ฉันลาหยุดเพียงแค่สามวัน บริษัทจะไล่ฉันออก!
ฉันยอมรับคำตัดสินนี้ไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงวางสายและตรงไปยังบริษัทเพื่อขอความยุติธรรม
ทันทีที่ฉันมาถึงบริษัท ฉันได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดถึงฉัน มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่สนิทกันบอกฉันว่าเป็นเพราะว่าเมื่อวานมีภาพถ่ายของฉันและลู่จือสิงปรากฏบนอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นผลกระทบต่อชื่อเสียงบริษัทเป็นอย่างมาก
ฉันไม่รู้เรื่องราวนี้เลย เมื่อฉันหยิบโทรศัพท์ออกมา ฉันก็พบว่ารูปภาพนั้นถูกลบไปแล้ว ทุกอย่างเกี่ยวกับลู่จือสิงและฉันถูกลบออกไปจากโลกออนไลน์หมดแล้ว
ฉันขอบคุณเพื่อนร่วมงานและเดินเข้าไปหาผู้จัดการเพื่อพูดคุยกับเขาเรื่องที่จะไล่ฉันออก
ผู้จัดการเหลือบมองฉันและยื่นแบบฟอร์มการลาออกให้ฉัน "ซูยุ่น เรื่องต่างๆบนอินเทอร์เน็ตได้สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงบริษัทเป็นอย่างมาก เธอกรอกใบลาออกนี้เถอะ"
ฉันไม่เต็มใจและพูดขอความยุติธรรมแก่ตัวเอง "ผู้จัดการ ในเรื่องนี้นั้นฉันเองก็ตกเป็นเหยื่อ!"
“พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว คืนวันนั้นเสี่ยวหลินบอกว่าเห็นเธอออกไปกับประธานลู่”
เมื่อได้ยินผู้จัดการพูดเช่นนี้ฉันเองก็หน้าซีด ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถโต้แย้งได้อีกต่อไปจึงยื่นมือออกไปและกรอกแบบฟอร์มนั้่น
ทันทีที่ฉันกรอกเสร็จ ผู้จัดการก็ขอให้ฉันเก็บของและออกไป
ฉันไม่คาดคิดว่าภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ชีวิตของฉันก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้เช่นนี้
ฉันกำลังยืนถือของที่ขนออกมาจากบริษัท รออยู่ข้างถนนเตรียมจะเรียกแท็กซี่เพื่อที่จะกลับบ้าน แต่คาดไม่ถึงว่าจู่ๆจะมีรถคันหนึ่งหยุดลงต่อหน้าฉันอย่างกะทันหัน
"ขอโทษด้วย ไม่ทราบว่าใช่คุณซูยุ่นหรือเปล่า?"
ผู้ชายใส่แว่นเดินออกมาจากรถแล้วถามฉัน
ฉันพยักหน้า “ฉันเอง แล้วคุณคือใคร?”
"ผมชื่อหลี่จื้อ เป็นผู้ช่วยของประธานลู่ ประธานลู่อยากพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องรูปภาพนั้น รบกวนคุณซูไปกับผมด้วย"
ฉันเองก็อยากถามลู่จือสิงเกี่ยวกับรูปภาพนั้นอยู่พอดี ฉันจึงไม่ปฏิเสธและเดินตามเขาไปขึ้นรถ
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น หลี่จื้อก็ได้พาฉันมายังคฤหาสน์
ลู่จือสิงเดินลงมาจากชั้นบน สีหน้าของเขายังคงเย็นชาและนิ่งสงบ "ซูยุ่น คุณน่าจะรู้ว่าผมเรียกคุณมาเพราะอะไร"
"ประธานลู่หมายความว่าอะไร? คุณคิดว่ารูปภาพเหล่านั้นฉันเป็นคนเผยแพร่ออกไปงั้นเหรอ?"
เขามองมาที่ฉันและหัวเราะเยาะ "คำพูดเหล่านั้นไม่ใช่ผมเหรอที่ควรถามคุณ? วางยาผม ล่อลวงผม ยั่วยวนผมแล้วยังถ่ายรูปพวกนั้นอีก…"
เขาพูดและนิ่งไปจากนั้นก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า "ซูยุ่น ใครให้ให้คุณมาทำอย่างนี้?"
ฉันตกตะลึงกับความโกรธของเขาและนิ่งไปชั่วครู่ หลังจากได้สติฉันก็รีบปฏิเสธ "ไม่ใช่ฉัน! ฉันเองก็ตกเป็นเหยื่อ!"
"เฮอะ ท่าทางของคุณในคืนนั้นไม่เหมือนเหยื่อเลย!"
คำพูดของเขาทำให้ฉันอึดอัดใจมาก แต่ฉันรู้ ความเข้าใจผิดนี้หากไม่อธิบายให้ชัดเจนอย่างไรก็ตามลู่จือสิงก็ไม่มีทางปล่อยฉันแน่
"ไม่ใช่ฉันจริงๆ ลู่จือสิง ฉันยอมรับว่าฉันพยายามล่อลวงและยั่วยวนคุณ แต่เรื่องวางยาและก็เรื่องรูปนั่น ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนทำ ฉันมีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำแบบนั้นล่ะ?"
“แน่นอนว่าเธอมีเหตุผล! แฟนของเธอถูกหยาวตันตันแย่งมาดังนั้นเธอจึงโกรธและคิดจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น นี่เป็นเหตุผลได้ไม่ใช่เหรอ?”
เขาพูดเน้นย้ำทีละคำอย่างเย็นชา
แต่ฉันกลับแทบจะล้มทั้งยืน "ฉันเปล่า ฉันเองก็ไม่ใช่คนโง่ ฉันแก้แค้นคุณไปก็ไม่ได้มีผลกระทบถึงพวกเขาเลย! หากว่าฉันต้องการจะแก้แค้นพวกเขา ฉันก็ควรที่จะยั่วยวนและหลอกล่อคุณ และหลังจากนั้นก็แต่งงานกับคุณ แล้วไปเป็นป้าสะใภ้ของหยาวตันตันไม่ใช่เหรอ?"
“ดังนั้นคุณหลอกล่อและยั่วยวนผมเพื่อจะแต่งงานกับผมงั้นเหรอ?”
"ใช่ ไม่งั้นคุณคิดว่าฉันเป็นคนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวเหรอ?"
"ที่แท้คุณก็มีแผน"
คิ้วของเขาขมวดในทันที สีหน้าของเขาเหมือนกับกำลังครุ่นคิด
ฉันนิ่งไปชั่วขณะมองไปยังเส้นเลือดบนหน้าผากของเขา และสุดท้ายฉันก็อดไม่ได้ที่จะถามเขา "คุณเป็นอะไรไป?"
MANGA DISCUSSION