หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 951 เขาไม่เชื่อเธอ / ตอนที่ 952 แม่หนู เธอรู้จักฉัน?
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 951 เขาไม่เชื่อเธอ / ตอนที่ 952 แม่หนู เธอรู้จักฉัน?
ตอนที่ 951 เขาไม่เชื่อเธอ
“คุณหนูใหญ่ตระกูลเหยา ต่อหน้าคู่หมั้นคนอื่นเธอยังบอกว่า ‘คุณชายหาน ตั้งแต่ได้พบคุณที่งานเลี้ยงคราวที่แล้ว ฉันก็ประทับใจในตัวคุณมาก ยากที่จะลืมจนถึงทุกวันนี้’ นี่คงไม่ใช่คำพูดที่คุณหนูผู้สูงส่งควรพูดกันหรอกมั้ง? ถ้าจะบอกว่าหน้าด้าน กลัวว่าในนี้คงไม่มีใครเทียบเธอได้ ตบครั้งเดียวยังถือว่าเบาไป ถ้าเป็นสมัยก่อนผู้หญิงแบบนี้ก็น่าจะใส่ชะลอมหมูถ่วงน้ำไปเรียบร้อยแล้ว!”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำเหมือนตบหน้าเหยาอวิ๋นอวิ๋น
เมื่อเหยาอวิ๋นอวิ๋นเห็นว่าคนรอบๆ เริ่มมองมาที่เธอก็รีบแก้ตัว
ทว่าเหนียนเสี่ยวมู่กลับไม่ยอมให้เธอได้พูด เธอเงยหน้ามองไปทางมั่วเฉียน
“ประธานมั่ว เหยาอวิ๋นอวิ๋นมักจะรังแกคนอื่นโดยอาศัยบารมีตระกูลมั่วมาโดยตลอด คนที่รู้ดีจะเชื่อว่าเรื่องที่เธอทำลงไปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลมั่ว แต่ถ้าคนที่ไม่รู้…”
เหนียนเสี่ยวมู่ตั้งใจพูดเพียงครึ่งเดียว
ถึงจะพูดไม่จบ คนในงานต่างก็เข้าใจดี
การที่เหยาอวิ๋นอวิ๋นก่อเรื่องเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อตระกูลมั่วด้วย
ท้ายที่สุดเมื่อมีคนมาด่าว่าตระกูลเหยาเป็นพวกจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือก็จะต้องพูดถึงผู้กุมอำนาจของตระกูลมั่วว่าเป็นคนโง่เขลา ถึงปล่อยให้ลูกน้องทำตัวกำเริบเสิบสาน
เหยาอวิ๋นอวิ๋นตกใจจนถอดสีหน้า “ไม่ใช่นะคะ! คุณลุงมั่ว ฉันไม่ได้ทำ เห็นๆ อยู่ว่าฉันถูกรังแก…”
“เธอโดนรังแกหรือว่าเธอรังแกคนอื่นไม่สำเร็จ เวรกรรมตามสนอง ลองไปถามคนรอบข้างดูสิ จะได้คำตอบเอง!” เหนียนเสี่ยวมู่พูดด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง
ออร่าที่แผ่ออกมากดทับเหยาอวิ๋นอวิ๋นโดยสมบูรณ์
ราวกับว่าเธอเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่แท้จริง แต่เหยาอวิ๋นอวิ๋นนั้นเป็นบุคคลที่น่าอับอาย
บรรยากาศเปลี่ยนไปในชั่วขณะ
ความกดดันและความมืดมนกลับเข้ามาอีกระลอก
สายตาทุกคนมองสลับระหว่างเหยาอวิ๋นอวิ๋นและเหนียนเสี่ยวมู่ ท้ายที่สุดก็ไปหยุดอยู่ที่มั่วเฉียนที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด
มั่วเฉียนยืนประสานมืออย่างสง่าผ่าเผย บนตัวแผ่กลิ่นอายอันน่าเกรงขาม
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่ว่าใครก็ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
หลังจากนั้นไม่นานก็ถึงจะเห็นเขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่
“ถ้าฉันไม่เชื่อที่เธอพูดล่ะ?”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ที่นี่คืองานเลี้ยงที่ตระกูลมั่วเป็นเจ้าภาพ ต่อหน้าผู้คนมากมาย เธอคิดว่ามั่วเฉียนคงจะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออก ดังนั้นถึงได้พูดทุกอย่างออกมา
เพราะอย่างน้อยก็ได้คืนความยุติธรรมให้เจิ้งเหยียนด้วย
แต่กลับไม่คิดว่าจะได้ยินมั่วเฉียนพูดประโยคนี้ออกมา
ไม่รู้ว่าทำไม ในใจเธอถึงรู้สึกผิดหวังไปชั่วขณะ
มีเสียงในใจบอกเธอเสมอว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น
เขาจะไม่เข้าข้างเหยาอวิ๋นอวิ๋นเพียงเพราะความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลมั่วกับตระกูลเหยา แต่สุดท้าย…
ตามคำพูดของมั่วเฉียน ดูเหมือนว่าเรื่องราวต่างๆจะได้คำตัดสินแล้ว
บอดี้การ์ดจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาจากนอกประตูและเดินไปหาเหนียนเสี่ยวมู่
“อย่าแตะต้องตัวเธอ!”
อวี๋เยว่หานที่ยืนอยู่ข้างหลังเหนียนเสี่ยวมู่พูดด้วยเสียงเย็นเฉียบขึ้นมาทันที
กลิ่นอายอันสูงส่งราวกับราชามาเยือน
น้ำเสียงน่าเกรงขามไม่แพ้มั่วเฉียนแม้แต่น้อย
นัยน์ตาเคร่งขรึมมองไปทางบอดี้การ์ดที่อยู่ตรงหน้า ทำให้พวกบอดี้การ์ดไม่กล้าเดินเข้ามาอีก
ตกอยู่ในสถานการณ์ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
เหนียนเสี่ยวมู่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ถอยไปไหน แววตาปราดเปรียวมองมั่วเฉียนอย่างดื้อรั้น
กัดริมฝีปาก แววตาแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นเหยาอวิ๋นอวิ๋นที่กลายเป็นคางคกขึ้นวออยู่ข้างๆ สายตาเธอก็ยิ่งไม่ยอมแพ้
มั่วเฉียนสบตาเธอพลางขมวดคิ้ว
รู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกกระวนกระวายอยู่ในอก
เขายื่นมือดึงเนกไทแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า
“พาเหยาอวิ๋นอวิ๋นออกไป!”
ตอนที่ 952 แม่หนู เธอรู้จักฉัน?
เหยาอวิ๋นอวิ๋น “…” !!
เมื่อเหยาอวิ๋นอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างมั่วเฉียนเห็นบอดี้การ์ดชุดดำพุ่งตัวเข้ามา เธอก็แอบกระหยิ่มใจ
รอดูว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะถูกลากออกไปอย่างไร
ถ้าจะให้ดีก็ต้องลากตัวเจิ้งเหยียนไปด้วย ดูซิว่าต่อไปเธอยังจะมีหน้าอยู่ในวงสังคมชั้นสูงของเมือง N ได้ยังไง
เธอกำลังแอบฝันหวานอยู่ในใจ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าไฟลูกนี้จะแผดเผาตัวเอง…
ในช่วงเวลานั้นเธอเองก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองควรมีปฏิกิริยาอย่างไร
จนกระทั่งบอดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามาจับแขนเธอทั้งซ้ายและขวา เธอถึงตกใจได้สติกลับมา
“คุณลุงมั่ว คุณจับผิดคนหรือเปล่า? คนที่ก่อเรื่องคือเหนียนเสี่ยวมู่กับเจิ้งเหยียน ฉันเป็นผู้ถูกกระทำ!”
เสียงเหยาอวิ๋นอวิ๋นดังมากจนแสบแก้วหู
ดวงตามั่วเฉียนจมดิ่ง ไม่สนใจเสียงร้องไห้โหยหวนเหมือนผีสางของเธอ
เขาโบกมือให้คนลากเธอออกจากสถานที่จัดเลี้ยง
ผู้ช่วยมั่วเฉียนที่อยู่ข้างๆพูดด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน
“ที่นี่เป็นงานเลี้ยงที่ตระกูลมั่วเป็นเจ้าภาพ หวังว่าทุกท่านจะสำรวม ใครก็ตามที่ยั่วยุให้เกิดความวุ่นวาย เราจะเชิญออกจากงานทันที!”
เขาพูดประโยคนี้อย่างเป็นมืออาชีพ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตระกูลมั่วไม่สนใจบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลเหยากับตระกูลเจิ้ง
และไม่สนว่าใครจะเป็นคนลงมือก่อน
แต่สนแค่ว่าใครเป็นคนยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายก่อน
เนื่องจากเหยาอวิ๋นอวิ๋นเป็นคนเริ่มก่อน ดังนั้นเหยาอวิ๋นอวิ๋นจึงต้องโดนลากตัวออกไป ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุและผล
ในขณะเดียวกันก็สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับทุกคน ใครก็ตามที่ริเริ่มสร้างปัญหาล้วนจะต้องมีจุดจบเดียวกัน!
วิธีการของมั่วเฉียนเกินความคาดหมายของเหนียนเสี่ยวมู่โดยสิ้นเชิง
แม้แต่เจิ้งเหยียนก็ถึงกับช็อก
ใช้เวลานานกว่าจะตั้งสติได้ ตอนที่เธอเห็นเหยาอวิ๋นอวิ๋นถูกลากตัวออกไป เธอก็อดไม่ได้ที่โน้มตัวไปใกล้ๆ เหนียนเสี่ยวมู่แล้วพูดเบาๆ ว่า “ถ้าฉันพูดว่า ‘สมน้ำหน้า’ ตอนนี้ ตัวเองจะดูใจร้ายไปไหม?”
เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองเธอ “ไม่หรอก เพราะฉันก็อยากพูดเหมือนกัน!”
ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังกระซิบกระซาบกับเจิ้งเหยียน ทันใดนั้นก็มีเงามืดปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอ
พอหันกลับไปตามสัญชาตญาณ เธอก็สบตากับดวงตาที่ดุจดังบ่อน้ำลึกของมั่วเฉียน
เธอสะดุ้ง
มั่วเฉียนบอกว่า “ถ้าคุณชายหานกับคุณเหนียนท่านนี้พอมีเวลา ฉันอยากจะคุยกับทั้งสองท่านหน่อย”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของมั่วเฉียน เธอจึงไม่กล้าตอบรับ
แม้พวกเขาจะมาที่นี่เพื่อมาหามั่วเฉียน แต่ก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
และภาพที่ยุ่งเหยิงในหัวของเธอ…
เหนียนเสี่ยวมู่เอื้อมมือไปจับนิ้วก้อยของอวี๋เยว่หานและหันหน้าไปมองเขาอย่างเชื่อฟัง
อวี๋เยว่หานยกมุมปากเบาๆแล้วพูดว่า “เป็นเกียรติของพวกเราแล้วครับ”
ทั้งสามเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง
เข้าไปในห้องพักรับรอง
ทันทีที่พวกเขานั่งลงก็มีคนเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่ม
ไวน์แดง น้ำผลไม้ ขนม ผลไม้และอีกหลายอย่าง
เมื่ออวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่นั่งลงบนโซฟา อวี๋เยว่หานก็ดูออกว่าเธอมีอาการประหม่า เขาจึงจับมือเธออยู่ตลอดเวลา
มั่วเฉียนนั่งบนโซฟาตรงข้ามพวกเขาคนเดียว
จนกระทั่งเสิร์ฟของครบแล้ว คนอื่นถึงได้พากันออกไป
เนื่องจากอวี๋เยว่หานเป็นผู้น้อย เขาจึงยื่นมือยกแก้วไวน์ไปทางมั่วเฉียนเป็นการให้เกียรติ “ขอบคุณประธานมั่วมากนะครับที่เมื่อกี้นี้ให้ความเป็นธรรมกับพวกเรา”
“คุณชายหานเกรงใจเกินไปแล้ว” มั่วเฉียนยกแก้วไวน์ขึ้นจิบแล้วพูดออกมา
“เมื่อกี้ไม่ได้เป็นเพราะคุณ”
“……”
ประโยคที่มาอย่างกะทันหันทำให้อวี๋เยว่หานหรี่ดวงตาดำขลับ
ขณะที่กำลังจะถามว่าเขาหมายถึงอะไร ก็เห็นมั่วเฉียนวางแก้วลงแล้วหันหน้ามองมาทางเหนียนเสี่ยวมู่ เขาถามด้วยเสียงแหบ
“แม่หนู เมื่อกี้ทำไมเธอถึงได้มองฉันแบบนั้น? หรือเธอรู้จักฉัน?”