หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 60
ภาพเงาอันหล่อเหลาครึ่งตัวภายใต้แสงสว่าง ขายาวของเขาไขว้ซ้อนทับกันบ่งบอกถึงความเกียจคร้านและการปล่อยตัวสบายๆ แต่ทั่วทั้งตัวกลับแผ่รังสีที่ทำให้ผู้คนรู้สึกกลัว
กู้ไห่บีบข้อมือเธอ ทั้งที่เธออยากจะสลัดให้หลุดและเดินหนีไป เขาเอ่ยอย่างระมัดระวัง: “ท่านประธานเสิ่น ขอโทษที่รบกวนคุณนะครับ พอดีสาวน้อยคนนี้บอกว่าเวียนหัว อยากจะหาที่เงียบๆ สักที่
พักสักหน่อย ไม่ทราบว่าประธานเสิ่นจะว่าอะไรไหมถ้าเธอนั่งตรงนี้สักครู่?”
ชายหนุ่มไม่ได้เงยหน้ามอง เขาชอบอยู่แบบเงียบสงบ เพิกเฉยต่อเสียงดังทุกเสียงอย่างสิ้นเชิง เพียงเลิกคิ้วและจ้องมองไปที่แก้วไวน์เปล่าบนโต๊ะกระจกเตี้ย
กู้สวงส่วงรู้สึกอับอายจึงมองไปที่หน้ากู้ไห่
แต่กู้ไห่กลับผลักเธอไปข้างหน้า “สวงส่วง ยังไม่รินไวน์ให้ประธานเสิ่นอีก”
ด้านหลังของโซฟายุโรป บังเอิญมีบริกรเดินถือถาดผ่านมาพอดี ข้างบนมีไวน์ แชมเปญและของหวานวางอยู่
ในตอนนี้กู้สวงส่วงไม่อาจนิ่งเฉยได้
จึงหยิบขวดไวน์และรินให้เขา นิ้วของเธอสั่นเล็กน้อย
สายตาของชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่ได้มองเธอ มันเรียบนิ่งและไม่รู้ว่าไปตกอยู่ที่ใด
เขาไม่ได้ดื่มและไม่ได้สนใจเธอเลย กู้สวงส่วงยังคงอายอยู่อย่างเงียบๆ
บรรยากาศช่างน่าอึดอัดใจ จนในที่สุดเธอก็ทนต่อไปไม่ไหว
“…….ประธานเสิ่น ขออนุญาตนะคะ"
เธอลุกจากโซฟาอย่างร้อนรน
เมื่อเสิ่นมั่วเฉิงได้ยินคำว่า ‘ประธานเสิ่น’ ประโยคนี้สร้างความไม่คุ้นเคยและความเหินห่าง ชายหนุ่มละสายตามามองวนรอบตัวเธอ เหลือไว้เพียงความอึดอัดใจ
กู้สวงส่วงคิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า นิ้วเรียวยาวและขาวนั้นจะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาอย่างสง่างามและค่อยๆ ละเมียดละไมในการจิบไวน์
แววตาของกู้ไห่เป็นประกาย
เขากดเธอนั่งลง “สวงส่วง ดูแลประธานเสิ่นดีๆ นะ”
กู้สวงส่วงตาลุกวาวมองกู้ไห่ที่เร่งรีบออกไป
“…….”
เหลือไว้เพียงสองคน
เดิมมุมที่เงียบสงบนั้น ดูเหมือนอากาศจะหยุดนิ่งไปแล้ว
มีเพียงเสียงลื่นไหลของลูกกระเดือกอันเซ็กซี่ในยามที่ชายหนุ่มจิบไวน์อย่างช้าๆ
กู้สวงส่วงไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอย่างไร
เธอนั่งตรงข้ามกับเสี่ยวเอ๋อร์ซึ่งเป็นคนที่เธอคุ้นเคย รู้จักกันมาสี่เดือนแล้ว เขาและเธอเคยสนิทกันจนเกิดความใกล้ชิดสนิทสนมกัน….
แต่ตอนนี้ เธอเงยหน้าลอบมองเขาอีกครั้ง หากไม่มีอะไรไม่เหมือนเดิม
เธอเห็นอักษรตัวใหญ่ๆ เปล่งประกาย ‘ประธานกลุ่มบริษัทเซิ่งซื่อ’ ทั้งหกตัวอยู่บนตัวเขา แถมยังมีออร่าอันสูงส่งที่ไม่อาจเอื้อมได้
อยู่ต่อหน้าเขาอย่างนี้ เหมือนเธอจะพูดอะไรไม่ออก
ทันทีที่เห็นว่าของเหลวในแก้วไวน์หมด กู้สวงส่วงก็พบสิ่งที่ต้องทำนั่นคือการรินไวน์ให้กับเขา
ชายหนุ่มนั่งไขว่ห้าง จุดบุหรี่และจ้องมาที่เธอ
สายตาของกู้สวงส่วงเหลือบมองไปในอากาศและมองสิ่งที่เขายื่นมาให้ ของเหลวที่รินออกมาจากขวดไวน์ในมือก็เอียงตาม
เสิ่นมั่วเฉิงกวาดตามองคราบไวน์ที่ไหลออกมาและนิ้วเรียวขาวของเธอ ริมฝีปากบางสูบบุหรี่อย่างเหนื่อยหน่าย และอยู่ๆ เขาก็เอนตัวมาข้างหน้าแล้วพ่นลงบนหน้าเธอ
กู้สวงส่วงสำลักและปัดควันสีขาวออกไปด้วยความโมโห เขาลุกขึ้นยืน
เดินจากไป หากยังคงไม่มองเธอสักนิด
ความรู้สึกอึดอัดที่อธิบายไม่ได้ยังคงไม่หายไป กู้สวงส่วงทรุดตัวลงบนโซฟา
อดไม่ได้ที่จะมองตาม เธอเห็นเขายืนล้วงกระเป๋าด้วยมือข้างเดียว อยู่ตรงประตูห้องจัดเลี้ยงล้อมรอบด้วยกู้ไห่และเหล่าบรรดาหัวหน้าทั้งหลาย
ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกัน บรรดาหัวหน้าต่างแย่งกันพูด ใบหน้าของเขาเรียบนิ่ง ในบางครั้งก็พยักหน้าอย่างภูมิฐาน ซึ่งยิ่งทำให้แววตาของกู้ไห่เป็นประกาย
อยู่ๆ เขาก็เหลือบตามามองเธอ
กู้สวงส่วงจึงรีบหันหน้ากลับมา เตรียมจะเดินหนีไปแต่กู้ไห่กลับเรียกเธอไว้ เรียกเธอติดต่อกันถึงสามครั้งจนเธอแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้อีกต่อไป
เธอเดินเข้าไปอย่างจำใจ
“สวงส่วง ไปส่งประธานเสิ่นแทนพ่อทีสิ”
รอยยิ้มส่งแขกของกู้สวงส่วงค้างอยู่บนใบหน้า: “พ่อคะ หนูเพิ่งจะได้ใบขับขี่มานะ ไม่เคยขับบนถนนเลย กลัวว่าจะไปส่งประธานเสิ่นไม่ถึงที่
“…….” กู้ไห่ถลึงตาดุใส่
กู้สวงส่วงลอบมองไปยังชายหนุ่มคนนั้น เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ราวกับว่าไม่ได้สนใจว่าใครจะไปส่งเขา
แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
สุดท้าย——
กู้สวงส่วงสวมชุดราตรีกระโปรงยาวสีขาวเกาะอก ยืนอยู่ตรงบันไดของโรงแรมที่อยู่ท่ามกลางหิมะขาวโพลน
กัดฟันกรอดจนตัวสั่นเทา
ความอบอุ่นตกลงบนไหล่ด้วยเสื้อคลุมสีดำของชายหนุ่ม มันปกคลุมอยู่บนไหล่เธอราวกับปีกนกที่หนักอึ้งและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขา
กู้สวงส่วงหันหน้ามอง เขายืนอยู่ข้างๆ เธอสูงหนึ่งร้อยหกสิบหกเซนติเมตร สวมรองเท้าส้นสูงหกเซนติเมตร แต่ยังคงเตี้ยและสูงได้เพียงสันกรามของเขา
ในสายตาของเสิ่นมั่วเฉิง เธอทั้งอ้อนแอ้นและน่ารัก ตอนนี้เธอกล้าแอบมองเขา เหมือนหนูตัวเล็กที่โผล่หัวออกมาจากรูเป็นระยะๆ พอเจอกับสายตาเขาก็รีบหดกลับไป
พนักงานรับรถขับรถเข้ามา
ใบหน้าของกู้สวงส่วงก็หมองลงทันที
ซึ่งเบนท์ลีย์คันนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือรถที่เธอเช่ามา ถือโอกาสตบหน้าเธอเงียบๆ ได้อย่างง่ายดาย
เสิ่นมั่วเฉิงจ้องมองเธอเป็นพิเศษ กวาดตามองใบหน้าเล็กสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากบางๆ เขาก้าวยาวๆ ลงบันไดและเข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับของรถเบนท์ลีย์
พนักงานรับรถเดินเข้ามายื่นกุญแจรถให้กู้สวงส่วง
เธอเบรครถทุกครั้งที่เหยียบคันเร่งงั้นเหรอ?
ดีที่เป็นคืนหิมะตก รถบนท้องถนนจึงไม่ได้เคลื่อนที่เร็วนัก เธอคลานเป็นเต่าอยู่ในนั้นก็เลยไม่ได้ถูกไล่บี้
แต่มีบางอย่างผิดพลาดระหว่างทาง เลนถนนที่ไม่ควรเปลี่ยนก็เปลี่ยน ตำรวจจราจรจึงรีบบีบแตรทันที
กู้สวงส่วงหยุดรถด้วยความตกใจและหัวใจตะโกนออกมาว่าซวยแล้ว
ชายหนุ่มที่นั่งข้างคนขับเอานิ้วนวดหว่างคิ้วอยู่ตลอด ลดกระจกลงอย่างใจเย็น ตำรวจจราจรเดินเข้ามาก้มหน้ามองดูแต่ยังไม่พูดอะไร ใบหน้าที่เคร่งขรึมพลันเปลี่ยนเป็นสุภาพทันที เขามองและทำความเคารพเสิ่นมั่วเฉิง ยิ้มและเดินจากไป
กู้สวงส่วง: “…….”
ตะลึงงัน
สายตาแอบลอบมองไปยังเขา เขาขมวดคิ้วและจุดบุหรี่ ดื่มเหล้า ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อยจึงไม่แตกตื่น เห็นเธอตกใจนิ่งเงียบไป นิ้วเรียวยาวจึงเคาะไปที่พวงมาลัย
กู้สวงส่วงรีบสตาร์ทรถทันที
พระเจ้า เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทำไมตำรวจถึงได้ทำความเคารพเขา?
เสี่ยวซวงพูดถูก เธอคงตาบอดเองที่มองไม่เห็นถึงสถานะจริงๆ เลยคิดว่าเขาจะเป็นหนุ่มบาร์โฮส……
ช้ามากจนกินเวลาเป็นชั่วโมง ในที่สุดก็จอดรถตรงลานกว้างของตึกระฟ้าบริษัทเซิ่งซื่ออย่างราบรื่น
กู้สวงส่วงกำมือจนเหงื่อออก ทำใจอยู่นานกว่าจะค่อยๆ เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “……เสิ่น ประธานเสิ่น”
เสิ่นมั่วเฉิงฟังการทักทายของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาก็อึมครึมทันที
ไม่รอฟังเธอเอ่ยคำใดๆ เขาเปิดประตูรถและลงรถไปเลย
กู้สวงส่วงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้อารมณ์เสียอีกครั้ง เธอรีบตามลงไปเพื่อเอาเสื้อคลุมและกุญแจรถให้เขา แต่ขายาวๆ ของชายหนุ่มกลับรวดเร็วและมั่นคง ขึ้นบันไดเข้าไปในตัวอาคารแล้ว
เห็นแผ่นหลังร่างสูงกำลังจะหายลับไป กู้สวงส่วงไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเดินตามขึ้นไป
สี่ทุ่มแล้ว พนักงานก็เลิกงาน ตึกสูงหกสิบหกชั้น ความเงียบสงัดทำให้ได้ยินเสียงสะท้อนกลับในเวลาเดิน
พนักงานรักษาความปลอดภัยส่วนหน้าเห็นคนเดินมาจึงรีบยืนขึ้น “ประธานเสิ่น”
ชายหนุ่มไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ เพียงพยักหน้าให้เล็กน้อย
กู้สวงส่วงได้เห็นภาพลักษณ์ทั้งหมดของBOSSใหญ่ที่สุขุมและเยือกเย็นตั้งแต่ต้นจนกระทั่งเดินถึงบริเวณลิฟต์
เธอเห็นลิฟต์ทั้งหมดสิบสองตัวทั้งสองข้าง ด้านในสุดมีป้ายระบุว่า ‘ใช้เฉพาะประธานบริษัท’
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะสูงมากขนาดนี้
ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาป้อนรหัสผ่านแล้วประตูลิฟต์ทั้งสองข้างก็เปิดออก
กู้สวงส่วงรีบใช้มือทั้งสองข้างดันออก “กุญแจรถและเสื้อคลุมคุณค่ะ——”
ฉับพลันก็มีลมหนาวอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มยืนคิ้วขมวดล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างอยู่ในลิฟต์รอเธอเงยหน้าขึ้นมา
ประตูลิฟต์ไม่ได้ปิดลง
หากต่างฝ่ายต่างยืนนิ่งไม่พูดอะไร….