หวานใจคุณชายเสิ่น - ตอนที่ 52
จนที่สุดเดินออกจากโรงพยาบาลและรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ กู้สวงส่วงรู้สึกตัวเองประมาทไปชั่วขณะ
แต่นิ้วก้อยในมือขวาของเธอถูกมือน้อยนั้นจับไว้แน่น
เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ไม่ค่อยเห็นโลกภายนอก
ดวงตากลมโตเป็นประกาย เขาจ้องไปที่รถบัสแล้วก็จ้องมองที่ท้องถนน ต่อมาบรรยากาศก็เริ่มคึกคักผู้คนเดินไปเดินมา เขามองดูด้วยความตื่นตาตื่นใจ อย่างกับไม่เคยเห็นมาก่อน
กู้สวงส่วงส่งข้อความถึงลู่เฮ่าเซวียนว่าเธอกลับก่อน
เธอเก็บโทรศัพท์และลูกหัวเด็กชาย "เมื่อรถบัสมา เราจะไปทันที "
"ครับ !"
แม้ว่าเขาจะตอบกลับไป แต่สายตาของเขายังมองอยู่ที่ร้านอาหารในช่วงเช้า
“หิวไหม? อยากกินอะไร”
กู้สวงส่วงยิ้มพร้อมอุ้มเขาขึ้นและข้ามถนนไป
ตัวเขาเบามาก เมื่อกี้เดินออกมาตอนที่เขาเดินอยู่ข้างๆ เธอ เด็กอายุ 7 ขวบ เขาสูงถึงหนึ่งเมตรไหม?
ท่ามกลางแสงแดดจ้า กู้สวงส่วงมองเห็นเข้าได้ชัดเจนมากขึ้น
เขาเกิดมาสวยหน้าตาดีมาก นิสัยก็ดีไม่เบา ตาโต รูม่านตาดำ จมูกโด่ง ปากโค้งขึ้น แก้มซ้ายมีจุดบางอย่างไม่ชัดเจนมากนัก แต่เวลาเขาพูดจะเห็นลักยิ้มของเขา
อ่ะ…ทำไมยิ่งดูยิ่งรู้สึกคุ้นเคย?
ในบรรดาคนที่เธอรู้จัก ดูเหมือนจะมีใครบางคนที่มีลักยิ้มที่ไม่ชัดเจน…
ที่หน้าร้านในช่วงเช้า กู้สวงส่วงซื้อขนมปังครีม ซาลาเปาเนื้อเห็ดที่ตัวเองโปรดปราน และนมถั่วเหลืองสองขวด
เด็กชายยืนอยู่ข้างถนนที่มีลมพัดผ่าน เธอยื่นถุงซาลาเปางไส้ครีมกับนมถั่วเหลืองให้เขา “กินเองได้ใช่ไหม ? ”
เขารับแต่ถุงซาลาเปาไส้ครีม “ลุงหมอบอกว่าผมดื่มนมถั่วเหลืองไม่ได้”
กู้สวงส่วงเพิ่งนึกได้ว่าเขาเป็นคนไข้ เธอถึงเพิ่งตาสว่าง ต้องขอบคุณเขาที่ไม่ลืม "ถ้าอย่างนั้นก็กินแค่ซาลาเปา อย่ากินไส้ครีม ตกลงไหม ? "
เขาพยักหน้า ถือถุงซาลาเปามองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้น และในที่สุดเขาก็กัดกินด้านข้างทีล่ะนิดและไม่กินตรงกลางอย่างเชื่อฟัง
กู้สวงส่วงมองแล้วยิ้ม เขาน่ารักจริงๆ
–
บนรถบัสมีคนสละที่นั่งให้ เธออุ้มเขาไว้
เขานั่งนิ่งๆ อยู่บนตักของเธอ ถือถุงเล็กๆ ในมือแน่น ราวกับว่าหวงซาลาเปาที่ถูกแทะไปครึ่งวงกลมและเหลือเพียงครีมที่อยู่ตรงกลางชิ้นนี้เป็นอย่างมาก
ซาลาเปาที่มีราคาแค่แปดหยวน บางครั้งคนจนอย่างเธอก็ไม่ชอบกิน
กู้สวงส่วงถอนหายใจเล็กน้อยขณะที่มองดูขนตายาวงอนของเขา
เขาอยู่ในตึกผู้ป่วย VIP ส่วนตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพ่อแม่ของเขารวยมากแค่ไหน? แต่เจ้าตัวเล็กนี้รู้สึกว่าน่าสงสารมากเกินไป คงไม่เคยกินของอร่อยๆ ที่อยู่ข้างนอกนี้ เมื่อเห็นเด็กคนอื่นได้กิน ในใจคงอยากจะได้กินเหมือนเด็กพวกนั้น
ดูแล้ว มีเงินก็ใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป ทุกคนต่างมีความทุกข์ของตัวเอง
กู้สวงส่วงก้มหน้าลงและพูดคุยกับเขา "ฉันชื่อกู้สวงส่วง เธอชื่ออะไร"
“ผมชื่อเสิ่นเหวยยี ทุกคนเรียกผมว่าเสี่ยวเหวย!” เขาหันกลับมาทันทีเหมือนดีใจมากที่มีคนถามคำถามเหล่านี้ เขาคงจะได้พบเจอคนน้อยมาก และคงเหงาน่าดู
“เสี่ยวเหวย พ่อของเธอเป็นคนเดียวที่ดูแลเธอเหรอ?”
เขาส่ายหัว จับเสื้อผ้าของตัวเองในมือเล็กๆ ของเขา "เป็นคนใช้ที่พ่อส่งมาดูแลและติดตามผมเพื่อไม่ให้ผมหนี……..น้อยมากที่พ่อจะมาดูผม "
กู้สวงส่วงถอนหายใจ เธอคิดว่าพ่อคนนี้คงกำลังยุ่งอยู่กับงาน
แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเศร้าๆ ของเขาพูดออกมาว่า “ตอนแรกผมก็คิดว่าพ่อยุ่งกับงานมาก และป้าที่ดูแลผมก็มักจะพูดเสมอว่าเขาจะต้องหาเงินให้ได้มากเพื่อเอามารักษาอาการป่วยของยายกับผม ตอนที่อยู่ต่างประเทศ ผมแอบได้ยินคนคุยกันว่า พ่อกลับมาทุกเดือน แต่พ่อไม่มาหาผม”
"ทำไม?"
เขาส่ายหัวและน้ำตาไหลพราก “พ่อดีกับผมมาก เขาซื้อของเล่นให้ผมมากมายและให้บ้านที่ดีที่สุดกับผม แต่พ่อก็ไม่ดีกับผม เขาไม่คุยกับผมเลย บางครั้ง เขาเห็นผมก็มองผมด้วยสายตาที่เย็นชา ผมรู้สึกกลัว เขาจะมาเมื่อผมแกล้งดื้อและไม่ยอมกินยา แต่เขาก็ไม่ได้ดุผม เขาเข้ามาดูผมครู่เดียวก็จากไป"
กู้สวงส่วงไม่เข้าใจ ทำไมถึงมีความสัมพันธ์พ่อลูกแบบนี้ ?
ในเมื่อหัวใจของพ่อไม่แยแสลูกชายของตัวเอง ที่จริงอาจจะเกลียดด้วยซ้ำ แต่การกระทำมันกลับย้อนแย้งกัน
เด็กชายน้อยคนนี้คงเศร้าใจมาก เขาพิงอยู่ที่แขนเธอ เอามือเล็กๆ กำเสื้อผ้าแล้วพึมพำออกมาว่า " ผมรักพ่อเท่ากับที่รักแม่ ผมหวังว่าพ่อจะอนุญาตให้ผมไปหาแม่ ปีละครั้งก็ได้ และผมหวังว่าพ่อจะอยู่กับผมตลอดไป พี่สาว ผมไม่ใช่เด็กที่น่ารังเกียจใช่ไหม?”
กู้สวงส่วงหยิบทิชชูแล้วเช็ดน้ำตาให้เขา " จะเป็นไปได้ไง เสี่ยวเหวย ฉันชอบเธอมาก "
“แต่ว่าพ่อไม่ชอบผม ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูด แต่ผมรู้สึกได้ ผมรู้ …”
มือของกู้สวงส่วงชะงักทันที เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่แตกสลายนี้ ดวงตาของเธอก็เริ่มแดงก่ำ
ตัวเธอเองก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าเธอจะเชื่อฟังแค่ไหน เป็นเด็กดีแค่ไหน ตั้งใจเรียนแค่ไหน กู้ไห้ก็ยังไม่ชอบเธอแถมยังเกลียดเธอ
กู้สวงส่วงหายใจเข้าลึก ๆ บางทีอาจเป็นเพราะอาการป่วยแบบเดียวกันที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สามารถปล่อยเด็กคนนี้ไปได้
เธอกอดเขาแน่น ปลอบโยนเบาๆ “เสี่ยวเหวย เธอคิดแบบนี้ เธอจะไม่มีความสุขเอานะ เดี๋ยวก็จะได้เจอแม่แล้ว!”
เด็กชายเช็ดมุมห่างตาอย่างเศร้าๆ แต่มุมปากก็ยิ้มอย่างมีความสุข
–
เธอหยิบกระดาษโน๊ตที่มีที่อยู่ออกจากกระเป๋าเสื้อที่เขาให้ไว้ รถบัสกำลังจะวนรอบที่สอง
รถวนอยู่นานกว่าเกือบสองชั่วโมง กู้สวงส่วงอุ้มเขาไว้และลงจากรถ ด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเขาจึงตื่น
เมื่อวางเขาลงข้างทาง เขาดูยืนไม่ค่อยนิ่ง อาจเป็นเพราะออกมาจากห้องผู้ป่วยนานเกินไปและไม่ค่อยกระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อน
“ทนไหวไหม? ”
กู้สวงส่วงกังวลมาก เพราะเขาเป็นคนป่วย
“ผมไหวครับ..อีกนิดเดียวก็จะได้เจอแม่แล้ว ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา กู้สวงส่วงก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เธออุ้มเขาและเดินไปที่ประตูทางเข้าอพาร์ตเมนต์อย่างรวดเร็ว
ไม่ง่ายเลย กว่า รปภ.จะอนุญาตให้เข้าไป แต่ปัญหาก็อยู่ที่หน้าตึกสูงนี้
เด็กน้อยมีที่อยู่อพาร์ตเมนต์ของแม่ แต่เขาไม่รู้ว่าชั้นไหนและบ้านเลขที่อะไร
กู้สวงส่วงเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้ว " มีบ้านเป็นพันๆ หลัง จะหาเจอได้อย่างไร ? เสี่ยวเหวย จำเบอร์มือถือของแม่ได้ไหม? "
เขาส่ายหัว
"ชื่อล่ะ? "
เสี่ยวเหวยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมได้เจอกับแม่แค่สองสามครั้งและมันนานมาแล้ว ทุกครั้งยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรกับแม่ พ่อก็พาแม่กลับ แต่ผมมีรูปถ่ายของแม่ ซ่อนอยู่ใต้เตียงของโรงพยาบาล ”
กู้สวงส่วงเดินวนไปวนมา แม้ว่าเธอจะไม่อยากพูด แต่ในที่สุดเธอก็ต้องบอกเขาว่า "ขอโทษด้วยเสี่ยวเหวย ถ้าเป็นแบบนี้ เราไม่มีทางที่จะหาแม่ของเธอเจอได้ "
เขามองดูเธอ หุบปากเล็กๆ ของเขา ในตาดำโตของเขาผิดหวังอย่างไม่มีสิ้นสุด แต่เขารู้ว่าพี่สาวได้พยายามช่วยเธออย่างเต็มที่สุดแล้ว
เขาหันหลังกลับ เงยศีรษะขึ้นและสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่คือที่ที่แม่อาศัยอยู่ แม้จะไม่รู้ว่าบ้านแม่คือหลังไหน แต่ก็ถือว่าเขาได้เคยมาที่นี่
กู้สวงส่วงดึงร่างเล็กของเขาและทั้งสองคนก็เดินออกมาอย่างโดดเดี่ยว
–
กลับเถอะ
เมื่อรถบัสมาถึงจุดเปลี่ยนรถ ก็เป็นช่วงที่พลุกพล่าน
ตรงข้ามสถานีขนส่งเป็นห้างสรรพสินค้าสำหรับเด็ก เทศกาลคริสต์มาสสิ้นสุดลงและปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา นอกห้างมีไฟและเครื่องประดับตกแต่งสีสันหลากหลายเพื่อดึงดูดเด็กและผู้ปกครอง ร้านค้าต่างๆ ได้จัดตั้งร้านขึ้นบางส่วน
เครื่องเล่น
กู้สวงส่วงก้มลงมอง เห็นเขาดูเงียบและเศร้า เมื่อมองดูเวลา ยังไม่เย็นมากเท่าไหร่
“เสี่ยวเหวย เคยเล่นเครื่องเล่นพวกนั้นไหม ?”
เขาเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่เด็กๆ พวกนั้นที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน เขารู้สึกอ่อนไหวเล็กน้อย