หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 927 เจ้าชายกับซินเดอเรลล่า / ตอนที่ 928 ช่างหอมหวานและสวยงาม
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 927 เจ้าชายกับซินเดอเรลล่า / ตอนที่ 928 ช่างหอมหวานและสวยงาม
ตอนที่ 927 เจ้าชายกับซินเดอเรลล่า
เจิ้งเหยียนพูดได้เพียงครึ่งทางก็หันมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสนใจบทสนทนาที่พวกเธอคุยกัน พลางกระซิบเตือน
“อันที่จริงฉันก็รู้อะไรไม่มากหรอก แค่ได้ยินมาว่ามั่วหย่งเหิงมีสถานะพิเศษมากในตระกูลมั่ว พิเศษถึงขนาดไหนนั้น ก็มีคนพูดแตกต่างกันออกไป แต่บอกได้แค่ว่าปกติมั่วเฉียนจะไม่สามารถพบผู้นำตระกูลได้ตามใจชอบ ทว่ามั่วหย่งเหิงทำได้ ถึงยังไงก็ไม่รู้ว่าข่าวลือนี้เป็นจริงหรือเท็จ”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
หนึ่งคือประหลาดใจที่มั่วหย่งเหิงเป็นคนของตระกูลมั่ว
สองคือประหลาดใจที่เธอออกมาทิ้งถุงยางแล้วบังเอิญเจอคนสำคัญของตระกูลมั่ว เธอช่างมีวาสนากับตระกูลมั่วไม่เบาเลยจริงๆ!
วันนั้นเธอควรซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมาสักใบ
ไม่แน่ว่าอาจจะถูกรางวัลกลายเป็นเศรษฐี!
เจิ้งเหยียนดึงเหนียนเสี่ยวมู่มาข้างๆ “ทำไมเธอถึงถามเรื่องของเขาล่ะ? มั่วหย่งเหิงไม่ค่อยเผยตัวเหมือนผู้นำตระกูล ไม่ใช่แค่นั้นนะ เขายังพูดน้อยมากอีกด้วย มีหลายคนที่สงสัยกันว่าเขาเป็นใบ้หรือเปล่า…”
“เขาไม่ได้เป็นใบ้ ฉันได้ยินเขาพูด” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าบอกด้วยความมั่นใจ
เธอเล่าเรื่องวันนั้นที่ตัวเองไปทิ้งขยะแล้วเจอกับมั่วหย่งเหิงโดยบังเอิญให้เจิ้งเหยียนฟังไปหนึ่งรอบ
เมื่อพบว่าเจิ้งเหยียนมองด้วยสายตาตกตะลึง เธอเองก็ถึงกับผงะ
เพราะมั่วหย่งเหิงที่เธอเจอนั้นแตกต่างกับมั่วหย่งเหิงที่เจิ้งเหยียนเล่าให้ฟังมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะคนคนนี้มีสองหน้า เขาก็ถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับเหนียนเสี่ยวมู่
ไม่เพียงแค่ช่วยเธอไว้ ทั้งยังเป็นฝ่ายบอกชื่อตัวเองกับเธอก่อน…
เจิ้งเหยียนยกมือลูบหน้าตัวเองพลางพึมพำ “ผีหลอกแน่ๆ ถ้าจะบอกว่ามั่วหย่งเหิงทำไปเพราะเห็นว่าเธอสวย งั้นทำไมฉันไม่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้ ฉันก็เป็นคนสวยนี่นา?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
หาว่าเธอพึ่งหน้าตางั้นเหรอ? เธอพึ่งความสวยภายในต่างหากย่ะ!
เหนียนเสี่ยวมู่เผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา พอเจิ้งเหยียนได้ยินก็ขำ
“คนที่ออกไปทำลายกองถุงยางหลากสีช่วงกลางค่ำกลางคืนจะให้คนเห็นความสวยภายในเพียงแค่แวบเดียวได้ยังไง?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เธอมันร้ายจริงๆ!
บทสนทนาระหว่างทั้งสองคนจบลงเท่านี้
เหนียนเสี่ยวมู่กลับไปอยู่ข้างๆ อวี๋เยว่หานอีกครั้ง เดินตามหลังเขาเข้าห้องจัดงาน
สถานที่จัดงานมีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีที่นั่งหลายพันที่นั่ง
เริ่มจากตำแหน่งที่ใกล้แท่นปราศรัยที่สุดและไล่ไปจนถึงแถวสุดท้าย
อวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกัน
เขาเป็นประธานบริษัทตระกูลอวี๋ซึ่งเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ที่นั่งของเขาจึงถูกจัดไว้แถวที่หนึ่ง
ส่วนเหนียนเสี่ยวมู่นั่งกับสมาชิกคนอื่นๆ ในคณะ…ซึ่งอยู่ถัดไปอีกหลายแถว
โดยมีฝูงชนคั่นระหว่างกลาง
เหนียนเสี่ยวมู่ “ระยะห่างนี้เหมือนเป็นเจ้าชายกับซินเดอเรลล่าในชีวิตจริงเลยนะเนี่ย ถึงยังไงฉันก็เป็นคู่หมั้นของคุณ จะเอาแต่ใจหน่อยไม่ได้หรือไง แค่เตรียมที่นั่งให้ฉันอยู่ข้างๆ คุณเอง? แย่ชะมัด!”
อวี๋เยว่หาน “ถ้าคุณยอมรับต่อหน้าสาธารณชนว่าคุณเป็นคู่หมั้นผม แต่ผู้จัดงานไม่ได้จัดที่นั่งให้คุณถัดจากผม ผมให้คุณนั่งตักเลยก็ได้”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
อวี๋เยว่หาน “งานประชุมทางธุรกิจไม่เหมาะจะมาแสดงความรัก ไปซะ ซินเดอเรลล่า”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เจ้าชาย ยินดีด้วย ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไปคุณจะไม่มีคู่หมั้นแล้ว!
เหนียนเสี่ยวมู่หันหลังกลับด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็พาคณะของบริษัทเดินไปยังที่นั่งที่กำหนดเอาไว้
นั่งอยู่แถวที่สองนับจากแถวสุดท้าย
มองไปยังผู้เข้าร่วมการประชุมที่กำลังต่อแถวยาวเหยียด
ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้นก็ไม่พบคนตระกูลมั่วคนไหนเข้ามายังสถานที่จัดงาน
แต่ดันเห็นอวี๋เยว่หานที่ควรจะนั่งแถวหน้าสุดกำลังโดนรายล้อมด้วยผู้คนเมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง
บรรดาผู้บริหารที่เข้าร่วมประชุมต่างก็เข้ามาทักทายเขา
ตอนที่ 928 ช่างหอมหวานและสวยงาม
แต่ว่าพวกเขาล้วนเป็นชายวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ส่วนผู้หญิงก็เป็นหญิงวัยกลางคน หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจิ้งเหยียนแทบจะไม่อยู่ในแวดวงธุรกิจเลย
เหนียนเสี่ยวมู่มองแวบเดียวก็วางใจนั่งลงกับที่
เปิดดูตารางการประชุมในมือ
ลำดับแรกเป็นพิธีเปิดงาน โดยจะมีผู้จัดงานเป็นผู้ขึ้นไปกล่าวบนเวที
น่าเสียดายที่ในตารางการประชุมไม่มีข้อบ่งชี้ว่าใครในตระกูลมั่วจะขึ้นมาพูด
จะเป็นมั่วเฉียน? หรือมั่วหย่งเหิง?
เดิมทีเหนียนเสี่ยวมู่มั่นใจว่าเป็นมั่วเฉียน แต่พอได้ยินที่เจิ้งเหยียนพูดมาเมื่อกี้นี้แล้วก็คิดว่าไม่แน่อาจจะเป็นมั่วหย่งเหิง
ตามที่เจิ้งเหยียนบอกมา แม้มั่วหย่งเหิงเป็นคนที่ใกล้ชิดกับผู้นำตระกูลมั่วมากที่สุด ทว่าตอนนี้คนที่ตระกูลมั่วบ่มเพาะให้เป็นผู้สืบทอดคนต่อไปก็คือมั่วเฉียน
คิดไม่ตกเลยจริงๆ
ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่เองก็ไม่แน่ใจกับสถานการณ์ของตระกูลมั่ว จึงทำได้เพียงคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลง
การประชุมจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
ตอนที่ได้ยินพิธีกรประกาศว่าคนที่จะออกมาพูดในการประชุมครั้งนี้คือมั่วเฉียน เหนียนเสี่ยวมู่ก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงทันที
ปรบมือตามคนรอบข้าง
เธอเห็นเพียงคนรูปร่างกำยำจากที่ไกลๆ หลังจากที่พิธีกรพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างแท่นปราศรัย
โครงหน้าดูเด็ดเดี่ยว
ชุดสูทสีดำถูกตัดเย็บมาอย่างดี
ระหว่างที่เดินไป รอบๆ ตัวแผ่ออร่าความหนักแน่นที่ดูสูงส่ง พริบตาเดียวก็สะกดสายตาทุกคนไว้ได้
เหนียนเสี่ยวมู่มองภาพนี้อย่างตกตะลึง
เดิมทีก็แค่อยากรู้ว่ามั่วเฉียนหน้าตาเป็นอย่างไร ทว่าขณะนี้พอได้เห็นเขาแค่ด้านข้าง ทันใดนั้นภาพชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ปะติดปะต่อกลายเป็นภาพขึ้นมาในหัว
ฤดูหนาวปีหนึ่ง
ตอนที่หิมะตก
ใกล้เวลาพลบค่ำ พระอาทิตย์ทางด้านทิศตะวันตกกำลังเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ
พืชพรรณในสวนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แสงสีส้มกระทบกับหิมะสะท้อนใบหน้าของทุกคนให้กลายเป็นสีส้ม
มีหญิงสาวคนหนึ่งสวมเสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ดสีขาวยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ เธอกำลังมองไปทางประตูใหญ่ด้วยสายตาที่อ่อนโยน จนกระทั่งเห็นร่างที่คุ้นเคยปรากฏตัว
วันนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนี้
ชายหนุ่มก้าวเท้าด้วยความหนักแน่น เดินไปหาเธอทีละก้าวทีละก้าว
ระหว่างที่เดินไปก็มีท่าทีร้อนรน
ทันทีที่ก้าวมาถึงข้างหน้า เขาก็ถามเสียงทุ้มว่า “ข้างนอกหนาวขนาดนี้ ยังจะออกมายืนรอทำไม?”
“อยากให้คุณเจอฉันทันทีที่กลับมาถึงบ้าน” หญิงสาวยิ้มตอบ
น้ำเสียงอ่อนละมุน
ขณะที่พูด ชายหนุ่มก็รวบเธอเข้ามากอดอย่างอบอุ่น ก้มหน้าจูบศีรษะเธอ
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นด้วยกัน
ภาพเปลี่ยน
ในห้องนอน
ภายในห้องมีเสียงไอเบาๆ ของหญิงสาวดังออกมา เป็นเสียงทึบที่คล้ายกับอยากจะไอแต่ก็พยายามกลั้นไว้
ฝังตัวอยู่ในผ้านวมและขดตัวด้วยความทรมาน
ไม่นาน
ชายหนุ่มก็ยกถ้วยยาเข้ามาในห้อง
เมื่อได้ยินเสียงไอที่ถูกเธอกดเสียงเอาไว้ เขาก็เข้ามากอดเธอและใช้มือแตะหน้าผาก
“ไข้ลดลงบ้างแล้ว จะต้องเป็นเพราะเมื่อวานยืนตากหิมะนานเกินไปแน่ๆ” ตอนที่ชายหนุ่มขมวดคิ้วพูดประโยคนี้ นัยน์ตาก็แฝงด้วยความเอ็นดูและตำหนิตัวเอง
“คราวหน้าอย่าออกไปรอผมข้างนอกอีกนะ”
เมื่อหญิงสาวเห็นเขากำลังหัวเสียก็ไม่พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือมาแตะใบหน้าเด็ดเดี่ยวของเขาและยิ้มให้เขา
เป็นรอยยิ้มที่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับดอกบัวหิมะ
สวยจนทำให้คนหายใจติดขัด
ชายหนุ่มจ้องอยู่เป็นเวลานานก่อนจะกลับมาได้สติ เขายกยาที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงมาป้อนเธอทีละคำ
ภาพเหมือนถูกตรึงไว้ในช่วงเวลาที่อบอุ่นและมีความสุขที่สุด…
หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่ได้สติ มั่วเฉียนก็ยืนอยู่บนแท่นปราศรัยเรียบร้อยแล้ว
ออร่าสูงส่งและน่าเกรงขามเข้าถึงทุกคนที่อยู่ตรงหน้าได้แม้จะอยู่ในระยะไกล
สายตาที่หลุบลงเล็กน้อยได้เงยขึ้นมา กวาดตาไปหาทุกคนที่อยู่ล่างเวที…