หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 933 ความอิจฉาริษยาทำให้ฉันไม่เหลือเค้าเดิม / ตอนที่ 934 ถ้าเธอพูดอีกครั้งถือว่าฉันแพ้!
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 933 ความอิจฉาริษยาทำให้ฉันไม่เหลือเค้าเดิม / ตอนที่ 934 ถ้าเธอพูดอีกครั้งถือว่าฉันแพ้!
ตอนที่ 933 ความอิจฉาริษยาทำให้ฉันไม่เหลือเค้าเดิม
ปัดผ่านอย่างส่งๆ จากนั้นก็ชะงักเล็กน้อย
เหมือนจูบแบบไม่ได้ตั้งใจ
ยื่นมือมาจับเนกไทของเขา เลิกคิ้วมองพลางโน้มหน้าเข้าใกล้ ยิ้มตาหยี “ถูกต้อง หนุ่มหล่อที่ไม่มีเจ้าของถึงจะเป็นทรัพยากรที่ใช้ร่วมกันทั้งจักรวาล แต่คุณเป็นของฉันแล้ว ไม่จัดอยู่ในกลุ่มนั้น”
อวี๋เยว่หานทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วยื่นมือตบศีรษะเธอเบาๆ ด้วยสายตารักใคร่เป็นพิเศษ
จากนั้นก็ใช้สายตาที่มองเสี่ยวลิ่วลิ่วมองเธอพร้อมกับพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณควรจะรู้ไว้นะว่าแม้แต่เด็กสามขวบก็ไม่ถุยน้ำลายลงในจานแล้วบอกว่าอาหารในนั้นเป็นของตัวเอง?”
“……”
“คุณรีบไปส่องกระจกเถอะ ตอนนี้คุณดูเด็กมาก อาจจะแค่สองขวบครึ่งก็เป็นได้”
“……”
เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคนด่าว่าเหมือนเด็ก ด่าได้แปลกใหม่อะไรขนาดนี้
เขาชนะแล้ว!
ก็แค่ไม่ให้เธอมองหนุ่มหล่อ ต่อไปเธอไม่มองก็ได้มั้ง?
เขาเองก็ไม่ต้องมองผู้หญิงคนอื่นด้วยเหมือนกัน!
“เด็กดี”
เมื่ออวี๋เยว่หานบรรลุเป้าหมาย เขาก็หยิกแก้มป่องของเธอด้วยความพึงพอใจ
โน้มตัวลงมาและจูบริมฝีปากเธออย่างกระตือรือร้น
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจแตกสลายจากบริเวณโดยรอบ เหนียนเสี่ยวมู่ก็กอดชุดที่ตัวเองเพิ่งเลือกมาเดินเข้าไปในห้องลองชุด
เจิ้งเหยียนที่เพิ่งได้สติหลังจากที่เจอมั่วหย่งเหิงก็ถูกบังคับให้กินอาหารหมาไปเรียบร้อยแล้ว
ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่ลากเธอเข้าไปในห้องลองชุดก็อดไม่ได้ที่พูดว่า “ฉันคิดว่าเราควรจะแยกห้องลองชุดนะ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “???”
เจิ้งเหยียน “ความอิจฉาริษยาทำให้ฉันไม่เหลือเค้าเดิมอีกต่อไป กลัวว่าอีกหน่อยถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันจะใช้กระโปรงที่อยู่ในมือรัดคอเธอตายในห้องลองชุดจนกลายเป็นคดี”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เหนียนเสี่ยวมู่กับเจิ้งเหยียนต่างก็เป็นคนที่สวยมาก ไม่ว่าจะสวมชุดอะไรก็สวยจนหาที่เปรียบไม่ได้
เหนียนเสี่ยวมู่เลือกชุดที่ให้ความรู้สึกสูงส่ง
ส่วนเจิ้งเหยียนเลือกกระโปรงทรงหางปลาคอลึกที่ดูเย้ายวน ซึ่งเป็นสไตล์ของเธอ
หลังจากที่ทั้งสองเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ผลัดกันชม ทั้งสองจับมือกันไปชำระเงินด้วยความพึงพอใจ
ระหว่างนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็นึกถึงมั่วหย่งเหิงที่เพิ่งมาที่ร้านนี้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เธอจึงอดไม่ได้ที่ถามพนักงานร้าน
“เมื่อกี้พวกคุณบอกว่ามั่วหย่งเหิงมักจะมาที่ร้านนี้เป็นประจำเหรอคะ?”
พนักงานที่ทำหน้าตาจริงจังเปลี่ยนเป็นทำหน้าเคลิบเคลิ้มภายในหนึ่งวิ “ที่นี่เป็นร้านเสื้อผ้าที่ตระกูลมั่วสั่งตัดเย็บส่วนตัว ถ้ามีประชุมสำคัญหรืองานเลี้ยง คุณชายหย่งเหิงก็จะชอบมาเอาเสื้อผ้าที่นี่ แต่วันนี้เขาน่าจะมาตรวจงานก็เลยถือโอกาสมาเอาเสื้อผ้าไปให้ประธานมั่วด้วย ก็คือกล่องนั้นที่พวกคุณเห็นกันนั่นแหละค่ะ”
“ประธานมั่ว?” เหนียนเสี่ยวมู่ประหลาดใจจนแยกแยะไม่ออก
เจิ้งเหยียนกระซิบอธิบายให้เธอฟังอยู่ข้างๆ “ก็มั่วเฉียนนั่นแหละ เรื่องภายในบริษัทตระกูลมั่วส่วนใหญ่ล้วนต้องฟังคำสั่งจากเขา เพราะฉะนั้นทุกคนถึงได้เรียกเขาว่าประธานมั่ว และเรียกมั่วหย่งเหิงว่าคุณชาย”
“งั้นเขากับมั่วหย่งเหิงมีความสัมพันธ์อะไรกัน?” เหนียนเสี่ยวมู่ถามด้วยความสงสัย
เจิ้งเหยียนบุ้ยปาก “เป็นญาติห่างๆ มั้ง มั่วเฉียนไม่มีลูกชายมีแต่ลูกสาว แต่พูดแล้วก็แปลก ฉันเคยได้ยินชื่อมั่วหย่งเหิงคนนี้เพราะรู้มาว่าผู้นำตระกูลให้ความสำคัญกับเขามาก ไม่คิดเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมั่วเฉียนจะดีขนาดนี้ มั่วเฉียนถึงขนาดให้เขามารับชุดของตัวเอง…”
เจิ้งเหยียนทำหน้าคิดไม่ตก
หลังจากทั้งสองชำระเงินเสร็จ ก็กำลังจะลงไปชั้นล่างพร้อมกับชุดราตรีที่ถูกจัดใส่ถุง
แต่พอเดินผ่านแผนกรองเท้าสตรี เจิ้งเหยียนก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองยังขาดรองเท้าอยู่คู่หนึ่ง เธอจึงพาเหนียนเสี่ยวมู่ไปที่ซื้อรองเท้าส้นสูงที่ร้านขายรองเท้าโดยเฉพาะ
ตอนที่ 934 ถ้าเธอพูดอีกครั้งถือว่าฉันแพ้!
เหนียนเสี่ยวมู่รีบส่งชุดราตรีของเธอให้อวี๋เยว่หานแล้วให้เขาไปรอที่รถก่อน ส่วนพวกเธอจะตามไปหลังจากที่ซื้อรองเท้าเสร็จ
ตู้โชว์รองเท้าอยู่ชั้นหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากที่จอดรถมากนัก
อวี๋เยว่หานรับถุงชุดราตรีมาโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็สาวเท้าเดินออกจากห้างสรรพสินค้า
“ไม่ต้องมองแล้ว คนเดินไปไกลแล้ว ความจริงถึงฉันจะไม่เคยมีความรักมาก่อน แต่พอเห็นพวกเธอแบบนี้แล้วไม่รู้สึกเหนื่อยกันบ้างเลยเหรอ ห่างกันแค่หน่อยเดียวก็อาลัยอาวรณ์กันซะแล้ว ไม่ใช่ตายจากกันไปเสียหน่อย”
เจิ้งเหยียนสะกิดไหล่เหนียนเสี่ยวมู่พลางทำหน้าไม่พอใจ
เธอมีความสุขมากกับการได้ช้อปปิ้งกับเหนียนเสี่ยวมู่ เธอไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว
พวกผู้หญิงรอบตัวเธอล้วนมองเธอเป็นตัวปัญหา เป็นนังจิ้งจอก
คนที่ไม่มีแฟนจึงไม่กล้าเป็นเพื่อนกับเธอ เพราะกลัวว่าจะหาแฟนไม่ได้
ส่วนคนมีแฟนแล้วก็ยิ่งไม่กล้าเป็นเพื่อนกับเธอ เพราะกลัวว่าแฟนตัวเองจะโดนเธอให้ท่า
เจิ้งเหยียนเป็นหญิงแกร่งที่มีชื่อเสียงในด้านธุรกิจ แต่ชีวิตจริง เธอกลับโดดเดี่ยวมาก
ไม่มีเพื่อนรู้ใจแม้แต่คนเดียว
เป็นเรื่องยากมากที่เหนียนเสี่ยวมู่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ วันนี้เธอถึงได้มีความสุขมากจริงๆ…แต่ถ้าไม่ใช่เพราะกินอาหารหมามากไปหน่อย เธอก็น่าจะมีความสุขมากกว่านี้!
“คุณจะเข้าใจอะไร นี่สิถึงจะเรียกว่าสีสัน!”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
พอพูดเสร็จก็เหมือนจะมีปฏิกิริยาต่อคำพูดที่เจิ้งเหยียนเผยออกมาเมื่อครู่นี้ทันที
หันกลับไปมองเธอ
“เดี๋ยวนะ หน้าสวยซะเปล่า ที่แท้แล้วก็ยังไม่เคยมีความรักเหรอเนี่ย?”
เจิ้งเหยียนอึ้งไปสักพัก หน้าเริ่มแดง “สาวงามจะโสดไม่ได้หรือไง? ก่อนที่เธอจะเจอคุณชายหาน เธอก็โสดไม่ใช่เหรอ? ฉันก็แค่ยังไม่เจอคนที่เหมาะสม”
เหนียนเสี่ยวมู่แตะคางตัวเอง “คุณพูดก็ถูก ก่อนที่ฉันจะเจออวี๋เยว่หาน กล้าที่สุดก็แค่เลี้ยงดูหนุ่มหล่อ ยั่วเสร็จก็หนีไป ไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
เจิ้งเหยียน “…”
เจิ้งเหยียน “คุณชายหานยังเดินไปได้ไม่ไกล ถ้าเธอกล้าพูดประโยคนี้ต่อหน้าเขาอีกครั้งถือว่าฉันแพ้แล้วกัน!”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” ไม่จริง
เธอไม่กล้า
ทั้งสองหยอกล้อกันไปมาก็เดินเข้ามาถึงร้านรองเท้า
พวกเธอมองไปที่รองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งที่วางอยู่ในตู้โชว์สินค้าแทบจะในเวลาเดียวกัน
“รองเท้าคู่นั้นเหมาะกับคุณ!”
“รองเท้าคู่นั้นเหมาะกับฉัน!”
เหนียนเสี่ยวมู่และเจิ้งเหยียนต่างก็พูดอย่างพร้อมเพรียง
ทันทีที่สิ้นเสียงก็มองตาแล้วยิ้ม
“คุณผู้หญิงทั้งสองท่านตาถึงจังเลยนะคะ รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าสำหรับผู้หญิงที่ใช้ฝีมือการตัดเย็บระดับไฮเอนด์ เพิ่งส่งกลับมาที่ร้านเรา แต่ละไซต์จะมีแค่คู่เดียว” พนักงานเดินเข้ามาต้อนรับและพูดอย่างสุภาพ
เจิ้งเหยียน “ฉันสวมไซต์สามสิบเจ็ด รบกวนคุณช่วยหยิบมาให้หน่อย”
ขณะที่เจิ้งเหยียนรอพนักงานไปหยิบรองเท้ามาให้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็เดินดูร้านรองเท้าด้วยความเบื่อหน่าย
เมื่อได้ยินว่าพนักงานไปหยิบรองเท้าออกมาให้เจิ้งเหยียนลองสวมแล้ว เธอก็หันกลับมา
กำลังจะเดินไปดู ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากประตู
“รองเท้าคู่นั้นไม่เลว ฉันจะเอา!”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้ามองไปทางประตู
เห็นเพียงเด็กสาววัยรุ่นไม่กี่คนเดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยท่าทางยโสโอหัง
รองเท้าคู่นั้นที่คนเดินนำหน้าสุดหมายถึงคือรองเท้าที่พนักงานกำลังถือออกมาเตรียมจะให้เจิ้งเหยียนลอง
“พอดีเลยไซต์สามสิบเจ็ดใช่ไหม ฉันใส่ได้ จัดใส่ถุงให้ฉันด้วย”
เด็กสาวที่เพิ่งพูดคนนั้นหยิบการ์ดในกระเป๋าส่งให้พนักงาน
พนักงานนิ่งไปชั่วขณะ เธออธิบายอย่างลำบากใจ “ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะคุณผู้หญิง มีลูกค้ามองรองเท้าคู่นี้อยู่ก่อนแล้ว..”
“พูดบ้าอะไร? มองก่อนแล้วจะทำไม มองแล้วจะซื้องั้นเหรอ ฉันให้เธอจัดใส่ถุงก็ไปจัดมา ถ้าฉันโมโหขึ้นมา เธอเชื่อไหมว่าพรุ่งนี้เธอจะไม่ได้มาทำงานอีก!” เด็กสาวถือการ์ดและพูดด้วยความเกรี้ยวกราด