MANGA DISCUSSION