ฉันกับฉีซิ่วหรานเป็นเพื่อนกัน ฉันรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยที่ต้องขอให้แม่ของเขาช่วยดูแลเป้ยเปย
แต่ฉีซิ่วหรานดื้นด้าน จนฉันไม่สามารถปฏิเสธได้
วันที่สอง แม่ของฉีซิ่วหรานก็มาถึง ซึ่งแตกต่างจากที่ฉันคิดไว้เล็กน้อย
“ สวัสดีค่ะคุณซู”
แม่ของฉีซิ่งหรานมาตั้งแต่เช้า เธอดูแลตัวเองได้ดีมากและแต่งตัวตามแฟชั่น ฉันดูไม่ออกเลยว่าแม่ของเขาอายุเกือบ 60 แล้ว
ฉันมีความเกรงใจเล็กน้อยกับผู้อาวุโส แต่แม่ของฉีซิ่วหรานเป็นกันเองมากจนฉันรู้สึกไม่อึดอัดเลยสักนิด :“ ซิ่วหรานชอบพูดว่าเขารู้จักแม่สาวสวยคนหนึ่ง ฉันหวังว่าจะได้พบกันสักครั้ง สวยจนฉันอยากจะฉุดเอาไปเป็นลูกสะใภ้เลยนะเนี่ย ”
“เอ่อๆ !! คุณป้าเชิญเข้ามาก่อนค่ะ”
ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อถูกชม ฉันจึงทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุยกัน
“หนูเป้ยเปยอยู่ไหนล่ะ ก่อนหน้านี้ฉันอยากมาเจอหลายครั้งแล้ว ครั้งก่อนซิ่วหรานบอกว่ากลัวว่ามันจะทำให้คุณตกใจ ตอนนี้ฉันจะได้เจอเป๋ยเปยแล้ว ฉันต้องขอไปหาเป๋ยเปยก่อนนะ”
นิยสัยของฉีซิ่วหรานและแม่ของเขาแตกต่างกันมาก
“ โทษทีนะ แม่ฉันพูดมากไปหน่อย”
แม่ของฉีซิ่วหรานยกมือขึ้นตบฉีซิ่วหรานเบาๆ: “เฮ้ย พ่อหนุ่ม พูดให้ดีหน่อย ฉันละไม่แปลกใจที่คุณซูเขาไม่มองเธอเลย สมน้ำหน้า!”
ฉันไม่คิดว่าเรื่องที่เขาตามจีบฉัน แม่ของเขาก็รู้
แม่ของเขาพูดตรงจนฉันรู้สึกไม่อึดอัดใจเลย
เมื่อได้ยินแม่ซิ่วหรานพูดถึงเป้ยเปย ฉันก็รีบพาแม่ของฉีซิ่วหรานเข้าไปในห้อง: “เป้ยเปยยังไม่ตื่น เขานอนได้นานมาก”
“เด็กน้อยก็เป็นแบบนี้แหละ การนอนคือความสุข ทำไมน่ารักอย่างนี้”
พูดตามตรงแม่ของฉีซิ่วหรานน่ารักจนฉันคาดไม่ถึงเลย
ฉันรู้สึกเกรงใจเล็กน้อยที่ให้แม่ของเขามาช่วยดูแลเป้ยเปย แต่เมื่อเป้ยเปยตื่นขึ้นมาแม่ซิ่วหรานก็อุ้มเป้ยเปยขึ้นเหมือนลูกของตนเอง
เป้ยเปยที่ไม่รู้จักแม่ของฉีซิ่วหราน แต่เธอก็หัวเราะและเล่นกับแม่ของฉีซิ่งหราน
“เธอยังกังวลเรื่องเป้ยเปยอยู่ไหม”
ฉันยืนดูที่ข้างประตูจากนั้นฉีซิ่วหนานก็ยื้นน้ำให้ฉัน
ฉันเอื้อมมือรับพร้อมกับบอกเขาว่า: “ขอบคุณนะ แม่เธอดูชอบเป้ยเปยมากเลย ”
ฉีซิ่วหรานผู้ซึ่งไม่มีสีหน้ามาตลอดคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยิ้มให้ฉัน”ใช่”
เขามองมาที่ฉัน พร้อมส่งสายตาพิฆาตจนฉันต่อต้านไม่ไหว ฉันจึงต้องหลบสายตาเขา: “ตอนบ่ายเราขึ้นเครื่องกี่โมงเหรอ?”
“บ่ายสามโมงกว่า”
ฉันพยักหน้า“ งั้นฉันขอตัวไปที่ห้องหาแหวนอีกครั้งหนึ่งนะ”
ถึงแม้ว่าฉันจะหามาหลายครั้งแล้ว แต่ลู่จือสิงเขาบอกว่าแหวนอยู่ที่ฉัน แค่ฉันมันหามันไม่เจอเท่านั้น
สร้อยคอและแหวนเรื่องนี้ทำให้ฉันต้องเจอกับลู่จือสิงเป็นครั้งที่สอง และฉันขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอลู่จือชิงอีก ฉันหาทั้งบ้านแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ
หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ ฉีซิ่วหรานและฉันก็ไปที่สนามบิน จากนั้นคนขับรถบ้านฉีซิ่วหรานก็มารับแม่ซิ่วหรานกับเป้ยเปยกลับไป แม่ซิ่วหรานอุ้มเป้ยเปยจนหลับไป เป้ยเปยไม่รู้ว่าแม่ของตนเองกำลังจะไปทำสงคราม
แต่เพื่อเป้ยเปย ฉันต้องไป
ไม่ใช่ว่าฉันหลงตัวเอง ลู่จือสิงทำให้ฉันอับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าฉันไม่ไปเมื่องA ไม่รู้เขาอาจมาหาฉันที่เมืองDก็ได้
เมื่อเขามา ก็จะซ่อนเป้ยเปยไม่ได้แน่นอน
“คุณต้องการนอนไหม?”
เมื่อฉันได้ยินคำพูดของฉีซิ่วหราน ฉันพยักหน้าและเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มที่เขายื่นมา: “ขอบคุณ”
ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะครั้งนี้ฉันไม่ได้ไปคนเดียวหรือเปล่า ฉันจึงไม่รู้สึกกังวลเหมือนครั้งที่แล้วเลย
เครื่่องบินลงจอดที่เมือง A ประมาณเวลา 6 โมงเย็น เมือง A ในเดือนพฤศจิกายนยังไม่หนาวมาก ตอน 6 โมงเย็นดวงอาทิตย์กำลังเอียงลงไป และมีเมฆแสงสีแดงจำนวนมาก
ครั้งหนึ่งฉันเคยคิดว่าฉันจะไม่กลับมาที่เมืองนี้อีก แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะกลับมาอีกสองครั้งในเดือนอันสั้นนี้
“ระวัง”
มีความอบอุ่นที่ไหล่ของฉันอย่างกะทันหัน ฉีซิ่วหรานดึงฉันเข้าหาเขา เมื่อเงยหน้าขึ้น ฉันก็พบว่าเมื่อกี้ฉันเกือบจะชนคนตรงหน้าแล้ว
“ขอบคุณนะ”
ฉันไม่กล้าคิดถึงเรื่องวุ่นวายอีกต่อไป และเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
มาครั้งนี้ฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชวี่ชิงหนานเพราะครั้งที่แล้วชวี่ชิงหนานบอกว่าจะช่วยจัดการเรื่องนี้ให้
ฉันรู้นิสัยของลู่จื้อชิงดี เขาบอกให้ฉันไป ถ้าฉันคิดว่าฉันไม่ไป เขาจะคิดแผนชั่วๆอะไรอีก
พอมาถึงเมือง Aก็ดึกแล้ว ฉีซิ่วหรานและฉันเลยไปทานอาหารเย็น จากนั้นฉันพาเขาไปเดินเล่นรอบโรงแรมแล้วครู่หนึ่ง
พอกลับมาที่โรงแรมแม่ของฉีซิ่วหรานก็วิดีโอคอลมา ส่วนเป้ยเปยก็งอแงตีโทรศัพท์ไม่หยุด ฉันเห็นแล้วรู้สึกเศร้าใจ
เป้ยเปยคิดถึงแม่ของเธอ และฉันก็คิดถึงเป้ยเปยเช่นกัน
“ซูยุ่น เราจะกลับไปเร็ว ๆ นี้”
ฉันกำลังรู้สึกเศร้าใจ จู่ๆฉีซิ่วหรานพูดขึ้นมา
ฉันเงยหน้ามองเขา ทำไมฟ้าไม่ให้ฉันเจอเขาเป็นคนแรก?
ฉันได้นัดหมายกับทนายความของลู่จือสิงเรียบร้อยแล้ว เราจะพบกันในพรุ่งนี้เวลาบ่าย 3 โมง
ฉันหาแหวนไม่เจอและฉันไม่รู้ว่าแหวนนี้มีราคาเท่าไหร่ ดังนั้นฉันจึงเอาเงินตอนที่ลู่จือสิงเอาให้ฉันตอนหย่าร้างใส่เข้าในธนาคารและพบการ์ดมาด้วย
ฉันไม่เชื่อว่าเงินหลายสิบล้านยังไม่พอที่ฉันจะคืนแหวน1วง
ฉันเตรียมค่าเสียหายแล้ว เขาจะได้ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
“ซูยุ่น ไม่ต้องกังวลผมอยู่ข้างๆคุณ”
เพิ่งออกมาจากโรงแรม ฉันก็เกือบจะล้ม
ฉีซิ่งหรานจับมือของฉันและขมวดคิ้ว: “มือของคุณเย็นมากเลยนะ”
เขารีบปล่อยมือฉัน แต่ฉันกลับเขิน “ไม่เป็นไรเดี๋ยว ฉันซุกเข้าในกระเป๋าก็ดีขึ้นแล้ว”
นี่แค่ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงแต่มือของฉันเย็นมาก
ฉันรู้ว่าฉันกลัว
ฉันรู้สึกลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ภายใต้มือของลู่จือสิง ฉันเสียเปรียบตลอดเลย
ฉีซิ่วหรานไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่เปิดประตูให้ฉันเข้าไป ฉันกล่าวขอบคุณและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ไม่รู้ว่าคราวนี้ลู่จือสิงจะเล่นอะไรในครั้งนี้
เมื่อเรามาถึงร้านกาแฟที่นัดไว้เป็นเวลา2:50 แต่ฉันกับฉีซิ่วหรานมาก่อนเวลาสิบนาที
ระหว่างที่รอลู่จือสิงมา ฉันเลยสั่งลาเต้ไปสองแก้ว ฉันนั่งรอลู่จือสิง อยู่กับฉีซิ่งหรานอย่างเงียบสงบ
“คุณซูครับ”
ผ่านไปห้านาทีลู่จือสิงก็มาถึง ครั้งนี้เขามากับทนายความคนหนึง แต่เฉินฮวนเหยียนไม่ได้มา
ทันทีที่ฉันมองขึ้นไปฉันก็พบกับดวงตาสีเข้มของลู่จือสิง
เขามองมาที่ฉัน ยิ้มมุมปาก แล้วพูดกับฉันว่า : “คุณนี้เปลี่ยนผู้ชายเร็วนะ คราวที่แล้วยังเป็นรองประทานชวี่ ครั้งนี้สุภาพบุรุษคนนี้ไม่รู้ว่าเป็นใครกัน”
MANGA DISCUSSION